สวัสดีค่ะโพสนี้เป็นโพสแรกของเรา ที่อยากเขียนโพสนี้ขึ้นมาเพราะถือเป็นการครบรอบ 10 ปี กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นค่ะ และประกอบกับช่วงนี้กักตัวเองอยู่ที่บ้านเป็นเวลา 14 วันหลังจากกลับจากประเทศอิตาลีเลยมีเวลามาเขียน เรื่องที่เราจะเขียนคือ เรื่องของเราที่ได้ไปเจอนักเตะในดวงใจและเค้าจำเราได้จนถึงทุกวันนี้ ❤❤❤ นั่นก็คือ Filippo Inzaghi อดีตนักเตะของทีม Ac Milan และทีมชาติ อิตาลีชุดแชมป์โลกปี 2006 มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าค่ะ
Part 1 ...why him?
เราเริ่มดูบอลตั้งแต่ปี 1996 ซึ่งตอนนั้นยังไม่ได้จริงจังอะไรมาก และในปีนั้น Pippo เล่นอยู่กับ อตาลันต้า ซึ่งในปีนั้นเองเค้าเป็น Top Scorer ของลีก เลยทำให้เราเริ่มรู้จักเค้า และพอปี 1997 เค้าย้ายมาอยู่กับ Juventus ซึ่งได้ไปเล่น ucl และฟรี ทีวี สมัยนั้นก็มีการถ่ายทอดสด เราจึงได้ติดตามเค้ามากขึ้นเรื่อยๆ เรารู้สึกว่าเค้าไม่ได้เป็นผู้เล่นที่เก่งหรือมีทักษะอะไรเลย บางทีหายไปทั้งเกมรู้ตัวอีกทีอ้าวพี่แกยิงเข้าไปแล้ว แต่เราคิดว่าเค้านี่แหละคือผู้เล่นที่มีความพยายามและทำหน้าที่ของกองหน้าได้อย่างสมบูรณ์แบบ เราถือคติว่าต่อให้วันนั้นคุณเล่นดีแค่ไหนแต่ถ้าคุณไม่สามารถจบสกอร์ได้ถือว่างานของคุณยังไม่คอมพลีท
เอาหล่ะมาเข้าเรื่องดีกว่า เราชอบเค้ามาตั้งแต่ปี 1996 ใช่มั๊ย เราก็ฝันมาตลอดว่าเราอยากไปดูเค้าแข่งในสนามสักครั้งนึงในชีวิต แต่สมัยนั้นเป็นนักเรียน บ้านก็ไม่ได้รวยเลยเป็นได้แค่ความฝัน คิดว่าวันนึงชั้นเรียนจบมีงานทำชั้นต้องไปอิตาลีให้ได้ และความคิดนึงก็แว๊บเข้ามาในหัวว่าไปทำงานสายการบินสิจะได้บินไปอิตาลีได้เร็วขึ้น ด้วยความตั้งใจอันนี้ทำให้เราชอบที่จะเรียนภาษาอังกฤษเพื่อที่จะได้ทำงานสายการบินอย่างที่ตั้งใจไว้ และพอเราเรียนจบก็โชคดีที่ได้มาทำงานสายการบินอย่างที่ตั้งใจไว้ และวันที่เรารอคอยก็มาถึง มันเป็นวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2553 เราไปที่สนาม San Siro พร้อมกับป้ายไฟ ที่เขียนว่า ❤pippo จะบอกว่าสมัยนั้นคนอิตาลีไม่รู้จักว่าป้ายไฟคืออะไร ทุกคนดูตื่นเต้นกับมันมาก 555
