ชนเผ่าฝีเท้าขนนก
(มาเรีย โลเรนา รามิเรซ จากเผ่า "ทาราอูมาร่า" คือคนที่เข้าเส้นชัยเป็นคนแรกในงานวิ่ง "อัลตร้ามาราธอน" ในประเทศเม็กซิโก จากเหล่านักวิ่งระดับหัวกะทิจากทั่วโลก 500 คน ในระยะการวิ่ง 50 กิโลเมตร )
'รารามูรี’ ชื่อนี้เป็นภาษาพื้นเมืองโดยมีคำแปลว่า "ผู้มีฝีเท้าเบาดุจขนนก" ในยุคที่กลุ่มคนผมทองไล่ปราบปรามเหล่าผู้อยู่มาก่อนในดินเเดนอเมริกาเหนือ กลุ่มคนท้องถิ่นที่ถูกเรียกว่าพวกอินเดียน มีทางเลือกอยู่ 2 อย่างเมื่อบ้านของพวกเขาโดนรุกราน 1 คือสู้กลับจนตัวตาย และ 2 คือยอมแพ้
มีหลายเผ่า อาทิ เผ่ามายัน เคยลองคิดสู้ แต่ปัจจุบันพวกเขาเหลือสายเลือดแท้ๆของชาวมายันน้อยมาก ขณะที่กลุ่มที่สองที่พวกเขาเลือกที่จะหลบหนี และขออยู่เงียบๆอย่างสันติในเเดนไกล
ณ ดินแดนหลบภัยที่กลางหุบเขาที่ชื่อว่า "โกเช่น" ในรัฐชิวาวา ทางตอนเหนือของเม็กซิโก มีชนเผ่าที่สืบเชื้อ ทาราอูมาร่าอินเดียนส์ อาศัยอยู่ มันเป็นพื้นที่ที่ห่างไกลความเจริญ และผู้คนจากชนเผ่านี้ก็ไม่ค่อยได้สุงสิงกับวัฒนธรรมใหม่ๆมากว่า 400 ปีเเล้ว แม้พวกเขาดูด้อยพัฒนาสำหรับโลกสมัยใหม่อยู่บ้าง ทว่าสิ่งที่พวกเขาทำเป็นกิจวัตรเดิมๆซ้ำๆ ทุกวันมาแต่อดีต ทำให้พวกเขากลายเป็นสุดยอดนักวิ่งระยะไกลที่โลกต้องจารึก
จุดเริ่มต้นของการเป็นนักวิ่งของมนุษย์กลุ่มนี้เกิดจากการทำงานเป็นทีมเวิร์คในการล่าสัตว์มาตั้งแต่อดีต พวกเขาจะวิ่งพร้อมๆกันหลายสิบคน และใช้วิธีการไล่ต้อนสัตว์ไปเรื่อยๆ หากถึงระยะที่ไกลมากพอราว 10 ไมล์ สัตว์จะเหนื่อยตายไปเอง หรือไม่ก็เหนื่อยอ่อนจนไม่สามารถหนีรอดจากคมธนู อาวุธถนัดในการล่าของพวกเขาได้
เรื่องดังกล่าว โจนาธาน เอฟ คาสเซล นักมานุษยวิทยาผู้ศึกษาชาวทาราอูมาร่ามาอย่างยาวนานได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าสนใจยิ่งว่า "พูดว่าชาวทาราอูมาร่าล่าสัตว์โดยให้พวกนั้นตายไปเองก็คงไม่ผิดอะไร อย่างเช่นนก พวกเขาจะล่าด้วยการทำให้สัตว์ปีกเหล่านี้ต้องบินขึ้นบินลงแบบไม่หยุดหย่อน จนที่สุดแล้วนกผู้เคราะห์ร้ายไม่เหลือแรงพอให้บินหนีเหล่านักล่าทาราอูมาร่าอีกต่อไป"
ทำไมมนุษย์กลุ่มนี้จึงทนต่อระยะการวิ่งไกลๆได้มากกว่าสัตว์ที่แข็งแกร่งกว่า นั่นก็เพราะพวกเขามีความสามารถในการหลั่งเหงื่อเก่งที่สุด ภายใต้อากาศร้อนสูง ในระยะทางไกลๆ
เวลาผ่านไปวิวัฒนาการหลายอย่างก็เข้ามาแต่ที่สุดเเล้วชาวทาราอูมาร่า อยู่กับโลกใบเดิมที่ใช้ตัวเองเป็นศูนย์กลาง แม้จะใช้อาวุธเพื่อการทุ่นเเรงอยู่บ้าง แต่การวิ่งที่ต้นกำเนิดของเผ่าพันธุ์นี้ก็ยังเป็นสิ่งที่พวกเขาปฎิบัติมาอย่างทุกวัน...เผ่าทาราอูมาร่า เป็นหนึ่งในกลุ่มมนุษย์ที่สุขภาพดีที่สุดในโลก ไม่มีคนเป็นมะเร็ง โรคหัวใจ เบาหวาน ความดันสูง
(อ่านเพิ่มเติมได้ที่)
Cr.
