Samsung Galaxy S20 นั้นเปิดตัวไปในไทยไม่นานครับมาพร้อมกันทั้งหมด 3 รุ่นย่อยซึ่งก็เข้ามาในไทยทั้งหมดเลยครับคือ S20 / S20+/S20 Ultra 5G แน่นอนว่าก็มีจำนวนกล้อง ดีไซน์ ขนาดที่แตกต่างกันไปด้วยรวมถึงสเปคในหลายๆจุดคือตัวกล้องและความละเอียดครับ ในรุ่นของ 20/20+ นั้นจะคล้ายกันทั้งหมด แต่จะแตกต่างกันที่เลนส์ TOF นั้นเองกับหน้าจอและแบต ส่วนทางด้าน Ultra นั้นจะพิเศษกว่าทั้งกล้องหน้าหลัง และการรองรับ 5G รวมถึงดีไซน์และขนาดใหญ่หนักกว่าเช่นกัน ครั้งนี้เราจะมาอยู่กับ S20+ กันก่อนตัวกลางกำลังดี ทั้งขนาดและราคาครับ เด่นๆคือกล้องที่พัฒนาขึ้น และงานวีดีโอที่ดีมาก และลำโพง หน้าจอก็ใช้งาน 120Hz เทพๆเลยแหละครั้งนี้ หลังจากได้ลองใช้งานกันเต็มที่พกพาไปเที่ยวถือว่ากล้องตัวนี้ไม่แพ้รุ่นพี่เลยนะ ในด้านการใช้งานจริงๆถือว่าผ่านเลยแหละ
Samsung Galaxy S20+ นั้นมาพร้อมกับหน้าจอ หน้าจอ Dynamic AMOLED 2X Infinity-O ขนาด 6.7 นิ้ว Quad HD+ (3200 × 1440 pixels), HDR10+, รีเฟรชเรท 120Hz และทางด้าน CPU นั้นแน่นอนว่าในไทยยังคงใช้งาน ชิปเซต Exynos 990 7nm EUV ที่มาพร้อมการ์ดจอ ARM Mali-G77MP11 และทำงานร่วมกันกับ RAM LPDDR5 8GB รวมถึงความจุ storage (UFS 3.0) 128GB ทางด้านกล้องหลังจัดเต็มใช้งาน 4 ตัว 64MP Dual Pixel 12MP (f/1.8), OIS + เลนส์เทเล 64MP (f/2.0) , OIS, ซูมแบบ Hybrid Optic ได้ 3X, ซูมแบบ Super Resolution ได้ 30X + เลนส์กว้าง 120องศา 12MP (f/2.2) + เลนส์ตรวจจับความลึก Depth Vision ใน S20+ ซึ่งสามารถถ่ายวิดิโอได้ที่ความละเอียด 8K และ ลำโพงยังคงเป็นลำโพงคู่ และดีกว่าเดิมด้วยนะครับ ทางด้านแบตให้มาที่ 4,500mAh ที่รองรับชาร์จไว 25W ทั้งแบบมีสายและไร้สาย มาพร้อมฟีเจอร์ Wireless PowerShare และแน่นอนว่ากล้องหน้ายังคงเป็น Dual Pixel 10MP ที่ถ่ายได้กว้าง 80องศา, (f/2.2) แบบเดียวกับ Note 10+ นั้นเองครับ
SAMSUNG GALAXY S20PLUS ในส่วนทางด้านราคานั้นเปิดมา 1 รุ่นในตัว 20+ คือ RAM 8GB STORAGE 128 GB // 31,900 บาทครับรุ่นนี้
UNBOX
ตัวอุปกรณ์ในกล่องทางเรานั้นไม่ได้กล่องแบบขายจริงมานะครับ ซึ่งขายจริงจะมีเคส และ กล่องสวยๆมาให้แต่พวก สายชาร์จหูฟัง ทั้งหลายเป็นแบบเดียวกับในภาพข้างบนเลยนั้นเอง ที่ชาร์จนั้นให้ 25W มาในกล่องนะครับจะแตกต่างกับตัว Ultra นั้นเอง ส่วนทางด้านสายยังคงเป็น C-C อยู่นะครับ และหูฟังนั้นจะเป็นแบบ Type-C ตัวเดียวกับ Note 10+ ก่อนหน้านี้เลยนั้นเอง ทั้งรูปทรงวัสดุ รวมถึงคุณภาพเสียงนั้นไม่ได้แตกต่างกันซักเท่าไรครับตรงนี้
