'จาตุรนต์' ฉะ มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดจากต่างประเทศของรัฐบาลยังหละหลวมมาก
https://www.matichon.co.th/politics/news_2018523
เมื่อวันที่ 1 มีนาคม นาย
จาตุรนต์ ฉายแสง โพสต์เฟซบุ๊ก
Chaturon Chaisang ระบุว่า
“ผมยังยืนยันเหมือนเดิมว่ามาตรการของรัฐบาลในการป้องกันการแพร่ระบาดโดยเฉพาะการแพร่เข้ามาจากต่างประเทศยังหละหลวมมาก ส่วนมาตรการรับมือทั้งระบบก็ควรได้รับการทบทวนดังที่ WHO ก็เพิ่งแนะนำประเทศต่างๆ
ปัญหาคือ ทำไมต้องปล่อยให้คนเดินทางจากประเทศเสี่ยงเข้าไทยได้อย่างไม่จำกัด คัดกรองไม่ได้และไม่ต้องกักตัว เกิดปัญหาเป็นตัวอย่างก็เยอะแล้ว ผู้ป่วยเสียชีวิตก็มีแล้ว คิดกันจริงจังได้หรือยัง
ขณะนี้ประเทศไทยเป็นประเทศที่เปิดเสรีสำหรับผู้เดินทางจากประเทศเสี่ยงเข้าประเทศเป็นอันดับต้นๆของโลก รัฐบาลจะทำอย่างนี้ไปเพื่ออะไร เราจะปล่อยให้รัฐบาลทำอย่างนี้ไปอีกนานเท่าไหร่
มาตรการป้องกันรับมือ #coronavirus ของไทยหละหลวมตามไม่ทันเหตุการณ์ ถ้าสถานการณ์แย่ลงอีก จะรับมือไม่ไหว นอกจากเปิดเสรีให้ผู้เดินทางมาจากประเทศเสี่ยงเข้าประเทศแล้ว ตัวอย่างที่ชัดที่สุดคือหน้ากากอนามัยที่ไม่มีขายจนบัดนี้
https://www.facebook.com/Chaturon.FanPage/photos/a.10151849945962359/10158145448127359/
ตะลึง สต๊อก "หน้ากากอนามัย" ร้อยถึงล้านชิ้น โผล่ขายในเฟซบุ๊ก
https://www.thansettakij.com/content/423198
เฟซบุ๊ก ผุดกลุ่มซื้อ/ขาย "
หน้ากากอนามัย" พบสต๊อกสินค้ามีตั้งแต่หลักร้อยถึงหลักล้านชิ้น จากกรณีที่ นพ.เฉลิม หาญพาณิชย์ นายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชน ทำหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง โรงพยาบาลเอกชนประสบปัญหาขาดแคลนหน้ากากอนามัยสำหรับใช้ในการป้องกันการระบาดของโรค COVID-19 ในขั้นวิกฤต
“
บางแห่งไม่มีหน้ากากอนามัยใช้แล้ว บุคลากรทางการแพทย์ต้องใช้หน้ากากผ้าซึ่งมีความเสี่ยงมาก”
(อ่านข่าว :
ร.พ.เอกชนวิกฤติ หน้ากากอนามัยขาดแคลนหนัก)
รวมทั้งมีการร้องเรียนจากประชาชนจากหลากหลายช่องทางมายังฐานเศรษฐกิจ ทั้งทางแฟนเพจเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ฯ ถึงปัญหาขาดแคลนของหน้ากากอนามัย จนเกิดคำถามว่า “
จะหาซื้อหน้ากากอนามัยได้ที่ไหนได้บ้าง”
ฐานเศรษฐกิจ จึงตรวจสอบข้อมูลกลับพบว่า ตลาดออนไลน์ ในเฟซบุ๊ก(Facebook) กลับมีการจำหน่ายหน้ากากอนามัยในปริมาณตั้งแต่หลักร้อยชิ้นไปจนถึงอ้างว่า มีเป็นล้านชิ้นทั้งที่หน้ากากอนามัยเป็นสินค้าควบคุมและท้องตลาดขาดแคลนอย่างหนัก
