สื่อออสเตรเลียตีข่าว 'ธรรมนัส' ระบุ 'เฮโรอีน' คือ 'แป้ง' เปิดผลวิเคราะห์จากแล็บ
https://www.matichon.co.th/foreign/news_2023614
สื่อออสเตรเลียตีข่าว ‘ธรรมนัส’ อ้าง ‘เฮโรอีน’ คือ ‘แป้ง’ ยกผลแล็บชี้ชัดฯ
ซิดนีย์มอร์นิ่งแฮรัลด์ สื่อออสเตรเลีย เผยแพร่บทความเกี่ยวกับร้อยเอก
ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์อีกครั้งหลังจากร้อยเอกธรรมนัส ตอบคำถามในศึกซักฟอกรัฐบาลในสภาผู้แทนราษฎรเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เกี่ยวกับคุณสมบัติการดำรงตำแหน่งหลังจากร้อยเอก
ธรรมนัสเคยถูกดำเนินคดียาเสพติดที่ประเทศออสเตรเลีย
ซิดนีย์มอร์นิ่งแฮรัลด์ สื่อที่เคยนำเอกสารเกี่ยวกับคดีความที่ร้อยเอกธรรมนัส เคยถูกดำเนินคดีเมื่อปี 2536 ออกมาเปิดเผยจนกลายเป็นข่าวดังไปก่อนหน้านี้ โดยเผยแพร่บทความในหัวข้อ “
รัฐมนตรีชาวไทยผู้ที่ยอมรับสารภาพในคดีเฮโรอีนในซิดนีย์ ตอนนี้อ้างว่า มันเป็นแป้ง”
โดยสื่อออสเตรเลียชื่อดังเริ่มต้นบทความอ้างเเจ้าหน้าที่แล็บวิเคราะห์ของรัฐบาลออสเตรเลียอย่าง “
ฟิลลิป เจมส์ แม็คเคย์” ที่ลงวันที่ 1 กรกฎาคมเอาไว้ โดยืนยันผลการวิเคราะห์ ทั้งการวิเคราะห์สี สภาพการละลาย รวมไปถึงใช้เทคนิควิเคราะห์แบบ “
โคมาโตกราฟี” และ”
สเปคโตเมทรี” ยืนยันว่าผงสีขาวดังกล่าวเป็น “
เฮโรอีน” อย่างแน่นอน
เอกสารผลการวิเคราะห์ของ
แม็คเคย์ ระบุด้วยว่า
สารประกอบดังกล่าวเป็นเฮโรอีนไฮโดรคลอไรด์ ไม่บริสุทธิ์ มีความบริสุทธิ์อยู่ที่ 74 เปอร์เซ็นต์ มีน้ำหนักราว 2.3 กิโลกรัม
ซิดนีย์มอร์นิ่งแฮรัลด์ ระบุว่า
เอกสารผลการวิเคราะห์ของแม็คเคย์ ถูกใช้เป็นหลักฐานของชาวไทยคนหนึ่งที่ถูกแจ้งความดำเนินคดีฐานสมรู้ร่วมคิดในการขนยาเสพติดจากกรุงเทพเข้าสู่บอนดี ออสเตรเลีย
ทั้งนี้ซิดนีย์มอร์นิ่งแฮรัลด์ ระบุว่า
มนัส โบกพรหม ที่ในเวลานั้นมีอายุ 27 ปี รับสารภาพและยอมรับโทษต่ำสุดจำคุก 4 ปี ก่อนจะถูกส่งกลับประเทศ กระทั่งอีกหลายสิบปีต่อมา ธรรมนัส พรหมเผ่า เวลานี้ได้กลายเป็นนักการเมืองทรงอิทธิพลในไทย ใช้เวลาหลายเดือนที่ผ่านมาชี้แจงข้อกล่าวหาเรื่องคุณสมบัติที่จะนั่งดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีเนื่องจากมีคดีอาญาติดตัว ซึ่งคดีดังกล่าวถูกเปิดเผยโดยซิดนีย์ มอร์นิ่งแฮรัลด์ และ ดิเอดจ์ เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา
Thai minister who pleaded guilty in Sydney heroin case now says 'it was flour'
https://www.smh.com.au/world/asia/thai-minister-who-pleaded-guilty-in-sydney-heroin-case-now-says-it-was-flour-20200303-p546g4.html
ศูนย์ทนายฯ งัดกฎหมายแจง ลงโทษ นร.-นศ. ชุมนุมโดยสงบในสถานศึกษาไม่ได้
https://prachatai.com/journal/2020/03/86622
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนตั้งข้อสังเกตทางกฎหมาย ยัน สถานศึกษาลงโทษนักเรียน นักศึกษาเพราะชุมนุมไม่ได้ เนื่องจากการชุมนุมโดยสงบไม่ใช่การประพฤติผิดตามกฎกระทรวงศึกษาธิการ บทลงโทษไม่มีอำนาจไล่ออก ชี้ สถานศึกษาควรอำนวยให้ใช้เสรีภาพแสดงออก เพื่อพัฒนาประชาธิปไตย