วินาทีที่เราอยู่ใน San Siro และเห็นบรรดานักเตะ warm อยู่ในสนาม เชื่อมั๊ยว่าน้ำตาเราไหลเลย แบบนี่แหละคือสิ่งที่ชั้นฝันมาตลอดชีวิต ตำรวจที่ยืนอยู่ข้างๆก็ตกใจว่าร้องไห้ทำไม เลยบอกเค้าไปว่า สถานที่นี้คือที่ที่ชั้นฝันมาตลอดว่าจะต้องมาให้ได้ และตลอด 14 ปีชั้นเฝ้าที่จะรอเจอ Pippo Inzaghi แต่ตลอดการแข่งขันในวันนั้น Pippo ไม่ได้ลงแม้แต่นาทีเดียว จบเกมชั้นเดินร้องไห้ออกจากสนามเพราะสิ่งที่ชั้นเฝ้ารอมันไม่เป็นจริง ตำรวจคนเดิมถามว่าร้องไห้ทำไมอีก ชั้นบอกว่ารอบนี้ชั้นเสียใจเพราะชั้นไม่ได้เห็นเค้า ตำรวจคงสงสารเลยบอกว่าถ้าอยากเจอเค้ามากให้ไปรอที่ประตูทางออกที่ 4 นักเตะจะกลับจากทางนั้นทางเดียวแต่ไม่รับประกันนะว่า Pippo จะหยุดรถให้หรือเปล่าต้องแล้วแต่อารมณ์เค้าเลย เราก็รีบไปรอตรงนั้นพร้อมป้ายไฟ ตอนนั้นฝนก็ตกอุณหภูมิก็ 0 องศา ตำรวจที่ยืนอยู่ตรงนั้นบอกเราว่าปิดไฟก่อนมั๊ยเดี๋ยวมันช๊อต เราก็บอกว่าเรายอมตาย 555 (เวอร์มาก) ขอแค่วินาทีเดียวที่เค้าเห็นสิ่งที่เราเตรียมมาเราก็พอใจแล้ว
ฝนเริ่มหยุดตก นักเตะเริ่มทยอยกันออกมา คนแรกที่เจอคือ Andrea Pirlo คนนี้หันมายิ้มให้กับป้ายไฟของเรา คนที่สองคือ David Beckham คนนี้ถึงกับเปิดกระจกแล้วชูนิ้วโป้งให้ จะบอกว่าตอนนั้นดีใจนะที่ได้เจอพี่เบ็คส์แต่ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้วเพราะคิดว่า Pippo ใกล้น่าจะออกมาแล้ว พอมองย้อนกลับไปแล้วเสียดายที่ไม่ได้ขอพี่เบ็คส์ถ่ายรูป
นักเตะเริ่มทยอยกันออกมาเรื่อยๆ แต่ยังไร้วี่แววของ Pippo สักพักมีตำรวจท่านนึงมองเราแบบดุๆ พร้อมกับใช้นิ้วชี้ ชี้มาที่เราแล้วขยับนิ้วแบบเธอคนนั้นเดินมานี่หน่อย ตอนนั้นคิดในใจว่าซวยแล้วกู ป้ายไฟมีปัญหาแน่ๆ เพราะก่อนเข้าไปในสนามตำรวจเดินมาดูเยอะมาก สักพักพอเดินไปมีรถ Audi สีดำจอดอยู่ ตอนนั้นก็ซื่อๆคิดว่ารถตำรวจจะให้ไปโรงพัก 😂😂 พอคนในรถเปิดกระจกมา เข่าถึงกับอ่อนแรง ใช่ค่ะ เค้าคือ Filippo Inzaghi เตรียมคำพูดมาเป็น 10 ปีว่าถ้าเจอจะพูดอะไรกับเค้าบ้าง แต่วินาทีนั้นมันนึกอะไรไม่ออกจริงๆ มันช็อก มันเหวอ หัวใจเต้นเร็ว คำแรกที่นึกออกคือ Can i kiss you? 😂 เค้าก็บอกว่า yes ทีนี้เพื่อนที่ไปด้วยถ่าย moment นั้นไม่ทัน เลยบอกเค้าว่า one more time please เค้าหัวเราะแล้วก็บอกว่า of course พอหอมครั้งที่สองเสร็จเรากรี๊ดใส่หน้าเค้า เค้าหัวเราะ แล้วก็พูดเป็นภาษาอิตาเลียนเราฟังไม่ออก แต่เราเดาว่า เค้าน่าจะถามว่ามีอะไรอีกมั๊ย เราส่ายหัวแบบเหมือนคนไม่มีสติแล้วเค้าก็ส่งจูบให้พร้อมกับหันไปพูด grazie กับตำรวจแล้วขับรถออกไป