โดยการขายหน้ากากอนามัยที่ตรวจพบนั้นเป็น “
กลุ่มสาธารณะ” ในเฟซบุ๊กที่ชื่อกลุ่มว่า “
กลุ่มซื้อ-ขาย หน้ากากอนามัย pm2.5/N95” ซึ่งมีผู้เป็นสมาชิกในกลุ่มนี้มากกว่า 11,000 คน ซึ่งหากใครต้องการเข้ากลุ่มก็เพียงกดขอร่วมเข้ากลุ่ม จากนั้นจะมีผู้ที่ทำหน้าที่แอดมินกดรับ ซึ่งจะทำให้เห็นข้อมูลการซื้อขายหน้ากากอนามัยในกลุ่มนี้
ซึ่งราคาที่พบมีตั้งแต่ 50 ชิ้น 650-850 บาท ไปจนถึงขายแบบราคาส่งราคา 13.5 บาท มีสินค้า 2 ล้านชิ้น มีบางรายระบุว่า “
หน้ากากอนามัย จะเข้าวันที่12มีนาคม. ใครสนใจ ต้องสั่งซื้อโอนเงินก่อนนะคะ. เราซื้อจริงขายจริงค่ะ. และต้องสรุปออเดอร์ส่งคุณหมอค่ะ ต้นทางยังมาแพงอยู่ค่ะ. เราอยากขายให้กับคนที่เดือดร้อนต้องใช้จริงๆ. ถ้าใครสนใจ สั่งซื้อได้ค่ะ. วันที่12มีสินค้าแน่นอนคอนเฟิร์ม”
รวมทั้งยังมีเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ ที่มีโลโก้ขององค์การเภสัชกรรม(GPO) ขนาด 400 มิลลิลิตรราคา 180 บาท พร้อมยังระบุข้อความชวนเชื่อด้วยว่า “
ขององค์การเภสัชกรรม ไม่ต้องสงสัยว่าฆ่าเชื้อได้ไหม”
ขณะที่เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา นาย
วิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน ระบุว่า กรมได้การดำเนินการจับกุมผู้ค้าหน้ากากอนามัยที่ขายสินค้าราคาแพงเกินจริง จำนวน 39 ราย ในจำนวนนี้เป็นการขายทางออนไลน์ 5 ราย และเป็นร้านค้าทั่วไป 34 ราย ซึ่งได้ส่งดำเนินคดีความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ฐานความผิดตามมาตรา 29 ในข้อหาค้ากำไรเกินควร รวม 26 ราย มีโทษตามกฎหมายสูงสุด คือ จำคุก 7 ปี ปรับ 1.4 แสนบาท ซึ่งกรมฯ ยืนยันว่าจะดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดในลักษณะนี้ทุกราย เพราะถือเป็นการเอาเปรียบประชาชนในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ
สำหรับความคืบหน้าการให้ผู้ผลิตและผู้จำหน่าย แจ้งสต๊อกหน้ากากอนามัยที่อยู่ในการครอบหลังจากที่ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) กำหนดให้ทุกรายแจ้งสต๊อกของเดือนม.ค.2563 ภายในวันที่ 6 ก.พ.2563 และได้ขยายระยะเวลาสุดท้ายถึงวันที่ 14 ก.พ.2563 ปรากฏว่า มีผู้ผลิต ผู้จำหน่าย ที่ไม่ยอมแจ้งสต๊อกหน้ากากอนามัย 47 ราย โดยได้ทำหนังสือเชิญให้เข้ามาชี้แจงแล้ว และล่าสุดมีผู้เข้าชี้แจง 28 ราย และยังได้ทำหนังสือเชิญให้ผู้ผลิต ผู้จำหน่าย ที่ไม่ปันส่วนหน้ากากอนามัยมาให้กับกรมฯ อีก 16 ราย ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการรอให้เข้ามาให้คำชี้แจง
