ครช.เชิญชวนลงชื่อ ให้ประชาชนมีส่วนร่วมร่าง รธน.ฉบับใหม่ แก้ปัญหาวิกฤตการเมือง
https://www.khaosod.co.th/politics/news_3677273
ครช.เชิญชวนลงชื่อ ให้ประชาชนมีส่วนร่วมร่าง รธน.ฉบับใหม่ แก้วิกฤตการเมือง
วันที่ 2 มี.ค. คณะรณรงค์เพื่อรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน เชิญชวนประชาชนร่วมลงชื่อผ่าน เว็บไซต์ Change.org ให้มีการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ พร้อมเขียนจดหมายเปิดผนึกเรียกร้องให้ประชาชนมีส่วนร่วมร่างรัฐธรรมนูญใหม่แทนรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ที่ร่างขึ้นโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือคสช. ซึ่งนำมาสู่ปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง และเตรียมยื่นหนังสือถึงประธานกรรมาธิการวิสามัญการศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 13 มีนาคมนี้
จดหมายเปิดผนึกใจความว่า
“
แม้ปัจจุบันดูเหมือนประเทศไทยจะคืนกลับสู่ความเป็นประชาธิปไตย คือ มีสภาผู้แทนราษฎรจากการเลือกตั้ง และมีพรรคการเมืองจำนวนถึง 26 พรรคในสภา ทว่า ในความเป็นจริงประเทศไทยยังคงอยู่ภายใต้การผูกขาดอำนาจและขาดการตรวจสอบถ่วงดุลแทบไม่ต่างจากการอยู่ภายใต้คณะรัฐประหาร หรือ คสช.
ทั้งนี้ เนื่องจากกฎหมายที่เป็นฐานในการใช้อำนาจทางการเมืองเกือบทุกฉบับ ทั้งรัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติ ประกาศและคำสั่ง คสช. ฯลฯ ต่างก็เขียนขึ้นโดยคนของ คสช. และประกาศใช้โดยองค์กรของ คสช.
ขณะที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและกรรมการในองค์กรอิสระแทบทั้งหมด ซึ่งต้องทำหน้าที่ตีความบังคับใช้กฎหมายต่างก็มาจากระบบการคัดเลือกภายใต้อำนาจของ คสช.
ข้อสำคัญก็คือ “รัฐธรรมนูญ ปี 2560” ได้วางกลไกสืบทอดอำนาจของ คสช.เอาไว้อย่างแน่นหนา เช่น เปิดทางให้มีนายกรัฐมนตรีที่ไม่ต้องมาจากการเลือกตั้ง การมีสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ชุดพิเศษ 250 คน มีอำนาจโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งเมื่อนำมาผนวกกับระบบเลือกตั้งแบบบัตรใบเดียวที่ทั้งลดทอนและบิดเบือนเสียงของประชาชน หรือการเปลี่ยนสูตรคำนวณที่นั่ง ส.ส. ก็ทำให้การสืบทอดอำนาจ คสช.เป็นไปโดยสะดวกในที่สุด
นอกจากนี้ยังมีการใช้ประโยชน์จากสภาเสียงปริ่มน้ำ ที่เมื่อแพ้การลงมติก็ใช้วิธีนับคะแนนใหม่ หรือใช้ทางลัดออก “พระราชกำหนด” โดยไม่ต้องผ่านการอภิปรายของสภาผู้แทนฯ หรือการใช้อำนาจนอกระบบ “ซื้อขาย” ส.ส.งูเห่า โดยไม่มีองค์กรอิสระตรวจสอบ
รวมถึงการใช้อำนาจขององค์กรอิสระที่มีสายสัมพันธ์กับ คสช. ลดทอนความเข้มแข็งของสถาบันพรรคการเมือง จนอำนาจนิติบัญญัติเสื่อมถอย และอ่อนแอเกินกว่าจะตรวจสอบอำนาจรัฐบาลได้ ส่งผลให้รัฐบาล “คสช.2” ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ปกครองประเทศด้วยอำนาจเบ็ดเสร็จยิ่งกว่า “[เผล่ะจัง] รัฐสภา”
คณะรณรงค์เพื่อรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน (ครช.) จึงเห็นว่าหนทางที่จะล้ม “ระบอบ คสช.” และพาประเทศไทยกลับสู่ “ประชาธิปไตย” หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน อันเป็นต้นทางของกฎหมายอีกหลายฉบับที่สร้างกลไกสนับสนุนอำนาจให้ คสช.