3 มี.ค. 2563 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เผยแพร่ความเห็นทางกฎหมายเมื่อ 28 ก.พ. ที่ผ่านมา ระบุว่า การชุมนุมเป็นเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ สถานศึกษาจะลงโทษนักเรียนและนักศึกษาเพราะเหตุชุมนุมไม่ได้ สืบเนื่องจากกระแสนักเรียน นักศึกษา เยาวชนจัดชุมนุมในสถานศึกษาหลายแห่งทั่วประเทศตั้งแต่ 22 ก.พ. ที่ผ่านมา
ศูนย์ทนายฯ ระบุว่าสถานศึกษาและโรงเรียนไม่อาจลงโทษนักเรียนและนักศึกษาจากการรวมกลุ่มหรือเข้าร่วมการชุมนุมโดยสงบในพื้นที่โรงเรียน สถานการศึกษา และพื้นที่สาธารณะ เนื่องจากขัดต่อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ได้แก่
1. กรณีจัดการชุมนุมโดยสงบและเข้าร่วมการชุมนุมไม่ใช่การประพฤติผิดระเบียบของโรงเรียนหรือสถานศึกษา ตามกฎกระทรวงกำหนดความประพฤติของนักเรียนและนักศึกษา พ.ศ. 2548 และ ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2562 ซึ่งออกตามอำนาจพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546
2. พ.ร.บ. คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 มาตรา 64 บัญญัติให้นักเรียนและนักศึกษาต้องประพฤติตนตามระเบียบของโรงเรียนหรือสถานศึกษาและตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ซึ่งตามกฎกระทรวงกำหนดความประพฤติของนักเรียนและนักศึกษา พ.ศ. 2548 และ ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2562 กำหนดไว้ในข้อ 1 ว่านักเรียนและนักศึกษาต้องไม่ประพฤติตน ดังต่อไปนี้
1. หนีเรียนหรือออกนอกสถานศึกษา โดยไม่ได้รับอนุญาตในช่วงเวลาเรียน
2. เล่นการพนัน จัดให้มีการเล่นการพนัน หรือมั่วสุมในวงการพนัน
3. พกพาอาวุธหรือวัตถุระเบิด
4. ซื้อ จำหน่าย แลกเปลี่ยน เสพสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ สิ่งมึนเมา บุหรี่ หรือยาเสพติด
5. ลักทรัพย์ กรรโชกทรัพย์ ข่มขู่ หรือบังคับขืนใจเพื่อเอาทรัพย์บุคคลอื่น
6. ก่อเหตุทะเลาะวิวาท ทำร้ายร่างกายผู้อื่น เตรียมการหรือกระทำการใด ๆ อันน่าจะก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยหรือขัดต่อศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือรวมกลุ่มหรือมั่วสุม เพื่อกระทำการดังกล่าว
7. แสดงพฤติกรรมทางชู้สาวอันไม่เหมาะสม กระทำการลามกอนาจาร แต่งกายล่อแหลม หรือไม่เรียบร้อยในโรงเรียนหรือสถานศึกษา หรือแต่งเครื่องแบบนักเรียนหรือนักศึกษาไม่เรียบร้อย
8. เกี่ยวข้องกับการค้าประเวณี
9. เที่ยวเตร่นอกสถานที่พัก รวมกลุ่ม หรือมั่วสุม อันเป็นการสร้างความเดือดร้อน ให้แก่ตนเองหรือผู้อื่น
โดยโรงเรียนหรือสถานศึกษา สามารถกำหนดระเบียบว่าด้วยความประพฤติของนักเรียนและนักศึกษาได้เท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับกฎกระทรวงนี้
ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการลงโทษนักเรียนและนักศึกษา พ.ศ. 2548 กำหนดโทษที่จะลงโทษนักเรียนหรือนักศึกษาที่ประพฤติฝ่าฝืนระเบียบ ข้อบังคับของสถานศึกษาไว้ 4 สถาน ดังนี้
1. ว่ากล่าวตักเตือน
2. ทำทัณฑ์บน
3. ตัดคะแนนความประพฤติ
4. ทำกิจกรรมเพื่อให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
