ความเจ็บปวดที่ไม่มีเสียง ชีวิตเศษเล็กๆ

สวัสดีค่ะ เราอยากให้ตรงนี้เป็นเซฟโซนของความรู้สึกเรานะ เริ่มจาก  เราเป็นเด็กคนนึงที่พ่อแม่แยกทางบ้านแตกต่อไม่ติด เกิดมาพร้อมโรคร้ายที่พร้อมจะพาเราหมดหวังไปทุกวันและมันชื่อ โรค ปลายประสาทเสื่อม  เราก็ยังเด็กมีชีวิตแบบความสุขจากการนอนมองก่อนเมฆเก็บดอกไม้ เราเข้าเรียนอนุบาลที่หนึ่ง ครูบอกเราไม่ต้องเข้าแถวเพราะเราเดินไม่ได้ เพื่อนก็ไม่ชอบมองว่าเอาเปรียบเพื่อน แต่เราปล่อยผ่านเพราะเด็กอ่ะเนอะ
จนมาถึงช่วงประถม มันเริ่มต้นขึ้น เพราะเราคิดว่าแตกต่างเราเลยโดนรังแกมันแย่ในระดับที่ทำเด็กคนนึงร้องทุกวันหลังเลิกเรียน พ่อเราตอนบอกว่าก็อย่าไปตอบโต้เลย ให้ฟ้องครูสิ เราทำแล้วเพื่อนก็มาชี้หน้าด่าว่าเราขี้ฟ้องอย่าไปเล่นกับมันอีกเลย ไม่รู้สิแต่เราดันจำได้ว่าเขาชี้หน้าว่าอย่างนั้น พอป.4 เพื่อนชายคนนึงแกล้งด้วยการถอดกระโปรงเราออก เราดันจำบรรยายกาศวันนั้นได้ค่อนข้างดีว่าวงโยซ้อมทุกคนในห้องไปดูวงโยยกเว้นเรา หลายครั้งที่เรามองดูเพื่อนเล่นกิจกรรมที่อาคารอเนก แล้วฮัลโหลฉันอยู่ตรงนี้

เราเห็นร.ร หนึ่งเป็นที่เฉพาะคนพิเศษ มีทั้งคนที่ดีและแย่กว่าเรา เราไปอยู่ในฐานะเด็กประจำด้วยใจที่ว่าเราอาจจะดีขึ้น แต่เราไม่รู้ว่าไปทำอะไรที่ไม่ดีหรอคนส่วนใหญ่ที่นี้นรังเกียจเรา เรามักแอบไปร้องในห้องน้ำหรือหลังลานจอดรถ เราไม่ใช่เด็กเกเร เราไม่แกล้งใครก่อน แต่เราเป็นคนซื่อ เป็นคนงงๆเพราะเราไม่รู้พอเราถามทุกคนจะหัวเราะ หนักที่สุดคือเพื่อนที่เป็นเหมือนรูมเมทกับเราทะเลาะกัน เขายุให้เพื่อนเลิกคบเรา ราดน้ำแกงจืดใส่ตัวเราในโรงอาหาร พี่เลี้ยงก็พร้อมจะตวาดด่าทอ ครูสั่งงดกิจกรรม ดึงชื่อออกจากงานประกวด เราเเย่เองแหละเราคงไม่ดี เรามีฉายาด้วย ชื่อพี่รั่ว เพราะบ้าหอบหนังสือเพราะเขาคือเพื่อนเราที่ดีที่สุด และนิสัยที่เป็นคนยิ้มเก่งทำตัวโก๊ะๆ หน้าตาเอ๋อๆ  เวลาใครแกล้งหรอ เราไม่สู้หรอกค่ะเราต้องนิ่งให้ได้มากที่สุดเราเชื่อว่าการนิ่งปัญหามันจะจบเองเหมือนๆทุกครั้ง กลายเป็นเขาว่าเรากวนเท้าก็โดนตบตีไปนิดหน่อย เราก็ทำไรต่อ ปล่อยไป
เรื่องดีก็มีอาจารย์ที่นั้นใจดีมาก ให้โอกาสให้เราทำไรใหม่ๆเสมอ แต่ตอนเราไปอยู่แค่ 4 ปีก็เปลื่อนผ.อทุกปี พอเรา จบก็หยุดเปลี่ยนนะ เราคิดตลอดว่าเพราะแตกต่างในที่ร.ร ปกติ แต่ที่นี้มีคนหลากหลายพื้นที่ที่มาจากร.ร ปกติ แต่เขาไม่เจอเหมือนเราไม่มีเพื่อนแกล้ง ได้ทำกิจกรรมจนเบื่อ เราสับสนว่าแค่เราหรือเปล่า เราคิดว่าไม่จะแตกต่างหรือไหม เราก็เป็นส่วนเกินตลอดเวลา