DESIGN
งานออกแบบของรุ่นนี้เปลี่ยนไปจากรุ่นเดิมๆแบบชัดเจนเลยคือรุ่นก่อนๆนั้นจะเน้นกล้องไว้ตรงกลาง แต่จะเป็นแนวนอนบ้างแนวตั้งบ้าง แต่พอมารุ่นนี้กลับใช้งานออกแบบ แบบเดียวกับ A71 A51 S10LITE พวกนี้ทั้งหมดเอาจริงๆไม่ค่อยชอบเท่าไรเพราะมันค่อนข้างธรรมดาไม่พรีเมี่ยม และไม่มีความโดดเด่นครับ แต่พอเครื่องจริงสีเทาก็พอสวยอยู่คล้ายๆสีเทาแบบ รถยนต์ Lambo ที่ฮิตกันในช่วงนี้แต่ก็ยังยืนยันว่า ฝาหลังควรมีการเล่นแสงอะไรให้มีมิติมากกว่านี้หน่อยครับ ไม่ค่อยพรีเมี่ยมเท่าไร ส่วนการวางกล้องไว้มุมซ้าย 4 ตัวครับ และหน้าจอไม่โค้งแล้ว รวมถึงน้ำหนักความเบากำลังดีเลยแหละ และยังคงใช้งานวัสดุกระจกทั้งหมด และกันน้ำเหมือนเดิมเลย ขอบเครื่องก็มีความเงาโครเมี่ยมทั้งหมดครับ
ทางด้านหน้าจอนั้นใช้งานหน้าจอแบบเจาะรูตรงกลางมาในชื่อใหม่ Dynamic AMOLED 2X Infinity-O ขนาด 6.7 นิ้ว Quad HD+ (3200 × 1440 pixels), HDR10+, รีเฟรชเรท 120Hz และ กระจก Gorilla 6 ขอบเครื่องบางมากขึ้นกว่าเดิมและจอไม่โค้งแล้ว !! โค้งแค่ 2.5D แบบ iPhone นั้นเองครับไม่กินไปข้างๆ
ทางด้านขอบบนหน้าจอนั้นจะเป็นที่ซ่อนของรูลำโพงทั้งหลาย เซนเซอร์แบบเนียนๆและ กล้องหน้าเจาะรู 10MP F2.2 ครับส่วนขอบรอบๆนั้นบางขึ้นจริง และจอไม่โค้งแบบตัว S10+ พวกนั้นแล้วครับสบายใจได้เลยแหละแต่ก็ยังไม่ได้เป็นแบบเรียบซะทีเดียวครับโค้งนิดๆ 2.5D ประมาณนั้นแต่เรื่องฟิล์มก็น่าจะยังมีปัญหาอยู่แน่นอนครับ
ขอบล่างอันนี้น่าสนใจใช้งานหน้าจอขอบบางมาก ใกล้เคียงกับด้านอื่นๆไปอีกครับ การใช้งานเต็มหน้าจอ หรือแบบปุ่มก็สามารถเลือกใช้งานได้เลย อันนี้ขอชมเลยว่าทำขอบในภาพรวมได้บางขึ้นเรื่อยๆเลยสำหรับค่ายนี้ครับ
มาในส่วนของขอบล่างกันบ้างในตรงนี้จะเป็น รูไมค์ รู USB-C และลำโพงตัวหลักในด้านล่างครับพร้อมจะเห็นชัดเลยว่าหน้าจอไม่โค้งแบบรุ่นก่อนแล้วครับ แต่ก็มีนิดๆอยู่ ส่วนฝาหลังจะโค้งรับมือแบบชัดเจนเลยแหละ
ด้านข้างนี้จะเรียบๆไม่มีอะไรเลยครับแต่จะเห็นว่าฝาหลังและขอบเครื่องมันบางมากๆ และหน้าจอก็ไม่ได้โค้งเยอะมาก