https://www.sanook.com/sport/834377/
กระโดดสูงเพื่อเป็นหัวหน้าเผ่า
Photo : greatplainsfoundation.com
ในทวีปแอฟริกา ชนเผ่ามาไซ ซึ่งเป็นชนเผ่าที่มีถิ่นฐานประจำเขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่า มาไซ มาร่า หลังจากผ่านช่วงเวลาการสู้รบและสงครามเผ่ามาอย่างยาวนาน ปัจจุบันมีประชากรชนเผ่ามาไซ เหลืออยู่ทั้งหมดราว 9 แสนคน โดยแบ่งออกเป็น 2 ฝั่งคือ มาไซตอนเหนือ ที่อยู่ในตอนใต้ของประเทศ เคนย่า และ มาไซตอนใต้ ที่อยู่ในตอนเหนือของประเทศ แทนซาเนีย
ชาวมาไซ มีชีวิตความเป็นอยู่ที่เรียบง่าย เพราะพวกเขาจะเร่ร่อนไปตามฤดูกาล ไม่นิยมอยู่ติดที่แบบถาวร พวกเขาไม่ได้เพาะปลูกเป็นหลัก แต่เน้นไปที่การเลี้ยงสัตว์ที่สามารถเดินทางได้เช่น วัว แพะ และ แกะ เป็นต้น
ในช่วงอายุ 14-16 ปี เด็กผู้ชายที่จะก้าวขึ้นมาเป็นวัยรุ่นต้องเดินทางท่องดินแดนของเผ่าเพื่อแนะนำตัวเองเป็นเวลา 4 เดือน นอกจากนี้ยังมีพิธีคัดกรองหานักรบตามประเพณีของเผ่า และพิธีเปลี่ยนจากวัยนักสู้สู่วัยผู้ใหญ่เต็มตัวในช่วงอายุครบ 35 ปี
โดยในช่วงการพิสูจน์ตัวเองเพื่อเป็นนักรบของเผ่านั้น เด็กหนุ่มจะต้องใช้เวลา 3 เดือนในป่าเพื่อเรียนรู้ในการดูแลฝูงวัว และคอยต่อสู้กับเหล่านักล่าต่างๆ ที่จะมาทำอันตรายให้กับฝูงปศุสัตว์ และสิทธิพิเศษจากการเป็นนักรบคือจะสามารถไว้ผมได้ ซึ่งเป็นสถานะเดียวในเผ่าที่ไม่จำเป็นต้องโกนหัวตลอดเวลา มีสิ่งหนึ่งเหล่านักรบต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ก็คือการกระโดด
ชาวมาไซเน้นย้ำเรื่องการกระโดดในหมู่นักรบมาก และแอบซ่อนกุศโลบายไว้ในวันที่พวกเขาเข้าพิธีกรรมระหว่างขยับรุ่นจากนักรบจูเนียร์ สู่นักรบอาวุโสของเผ่า
โดยในเทศกาลแห่งการคัดเลือกนั้นจะมีพิธีหนึ่งที่ชื่อว่า อาดูมู (Adumu) หรือพิธีกระโดดเต้น ซึ่งการเต้นนี้จะใช้การกระโดดเป็นหลัก เหตุผลเพราะว่าเพื่อแสดงให้เห็นถึงการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วและแข็งแรง โดยเหล่านักรบจะต้องกระโดดให้สูงที่สุดเพื่อแสดงความแข็งแกร่งให้ว่าที่เจ้าสาวของพวกเขาเห็น
สิ่งที่ซ่อนอยู่ภายใต้กุศโลบายจากเหตุผลเรื่องการหาคู่แล้ว ทักษะการกระโดดถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมากกับนักรบชนเผ่ามาไซ เพราะพวกเขาไม่เพาะปลูก ด้วยเหตุผลของการทำลายและลบหลู่พื้นดิน ดังนั้น "วัว" จึงเป็นสิ่งมีค่าเป็นอย่างมาก และบางครั้งนอกจากพวกเขาจะต้องเฝ้าระวังฝูงวัวที่เปรียบเสมือนแหล่งอาหารเดียวของเผ่าแล้ว พวกเขายังต้องหาช่องทางการขโมยวัวจากเผ่าอื่นๆ ด้วย