แต่เนื่องจากกลไกตามรัฐธรรมนูญที่ถูกวางเอาไว้ ไม่สามารถทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นไปได้ง่าย เพราะต้องใช้เสียงสนับสนุนจาก ส.ว.อย่างน้อย 84 เสียง และในประเด็นสำคัญยังต้องผ่านการทำประชามติ
และแม้จะมีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้ว แต่คณะกรรมาธิการชุดดังกล่าวก็มีสัดส่วนของฝ่ายรัฐบาลเป็นเสียงข้างมาก ทำให้การแก้ไขผ่านกลไกที่มีอยู่ล่าช้าและติดขัด
จึงมีแต่การรวมพลังของประชาชนครั้งใหญ่เท่านั้น ที่จะสามารถกดดันให้รัฐบาล “คสช.2” รวมถึง ส.ว. “เปิดไฟเขียว” ให้กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญเดินหน้าไปได้
ครช. จึงเชิญชวนประชาชนร่วมลงชื่อในจดหมายเปิดผนึกฉบับนี้ เพื่อแสดงเจตจำนงให้มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ประชาชนมีส่วนร่วม รวมทั้งให้ส.ส.และส.ว.เคารพในเจตจำนงดังกล่าวของประชาชน”
ทั้งนี้ รศ.ดร.
อนุสรณ์ อุณโณ ประธาน ครช. และตัวแทนเครือข่ายภาคประชาชน นักวิชาการ และนักศึกษาจะไปยื่นหนังสือต่อประธานกรรมาธิการวิสามัญ การศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ (กมธ.แก้รัฐธรรมนูญ) ถึงความต้องการของประชาชน ว่าต้องการให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มาจากประชาชนโดยแท้จริง ในวันที่ 13 มีนาคมนี้ ที่รัฐสภา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 14.30 น. วันที่ 2 มี.ค. มีประชาชนเข้าชื่อแล้วทั้งสิ้น 2,377 คน
https://www.change.org/p/รัฐบาล-ร่างรัฐธรรมนูญใหม่-ให้ประชาชนเป็นผู้เขียน
นักวิชาการ ชี้บิ๊กตู่ ฟื้นเด็กเรียนคิดเลขในใจ พาไทยย้อนไป 60 ปีที่แล้ว
https://www.khaosod.co.th/politics/news_3677307
นักวิชาการ - เมื่อวันที่ 2 มี.ค. นาย
อำนาจ วิชยานุวัติ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
ได้มอบนโยบาย ให้กระทรวงศึกษาธิการ พิจารณาส่งเสริมการสอนให้เด็ก ทั้งภาครัฐและเอกชนทั่วประเทศ มีโอกาสได้เรียนคิดเลขในใจตั้งแต่ชั้นอนุบาล 1 รวมถึงให้ไปพิจารณาส่งเสริมการเรียนการสอนทักษะบางอย่างที่เด็กปัจจุบันอาจจะขาดหายไป อาทิ เรียงความ ย่อความ
นาย
อำนาจ กล่าวว่า ตนได้มอบนโยบายให้โรงเรียน ไปหาวิธีส่งเสริมเรื่องดังกล่าวแล้ว ตั้งแต่ช่วงประกาศผลการประเมินผลนักเรียนร่วมกับนานาชาติ หรือ PISA 2018 ส่วนตัวไม่ได้มองว่า เป็นการเรียนที่ล้าสมัย หรือโบราณ กลับกันถือเป็นเรื่องที่ทันสมัย เพราะทักษะดังกล่าว จะทำให้เด็กเข้าใจเนื้อหา ช่วยกระตุ้นสมองส่วนของการคิดวิเคราะห์ให้ทำงานได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น
ขณะที่ นาย
สมพงษ์ จิตระดับ อาจารย์คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า วิธีการสอนดังกล่าว เป็นหลักสูตรที่นายกฯ เรียนมาตั้งแต่ปี 2503 ซึ่งเหมาะกับคนในช่วงเวลานั้น แต่หากนำมาใช้ในปี 2563 อาจไม่เหมาะกับจริตเด็กยุคนี้
เป็นการนำการศึกษากลับไปสู่ยุคอนุรักษ์นิยม ไม่เหมาะสมกับการเรียนในโลกของอนาคต
ขณะเดียวกันยังไม่สอดคล้องกับการเรียนการสอน ที่กำลังจะเน้นเรื่องสะเต็มศึกษา โค้ดดิ้ง ดังนั้นส่วนตัวจึงไม่เห็นด้วยที่จะให้เน้นเรื่องดังกล่าว เข้าใจว่านายกฯ หวังดี แต่อาจไม่เหมาะกับยุคสมัยนี้