ด้านบนนั้นจะเป็นที่อยู่ของถาดซิมแบบ Hybrid Slot และสามารถเพิ่มความจุได้ รวมถึงมีรูไมค์ตัดเสียงตัวที่ 2 ให้มา
ทางด้านขวานั้นจะเป็นปุ่ม Power+เพิ่ม ลดเสียงครับและแน่นอนว่าพวกปุ่ม Bixby อะไรก็หายไปซะทีครับไม่มีแล้วทำให้ทั้งเครื่องมีแค่ 3 ปุ่มนี้เท่านั้น และอยู่ในตำแหน่งที่ดีแล้วไม่สูงไม่ต่ำเกินไปนั้นเองครับในจุดนี้
ฝาหลังนั้นเป็นสีเทาแบบธรรมดาๆเลย ไม่มีการเล่นเลเยอร์สีแสงอะไรทั้งนั้น ไม่มีสีรุ้งแบบรุ่น A71 A51 หรือลวดลายอะไรเลยมันคือความเรียบง่ายมากๆ จนบางทีมันเรียบไปหน่อยครับอาจจะเน้นความพรีเมี่ยมในแบบ Minimal ก็เป็นได้แต่ส่วนตัวอยากให้มันพรีเมี่ยม หรือแตกต่างกับรุ่นเล็กมากกว่านี้ในแง่ของการออกแบบกล้องครับ ส่วนฝาหลังโค้งลงทั้ง 4 มุมเลยจับถนัดและมีความบางกำลังดีครับ
กล้องหลังกันบ้างจะเห็นว่านอกจากกล้องแล้วยังมี มีรูไมค์สำหรับอัดเสียงตัดเสียงพิเศษเข้ามาด้วยครับ และในรุ่นนี้ยังคงมีฟีเจอร์ ซูมเสียง อยู่นะครับไม่ได้ตัดไปไหนแต่ตีบวกด้วย โหมดโปรในการถ่ายวีดีโอ การถ่าย HDR10+ การถ่ายแบบละลายหลัง และ 8K 24FPS ก็แทรกเข้ามาในรุ่นนี้ด้วยถือว่าโหดมาก ส่วนภาพนิ่งนั้นสเปคกล้องหลักเป็น Dual Pixel 12MP (f/1.8), OIS + เลนส์เทเล 64MP (f/2.0) , OIS, ซูมแบบ Hybrid Optic ได้ 3X, ซูมแบบ Super Resolution ได้ 30X + เลนส์กว้าง 120องศา 12MP (f/2.2) + เลนส์ตรวจจับความลึก Depth Vision ครับ ถือว่าจัดเต็มมากขึ้นและมีฟีเจอร์การถ่ายเข้ามาเยอะเช่นกันทั้ง Single Take และตัว Custom Filter
SPEC
- S20+ : หน้าจอ Dynamic AMOLED 2X Infinity-O ขนาด 6.7 นิ้ว Quad HD+ (3200 × 1440 pixels), HDR10+, รีเฟรชเรท 120Hz
- ชิปเซต Exynos 990 7nm EUV + GPU Mali-G77MP11
- RAM LPDDR5 8GB + ROM 128GB (UFS 3.0 ) ใส่ microSD การ์ดเพิ่มได้ถึง 1TB
- Android 10 ที่ครอบด้วย OneUI 2.0
- กล้องหลัง Dual Pixel 12MP (f/1.8), OIS + เลนส์เทเล 64MP (f/2.0) , OIS, ซูมแบบ Hybrid Optic ได้ 3X, ซูมแบบ Super Resolution ได้ 30X + เลนส์กว้าง 120องศา 12MP (f/2.2) + เลนส์ตรวจจับความลึก Depth Vision ใน ซึ่งรุ่นสามารถถ่ายวีดีโอได้ที่ความละเอียด 8K
- กล้องหน้า Dual Pixel 10MP ที่ถ่ายได้กว้าง 80องศา, (f/2.2)
- กันน้ำและฝุ่นมาตรฐาน IP68
- ลำโพง Stereo โดย AKG, Dolby Atmos
- เซนเซอร์สแกนนิ้วใต้หน้าจอแบบ Ultrasonic
- ขนาดตัวเครื่อง 161.9 x 73.7 x 7.8mm; น้ำหนัก: 186g