นอกจากการกระโดดทำให้ร่างกายแข็งแกร่งและส่งผลต่อมวลกล้ามเนื้อและความว่องไวแล้ว ยังส่งผลไปยังการคัดเลือก "นักรบเหนือนักรบ" เพื่อเป็นหัวหน้าเผ่าด้วย
การกระโดดของชาวมาไซ แตกต่างกับสิ่งที่เราเห็นจากนักกีฬาระดับโลกในทุกวันนี้เป็นอย่างมาก นั่นคือการยืนตรงๆ แล้วเอามือแนบลำตัว จากนั้นก็เด้งตัวขึ้นแบบเป็นเส้นตรง ราวกับที่เท้าของพวกเขามีสปริง คนที่กระโดดเก่งที่สุดเท่าที่มีการบันทึกไว้คือ 80 เซนติเมตร
แหล่งอ้างอิง
https://sciencenordic.com/denmark-diseases-exercise/the-maasai-keep-healthy-despite-a-high-fat-diet/1376530
https://edition.cnn.com/2015/03/25/africa/maasai-warriors-they-used-to-hunt-lions-now-they-dance/index.html
https://www.gadventures.com/blog/story-behind-maasai-jumping-dance/
http://www.siyabona.com/maasai-tribe-east-africa.html
http://www.maasai-association.org/lion.html
https://safarijunkie.com/culture/maasai-jumping-dance/
Cr.
https://www.mainstand.co.th/catalog/1-Feature/1353-ชนเผ่ามาไซ+%3A+ชนเผ่าที่ยืนเฉยๆ+ก็สามารถกระโดดได้สูงกว่า+คริสเตียโน่+โรนัลโด้?
ก้าวข้ามวัยด้วยการกระโดดข้ามวัว
ชนเผ่า Hamar เป็นชนเผ่าที่อาศัยอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเอธิโอเปีย ชีวิตของพวกเขาอาศัยอยู่บริเวณที่เรียกว่า แม่น้ำโอโม ถือว่าเป็นกลุ่มชนเผ่าที่มีจำนวนประชากรไม่น้อยเหมือนกันเมื่อเทียบกับจำนวนประชากรของชนเผ่าอื่น
พิธีกรรมน่าสนใจประเพณีหนึ่งของชาว Hamar มีชื่อว่า การเปลือยตัววิ่งข้ามวัว ถือเป็นวิธีการที่ชายหนุ่มทุกคนจะพิสูจน์ความเป็นชายให้สาวๆ ได้เห็น ก่อนการทำพิธีกรรมจะมีการแต่งหน้าแต่งตาให้ดูดี
วิธีการชายหนุ่มจะวิ่งไปกระโดดเพื่อไต่ข้ามหลังวัวที่ยืนกันอยู่หลายตัว การขึ้นไปกระโดดนั้นจะไม่มีการใส่เครื่องนุ่งห่มใดๆ ทั้งสิ้น มีส่วนหนึ่งของพิธีที่สาวๆ จะเอาสีเหลืองแดงผสมกับไขมัน ชโลมไปจนทั่วเส้นผมกับเรือนร่างของเธอ มีการเต้นรำแล้วนำแส้มายื่นให้กับชายหนุ่ม เพื่อให้ฟาดร่างกายของเธอจนกลายเป็นแผล
เชื่อว่าแผลเหล่านี้คือความสวยงาม พร้อมทั้งยังเป็นการแสดงออกถึงความภักดีต่อเพื่อนพี่น้องของพวกเขาอีกด้วย ถือว่าชีวิตความเป็นอยู่ของชาวชนเผ่า Hamar มีสิ่งน่าสนใจอยู่หลายเรื่องเหมือนกัน เป็นอีกชนเผ่าที่น่าสนใจในทวีปแอฟริกา
การกระโดดข้ามวัวนับสิบตัวให้พ้นในคราวเดียว บ่งบอกถึงร่างกายที่กำยำแข็งแรง เติบโตเป็นชายเต็มวัย และจิตใจที่กล้าหาญมากพอจะพบกับความเจ็บปวดหากพลาดพลั้ง
Cr.