เรานี่กรี๊ดกระโดดกอดตำรวจพร้อมกับพูดขอบคุณเค้าไม่รู้กี่ครั้ง เค้าบอกว่าเค้าวิทยุไปบอกตำรวจข้างในเรื่องของเรา แล้วตำรวจข้างในเลยไปบอก Pippo ให้
และนี่ก็คือครั้งแรกที่เราเจอเค้า
Part 2 Facebook ปริศนา
มีพี่ที่มิลานคนนึงเค้าให้ facebook ของ Pippo มา ซึ่งตอนนั้นก็ไม่คิดว่าเป็นของเค้าจริงๆ เพราะมีอยู่คืนนึง account นั้นได้ทักเรามาแล้วก็คุยกันสักพักเราถามว่าจำเราได้มั๊ย เค้าบอกว่าจำได้ ( ใช้ google translate) พอวันเกิดเรา เราขอให้เค้าอวยพรเรา ซึ่งเค้าก็ทำ ตอนนั้นยังไม่เชื่อว่าเป็นเค้าจริงๆ จนกระทั่ง เรากลับไปมิลานอีกรอบ ครั้งนี้เค้าเลิกเล่นไปแล้วแต่เค้าเป็นโค้ชให้กับทีม primavera (ทีมเยาวชน) ของมิลาน รอบนี้เราไปรอเค้าที่สนามซ้อมซึ่งอยู่นอกตัวเมือง เราขับรถไปกับเพื่อนด้วยความมั่นใจ พอถึงสนามปุ๊ป ทุกคนจับจ้องมาที่เรา ขับด้วยความมั่นใจเข้าไปจอดในสนาม เพื่อนที่ไปด้วยถามว่าเค้ามองอะไรกันวะ เลยหันไปบอกเพื่อนว่าสงสัยพวกเราสวยอ่ะแกเค้าเลยมอง 😂 สักพัก จนท รักษาความปลอดภัยที่สนาม ( หล่อมากกกก) เดินมาถามว่าพวกคุณเป็นใคร อีนี่ก็ตอบด้วยความมั่นใจ ชั้นมารอ Pippo หน่ะ จนท คนนั้นก็บอกว่าเป็นแฟนบอลหรอ เลยตอบว่า ก็ประมาณนั้น จนท บอกพวกคุณไปจอดข้างนอกหน้าปากซอยแล้วเดินเข้ามาเลยจ้า ตรงนี้มันสำหรับนักเตะจอด!! เรากับเพื่อนก็แบบอ้าวหรอ มิน่าหล่ะคนมองกันเต็มเลย 😂😂
Part 3 เค้าคือ Pippo...
พอไปจอดรถแล้วเดินกลับเข้ามาด้วยความเขิลอายพร้อมป้ายไฟ ( คราวที่แล้วลืมให้) ทุกคนก็ถามว่ามารอปิ๊ปโป้หรอ เราก็บอกว่าใช่พร้อมกับเล่าเรื่องของเราให้เค้าฟัง ทีนี้ จนท เค้าบอกว่าวันนี้มีซ้อมตอนบ่ายกว่า Pippo จะมาก็นู่นบ่ายสอง ตอนนั้นเป็นเวลา 11 โมง เพื่อนเราก็บอกว่างั้นไปหาไรกินก่อนดีกว่าหิว เราก็ใจไม่ดีกลัวว่าตอนเราไปกินข้าวแล้วเดี๋ยวเค้ามา แต่ก็เกรงใจเพื่อนอ่ะนะเลยไปกินก็ได้ ระหว่างที่กำลังจะเดินไปที่รถก็มี PORSCHE CAYENNE ขับสวนเข้ามา ..บุญบาปนะเราเห็นแค่ปากเค้าเราก็จำได้ว่าาคือ Pippo เราหันไปบอกเพื่อนว่านี่คือ Pippo เพื่อนบอกจะบ้าหรอ ฟิล์มดำเห็นแค่ปากแน่ใจหรอว่าใช่ หันไปบอกเพื่อนกูมั่นใจล้าน% เลยหันหลังกลับไปแฟนๆที่มารอนักเตะอยู่หน้าประตูกันไม่ให้รถPippo เข้าไปแล้วรีบตะโกนเรียกเรา ( อันนี้ซึ้งมากกก) เรารีบวิ่งกลับไปพอเจอเค้าเราก็รีบขอถ่ายรูปและขอลายเซนต์และ......ขอห้อมแก้มอีกจ้าาาา คราวนี้ขอหอมสองข้างเลยนางหัวเราะและหันไปบอกกับ จนท ว่าให้ ผญคนนี้หอมอีกข้างนึงค่อยเข้าไป