- แบตเตอรี่ 4,500mAh ที่รองรับชาร์จไว 25W ทั้งแบบมีสายและไร้สาย มาพร้อมฟีเจอร์ Wireless PowerShare
PERFORMANCE
ทางด้านประสิทธิภาพตัวเครื่องในรุ่นนี้ S20 Plus จัดเต็มมาเช่นเดิมในการใช้งาน Exynos ในตลาดไทยครับ โดยใช้งานตัว Exynos 990 7nm EUV + GPU Mali-G77MP11 พร้อมกับ RAM LPDDR5 8GB ทำคะแนนไปได้ 501696 คะแนนถือว่าแรงดีครับ และในส่วนของ UFS 3.0 ทำคะแนนได้ดีเช่นเดิมคือ 1472 และ 671 แน่นอนว่าความปลอดภัยรองรับ NETFLIX FHD เรียบร้อยสูงสุดครับ และ คะแนน GEEKBENCH นั้นทำไปได้ 556-2532
SYSTEM UI
หน้าตาเรือธงตัวนี้ยังคงใช้งาน ONE UI2 ตัวล่าสุดครับ ที่มีการเปลี่ยนมาไม่นานครับ และพัฒนาแก้ไขจากรุ่น 1 มาเยอะขึ้นในแง่ของความเสถียรครับและหน้าตาบางอย่างเลยทำให้ หน้าตารวมๆสวยงามเลยนะ ในหน้าล็อคนั้นมีรูปลายนิ้วเราก็สามารถสแกนนิ้วได้เลยครับ ส่วนหน้าตา ไอคอน และ อุณหภูมิอะไรก็ไปอยู่มุมซ้ายสวยงามเลยครับ ส่วนหน้าตารวมๆก็เรียบสวยขึ้นนะอันนี้แอบชอบครับ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้และรู้สึกว่ามันมีความลื่นไหลมากกว่าเดิมแบบชัดเจนในการพัฒนารอบนี้
หน้าตาการแจ้งเตือน ตั้งค่าอะไรนั้นมาในโทนสีขาวฟ้าครับ ไอคอนอะไรปรับเปลี่ยนหน้าตาได้เรียบขึ้นและแตะได้ง่ายขึ้นครับ การแจ้งเตือนสามารถกดเคลียร์ได้ และเมื่อลากลงมานั้นก็เข้าการตั้งค่าได้ง่าย และ สามารถปรับแสงหน้าจอได้รวมถึงมีเวลาอะไรบอกอยู่ตรงกลาง ด้านบนครับ ส่วนการแบ่งหน้าจอนั้นสบายๆมีไปหลายหน้าจอตามใจชอบเลย
สำหรับเรื่อง RAM 8 GB นั้นใช้ประมาณครึ่งๆ 4.7 GB ครับ ใช้งานได้สบายๆเหลือๆ ส่วนตัวความจุนั้น เหลือ 110 โดยประมาณครับถ้าตัดแอป และ เพลง รูปภาพอะไรหมดเหลือแค่ระบบนะครับ ระบบจะประมาณ 18.4 GB จริงๆความจุในภาพรวมนั้นต้องบอกกันตรงๆถือว่าน้อยไปหน่อยสำหรับเรือธง ที่ถ่าย 8K 4K ได้ครับ คีย์บอร์ดนั้นเป็นภาษาไทย ของทาง Samsung เองหลายๆคนอาจจะชอบกันครับ
ในส่วนของ Gesture ก็มีให้มาตามภาพครับทั้งการแตะ 2 ครั้ง พักหน้าจอต่างๆ ฝ่ามือจับภาพหน้าจอเป็นต้น และปุ่มด้านข้างก็มาใส่ฟีเจอร์เสริมในการปลุก Bixby พวกนี้ครับ และแน่นอนว่ามีพวก Game Launcher – Dual app มาให้รวมถึง โหมดใช้งานง่ายและ Smartswitch
[SR] รีวิว Samsung Galaxy S20 Plus กล้องเด่น วีดีโอจัดเต็ม 8K สเปคแรง !