https://www.histoire-afrique.org/ประวัติ-ชนเผ่า-hamar-ในเอธิโอ/ By admin
ชนเผ่าทะเล
ชาวบาจาวในทะเล (Bajau Dilaut) มีที่ตั้งของชนเผ่าอยู่ที่ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของ ประเทศฟิลิปปินส์ และ อินโดนีเซีย พวกเขาเป็นชนเผ่าที่อาศัยอยู่ในทะเลทั้งชีวิต จนถูกผู้คนเรียกว่า Sea Gypsies หรือชาวยิปซีแห่งท้องทะเล เพราะวิธีความเป็นอยู่ของพวกเขาส่วนมากแล้วจะอยู่บนผืนน้ำทั้งนั้น ตั้งแต่ตอนเกิด ตอนโต และตอนตาย ทุกๆอย่างเกิดขึ้นบนเกลียวคลื่นแห่งท้องทะเล
คนส่วนใหญ่กลั้นหายใจใต้น้ำได้ไม่กี่วินาที บางคนอาจนานได้นาทีกว่า แต่สำหรับชนกลุ่มน้อยที่เรียกกันว่าชาวบาจาว พวกเขามีความสามารถในการดำน้ำลึกด้วยตัวเปล่าอย่างน่าทึ่ง เพราะชาวบาจาวดำน้ำได้นานถึง 13 นาที และลึกลงไปถึง 60 เมตร
ชาวบาจาว เสมือนเป็นมนุษย์พิเศษ พวกเขาสามารถกลั้นหายใจใต้น้ำได้นานมาก แม้แต่เด็กตัวเล็กๆ ก็ยังว่ายน้ำได้คล่องแคล่วราวกับปลา และส่วนใหญ่ถ้าไม่จำเป็นพวกเขาจะไม่ขึ้นมาเหยียบผืนดินอย่างเด็ดขาด เว้นเสียแต่ว่าจะขึ้นบกมาขายปลา ขายแตงกวาทะเล สร้างเรือใหม่ หรือทำพิธีฝังศพเท่านั้น
ชาวบาจาว บอกว่า ในช่วงเริ่มแรกของการใช้ชีวิตใต้น้ำ พวกเขาต้องทนกับความทรมานและอาการเลือดออกจากหูและจมูก และต้องใช้ระยะเวลานอนเป็นสัปดาห์เพื่อคลายอาการวิงเวียน แต่เมื่อผ่านจุดนั้นมาได้ จะดำน้ำได้โดยไร้ซึ่งความเจ็บปวดใดๆ
ล่าสุดผลการศึกษาที่เผยแพร่ลงในวารสาร Cell พบว่าดีเอ็นเอของชาวบาจาวปรับตัวให้พวกเขามีม้ามขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อการดำน้ำโดยเฉพาะ ผลการศึกษาพบว่าขนาดเฉลี่ยของม้ามชาวบาจาวมีขนาดใหญ่กว่าม้ามของชาวสวนทั่วไปถึง 50% จึงทำให้นัวิจัยตั้งทฤษฎีว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาธรรมชาติช่วยคัดสรรยีนที่เหมาะสมเพื่อให้ชาวบาจาวที่อาศัยอยู่กับทะเลมานานหลายพันปี ได้เปรียบในการดำน้ำมากยิ่งขึ้น
Cr.