JJNY : 4in1 ครช.ชวนลงชื่อร่วมร่างรธน.ใหม่/ฟื้นคิดเลขในใจ พาไทยย้อน60ปี/ผอ.รพ.รัฐแฉแมสก์ขาด/เชื่อมั่นธุรกิจทรุดหนักรอบ9ปี
https://www.khaosod.co.th/politics/news_3677273
วันที่ 2 มี.ค. คณะรณรงค์เพื่อรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน เชิญชวนประชาชนร่วมลงชื่อผ่าน เว็บไซต์ Change.org ให้มีการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ พร้อมเขียนจดหมายเปิดผนึกเรียกร้องให้ประชาชนมีส่วนร่วมร่างรัฐธรรมนูญใหม่แทนรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ที่ร่างขึ้นโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือคสช. ซึ่งนำมาสู่ปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง และเตรียมยื่นหนังสือถึงประธานกรรมาธิการวิสามัญการศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 13 มีนาคมนี้
จดหมายเปิดผนึกใจความว่า
“แม้ปัจจุบันดูเหมือนประเทศไทยจะคืนกลับสู่ความเป็นประชาธิปไตย คือ มีสภาผู้แทนราษฎรจากการเลือกตั้ง และมีพรรคการเมืองจำนวนถึง 26 พรรคในสภา ทว่า ในความเป็นจริงประเทศไทยยังคงอยู่ภายใต้การผูกขาดอำนาจและขาดการตรวจสอบถ่วงดุลแทบไม่ต่างจากการอยู่ภายใต้คณะรัฐประหาร หรือ คสช.
ทั้งนี้ เนื่องจากกฎหมายที่เป็นฐานในการใช้อำนาจทางการเมืองเกือบทุกฉบับ ทั้งรัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติ ประกาศและคำสั่ง คสช. ฯลฯ ต่างก็เขียนขึ้นโดยคนของ คสช. และประกาศใช้โดยองค์กรของ คสช.
ขณะที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและกรรมการในองค์กรอิสระแทบทั้งหมด ซึ่งต้องทำหน้าที่ตีความบังคับใช้กฎหมายต่างก็มาจากระบบการคัดเลือกภายใต้อำนาจของ คสช.
ข้อสำคัญก็คือ “รัฐธรรมนูญ ปี 2560” ได้วางกลไกสืบทอดอำนาจของ คสช.เอาไว้อย่างแน่นหนา เช่น เปิดทางให้มีนายกรัฐมนตรีที่ไม่ต้องมาจากการเลือกตั้ง การมีสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ชุดพิเศษ 250 คน มีอำนาจโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งเมื่อนำมาผนวกกับระบบเลือกตั้งแบบบัตรใบเดียวที่ทั้งลดทอนและบิดเบือนเสียงของประชาชน หรือการเปลี่ยนสูตรคำนวณที่นั่ง ส.ส. ก็ทำให้การสืบทอดอำนาจ คสช.เป็นไปโดยสะดวกในที่สุด
นอกจากนี้ยังมีการใช้ประโยชน์จากสภาเสียงปริ่มน้ำ ที่เมื่อแพ้การลงมติก็ใช้วิธีนับคะแนนใหม่ หรือใช้ทางลัดออก “พระราชกำหนด” โดยไม่ต้องผ่านการอภิปรายของสภาผู้แทนฯ หรือการใช้อำนาจนอกระบบ “ซื้อขาย” ส.ส.งูเห่า โดยไม่มีองค์กรอิสระตรวจสอบ
รวมถึงการใช้อำนาจขององค์กรอิสระที่มีสายสัมพันธ์กับ คสช. ลดทอนความเข้มแข็งของสถาบันพรรคการเมือง จนอำนาจนิติบัญญัติเสื่อมถอย และอ่อนแอเกินกว่าจะตรวจสอบอำนาจรัฐบาลได้ ส่งผลให้รัฐบาล “คสช.2” ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ปกครองประเทศด้วยอำนาจเบ็ดเสร็จยิ่งกว่า “[เผล่ะจัง] รัฐสภา”
คณะรณรงค์เพื่อรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน (ครช.) จึงเห็นว่าหนทางที่จะล้ม “ระบอบ คสช.” และพาประเทศไทยกลับสู่ “ประชาธิปไตย” หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน อันเป็นต้นทางของกฎหมายอีกหลายฉบับที่สร้างกลไกสนับสนุนอำนาจให้ คสช.
