พระพุทธองค์ สอนว่า มนุษย์ทุกคนล้วนมีโอกาสเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของตัวเองได้เสมอ เฉกเช่นชึวิตขององค์คุลีมาล ไม่ว่าเขาจะเกิดมาด้วยต้นทุนอย่างไร หรือเติบโตแล้วเป็นคนเช่นไร เขาเป็นเจ้าของชะตา และเขาก็สามารถเปลียนหรือกำหนดชะตากรรมของเขาเองให้สูงขึ้นหรือต่ำลงได้ในภายหลังด้วยกรรมใหม่ แม้แต่ชีวิตของเราเอง ยังไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะขาขึ้นหรือขาลง แล้วทำไมถึงมั่นใจ ว่าเด็กที่เกิดจากพ่อแม่ไม่พร้อมจะต้องเจอกับขาลงไปชั่วชีวิต จะต้องเป็นพลเมืองที่สร้างปัญหาให้สังคม ให้ผู้ให้กำเนิดมีชีวิตลำบากไปชั่วนาตาปี เป็นเช่นนั้นเสมอไปได้จริงๆเหรอ คำถามนี้ยังไม่มีใครสามารถตอบได้เลย
แต่สิ่งที่พระพุทธะสอน เป็นเรื่องที่มีเหตุผล การทำเรื่องที่ถูกต้องมันมักไม่ถูกใจเรา จะบีบคั้นและอดทนหรือยากกว่าการทำชั่ว แต่ทำไมคนมากมายไม่เห็นด้วยกับกฏแห่งกรรมที่มองเป็นเรื่องไร้เหตุผล เพราะคำตอบเดียว คือ พวกเขามีความรู้ที่มีขีดจำกัดในมิติเวลา ต่างจากพระพุทธะที่รู้แบบไม่มีขีดจำกัดในมิติเวลา
วันหนึ่ง ยามกฏแห่งกรรมตกผลึก ออกดอกออกผล คนที่ทำแท้งหรือสนับสนุนให้คนอื่นทำแท้ง จะได้เข้าใจและเห็นประจักษ์หลักฐาน ทุกอย่างต้องใช้เวลาเวลานี่แหละคือคำตอบ ไม่ใช่การมาโพสเถียงกันไปมาแน่นอน กฏหมายก็ไม่สู้กฏแห่งกรรม ในสังคมทุกวันนี้ กาลเวลาพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ไม่มีอะไรยุติธรรมเท่ากฏแห่งกรรม แน่แท้แต่ใดมา วันนี้ผู้คนมากมาย ยิ่งคนรุ่นใหม่ไม่เชื่อคำสอนของพระพุทธะ ใช้ตรรกะแบบประสบการณ์ปุถุชนส่วนตนมาตัดสินชีวิตบริสุทธิ์ว่าเกิดมาต้องเป็นภาระ ต้องแย่ ต้องสร้างปัญหาสังคมหรือคนเลี้ยง สิ่งที่คุณเห็นจึงเข้าใจมันก็ไม่ผิดแปลกไปจากเรื่องการสำแดงของกรรมสัมพันธ์ หรือละลายหนี้กรรมกัน แต่จะเหมารวมทุกชีวิตว่ามันจะแย่ไปตลอด ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้ อันนี้แหละคือความประมาท เพราะมีเพียงการกระทำปัจจุบันและวิธีคิดที่ถูกต้องที่กำหนดและเปลี่ยนแปลงชะตากรรมให้ดีกว่าเดิมได้ ซึ่งเป็นเรื่องปัจเจกบุคคลว่าใครจะทำได้หรือไม่ได้
แม้ว่าสังคมเข้าสู่ยุคที่เรื่องบาปเวรกรรมเป็นเรื่องล้าหลังไร้เหตุผลของมนุษย์ยุคที่ความเจริญทางวัตถุมันสูง พระพุทธองค์หรือแม้แต่ศาสดาหลักของโลกทำนายตรงไว้หมดแล้ว ไม่แปลกเลย ที่จะมีคนมากมายมาสนับสนุนให้ผู้คนทำแท้งได้อย่างถูกกฏหมาย เพราะยุคสมัยเข้าสู่ยุคเจริญวัตถุสูงสุดแล้ว ย่อมสวนทางกับศีลธรรมไปเรื่อยๆ แต่กฏแห่งกรรมยังแยบยลไม่ได้เปลี่ยนไปตามยุคสมัยหรือวิธีคิดของคนส่วนใหญ่ในสังคมหรือโลก คนทึ่คิดว่าบาปมันไร้เหตุผลจะมีมากมายมหาศาล เปํนประตูใหญ่ที่คนเดินเข้าไป แต่คนที่เชื่อเรื่องผิดศีลธรรมจะเป็นส่วนน้อยและถูกไล่เข้าป่า ดังคำทำนายในพุทธกาล เวลานี้เราได้เห็นแล้ว และเราต่างมีสิทธิ์เลือกที่จะกำหนดชะตากรรมของตัวเอง ถ้าจะเลือก ก็เลือกให้ดี เพราะมันคือชะตากรรมของเราเอง เราจะไม่เสียใจและกล่าวโทษตนเองในภายหลัง และถ้าจะเชื่อประสบการณ์หรือทัศนของตนเอง ก็พิจารณาเหตุผลทางธรรมก่อน แล้วค่อยเชื่อด้วยตนเอง แต่วันหนึ่งข้างหน้า ชะตาชีวิตของคุณเองจะเป็นประจักษ์หลักฐานให้คุณเองได้ดีที่สุด