https://www.flagfrog.com/bajau-dilaut/ โดย ManoshFiz
ทาร์ซานแห่งปาปัวนิวกินี
ภายในป่าลึกที่ “ปาปัวนิวกินี” ประเทศอินโดนีเซีย เป็นสถานที่ห่างไกลจากโลกภายนอกมาก มีชนเผ่า Korowai ชนเผ่าดั้งเดิมที่มีวิถีชีวิตแปลกประหลาดและไม่ธรรมดา มีสมาชิกอยู่ทั้งหมดประมาณ 3,000 คน อาศัยอยู่ในบ้านต้นไม้ขนาดยักษ์บนเกาะนิวกินีฝั่งตะวันตก บ้านของพวกเขาตั้งอยู่บนต้นไม้สูงกว่า 50 ฟุต ซึ่งบางบ้านก็มีบันได แต่บางบ้านก็ไม่มีบันได ดังนั้นพวกเขาจึงต้องปีนขึ้นบ้าน จึงเปรียบได้เหมือนกับทาร์ซานที่ไม่ได้ใช้เถาวัลย์ห้อยโหนเท่านั้น
ทางด้านนักมานุษยวิทยายังได้ออกมาชี้ว่า ชนเผ่าดังกล่าวอาจไม่รู้เลยว่านอกเหนือจากพวกเขาแล้ว จะมีคนอื่นๆ อาศัยอยู่บนโลกใบนี้ด้วย จนกระทั่งพวกเขาก็ได้รับการติดต่อจากบุคคลภายนอกในช่วงปี 1970
จากการรายงานระบุว่า Korowai เป็นชนเผ่านักล่าสัตว์ ที่มีทักษะในการล่าสัตว์และการตกปลาที่ดีเยี่ยม นอกเหนือจากนี้ พวกเขายังปลูกผักไว้ทานเองอีกด้วย
การแต่งกายมีการสวมเครื่องประดับ และใช้เข็ดขัดขนาดยาวในการปกปิดร่างกาย ส่วนผู้หญิงและเด็กจะใช้ใบไม้มาปกคลุมร่างกาย ทั้งยังมีการใช้หอกและธนูเป็นอาวุธ นอกจากวิถีชีวิตสุดแปลกแล้ว พวกเขายังมีประเพณีความเชื่อว่า ถ้าชายคนใดในชนเผ่าเป็นที่น่าสงสัยว่าอาจจะเป็น “พ่อมด” เขาจะถูกฆ่าและนำเนื้อไปกินทันที
Cr.
https://www.scholarship.in.th/korowai-in-papua/ By ScholarShip
Cr.
https://board.postjung.com/1041817 / โดย เหมาะล้ำบ่ะเฮ้ย
(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)
ชนเผ่าที่มีทักษะที่พิเศษ (วิ่ง/ กระโดดสูง/ กระโดดไกล/ ดำน้ำและปีนต้นไม้)
(มาเรีย โลเรนา รามิเรซ จากเผ่า "ทาราอูมาร่า" คือคนที่เข้าเส้นชัยเป็นคนแรกในงานวิ่ง "อัลตร้ามาราธอน" ในประเทศเม็กซิโก จากเหล่านักวิ่งระดับหัวกะทิจากทั่วโลก 500 คน ในระยะการวิ่ง 50 กิโลเมตร )
'รารามูรี’ ชื่อนี้เป็นภาษาพื้นเมืองโดยมีคำแปลว่า "ผู้มีฝีเท้าเบาดุจขนนก" ในยุคที่กลุ่มคนผมทองไล่ปราบปรามเหล่าผู้อยู่มาก่อนในดินเเดนอเมริกาเหนือ กลุ่มคนท้องถิ่นที่ถูกเรียกว่าพวกอินเดียน มีทางเลือกอยู่ 2 อย่างเมื่อบ้านของพวกเขาโดนรุกราน 1 คือสู้กลับจนตัวตาย และ 2 คือยอมแพ้
มีหลายเผ่า อาทิ เผ่ามายัน เคยลองคิดสู้ แต่ปัจจุบันพวกเขาเหลือสายเลือดแท้ๆของชาวมายันน้อยมาก ขณะที่กลุ่มที่สองที่พวกเขาเลือกที่จะหลบหนี และขออยู่เงียบๆอย่างสันติในเเดนไกล