ตัดภาพมาหลังจากที่หอมเสร็จทุกคนเข้ามาแสดงความยินดีสักพักข้อความในเฟสเราก็ดังขึ้น และนั่นเองทำให้เรารู้ว่ามันคือเฟสของ Pippo จริงๆ นางส่งมาขอบคุณและบอกให้เราไปดูการซ้อมในวันนั้นและให้เรารอจนนางซ้อมเสร็จ!!!! หันไปไหว้เพื่อนหนึ่งทีแล้วบอกว่าเราล่มทริป Como วันนี้เถอะกูไหว้หล่ะ โชคดีที่มีเพื่อนดีและเข้าใจนาง ok ระหว่างไปดูนางซ้อมก็คิดไปสารพัดว่าเย็นนี้เค้าจะพาชั้นไปไหนนะถึงบอกให้รอ 5555 พอนางซ้อมเสร็จที่ให้รออีกเพราะว่าจะได้ถ่ายรูปโดยที่ไม่มีแฟนบอลคนอื่นแค่นั้น ชะนีไทยมโนไปไกลมาก5555 และนางก็บ่นว่าลิปสติกเธอลบยากมา 555 เราถามว่าคุณจำเราได้มั๊ย เค้าบอกว่าจำได้สิ เอาจริงๆนะ แค่นี้เราก็เป็นปลื้มมากๆๆๆ แล้ว คิดดูสิเราเป็นแค่ผู้หญิงผิวเหลืองตัวเล็กๆจากประเทศที่อยู่อีกซีกโลกนึงแต่เค้ายังจำเราได้คงเป็นเพราะป้ายไฟกับตอนที่กรี๊ดใส่หน้าเค้า 😂 ขอบคุณตัวเองที่ไม่เคยเลิกล้มความพยายามในการล่าฝ้นครั้งนี้ขอบคุณพ่อแม่ญาติพี่น้องที่สนับสนุนให้เราชอบดูฟุตบอล ขอบคุณหนะงสือพิมพ์ Star Soccer พี่เปสเช่ พี่ป๋ายาว พี่หมอโบ๊ต อาหมู นพนันท์ สำรับข้อมูลต่างๆในหนังสือพิมพ์ ขอบคุณพี่หมอบัวสำหรับที่พักในมิลาน และขอบคุณเพื่อนๆทุกคนที่เป็นส่วนหนึ่งในการเดินทางครั้งนี้และแกณัชชา ไม่มีแกฝันชั้นคงไม่เป็นจริงและขอบคุณ Pippo ที่เป็นคนทำให้ฝันเราเป็นจริง ❤❤
ติ่งนักฟุตบอลอิตาลีถึงขนาดเค้าจำได้
Part 1 ...why him?
เราเริ่มดูบอลตั้งแต่ปี 1996 ซึ่งตอนนั้นยังไม่ได้จริงจังอะไรมาก และในปีนั้น Pippo เล่นอยู่กับ อตาลันต้า ซึ่งในปีนั้นเองเค้าเป็น Top Scorer ของลีก เลยทำให้เราเริ่มรู้จักเค้า และพอปี 1997 เค้าย้ายมาอยู่กับ Juventus ซึ่งได้ไปเล่น ucl และฟรี ทีวี สมัยนั้นก็มีการถ่ายทอดสด เราจึงได้ติดตามเค้ามากขึ้นเรื่อยๆ เรารู้สึกว่าเค้าไม่ได้เป็นผู้เล่นที่เก่งหรือมีทักษะอะไรเลย บางทีหายไปทั้งเกมรู้ตัวอีกทีอ้าวพี่แกยิงเข้าไปแล้ว แต่เราคิดว่าเค้านี่แหละคือผู้เล่นที่มีความพยายามและทำหน้าที่ของกองหน้าได้อย่างสมบูรณ์แบบ เราถือคติว่าต่อให้วันนั้นคุณเล่นดีแค่ไหนแต่ถ้าคุณไม่สามารถจบสกอร์ได้ถือว่างานของคุณยังไม่คอมพลีท