Samsung Galaxy S20 นั้นเปิดตัวไปในไทยไม่นานครับมาพร้อมกันทั้งหมด 3 รุ่นย่อยซึ่งก็เข้ามาในไทยทั้งหมดเลยครับคือ S20 / S20+/S20 Ultra 5G แน่นอนว่าก็มีจำนวนกล้อง ดีไซน์ ขนาดที่แตกต่างกันไปด้วยรวมถึงสเปคในหลายๆจุดคือตัวกล้องและความละเอียดครับ ในรุ่นของ 20/20+ นั้นจะคล้ายกันทั้งหมด แต่จะแตกต่างกันที่เลนส์ TOF นั้นเองกับหน้าจอและแบต ส่วนทางด้าน Ultra นั้นจะพิเศษกว่าทั้งกล้องหน้าหลัง และการรองรับ 5G รวมถึงดีไซน์และขนาดใหญ่หนักกว่าเช่นกัน ครั้งนี้เราจะมาอยู่กับ S20+ กันก่อนตัวกลางกำลังดี ทั้งขนาดและราคาครับ เด่นๆคือกล้องที่พัฒนาขึ้น และงานวีดีโอที่ดีมาก และลำโพง หน้าจอก็ใช้งาน 120Hz เทพๆเลยแหละครั้งนี้ หลังจากได้ลองใช้งานกันเต็มที่พกพาไปเที่ยวถือว่ากล้องตัวนี้ไม่แพ้รุ่นพี่เลยนะ ในด้านการใช้งานจริงๆถือว่าผ่านเลยแหละ
Samsung Galaxy S20+ นั้นมาพร้อมกับหน้าจอ หน้าจอ Dynamic AMOLED 2X Infinity-O ขนาด 6.7 นิ้ว Quad HD+ (3200 × 1440 pixels), HDR10+, รีเฟรชเรท 120Hz และทางด้าน CPU นั้นแน่นอนว่าในไทยยังคงใช้งาน ชิปเซต Exynos 990 7nm EUV ที่มาพร้อมการ์ดจอ ARM Mali-G77MP11 และทำงานร่วมกันกับ RAM LPDDR5 8GB รวมถึงความจุ storage (UFS 3.0) 128GB ทางด้านกล้องหลังจัดเต็มใช้งาน 4 ตัว 64MP Dual Pixel 12MP (f/1.8), OIS + เลนส์เทเล 64MP (f/2.0) , OIS, ซูมแบบ Hybrid Optic ได้ 3X, ซูมแบบ Super Resolution ได้ 30X + เลนส์กว้าง 120องศา 12MP (f/2.2) + เลนส์ตรวจจับความลึก Depth Vision ใน S20+ ซึ่งสามารถถ่ายวิดิโอได้ที่ความละเอียด 8K และ ลำโพงยังคงเป็นลำโพงคู่ และดีกว่าเดิมด้วยนะครับ ทางด้านแบตให้มาที่ 4,500mAh ที่รองรับชาร์จไว 25W ทั้งแบบมีสายและไร้สาย มาพร้อมฟีเจอร์ Wireless PowerShare และแน่นอนว่ากล้องหน้ายังคงเป็น Dual Pixel 10MP ที่ถ่ายได้กว้าง 80องศา, (f/2.2) แบบเดียวกับ Note 10+ นั้นเองครับ
SAMSUNG GALAXY S20PLUS ในส่วนทางด้านราคานั้นเปิดมา 1 รุ่นในตัว 20+ คือ RAM 8GB STORAGE 128 GB // 31,900 บาทครับรุ่นนี้
UNBOX
ตัวอุปกรณ์ในกล่องทางเรานั้นไม่ได้กล่องแบบขายจริงมานะครับ ซึ่งขายจริงจะมีเคส และ กล่องสวยๆมาให้แต่พวก สายชาร์จหูฟัง ทั้งหลายเป็นแบบเดียวกับในภาพข้างบนเลยนั้นเอง ที่ชาร์จนั้นให้ 25W มาในกล่องนะครับจะแตกต่างกับตัว Ultra นั้นเอง ส่วนทางด้านสายยังคงเป็น C-C อยู่นะครับ และหูฟังนั้นจะเป็นแบบ Type-C ตัวเดียวกับ Note 10+ ก่อนหน้านี้เลยนั้นเอง ทั้งรูปทรงวัสดุ รวมถึงคุณภาพเสียงนั้นไม่ได้แตกต่างกันซักเท่าไรครับตรงนี้
