การกักตุนอาหารและของใช้คือสิ่งที่ควรทำในปัจจุบันแล้วหรือยัง?

ผมว่าจะไม่ตั้งแต่กระทู้แล้ว แต่อดเป็นห่วงหลายคนที่ยังไม่ตระหนักถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น เพราะสถานการณ์ไม่ดีขึ้นและประเทศไทยก็อ่อนนิ่มต่อสถานการณ์มาก ...ขออธิบายคำว่าอ่อนนิ่มนิดหนึ่ง

- หน้าบางไม่ห้ามคนจากประเทศกลุ่มเสี่ยงเข้าประเทศ
- จะคนไทย หรือ นทท. เข้ามาแล้วกักตัวไม่ได้ ไม่กล้าทำ
- การคัดกรองเป็นแค่ฉากทำเป็นพิธี เพราะ 2 กรณีล่าสุด ก็สะท้อนแล้วว่า มาป่วยทีหลัง (ที่ป่วยแล้วไม่บอกอีกเท่าไหร่?)
- เชื่อว่าราชการไทยหน้าบางไม่กล้างดกิจกรรมสงกรานต์ทั่วประเทศแน่นอน
- กลัวขาดรายได้แต่ไม่กลัวโรคระบาดทั่วประเทศ

จากสถานการณ์ปัจจุบัน การกักตุนอาหารและของใช้ในชีวิตประจำวันคือสิ่งที่สมควรทำตอนนี้ และผมทำแล้ว! เพราะเราไม่สามารถมั่นใจกับระบบการคัดกรอง และการสาธารณสุขของบ้านเราที่ "ไม่จริงใจและพูดไม่หมด" ทีแรกบอกว่าเป็นไข้หวัดธรรมดา ไม่ต้องกังวล ตอนนี้กลับยกระดับกันใหญ่โต แต่ถึงยกระดับแล้วก็ไปไม่สุด เหมือนเสือกระดาษ เป็นเพราะรู้ตัวว่าเอาไม่อยู่แล้วหรือเปล่า?

ความหน้าบางของหน่วยงานรัฐ ที่ไม่กล้าห้าม นทท. เข้าประเทศ ประชาชนก็เลยต้องอกสั่นขวัญแขวนกันอยู่แบบตอนนี้ ระบบคัดกรองที่เชิดชูกันหนักหนา ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าไม่ได้เรื่องและล้มเหลว เพราะ 2 กรณีล่าสุดก็ คือ ผ่านการคัดกรองที่สนามบินมาแล้ว และมาป่วยทีหลัง นทท. อีกกี่หมื่นกี่พันที่ผ่านเข้ามาแบบนี้ แล้วไม่ได้ตรวจ แพร่เชื้อไปแล้วเท่าไหร่ทั่วประเทศ? มดงานคงไม่ต้องทำงานหนัก ถ้าปิดประเทศและกีดกันนักท่องเที่ยวเสียตั้งแต่ทีแรก แต่เพราะหน้าบาง จึงไม่กล้าลงมือ สุดท้ายคนซวยคือประชาชนและเจ้าหน้าที่ตัวเล็ก ๆ เหมือนเดิม

ในขณะที่หลายประเทศเริ่มกีกกันคนที่เดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงแล้ว แม้กระทั้งประเทศที่เจริญแล้ว แต่ไทยยังคงมั่นใจแบบผิด ๆ กับระบบคัดกรองที่ช่วยไม่ได้จริง และล้มเหลว

ตราบใดที่ยังไม่ปิดประเทศ หรือห้าม นทท. จากประเทศที่เสี่ยงเข้าประเทศ อย่าไปหวังลมหวังแล้งจากตัวเลขที่ขยับช้า ทั้ง ๆ ที่เรารับคนกลุ่มเสี่ยงเข้าประเทศทุกวัน ผมคนหนึ่งที่บอกเลยว่า ไม่มั่นใจการทำงานของระบบสาธารณสุขบ้านเรา ที่งุบงิบและไปไม่สุด ไม่กล้าทำอะไรจริงจังสักที เลือกที่จะไม่ตัดต้นตอของปัญหา แต่ใช้วิธีแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปเรื่อย ๆ ด้วยการคัดกรอง ทั้ง ๆ ที่เชื้อใช้ระยะเวลาฟักตัวนาน ผ่านเครื่องสแกนไม่ได้หมายความว่าไม่ติดเชื้อ

ประเด็นเรื่องข่าวลือที่มีคนติดไวรัสที่นั่นที่นี่ในประเทศ ผมเองก็ไม่ได้ให้น้ำหนัก และขอไม่พูดถึง ประเทศอื่นเขาจับ ปชช. ตรวจกันมากมายเขาถึงเจอเพิ่มเรื่อย ๆ ส่วนของเราตั้งรับ ขอความร่วมมือ มาตรวจสิจ๊ะ ตัวเลขมันถึงเพิ่มช้าหรือไม่? ไม่ตรวจ = ไม่เจอ เป็นที่กังขาของคนทั่วไป

เฟส 3 มันจะมาแน่นอน คำถามคือเมื่อไหร่เท่านั้น และเมื่อถึงวันนั้น ประชาชนจะรู้ตอนที่ทุกอย่างสายเกินแก้ และระบาดไปทั่วแล้วหรือไม่?
อีกไม่นานประเทศไทยจะเข้าสู่เทศกาลสงกรานต์ ซึ่งมีวันหยุดยาวติดต่อกันเกือบ 1 สัปดาห์ การเคลื่อนไหลของคนเดินทาง ร่วมกับ นทท. จากทั่วทุกสารทิศ ที่จะประเดประดังเข้ามาเพิ่มความเสี่ยงการระบาดภายในประเทศได้อีก

เมื่อถึงเวลานั้น ผมเชื่อว่าประเทศไทยจะหน้าบางไม่กล้างดกิจกรรม แต่แค่ใช้วิธีขอความร่วมมือ ซึ่งมันช่วยป้องกัน ปกป้อง หรือแก้ปัญหาอะไรไม่ได้เลยเข้าใจไหม จนสุดท้ายระบาดไปทั่วประเทศ กว่าคนทั่วไปจะรู้คือวิกฤติหนักแล้ว เพราะไม่ได้ปิดข่าวแต่ให้ข้อมูลช้า นี่คือ ระบบราชการของไทย
เมื่อการระบาดกระจายเป็นวงกว้างจนไม่สามารถยับยั้งได้ สุดท้ายก็จะออกมาเตือนประชาชนเท่ ๆ ว่า ให้ระมัดระวังป้องกันตัวเอง

สรุป
- ระบบคัดกรองเชื่อถือไม่ได้ เพราะเชื้อฟักตัวนาน ที่หลุดโดยไม่รู้อีกเท่าไหร่
- ไม่กล้าปิดกั้น นทท. + ไม่กล้างดกิจกรรมสงกรานต์
- ใครมั่นใจก็แล้วแต่ท่านพิจารณา แต่ผมไม่มั่นใจ และจะไม่รอคำตอบที่ล่าช้าของภาครัฐ ขอเตรียมพร้อมก่อน กันไว้ดีกว่าแก้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่