เอาหล่ะมาเข้าเรื่องดีกว่า เราชอบเค้ามาตั้งแต่ปี 1996 ใช่มั๊ย เราก็ฝันมาตลอดว่าเราอยากไปดูเค้าแข่งในสนามสักครั้งนึงในชีวิต แต่สมัยนั้นเป็นนักเรียน บ้านก็ไม่ได้รวยเลยเป็นได้แค่ความฝัน คิดว่าวันนึงชั้นเรียนจบมีงานทำชั้นต้องไปอิตาลีให้ได้ และความคิดนึงก็แว๊บเข้ามาในหัวว่าไปทำงานสายการบินสิจะได้บินไปอิตาลีได้เร็วขึ้น ด้วยความตั้งใจอันนี้ทำให้เราชอบที่จะเรียนภาษาอังกฤษเพื่อที่จะได้ทำงานสายการบินอย่างที่ตั้งใจไว้ และพอเราเรียนจบก็โชคดีที่ได้มาทำงานสายการบินอย่างที่ตั้งใจไว้ และวันที่เรารอคอยก็มาถึง มันเป็นวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2553 เราไปที่สนาม San Siro พร้อมกับป้ายไฟ ที่เขียนว่า ❤pippo จะบอกว่าสมัยนั้นคนอิตาลีไม่รู้จักว่าป้ายไฟคืออะไร ทุกคนดูตื่นเต้นกับมันมาก 555
วินาทีที่เราอยู่ใน San Siro และเห็นบรรดานักเตะ warm อยู่ในสนาม เชื่อมั๊ยว่าน้ำตาเราไหลเลย แบบนี่แหละคือสิ่งที่ชั้นฝันมาตลอดชีวิต ตำรวจที่ยืนอยู่ข้างๆก็ตกใจว่าร้องไห้ทำไม เลยบอกเค้าไปว่า สถานที่นี้คือที่ที่ชั้นฝันมาตลอดว่าจะต้องมาให้ได้ และตลอด 14 ปีชั้นเฝ้าที่จะรอเจอ Pippo Inzaghi แต่ตลอดการแข่งขันในวันนั้น Pippo ไม่ได้ลงแม้แต่นาทีเดียว จบเกมชั้นเดินร้องไห้ออกจากสนามเพราะสิ่งที่ชั้นเฝ้ารอมันไม่เป็นจริง ตำรวจคนเดิมถามว่าร้องไห้ทำไมอีก ชั้นบอกว่ารอบนี้ชั้นเสียใจเพราะชั้นไม่ได้เห็นเค้า ตำรวจคงสงสารเลยบอกว่าถ้าอยากเจอเค้ามากให้ไปรอที่ประตูทางออกที่ 4 นักเตะจะกลับจากทางนั้นทางเดียวแต่ไม่รับประกันนะว่า Pippo จะหยุดรถให้หรือเปล่าต้องแล้วแต่อารมณ์เค้าเลย เราก็รีบไปรอตรงนั้นพร้อมป้ายไฟ ตอนนั้นฝนก็ตกอุณหภูมิก็ 0 องศา ตำรวจที่ยืนอยู่ตรงนั้นบอกเราว่าปิดไฟก่อนมั๊ยเดี๋ยวมันช๊อต เราก็บอกว่าเรายอมตาย 555 (เวอร์มาก) ขอแค่วินาทีเดียวที่เค้าเห็นสิ่งที่เราเตรียมมาเราก็พอใจแล้ว
ฝนเริ่มหยุดตก นักเตะเริ่มทยอยกันออกมา คนแรกที่เจอคือ Andrea Pirlo คนนี้หันมายิ้มให้กับป้ายไฟของเรา คนที่สองคือ David Beckham คนนี้ถึงกับเปิดกระจกแล้วชูนิ้วโป้งให้ จะบอกว่าตอนนั้นดีใจนะที่ได้เจอพี่เบ็คส์แต่ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้วเพราะคิดว่า Pippo ใกล้น่าจะออกมาแล้ว พอมองย้อนกลับไปแล้วเสียดายที่ไม่ได้ขอพี่เบ็คส์ถ่ายรูป