DESIGN
งานออกแบบของรุ่นนี้เปลี่ยนไปจากรุ่นเดิมๆแบบชัดเจนเลยคือรุ่นก่อนๆนั้นจะเน้นกล้องไว้ตรงกลาง แต่จะเป็นแนวนอนบ้างแนวตั้งบ้าง แต่พอมารุ่นนี้กลับใช้งานออกแบบ แบบเดียวกับ A71 A51 S10LITE พวกนี้ทั้งหมดเอาจริงๆไม่ค่อยชอบเท่าไรเพราะมันค่อนข้างธรรมดาไม่พรีเมี่ยม และไม่มีความโดดเด่นครับ แต่พอเครื่องจริงสีเทาก็พอสวยอยู่คล้ายๆสีเทาแบบ รถยนต์ Lambo ที่ฮิตกันในช่วงนี้แต่ก็ยังยืนยันว่า ฝาหลังควรมีการเล่นแสงอะไรให้มีมิติมากกว่านี้หน่อยครับ ไม่ค่อยพรีเมี่ยมเท่าไร ส่วนการวางกล้องไว้มุมซ้าย 4 ตัวครับ และหน้าจอไม่โค้งแล้ว รวมถึงน้ำหนักความเบากำลังดีเลยแหละ และยังคงใช้งานวัสดุกระจกทั้งหมด และกันน้ำเหมือนเดิมเลย ขอบเครื่องก็มีความเงาโครเมี่ยมทั้งหมดครับ
ทางด้านหน้าจอนั้นใช้งานหน้าจอแบบเจาะรูตรงกลางมาในชื่อใหม่ Dynamic AMOLED 2X Infinity-O ขนาด 6.7 นิ้ว Quad HD+ (3200 × 1440 pixels), HDR10+, รีเฟรชเรท 120Hz และ กระจก Gorilla 6 ขอบเครื่องบางมากขึ้นกว่าเดิมและจอไม่โค้งแล้ว !! โค้งแค่ 2.5D แบบ iPhone นั้นเองครับไม่กินไปข้างๆ
ทางด้านขอบบนหน้าจอนั้นจะเป็นที่ซ่อนของรูลำโพงทั้งหลาย เซนเซอร์แบบเนียนๆและ กล้องหน้าเจาะรู 10MP F2.2 ครับส่วนขอบรอบๆนั้นบางขึ้นจริง และจอไม่โค้งแบบตัว S10+ พวกนั้นแล้วครับสบายใจได้เลยแหละแต่ก็ยังไม่ได้เป็นแบบเรียบซะทีเดียวครับโค้งนิดๆ 2.5D ประมาณนั้นแต่เรื่องฟิล์มก็น่าจะยังมีปัญหาอยู่แน่นอนครับ
ขอบล่างอันนี้น่าสนใจใช้งานหน้าจอขอบบางมาก ใกล้เคียงกับด้านอื่นๆไปอีกครับ การใช้งานเต็มหน้าจอ หรือแบบปุ่มก็สามารถเลือกใช้งานได้เลย อันนี้ขอชมเลยว่าทำขอบในภาพรวมได้บางขึ้นเรื่อยๆเลยสำหรับค่ายนี้ครับ
มาในส่วนของขอบล่างกันบ้างในตรงนี้จะเป็น รูไมค์ รู USB-C และลำโพงตัวหลักในด้านล่างครับพร้อมจะเห็นชัดเลยว่าหน้าจอไม่โค้งแบบรุ่นก่อนแล้วครับ แต่ก็มีนิดๆอยู่ ส่วนฝาหลังจะโค้งรับมือแบบชัดเจนเลยแหละ
ด้านข้างนี้จะเรียบๆไม่มีอะไรเลยครับแต่จะเห็นว่าฝาหลังและขอบเครื่องมันบางมากๆ และหน้าจอก็ไม่ได้โค้งเยอะมาก