ทำแท้ง
แต่สิ่งที่พระพุทธะสอน เป็นเรื่องที่มีเหตุผล การทำเรื่องที่ถูกต้องมันมักไม่ถูกใจเรา จะบีบคั้นและอดทนหรือยากกว่าการทำชั่ว แต่ทำไมคนมากมายไม่เห็นด้วยกับกฏแห่งกรรมที่มองเป็นเรื่องไร้เหตุผล เพราะคำตอบเดียว คือ พวกเขามีความรู้ที่มีขีดจำกัดในมิติเวลา ต่างจากพระพุทธะที่รู้แบบไม่มีขีดจำกัดในมิติเวลา
วันหนึ่ง ยามกฏแห่งกรรมตกผลึก ออกดอกออกผล คนที่ทำแท้งหรือสนับสนุนให้คนอื่นทำแท้ง จะได้เข้าใจและเห็นประจักษ์หลักฐาน ทุกอย่างต้องใช้เวลาเวลานี่แหละคือคำตอบ ไม่ใช่การมาโพสเถียงกันไปมาแน่นอน กฏหมายก็ไม่สู้กฏแห่งกรรม ในสังคมทุกวันนี้ กาลเวลาพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ไม่มีอะไรยุติธรรมเท่ากฏแห่งกรรม แน่แท้แต่ใดมา วันนี้ผู้คนมากมาย ยิ่งคนรุ่นใหม่ไม่เชื่อคำสอนของพระพุทธะ ใช้ตรรกะแบบประสบการณ์ปุถุชนส่วนตนมาตัดสินชีวิตบริสุทธิ์ว่าเกิดมาต้องเป็นภาระ ต้องแย่ ต้องสร้างปัญหาสังคมหรือคนเลี้ยง สิ่งที่คุณเห็นจึงเข้าใจมันก็ไม่ผิดแปลกไปจากเรื่องการสำแดงของกรรมสัมพันธ์ หรือละลายหนี้กรรมกัน แต่จะเหมารวมทุกชีวิตว่ามันจะแย่ไปตลอด ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้ อันนี้แหละคือความประมาท เพราะมีเพียงการกระทำปัจจุบันและวิธีคิดที่ถูกต้องที่กำหนดและเปลี่ยนแปลงชะตากรรมให้ดีกว่าเดิมได้ ซึ่งเป็นเรื่องปัจเจกบุคคลว่าใครจะทำได้หรือไม่ได้
แม้ว่าสังคมเข้าสู่ยุคที่เรื่องบาปเวรกรรมเป็นเรื่องล้าหลังไร้เหตุผลของมนุษย์ยุคที่ความเจริญทางวัตถุมันสูง พระพุทธองค์หรือแม้แต่ศาสดาหลักของโลกทำนายตรงไว้หมดแล้ว ไม่แปลกเลย ที่จะมีคนมากมายมาสนับสนุนให้ผู้คนทำแท้งได้อย่างถูกกฏหมาย เพราะยุคสมัยเข้าสู่ยุคเจริญวัตถุสูงสุดแล้ว ย่อมสวนทางกับศีลธรรมไปเรื่อยๆ แต่กฏแห่งกรรมยังแยบยลไม่ได้เปลี่ยนไปตามยุคสมัยหรือวิธีคิดของคนส่วนใหญ่ในสังคมหรือโลก คนทึ่คิดว่าบาปมันไร้เหตุผลจะมีมากมายมหาศาล เปํนประตูใหญ่ที่คนเดินเข้าไป แต่คนที่เชื่อเรื่องผิดศีลธรรมจะเป็นส่วนน้อยและถูกไล่เข้าป่า ดังคำทำนายในพุทธกาล เวลานี้เราได้เห็นแล้ว และเราต่างมีสิทธิ์เลือกที่จะกำหนดชะตากรรมของตัวเอง ถ้าจะเลือก ก็เลือกให้ดี เพราะมันคือชะตากรรมของเราเอง เราจะไม่เสียใจและกล่าวโทษตนเองในภายหลัง และถ้าจะเชื่อประสบการณ์หรือทัศนของตนเอง ก็พิจารณาเหตุผลทางธรรมก่อน แล้วค่อยเชื่อด้วยตนเอง แต่วันหนึ่งข้างหน้า ชะตาชีวิตของคุณเองจะเป็นประจักษ์หลักฐานให้คุณเองได้ดีที่สุด