นักเตะเริ่มทยอยกันออกมาเรื่อยๆ แต่ยังไร้วี่แววของ Pippo สักพักมีตำรวจท่านนึงมองเราแบบดุๆ พร้อมกับใช้นิ้วชี้ ชี้มาที่เราแล้วขยับนิ้วแบบเธอคนนั้นเดินมานี่หน่อย ตอนนั้นคิดในใจว่าซวยแล้วกู ป้ายไฟมีปัญหาแน่ๆ เพราะก่อนเข้าไปในสนามตำรวจเดินมาดูเยอะมาก สักพักพอเดินไปมีรถ Audi สีดำจอดอยู่ ตอนนั้นก็ซื่อๆคิดว่ารถตำรวจจะให้ไปโรงพัก 😂😂 พอคนในรถเปิดกระจกมา เข่าถึงกับอ่อนแรง ใช่ค่ะ เค้าคือ Filippo Inzaghi เตรียมคำพูดมาเป็น 10 ปีว่าถ้าเจอจะพูดอะไรกับเค้าบ้าง แต่วินาทีนั้นมันนึกอะไรไม่ออกจริงๆ มันช็อก มันเหวอ หัวใจเต้นเร็ว คำแรกที่นึกออกคือ Can i kiss you? 😂 เค้าก็บอกว่า yes ทีนี้เพื่อนที่ไปด้วยถ่าย moment นั้นไม่ทัน เลยบอกเค้าว่า one more time please เค้าหัวเราะแล้วก็บอกว่า of course พอหอมครั้งที่สองเสร็จเรากรี๊ดใส่หน้าเค้า เค้าหัวเราะ แล้วก็พูดเป็นภาษาอิตาเลียนเราฟังไม่ออก แต่เราเดาว่า เค้าน่าจะถามว่ามีอะไรอีกมั๊ย เราส่ายหัวแบบเหมือนคนไม่มีสติแล้วเค้าก็ส่งจูบให้พร้อมกับหันไปพูด grazie กับตำรวจแล้วขับรถออกไป
เรานี่กรี๊ดกระโดดกอดตำรวจพร้อมกับพูดขอบคุณเค้าไม่รู้กี่ครั้ง เค้าบอกว่าเค้าวิทยุไปบอกตำรวจข้างในเรื่องของเรา แล้วตำรวจข้างในเลยไปบอก Pippo ให้
และนี่ก็คือครั้งแรกที่เราเจอเค้า
Part 2 Facebook ปริศนา
มีพี่ที่มิลานคนนึงเค้าให้ facebook ของ Pippo มา ซึ่งตอนนั้นก็ไม่คิดว่าเป็นของเค้าจริงๆ เพราะมีอยู่คืนนึง account นั้นได้ทักเรามาแล้วก็คุยกันสักพักเราถามว่าจำเราได้มั๊ย เค้าบอกว่าจำได้ ( ใช้ google translate) พอวันเกิดเรา เราขอให้เค้าอวยพรเรา ซึ่งเค้าก็ทำ ตอนนั้นยังไม่เชื่อว่าเป็นเค้าจริงๆ จนกระทั่ง เรากลับไปมิลานอีกรอบ ครั้งนี้เค้าเลิกเล่นไปแล้วแต่เค้าเป็นโค้ชให้กับทีม primavera (ทีมเยาวชน) ของมิลาน รอบนี้เราไปรอเค้าที่สนามซ้อมซึ่งอยู่นอกตัวเมือง เราขับรถไปกับเพื่อนด้วยความมั่นใจ พอถึงสนามปุ๊ป ทุกคนจับจ้องมาที่เรา ขับด้วยความมั่นใจเข้าไปจอดในสนาม เพื่อนที่ไปด้วยถามว่าเค้ามองอะไรกันวะ เลยหันไปบอกเพื่อนว่าสงสัยพวกเราสวยอ่ะแกเค้าเลยมอง 😂 สักพัก จนท รักษาความปลอดภัยที่สนาม ( หล่อมากกกก) เดินมาถามว่าพวกคุณเป็นใคร อีนี่ก็ตอบด้วยความมั่นใจ ชั้นมารอ Pippo หน่ะ จนท คนนั้นก็บอกว่าเป็นแฟนบอลหรอ เลยตอบว่า ก็ประมาณนั้น จนท บอกพวกคุณไปจอดข้างนอกหน้าปากซอยแล้วเดินเข้ามาเลยจ้า ตรงนี้มันสำหรับนักเตะจอด!! เรากับเพื่อนก็แบบอ้าวหรอ มิน่าหล่ะคนมองกันเต็มเลย 😂😂
Part 3 เค้าคือ Pippo...