โดยการลงโทษนักเรียน นักศึกษานั้น ห้ามลงโทษด้วยวิธีรุนแรง หรือกลั่นแกล้ง หรือด้วยความพยาบาท โดยให้คำนึงถึงอายุของนักเรียนหรือนักศึกษา และความร้ายแรงของพฤติการณ์ประกอบการลงโทษ
ศูนย์ทนายฯ ยังระบุว่า นักเรียนและนักศึกษามีสิทธิตามรัฐธรรมนูญในการใช้เสรีภาพในการชุมนุมและการแสดงความเห็น อันเป็นรากฐานต่อการเรียนรู้ พัฒนาสังคมประชาธิปไตย รัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีหน้าที่ในการเคารพและส่งเสริมการใช้เสรีภาพในการชุมนุมและแสดงความเห็นโดยสุจริตของนักเรียนและนักศึกษา ต้องไม่ขัดขวาง คุกคาม แทรกแซง ปิดกั้นการใช้สิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐาน อันอาจเข้าข่ายการละเมิดสิทธิและเสรีภาพ
"
เมื่อพิจารณาจากกฎหมายที่เกี่ยวข้อง สถานศึกษาและโรงเรียนไม่มีอำนาจในการใช้มาตรการไล่ออก หรือลงโทษทางวินัยใดๆ กับนักเรียนหรือนักศึกษา จากเหตุการจัดการชุมนุมหรือเข้าร่วมการชุมนุมหรือแสดงความความคิดเห็นโดยสุจริต นักเรียนและนักศึกษามีสิทธิตามรัฐธรรมนูญที่จะใช้เสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบ และเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญต่อการเรียนรู้และพัฒนาสังคมประชาธิปไตย" ความตอนหนึ่งจากข้อสังเกตของศูนย์ทนายฯ ระบุ
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา สำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) มีการติดตาม เฝ้าระวังและสังเกตการณ์การชุมนุมและการแสดงออกทางการเมืองในโรงเรียน เมื่อ 27 ก.พ. เช่น ในโรงเรียนสังกัดเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 1 (สพม. 1)
JJNY : 4in1 สื่อออสเตรเลียตีข่าวธรรมนัส/ลงโทษชุมนุมโดยสงบในสถานศึกษาไม่ได้/คนรุ่นใหม่เผยเหตุผลมาชุมนุม/ส่งออกปีนี้ไม่โต
https://www.matichon.co.th/foreign/news_2023614
ซิดนีย์มอร์นิ่งแฮรัลด์ สื่อออสเตรเลีย เผยแพร่บทความเกี่ยวกับร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์อีกครั้งหลังจากร้อยเอกธรรมนัส ตอบคำถามในศึกซักฟอกรัฐบาลในสภาผู้แทนราษฎรเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เกี่ยวกับคุณสมบัติการดำรงตำแหน่งหลังจากร้อยเอกธรรมนัสเคยถูกดำเนินคดียาเสพติดที่ประเทศออสเตรเลีย
ซิดนีย์มอร์นิ่งแฮรัลด์ สื่อที่เคยนำเอกสารเกี่ยวกับคดีความที่ร้อยเอกธรรมนัส เคยถูกดำเนินคดีเมื่อปี 2536 ออกมาเปิดเผยจนกลายเป็นข่าวดังไปก่อนหน้านี้ โดยเผยแพร่บทความในหัวข้อ “รัฐมนตรีชาวไทยผู้ที่ยอมรับสารภาพในคดีเฮโรอีนในซิดนีย์ ตอนนี้อ้างว่า มันเป็นแป้ง”
โดยสื่อออสเตรเลียชื่อดังเริ่มต้นบทความอ้างเเจ้าหน้าที่แล็บวิเคราะห์ของรัฐบาลออสเตรเลียอย่าง “ฟิลลิป เจมส์ แม็คเคย์” ที่ลงวันที่ 1 กรกฎาคมเอาไว้ โดยืนยันผลการวิเคราะห์ ทั้งการวิเคราะห์สี สภาพการละลาย รวมไปถึงใช้เทคนิควิเคราะห์แบบ “โคมาโตกราฟี” และ”สเปคโตเมทรี” ยืนยันว่าผงสีขาวดังกล่าวเป็น “เฮโรอีน” อย่างแน่นอน
เอกสารผลการวิเคราะห์ของแม็คเคย์ ระบุด้วยว่า สารประกอบดังกล่าวเป็นเฮโรอีนไฮโดรคลอไรด์ ไม่บริสุทธิ์ มีความบริสุทธิ์อยู่ที่ 74 เปอร์เซ็นต์ มีน้ำหนักราว 2.3 กิโลกรัม