ด้านบนนั้นจะเป็นที่อยู่ของถาดซิมแบบ Hybrid Slot และสามารถเพิ่มความจุได้ รวมถึงมีรูไมค์ตัดเสียงตัวที่ 2 ให้มา
ทางด้านขวานั้นจะเป็นปุ่ม Power+เพิ่ม ลดเสียงครับและแน่นอนว่าพวกปุ่ม Bixby อะไรก็หายไปซะทีครับไม่มีแล้วทำให้ทั้งเครื่องมีแค่ 3 ปุ่มนี้เท่านั้น และอยู่ในตำแหน่งที่ดีแล้วไม่สูงไม่ต่ำเกินไปนั้นเองครับในจุดนี้
ฝาหลังนั้นเป็นสีเทาแบบธรรมดาๆเลย ไม่มีการเล่นเลเยอร์สีแสงอะไรทั้งนั้น ไม่มีสีรุ้งแบบรุ่น A71 A51 หรือลวดลายอะไรเลยมันคือความเรียบง่ายมากๆ จนบางทีมันเรียบไปหน่อยครับอาจจะเน้นความพรีเมี่ยมในแบบ Minimal ก็เป็นได้แต่ส่วนตัวอยากให้มันพรีเมี่ยม หรือแตกต่างกับรุ่นเล็กมากกว่านี้ในแง่ของการออกแบบกล้องครับ ส่วนฝาหลังโค้งลงทั้ง 4 มุมเลยจับถนัดและมีความบางกำลังดีครับ
กล้องหลังกันบ้างจะเห็นว่านอกจากกล้องแล้วยังมี มีรูไมค์สำหรับอัดเสียงตัดเสียงพิเศษเข้ามาด้วยครับ และในรุ่นนี้ยังคงมีฟีเจอร์ ซูมเสียง อยู่นะครับไม่ได้ตัดไปไหนแต่ตีบวกด้วย โหมดโปรในการถ่ายวีดีโอ การถ่าย HDR10+ การถ่ายแบบละลายหลัง และ 8K 24FPS ก็แทรกเข้ามาในรุ่นนี้ด้วยถือว่าโหดมาก ส่วนภาพนิ่งนั้นสเปคกล้องหลักเป็น Dual Pixel 12MP (f/1.8), OIS + เลนส์เทเล 64MP (f/2.0) , OIS, ซูมแบบ Hybrid Optic ได้ 3X, ซูมแบบ Super Resolution ได้ 30X + เลนส์กว้าง 120องศา 12MP (f/2.2) + เลนส์ตรวจจับความลึก Depth Vision ครับ ถือว่าจัดเต็มมากขึ้นและมีฟีเจอร์การถ่ายเข้ามาเยอะเช่นกันทั้ง Single Take และตัว Custom Filter
SPEC
- S20+ : หน้าจอ Dynamic AMOLED 2X Infinity-O ขนาด 6.7 นิ้ว Quad HD+ (3200 × 1440 pixels), HDR10+, รีเฟรชเรท 120Hz
- ชิปเซต Exynos 990 7nm EUV + GPU Mali-G77MP11
- RAM LPDDR5 8GB + ROM 128GB (UFS 3.0 ) ใส่ microSD การ์ดเพิ่มได้ถึง 1TB
- Android 10 ที่ครอบด้วย OneUI 2.0
- กล้องหลัง Dual Pixel 12MP (f/1.8), OIS + เลนส์เทเล 64MP (f/2.0) , OIS, ซูมแบบ Hybrid Optic ได้ 3X, ซูมแบบ Super Resolution ได้ 30X + เลนส์กว้าง 120องศา 12MP (f/2.2) + เลนส์ตรวจจับความลึก Depth Vision ใน ซึ่งรุ่นสามารถถ่ายวีดีโอได้ที่ความละเอียด 8K
- กล้องหน้า Dual Pixel 10MP ที่ถ่ายได้กว้าง 80องศา, (f/2.2)
- กันน้ำและฝุ่นมาตรฐาน IP68
- ลำโพง Stereo โดย AKG, Dolby Atmos
- เซนเซอร์สแกนนิ้วใต้หน้าจอแบบ Ultrasonic