พอไปจอดรถแล้วเดินกลับเข้ามาด้วยความเขิลอายพร้อมป้ายไฟ ( คราวที่แล้วลืมให้) ทุกคนก็ถามว่ามารอปิ๊ปโป้หรอ เราก็บอกว่าใช่พร้อมกับเล่าเรื่องของเราให้เค้าฟัง ทีนี้ จนท เค้าบอกว่าวันนี้มีซ้อมตอนบ่ายกว่า Pippo จะมาก็นู่นบ่ายสอง ตอนนั้นเป็นเวลา 11 โมง เพื่อนเราก็บอกว่างั้นไปหาไรกินก่อนดีกว่าหิว เราก็ใจไม่ดีกลัวว่าตอนเราไปกินข้าวแล้วเดี๋ยวเค้ามา แต่ก็เกรงใจเพื่อนอ่ะนะเลยไปกินก็ได้ ระหว่างที่กำลังจะเดินไปที่รถก็มี PORSCHE CAYENNE ขับสวนเข้ามา ..บุญบาปนะเราเห็นแค่ปากเค้าเราก็จำได้ว่าาคือ Pippo เราหันไปบอกเพื่อนว่านี่คือ Pippo เพื่อนบอกจะบ้าหรอ ฟิล์มดำเห็นแค่ปากแน่ใจหรอว่าใช่ หันไปบอกเพื่อนกูมั่นใจล้าน% เลยหันหลังกลับไปแฟนๆที่มารอนักเตะอยู่หน้าประตูกันไม่ให้รถPippo เข้าไปแล้วรีบตะโกนเรียกเรา ( อันนี้ซึ้งมากกก) เรารีบวิ่งกลับไปพอเจอเค้าเราก็รีบขอถ่ายรูปและขอลายเซนต์และ......ขอห้อมแก้มอีกจ้าาาา คราวนี้ขอหอมสองข้างเลยนางหัวเราะและหันไปบอกกับ จนท ว่าให้ ผญคนนี้หอมอีกข้างนึงค่อยเข้าไป
ตัดภาพมาหลังจากที่หอมเสร็จทุกคนเข้ามาแสดงความยินดีสักพักข้อความในเฟสเราก็ดังขึ้น และนั่นเองทำให้เรารู้ว่ามันคือเฟสของ Pippo จริงๆ นางส่งมาขอบคุณและบอกให้เราไปดูการซ้อมในวันนั้นและให้เรารอจนนางซ้อมเสร็จ!!!! หันไปไหว้เพื่อนหนึ่งทีแล้วบอกว่าเราล่มทริป Como วันนี้เถอะกูไหว้หล่ะ โชคดีที่มีเพื่อนดีและเข้าใจนาง ok ระหว่างไปดูนางซ้อมก็คิดไปสารพัดว่าเย็นนี้เค้าจะพาชั้นไปไหนนะถึงบอกให้รอ 5555 พอนางซ้อมเสร็จที่ให้รออีกเพราะว่าจะได้ถ่ายรูปโดยที่ไม่มีแฟนบอลคนอื่นแค่นั้น ชะนีไทยมโนไปไกลมาก5555 และนางก็บ่นว่าลิปสติกเธอลบยากมา 555 เราถามว่าคุณจำเราได้มั๊ย เค้าบอกว่าจำได้สิ เอาจริงๆนะ แค่นี้เราก็เป็นปลื้มมากๆๆๆ แล้ว คิดดูสิเราเป็นแค่ผู้หญิงผิวเหลืองตัวเล็กๆจากประเทศที่อยู่อีกซีกโลกนึงแต่เค้ายังจำเราได้คงเป็นเพราะป้ายไฟกับตอนที่กรี๊ดใส่หน้าเค้า 😂 ขอบคุณตัวเองที่ไม่เคยเลิกล้มความพยายามในการล่าฝ้นครั้งนี้ขอบคุณพ่อแม่ญาติพี่น้องที่สนับสนุนให้เราชอบดูฟุตบอล ขอบคุณหนะงสือพิมพ์ Star Soccer พี่เปสเช่ พี่ป๋ายาว พี่หมอโบ๊ต อาหมู นพนันท์ สำรับข้อมูลต่างๆในหนังสือพิมพ์ ขอบคุณพี่หมอบัวสำหรับที่พักในมิลาน และขอบคุณเพื่อนๆทุกคนที่เป็นส่วนหนึ่งในการเดินทางครั้งนี้และแกณัชชา ไม่มีแกฝันชั้นคงไม่เป็นจริงและขอบคุณ Pippo ที่เป็นคนทำให้ฝันเราเป็นจริง ❤❤