แต่เนื่องจากกลไกตามรัฐธรรมนูญที่ถูกวางเอาไว้ ไม่สามารถทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นไปได้ง่าย เพราะต้องใช้เสียงสนับสนุนจาก ส.ว.อย่างน้อย 84 เสียง และในประเด็นสำคัญยังต้องผ่านการทำประชามติ
และแม้จะมีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้ว แต่คณะกรรมาธิการชุดดังกล่าวก็มีสัดส่วนของฝ่ายรัฐบาลเป็นเสียงข้างมาก ทำให้การแก้ไขผ่านกลไกที่มีอยู่ล่าช้าและติดขัด
จึงมีแต่การรวมพลังของประชาชนครั้งใหญ่เท่านั้น ที่จะสามารถกดดันให้รัฐบาล “คสช.2” รวมถึง ส.ว. “เปิดไฟเขียว” ให้กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญเดินหน้าไปได้
ครช. จึงเชิญชวนประชาชนร่วมลงชื่อในจดหมายเปิดผนึกฉบับนี้ เพื่อแสดงเจตจำนงให้มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ประชาชนมีส่วนร่วม รวมทั้งให้ส.ส.และส.ว.เคารพในเจตจำนงดังกล่าวของประชาชน”
ทั้งนี้ รศ.ดร.อนุสรณ์ อุณโณ ประธาน ครช. และตัวแทนเครือข่ายภาคประชาชน นักวิชาการ และนักศึกษาจะไปยื่นหนังสือต่อประธานกรรมาธิการวิสามัญ การศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ (กมธ.แก้รัฐธรรมนูญ) ถึงความต้องการของประชาชน ว่าต้องการให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มาจากประชาชนโดยแท้จริง ในวันที่ 13 มีนาคมนี้ ที่รัฐสภา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 14.30 น. วันที่ 2 มี.ค. มีประชาชนเข้าชื่อแล้วทั้งสิ้น 2,377 คน
https://www.change.org/p/รัฐบาล-ร่างรัฐธรรมนูญใหม่-ให้ประชาชนเป็นผู้เขียน
นักวิชาการ ชี้บิ๊กตู่ ฟื้นเด็กเรียนคิดเลขในใจ พาไทยย้อนไป 60 ปีที่แล้ว
https://www.khaosod.co.th/politics/news_3677307
นักวิชาการ - เมื่อวันที่ 2 มี.ค. นายอำนาจ วิชยานุวัติ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
ได้มอบนโยบาย ให้กระทรวงศึกษาธิการ พิจารณาส่งเสริมการสอนให้เด็ก ทั้งภาครัฐและเอกชนทั่วประเทศ มีโอกาสได้เรียนคิดเลขในใจตั้งแต่ชั้นอนุบาล 1 รวมถึงให้ไปพิจารณาส่งเสริมการเรียนการสอนทักษะบางอย่างที่เด็กปัจจุบันอาจจะขาดหายไป อาทิ เรียงความ ย่อความ
นายอำนาจ กล่าวว่า ตนได้มอบนโยบายให้โรงเรียน ไปหาวิธีส่งเสริมเรื่องดังกล่าวแล้ว ตั้งแต่ช่วงประกาศผลการประเมินผลนักเรียนร่วมกับนานาชาติ หรือ PISA 2018 ส่วนตัวไม่ได้มองว่า เป็นการเรียนที่ล้าสมัย หรือโบราณ กลับกันถือเป็นเรื่องที่ทันสมัย เพราะทักษะดังกล่าว จะทำให้เด็กเข้าใจเนื้อหา ช่วยกระตุ้นสมองส่วนของการคิดวิเคราะห์ให้ทำงานได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น
ขณะที่ นายสมพงษ์ จิตระดับ อาจารย์คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า วิธีการสอนดังกล่าว เป็นหลักสูตรที่นายกฯ เรียนมาตั้งแต่ปี 2503 ซึ่งเหมาะกับคนในช่วงเวลานั้น แต่หากนำมาใช้ในปี 2563 อาจไม่เหมาะกับจริตเด็กยุคนี้ เป็นการนำการศึกษากลับไปสู่ยุคอนุรักษ์นิยม ไม่เหมาะสมกับการเรียนในโลกของอนาคต
ขณะเดียวกันยังไม่สอดคล้องกับการเรียนการสอน ที่กำลังจะเน้นเรื่องสะเต็มศึกษา โค้ดดิ้ง ดังนั้นส่วนตัวจึงไม่เห็นด้วยที่จะให้เน้นเรื่องดังกล่าว เข้าใจว่านายกฯ หวังดี แต่อาจไม่เหมาะกับยุคสมัยนี้