ซิดนีย์มอร์นิ่งแฮรัลด์ ระบุว่า เอกสารผลการวิเคราะห์ของแม็คเคย์ ถูกใช้เป็นหลักฐานของชาวไทยคนหนึ่งที่ถูกแจ้งความดำเนินคดีฐานสมรู้ร่วมคิดในการขนยาเสพติดจากกรุงเทพเข้าสู่บอนดี ออสเตรเลีย
ทั้งนี้ซิดนีย์มอร์นิ่งแฮรัลด์ ระบุว่า มนัส โบกพรหม ที่ในเวลานั้นมีอายุ 27 ปี รับสารภาพและยอมรับโทษต่ำสุดจำคุก 4 ปี ก่อนจะถูกส่งกลับประเทศ กระทั่งอีกหลายสิบปีต่อมา ธรรมนัส พรหมเผ่า เวลานี้ได้กลายเป็นนักการเมืองทรงอิทธิพลในไทย ใช้เวลาหลายเดือนที่ผ่านมาชี้แจงข้อกล่าวหาเรื่องคุณสมบัติที่จะนั่งดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีเนื่องจากมีคดีอาญาติดตัว ซึ่งคดีดังกล่าวถูกเปิดเผยโดยซิดนีย์ มอร์นิ่งแฮรัลด์ และ ดิเอดจ์ เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา
Thai minister who pleaded guilty in Sydney heroin case now says 'it was flour'
https://www.smh.com.au/world/asia/thai-minister-who-pleaded-guilty-in-sydney-heroin-case-now-says-it-was-flour-20200303-p546g4.html
ศูนย์ทนายฯ งัดกฎหมายแจง ลงโทษ นร.-นศ. ชุมนุมโดยสงบในสถานศึกษาไม่ได้
https://prachatai.com/journal/2020/03/86622
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนตั้งข้อสังเกตทางกฎหมาย ยัน สถานศึกษาลงโทษนักเรียน นักศึกษาเพราะชุมนุมไม่ได้ เนื่องจากการชุมนุมโดยสงบไม่ใช่การประพฤติผิดตามกฎกระทรวงศึกษาธิการ บทลงโทษไม่มีอำนาจไล่ออก ชี้ สถานศึกษาควรอำนวยให้ใช้เสรีภาพแสดงออก เพื่อพัฒนาประชาธิปไตย
3 มี.ค. 2563 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เผยแพร่ความเห็นทางกฎหมายเมื่อ 28 ก.พ. ที่ผ่านมา ระบุว่า การชุมนุมเป็นเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ สถานศึกษาจะลงโทษนักเรียนและนักศึกษาเพราะเหตุชุมนุมไม่ได้ สืบเนื่องจากกระแสนักเรียน นักศึกษา เยาวชนจัดชุมนุมในสถานศึกษาหลายแห่งทั่วประเทศตั้งแต่ 22 ก.พ. ที่ผ่านมา
ศูนย์ทนายฯ ระบุว่าสถานศึกษาและโรงเรียนไม่อาจลงโทษนักเรียนและนักศึกษาจากการรวมกลุ่มหรือเข้าร่วมการชุมนุมโดยสงบในพื้นที่โรงเรียน สถานการศึกษา และพื้นที่สาธารณะ เนื่องจากขัดต่อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ได้แก่
1. กรณีจัดการชุมนุมโดยสงบและเข้าร่วมการชุมนุมไม่ใช่การประพฤติผิดระเบียบของโรงเรียนหรือสถานศึกษา ตามกฎกระทรวงกำหนดความประพฤติของนักเรียนและนักศึกษา พ.ศ. 2548 และ ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2562 ซึ่งออกตามอำนาจพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546
2. พ.ร.บ. คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 มาตรา 64 บัญญัติให้นักเรียนและนักศึกษาต้องประพฤติตนตามระเบียบของโรงเรียนหรือสถานศึกษาและตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ซึ่งตามกฎกระทรวงกำหนดความประพฤติของนักเรียนและนักศึกษา พ.ศ. 2548 และ ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2562 กำหนดไว้ในข้อ 1 ว่านักเรียนและนักศึกษาต้องไม่ประพฤติตน ดังต่อไปนี้
1. หนีเรียนหรือออกนอกสถานศึกษา โดยไม่ได้รับอนุญาตในช่วงเวลาเรียน
2. เล่นการพนัน จัดให้มีการเล่นการพนัน หรือมั่วสุมในวงการพนัน