ณ ดินแดนหลบภัยที่กลางหุบเขาที่ชื่อว่า "โกเช่น" ในรัฐชิวาวา ทางตอนเหนือของเม็กซิโก มีชนเผ่าที่สืบเชื้อ ทาราอูมาร่าอินเดียนส์ อาศัยอยู่ มันเป็นพื้นที่ที่ห่างไกลความเจริญ และผู้คนจากชนเผ่านี้ก็ไม่ค่อยได้สุงสิงกับวัฒนธรรมใหม่ๆมากว่า 400 ปีเเล้ว แม้พวกเขาดูด้อยพัฒนาสำหรับโลกสมัยใหม่อยู่บ้าง ทว่าสิ่งที่พวกเขาทำเป็นกิจวัตรเดิมๆซ้ำๆ ทุกวันมาแต่อดีต ทำให้พวกเขากลายเป็นสุดยอดนักวิ่งระยะไกลที่โลกต้องจารึก
จุดเริ่มต้นของการเป็นนักวิ่งของมนุษย์กลุ่มนี้เกิดจากการทำงานเป็นทีมเวิร์คในการล่าสัตว์มาตั้งแต่อดีต พวกเขาจะวิ่งพร้อมๆกันหลายสิบคน และใช้วิธีการไล่ต้อนสัตว์ไปเรื่อยๆ หากถึงระยะที่ไกลมากพอราว 10 ไมล์ สัตว์จะเหนื่อยตายไปเอง หรือไม่ก็เหนื่อยอ่อนจนไม่สามารถหนีรอดจากคมธนู อาวุธถนัดในการล่าของพวกเขาได้
เรื่องดังกล่าว โจนาธาน เอฟ คาสเซล นักมานุษยวิทยาผู้ศึกษาชาวทาราอูมาร่ามาอย่างยาวนานได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมที่น่าสนใจยิ่งว่า "พูดว่าชาวทาราอูมาร่าล่าสัตว์โดยให้พวกนั้นตายไปเองก็คงไม่ผิดอะไร อย่างเช่นนก พวกเขาจะล่าด้วยการทำให้สัตว์ปีกเหล่านี้ต้องบินขึ้นบินลงแบบไม่หยุดหย่อน จนที่สุดแล้วนกผู้เคราะห์ร้ายไม่เหลือแรงพอให้บินหนีเหล่านักล่าทาราอูมาร่าอีกต่อไป"
ทำไมมนุษย์กลุ่มนี้จึงทนต่อระยะการวิ่งไกลๆได้มากกว่าสัตว์ที่แข็งแกร่งกว่า นั่นก็เพราะพวกเขามีความสามารถในการหลั่งเหงื่อเก่งที่สุด ภายใต้อากาศร้อนสูง ในระยะทางไกลๆ
เวลาผ่านไปวิวัฒนาการหลายอย่างก็เข้ามาแต่ที่สุดเเล้วชาวทาราอูมาร่า อยู่กับโลกใบเดิมที่ใช้ตัวเองเป็นศูนย์กลาง แม้จะใช้อาวุธเพื่อการทุ่นเเรงอยู่บ้าง แต่การวิ่งที่ต้นกำเนิดของเผ่าพันธุ์นี้ก็ยังเป็นสิ่งที่พวกเขาปฎิบัติมาอย่างทุกวัน...เผ่าทาราอูมาร่า เป็นหนึ่งในกลุ่มมนุษย์ที่สุขภาพดีที่สุดในโลก ไม่มีคนเป็นมะเร็ง โรคหัวใจ เบาหวาน ความดันสูง
(อ่านเพิ่มเติมได้ที่)
Cr.https://www.sanook.com/sport/834377/
ชาวมาไซ มีชีวิตความเป็นอยู่ที่เรียบง่าย เพราะพวกเขาจะเร่ร่อนไปตามฤดูกาล ไม่นิยมอยู่ติดที่แบบถาวร พวกเขาไม่ได้เพาะปลูกเป็นหลัก แต่เน้นไปที่การเลี้ยงสัตว์ที่สามารถเดินทางได้เช่น วัว แพะ และ แกะ เป็นต้น
ในช่วงอายุ 14-16 ปี เด็กผู้ชายที่จะก้าวขึ้นมาเป็นวัยรุ่นต้องเดินทางท่องดินแดนของเผ่าเพื่อแนะนำตัวเองเป็นเวลา 4 เดือน นอกจากนี้ยังมีพิธีคัดกรองหานักรบตามประเพณีของเผ่า และพิธีเปลี่ยนจากวัยนักสู้สู่วัยผู้ใหญ่เต็มตัวในช่วงอายุครบ 35 ปี