JJNY : จาตุรนต์ฉะมาตรการหละหลวมมาก/สต๊อกหน้ากาก ร้อยถึงล้านชิ้นขายในเฟซบุ๊ก/แบงก์ชาติหวั่นGDPต่ำ1%/โควิด-19ตายทะลุ 3,000
https://www.matichon.co.th/politics/news_2018523
“ผมยังยืนยันเหมือนเดิมว่ามาตรการของรัฐบาลในการป้องกันการแพร่ระบาดโดยเฉพาะการแพร่เข้ามาจากต่างประเทศยังหละหลวมมาก ส่วนมาตรการรับมือทั้งระบบก็ควรได้รับการทบทวนดังที่ WHO ก็เพิ่งแนะนำประเทศต่างๆ
ปัญหาคือ ทำไมต้องปล่อยให้คนเดินทางจากประเทศเสี่ยงเข้าไทยได้อย่างไม่จำกัด คัดกรองไม่ได้และไม่ต้องกักตัว เกิดปัญหาเป็นตัวอย่างก็เยอะแล้ว ผู้ป่วยเสียชีวิตก็มีแล้ว คิดกันจริงจังได้หรือยัง
ขณะนี้ประเทศไทยเป็นประเทศที่เปิดเสรีสำหรับผู้เดินทางจากประเทศเสี่ยงเข้าประเทศเป็นอันดับต้นๆของโลก รัฐบาลจะทำอย่างนี้ไปเพื่ออะไร เราจะปล่อยให้รัฐบาลทำอย่างนี้ไปอีกนานเท่าไหร่
มาตรการป้องกันรับมือ #coronavirus ของไทยหละหลวมตามไม่ทันเหตุการณ์ ถ้าสถานการณ์แย่ลงอีก จะรับมือไม่ไหว นอกจากเปิดเสรีให้ผู้เดินทางมาจากประเทศเสี่ยงเข้าประเทศแล้ว ตัวอย่างที่ชัดที่สุดคือหน้ากากอนามัยที่ไม่มีขายจนบัดนี้
https://www.facebook.com/Chaturon.FanPage/photos/a.10151849945962359/10158145448127359/
ตะลึง สต๊อก "หน้ากากอนามัย" ร้อยถึงล้านชิ้น โผล่ขายในเฟซบุ๊ก
https://www.thansettakij.com/content/423198
เฟซบุ๊ก ผุดกลุ่มซื้อ/ขาย "หน้ากากอนามัย" พบสต๊อกสินค้ามีตั้งแต่หลักร้อยถึงหลักล้านชิ้น จากกรณีที่ นพ.เฉลิม หาญพาณิชย์ นายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชน ทำหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง โรงพยาบาลเอกชนประสบปัญหาขาดแคลนหน้ากากอนามัยสำหรับใช้ในการป้องกันการระบาดของโรค COVID-19 ในขั้นวิกฤต
“บางแห่งไม่มีหน้ากากอนามัยใช้แล้ว บุคลากรทางการแพทย์ต้องใช้หน้ากากผ้าซึ่งมีความเสี่ยงมาก”
(อ่านข่าว : ร.พ.เอกชนวิกฤติ หน้ากากอนามัยขาดแคลนหนัก)
รวมทั้งมีการร้องเรียนจากประชาชนจากหลากหลายช่องทางมายังฐานเศรษฐกิจ ทั้งทางแฟนเพจเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ฯ ถึงปัญหาขาดแคลนของหน้ากากอนามัย จนเกิดคำถามว่า “จะหาซื้อหน้ากากอนามัยได้ที่ไหนได้บ้าง”
ฐานเศรษฐกิจ จึงตรวจสอบข้อมูลกลับพบว่า ตลาดออนไลน์ ในเฟซบุ๊ก(Facebook) กลับมีการจำหน่ายหน้ากากอนามัยในปริมาณตั้งแต่หลักร้อยชิ้นไปจนถึงอ้างว่า มีเป็นล้านชิ้นทั้งที่หน้ากากอนามัยเป็นสินค้าควบคุมและท้องตลาดขาดแคลนอย่างหนัก