เราย้ายกลับมาที่บ้านแล้วนะ ย้ายมาจมปรับ เราเรียนม.ปลาย และมหาลัยตามที่พ่อต้องการและตีเส้นไว้ เราไม่ชอบหรอก เราอยากเรียนสาวสามัญในตอนม.ปลายแต่เราขัดพ่อไม่ได้ เราอยากเรียนมหาลัยกับคณะภาพยนตร์เพราะหลงใหลการเขียนบทละคร แต่เรารู้ตัวว่าเราไม่เหมาะสม เราจะเก็บมันไว้เป็นความฝันที่ดีที่สุด ในใจนะ  เราไม่โกรธพ่อหรือแม เราโกรธตัวเองที่ทำฝันโง่ๆไม่ได้ 

พ่อเรามีปัญหาการเงินขั้นสุด เงินเบี้ยคนพิการเลือกได้เราอยากเก็บเป็นเงินออมตอนฉุกเฉิก ตอนเข้ามหาลัยดีๆ... เรายังร้องทุกครั้งที่ชุดเครื่องแบบนักเรี่ยน ได้ยินคนคุยกันเรื่องของม.4-6 เรารู้สึกแพ้ทุกอย่าง เราคงไม่มูฟออนจากความรู้สึกที่ว่าอยากเรียนสายสามัญ เลือกได้ก็คงกลฃับไปเรียนมันให้ได้ แต่มันคงสายไป

มหาลัยที่เราเรียน เราเรียนที่บ้านค่อยไปสอบเอา ในวันปฐมนิเทศและรับน้องเขาให้เราหลบไปนั่งข้างๆ เราได้แค่มองทุกคนกำลังมีประสบการณ์รับน้อง แน่นอนเราไม่มีความสุขเราอยากออกไปมากกว่ายิ้มแห้งๆตอนทุกอย่างตัดผ่านสายตา อยากร้องแต่เรากลัวคนรับรู้ว่ามันแย่ 
เรารู้สึกมันแย่ไปหมด อยากหาหมอก็หาไม่ได้ อยากหนีก็ทำไม่ได้ สู้ก็ไม่ได้ ถอยก็ไม่ได้เพราะเราอยู่จุดเดิม เราก็พยายามหาเงินจากพอที่เราทำได้ วาดรูปออนไลน์ ดูดวงเท่าที่พอทำได้ เราไม่มีคอม ไม่มีอุปกรณ์นอกกจากโทรศัพท์มือถือ เดือนหนึ่งโชคดีลูกค้าก็เยอะได้สักพันต้นๆ น้อยก็2-300 
เรารู้ว่าเราต้องปลง ปล่อยว่างทุกอย่าง เราต้องอยู่คนเดียวให้ได้ในพื้นที่แค่ในห้องนี้ที่เหมือนโลกทั้งใบ เรากลายเป็นคนกลัวการอยู่ร่วมกับคนเพราะเราจะถูกบีบออกมาให้อยู่ในที่ที่เขาบอกว่าเหมาะสม

ขอบคุณที่อ่านมาถึงจุดนี้ เรามาผ่านวันที่เเย่ในทุกความรู้สึกไปด้วยกันนะ เราไม่รู้ว่าตัวเราจะหมดแรงเพราะโรคนี้ไปเมื่อไหร่ เราอยากทุกคนใช้ชีวิตแทนเรา ให้มีความสุขที่สุดได้ไหม เพื่อตัวคุณเองก็ได้ ขอบคุณนะคะที่แวะมามองจุดเล็กๆตรงนี้ เราจะพยายาม โอเค
วันหนึ่งจะมาบอกเล่าตอนต่อไปนะ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่