- ขนาดตัวเครื่อง 161.9 x 73.7 x 7.8mm; น้ำหนัก: 186g
- แบตเตอรี่ 4,500mAh ที่รองรับชาร์จไว 25W ทั้งแบบมีสายและไร้สาย มาพร้อมฟีเจอร์ Wireless PowerShare
PERFORMANCE
ทางด้านประสิทธิภาพตัวเครื่องในรุ่นนี้ S20 Plus จัดเต็มมาเช่นเดิมในการใช้งาน Exynos ในตลาดไทยครับ โดยใช้งานตัว Exynos 990 7nm EUV + GPU Mali-G77MP11 พร้อมกับ RAM LPDDR5 8GB ทำคะแนนไปได้ 501696 คะแนนถือว่าแรงดีครับ และในส่วนของ UFS 3.0 ทำคะแนนได้ดีเช่นเดิมคือ 1472 และ 671 แน่นอนว่าความปลอดภัยรองรับ NETFLIX FHD เรียบร้อยสูงสุดครับ และ คะแนน GEEKBENCH นั้นทำไปได้ 556-2532
SYSTEM UI
หน้าตาเรือธงตัวนี้ยังคงใช้งาน ONE UI2 ตัวล่าสุดครับ ที่มีการเปลี่ยนมาไม่นานครับ และพัฒนาแก้ไขจากรุ่น 1 มาเยอะขึ้นในแง่ของความเสถียรครับและหน้าตาบางอย่างเลยทำให้ หน้าตารวมๆสวยงามเลยนะ ในหน้าล็อคนั้นมีรูปลายนิ้วเราก็สามารถสแกนนิ้วได้เลยครับ ส่วนหน้าตา ไอคอน และ อุณหภูมิอะไรก็ไปอยู่มุมซ้ายสวยงามเลยครับ ส่วนหน้าตารวมๆก็เรียบสวยขึ้นนะอันนี้แอบชอบครับ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้และรู้สึกว่ามันมีความลื่นไหลมากกว่าเดิมแบบชัดเจนในการพัฒนารอบนี้
หน้าตาการแจ้งเตือน ตั้งค่าอะไรนั้นมาในโทนสีขาวฟ้าครับ ไอคอนอะไรปรับเปลี่ยนหน้าตาได้เรียบขึ้นและแตะได้ง่ายขึ้นครับ การแจ้งเตือนสามารถกดเคลียร์ได้ และเมื่อลากลงมานั้นก็เข้าการตั้งค่าได้ง่าย และ สามารถปรับแสงหน้าจอได้รวมถึงมีเวลาอะไรบอกอยู่ตรงกลาง ด้านบนครับ ส่วนการแบ่งหน้าจอนั้นสบายๆมีไปหลายหน้าจอตามใจชอบเลย
สำหรับเรื่อง RAM 8 GB นั้นใช้ประมาณครึ่งๆ 4.7 GB ครับ ใช้งานได้สบายๆเหลือๆ ส่วนตัวความจุนั้น เหลือ 110 โดยประมาณครับถ้าตัดแอป และ เพลง รูปภาพอะไรหมดเหลือแค่ระบบนะครับ ระบบจะประมาณ 18.4 GB จริงๆความจุในภาพรวมนั้นต้องบอกกันตรงๆถือว่าน้อยไปหน่อยสำหรับเรือธง ที่ถ่าย 8K 4K ได้ครับ คีย์บอร์ดนั้นเป็นภาษาไทย ของทาง Samsung เองหลายๆคนอาจจะชอบกันครับ
ในส่วนของ Gesture ก็มีให้มาตามภาพครับทั้งการแตะ 2 ครั้ง พักหน้าจอต่างๆ ฝ่ามือจับภาพหน้าจอเป็นต้น และปุ่มด้านข้างก็มาใส่ฟีเจอร์เสริมในการปลุก Bixby พวกนี้ครับ และแน่นอนว่ามีพวก Game Launcher – Dual app มาให้รวมถึง โหมดใช้งานง่ายและ Smartswitch
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้