โดยในช่วงการพิสูจน์ตัวเองเพื่อเป็นนักรบของเผ่านั้น เด็กหนุ่มจะต้องใช้เวลา 3 เดือนในป่าเพื่อเรียนรู้ในการดูแลฝูงวัว และคอยต่อสู้กับเหล่านักล่าต่างๆ ที่จะมาทำอันตรายให้กับฝูงปศุสัตว์ และสิทธิพิเศษจากการเป็นนักรบคือจะสามารถไว้ผมได้ ซึ่งเป็นสถานะเดียวในเผ่าที่ไม่จำเป็นต้องโกนหัวตลอดเวลา มีสิ่งหนึ่งเหล่านักรบต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ก็คือการกระโดด
ชาวมาไซเน้นย้ำเรื่องการกระโดดในหมู่นักรบมาก และแอบซ่อนกุศโลบายไว้ในวันที่พวกเขาเข้าพิธีกรรมระหว่างขยับรุ่นจากนักรบจูเนียร์ สู่นักรบอาวุโสของเผ่า
โดยในเทศกาลแห่งการคัดเลือกนั้นจะมีพิธีหนึ่งที่ชื่อว่า อาดูมู (Adumu) หรือพิธีกระโดดเต้น ซึ่งการเต้นนี้จะใช้การกระโดดเป็นหลัก เหตุผลเพราะว่าเพื่อแสดงให้เห็นถึงการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วและแข็งแรง โดยเหล่านักรบจะต้องกระโดดให้สูงที่สุดเพื่อแสดงความแข็งแกร่งให้ว่าที่เจ้าสาวของพวกเขาเห็น
สิ่งที่ซ่อนอยู่ภายใต้กุศโลบายจากเหตุผลเรื่องการหาคู่แล้ว ทักษะการกระโดดถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมากกับนักรบชนเผ่ามาไซ เพราะพวกเขาไม่เพาะปลูก ด้วยเหตุผลของการทำลายและลบหลู่พื้นดิน ดังนั้น "วัว" จึงเป็นสิ่งมีค่าเป็นอย่างมาก และบางครั้งนอกจากพวกเขาจะต้องเฝ้าระวังฝูงวัวที่เปรียบเสมือนแหล่งอาหารเดียวของเผ่าแล้ว พวกเขายังต้องหาช่องทางการขโมยวัวจากเผ่าอื่นๆ ด้วย
นอกจากการกระโดดทำให้ร่างกายแข็งแกร่งและส่งผลต่อมวลกล้ามเนื้อและความว่องไวแล้ว ยังส่งผลไปยังการคัดเลือก "นักรบเหนือนักรบ" เพื่อเป็นหัวหน้าเผ่าด้วย
การกระโดดของชาวมาไซ แตกต่างกับสิ่งที่เราเห็นจากนักกีฬาระดับโลกในทุกวันนี้เป็นอย่างมาก นั่นคือการยืนตรงๆ แล้วเอามือแนบลำตัว จากนั้นก็เด้งตัวขึ้นแบบเป็นเส้นตรง ราวกับที่เท้าของพวกเขามีสปริง คนที่กระโดดเก่งที่สุดเท่าที่มีการบันทึกไว้คือ 80 เซนติเมตร
แหล่งอ้างอิง
https://sciencenordic.com/denmark-diseases-exercise/the-maasai-keep-healthy-despite-a-high-fat-diet/1376530
https://edition.cnn.com/2015/03/25/africa/maasai-warriors-they-used-to-hunt-lions-now-they-dance/index.html
https://www.gadventures.com/blog/story-behind-maasai-jumping-dance/
http://www.siyabona.com/maasai-tribe-east-africa.html
http://www.maasai-association.org/lion.html
https://safarijunkie.com/culture/maasai-jumping-dance/
Cr.https://www.mainstand.co.th/catalog/1-Feature/1353-ชนเผ่ามาไซ+%3A+ชนเผ่าที่ยืนเฉยๆ+ก็สามารถกระโดดได้สูงกว่า+คริสเตียโน่+โรนัลโด้?