3. พกพาอาวุธหรือวัตถุระเบิด
4. ซื้อ จำหน่าย แลกเปลี่ยน เสพสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ สิ่งมึนเมา บุหรี่ หรือยาเสพติด
5. ลักทรัพย์ กรรโชกทรัพย์ ข่มขู่ หรือบังคับขืนใจเพื่อเอาทรัพย์บุคคลอื่น
6. ก่อเหตุทะเลาะวิวาท ทำร้ายร่างกายผู้อื่น เตรียมการหรือกระทำการใด ๆ อันน่าจะก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยหรือขัดต่อศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือรวมกลุ่มหรือมั่วสุม เพื่อกระทำการดังกล่าว
7. แสดงพฤติกรรมทางชู้สาวอันไม่เหมาะสม กระทำการลามกอนาจาร แต่งกายล่อแหลม หรือไม่เรียบร้อยในโรงเรียนหรือสถานศึกษา หรือแต่งเครื่องแบบนักเรียนหรือนักศึกษาไม่เรียบร้อย
8. เกี่ยวข้องกับการค้าประเวณี
9. เที่ยวเตร่นอกสถานที่พัก รวมกลุ่ม หรือมั่วสุม อันเป็นการสร้างความเดือดร้อน ให้แก่ตนเองหรือผู้อื่น
โดยโรงเรียนหรือสถานศึกษา สามารถกำหนดระเบียบว่าด้วยความประพฤติของนักเรียนและนักศึกษาได้เท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับกฎกระทรวงนี้
ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการลงโทษนักเรียนและนักศึกษา พ.ศ. 2548 กำหนดโทษที่จะลงโทษนักเรียนหรือนักศึกษาที่ประพฤติฝ่าฝืนระเบียบ ข้อบังคับของสถานศึกษาไว้ 4 สถาน ดังนี้
1. ว่ากล่าวตักเตือน
2. ทำทัณฑ์บน
3. ตัดคะแนนความประพฤติ
4. ทำกิจกรรมเพื่อให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
โดยการลงโทษนักเรียน นักศึกษานั้น ห้ามลงโทษด้วยวิธีรุนแรง หรือกลั่นแกล้ง หรือด้วยความพยาบาท โดยให้คำนึงถึงอายุของนักเรียนหรือนักศึกษา และความร้ายแรงของพฤติการณ์ประกอบการลงโทษ
ศูนย์ทนายฯ ยังระบุว่า นักเรียนและนักศึกษามีสิทธิตามรัฐธรรมนูญในการใช้เสรีภาพในการชุมนุมและการแสดงความเห็น อันเป็นรากฐานต่อการเรียนรู้ พัฒนาสังคมประชาธิปไตย รัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีหน้าที่ในการเคารพและส่งเสริมการใช้เสรีภาพในการชุมนุมและแสดงความเห็นโดยสุจริตของนักเรียนและนักศึกษา ต้องไม่ขัดขวาง คุกคาม แทรกแซง ปิดกั้นการใช้สิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐาน อันอาจเข้าข่ายการละเมิดสิทธิและเสรีภาพ
"เมื่อพิจารณาจากกฎหมายที่เกี่ยวข้อง สถานศึกษาและโรงเรียนไม่มีอำนาจในการใช้มาตรการไล่ออก หรือลงโทษทางวินัยใดๆ กับนักเรียนหรือนักศึกษา จากเหตุการจัดการชุมนุมหรือเข้าร่วมการชุมนุมหรือแสดงความความคิดเห็นโดยสุจริต นักเรียนและนักศึกษามีสิทธิตามรัฐธรรมนูญที่จะใช้เสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบ และเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญต่อการเรียนรู้และพัฒนาสังคมประชาธิปไตย" ความตอนหนึ่งจากข้อสังเกตของศูนย์ทนายฯ ระบุ
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา สำนักงานการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) มีการติดตาม เฝ้าระวังและสังเกตการณ์การชุมนุมและการแสดงออกทางการเมืองในโรงเรียน เมื่อ 27 ก.พ. เช่น ในโรงเรียนสังกัดเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 1 (สพม. 1)