โดยการขายหน้ากากอนามัยที่ตรวจพบนั้นเป็น “กลุ่มสาธารณะ” ในเฟซบุ๊กที่ชื่อกลุ่มว่า “กลุ่มซื้อ-ขาย หน้ากากอนามัย pm2.5/N95” ซึ่งมีผู้เป็นสมาชิกในกลุ่มนี้มากกว่า 11,000 คน ซึ่งหากใครต้องการเข้ากลุ่มก็เพียงกดขอร่วมเข้ากลุ่ม จากนั้นจะมีผู้ที่ทำหน้าที่แอดมินกดรับ ซึ่งจะทำให้เห็นข้อมูลการซื้อขายหน้ากากอนามัยในกลุ่มนี้
ซึ่งราคาที่พบมีตั้งแต่ 50 ชิ้น 650-850 บาท ไปจนถึงขายแบบราคาส่งราคา 13.5 บาท มีสินค้า 2 ล้านชิ้น มีบางรายระบุว่า “หน้ากากอนามัย จะเข้าวันที่12มีนาคม. ใครสนใจ ต้องสั่งซื้อโอนเงินก่อนนะคะ. เราซื้อจริงขายจริงค่ะ. และต้องสรุปออเดอร์ส่งคุณหมอค่ะ ต้นทางยังมาแพงอยู่ค่ะ. เราอยากขายให้กับคนที่เดือดร้อนต้องใช้จริงๆ. ถ้าใครสนใจ สั่งซื้อได้ค่ะ. วันที่12มีสินค้าแน่นอนคอนเฟิร์ม”
รวมทั้งยังมีเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ ที่มีโลโก้ขององค์การเภสัชกรรม(GPO) ขนาด 400 มิลลิลิตรราคา 180 บาท พร้อมยังระบุข้อความชวนเชื่อด้วยว่า “ขององค์การเภสัชกรรม ไม่ต้องสงสัยว่าฆ่าเชื้อได้ไหม”
ขณะที่เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน ระบุว่า กรมได้การดำเนินการจับกุมผู้ค้าหน้ากากอนามัยที่ขายสินค้าราคาแพงเกินจริง จำนวน 39 ราย ในจำนวนนี้เป็นการขายทางออนไลน์ 5 ราย และเป็นร้านค้าทั่วไป 34 ราย ซึ่งได้ส่งดำเนินคดีความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ฐานความผิดตามมาตรา 29 ในข้อหาค้ากำไรเกินควร รวม 26 ราย มีโทษตามกฎหมายสูงสุด คือ จำคุก 7 ปี ปรับ 1.4 แสนบาท ซึ่งกรมฯ ยืนยันว่าจะดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดในลักษณะนี้ทุกราย เพราะถือเป็นการเอาเปรียบประชาชนในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ
สำหรับความคืบหน้าการให้ผู้ผลิตและผู้จำหน่าย แจ้งสต๊อกหน้ากากอนามัยที่อยู่ในการครอบหลังจากที่ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) กำหนดให้ทุกรายแจ้งสต๊อกของเดือนม.ค.2563 ภายในวันที่ 6 ก.พ.2563 และได้ขยายระยะเวลาสุดท้ายถึงวันที่ 14 ก.พ.2563 ปรากฏว่า มีผู้ผลิต ผู้จำหน่าย ที่ไม่ยอมแจ้งสต๊อกหน้ากากอนามัย 47 ราย โดยได้ทำหนังสือเชิญให้เข้ามาชี้แจงแล้ว และล่าสุดมีผู้เข้าชี้แจง 28 ราย และยังได้ทำหนังสือเชิญให้ผู้ผลิต ผู้จำหน่าย ที่ไม่ปันส่วนหน้ากากอนามัยมาให้กับกรมฯ อีก 16 ราย ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการรอให้เข้ามาให้คำชี้แจง