พิธีกรรมน่าสนใจประเพณีหนึ่งของชาว Hamar มีชื่อว่า การเปลือยตัววิ่งข้ามวัว ถือเป็นวิธีการที่ชายหนุ่มทุกคนจะพิสูจน์ความเป็นชายให้สาวๆ ได้เห็น ก่อนการทำพิธีกรรมจะมีการแต่งหน้าแต่งตาให้ดูดี
วิธีการชายหนุ่มจะวิ่งไปกระโดดเพื่อไต่ข้ามหลังวัวที่ยืนกันอยู่หลายตัว การขึ้นไปกระโดดนั้นจะไม่มีการใส่เครื่องนุ่งห่มใดๆ ทั้งสิ้น มีส่วนหนึ่งของพิธีที่สาวๆ จะเอาสีเหลืองแดงผสมกับไขมัน ชโลมไปจนทั่วเส้นผมกับเรือนร่างของเธอ มีการเต้นรำแล้วนำแส้มายื่นให้กับชายหนุ่ม เพื่อให้ฟาดร่างกายของเธอจนกลายเป็นแผล
เชื่อว่าแผลเหล่านี้คือความสวยงาม พร้อมทั้งยังเป็นการแสดงออกถึงความภักดีต่อเพื่อนพี่น้องของพวกเขาอีกด้วย ถือว่าชีวิตความเป็นอยู่ของชาวชนเผ่า Hamar มีสิ่งน่าสนใจอยู่หลายเรื่องเหมือนกัน เป็นอีกชนเผ่าที่น่าสนใจในทวีปแอฟริกา
การกระโดดข้ามวัวนับสิบตัวให้พ้นในคราวเดียว บ่งบอกถึงร่างกายที่กำยำแข็งแรง เติบโตเป็นชายเต็มวัย และจิตใจที่กล้าหาญมากพอจะพบกับความเจ็บปวดหากพลาดพลั้ง
Cr.https://www.histoire-afrique.org/ประวัติ-ชนเผ่า-hamar-ในเอธิโอ/ By admin
คนส่วนใหญ่กลั้นหายใจใต้น้ำได้ไม่กี่วินาที บางคนอาจนานได้นาทีกว่า แต่สำหรับชนกลุ่มน้อยที่เรียกกันว่าชาวบาจาว พวกเขามีความสามารถในการดำน้ำลึกด้วยตัวเปล่าอย่างน่าทึ่ง เพราะชาวบาจาวดำน้ำได้นานถึง 13 นาที และลึกลงไปถึง 60 เมตร
ชาวบาจาว เสมือนเป็นมนุษย์พิเศษ พวกเขาสามารถกลั้นหายใจใต้น้ำได้นานมาก แม้แต่เด็กตัวเล็กๆ ก็ยังว่ายน้ำได้คล่องแคล่วราวกับปลา และส่วนใหญ่ถ้าไม่จำเป็นพวกเขาจะไม่ขึ้นมาเหยียบผืนดินอย่างเด็ดขาด เว้นเสียแต่ว่าจะขึ้นบกมาขายปลา ขายแตงกวาทะเล สร้างเรือใหม่ หรือทำพิธีฝังศพเท่านั้น
ชาวบาจาว บอกว่า ในช่วงเริ่มแรกของการใช้ชีวิตใต้น้ำ พวกเขาต้องทนกับความทรมานและอาการเลือดออกจากหูและจมูก และต้องใช้ระยะเวลานอนเป็นสัปดาห์เพื่อคลายอาการวิงเวียน แต่เมื่อผ่านจุดนั้นมาได้ จะดำน้ำได้โดยไร้ซึ่งความเจ็บปวดใดๆ
ล่าสุดผลการศึกษาที่เผยแพร่ลงในวารสาร Cell พบว่าดีเอ็นเอของชาวบาจาวปรับตัวให้พวกเขามีม้ามขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อการดำน้ำโดยเฉพาะ ผลการศึกษาพบว่าขนาดเฉลี่ยของม้ามชาวบาจาวมีขนาดใหญ่กว่าม้ามของชาวสวนทั่วไปถึง 50% จึงทำให้นัวิจัยตั้งทฤษฎีว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาธรรมชาติช่วยคัดสรรยีนที่เหมาะสมเพื่อให้ชาวบาจาวที่อาศัยอยู่กับทะเลมานานหลายพันปี ได้เปรียบในการดำน้ำมากยิ่งขึ้น
Cr.https://www.flagfrog.com/bajau-dilaut/ โดย ManoshFiz
ทางด้านนักมานุษยวิทยายังได้ออกมาชี้ว่า ชนเผ่าดังกล่าวอาจไม่รู้เลยว่านอกเหนือจากพวกเขาแล้ว จะมีคนอื่นๆ อาศัยอยู่บนโลกใบนี้ด้วย จนกระทั่งพวกเขาก็ได้รับการติดต่อจากบุคคลภายนอกในช่วงปี 1970
จากการรายงานระบุว่า Korowai เป็นชนเผ่านักล่าสัตว์ ที่มีทักษะในการล่าสัตว์และการตกปลาที่ดีเยี่ยม นอกเหนือจากนี้ พวกเขายังปลูกผักไว้ทานเองอีกด้วย
http://www.ladbible.com/news/interesting-new-photos-emerge-of-a-cannibal-tribe-in-indonesia-20170818#comments
Cr.https://board.postjung.com/1041817 / โดย เหมาะล้ำบ่ะเฮ้ย
(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)