ตามภาพ ตามฝัน ไปปีนัง (ตอน 13)


ตอน 13
 
          หลังเวลาอาหารกลางวันในสภาพอากาศร้อนแบบนี้ คงจะไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการนั่งตากแอร์เย็นฉ่ำดื่มกาแฟรสชาติดีสักแก้ว ในเมืองฟาตูเฟอร์ริงงิมีร้านกาแฟอยู่หลายร้าน แต่ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากที่สุด ก็คงเห็นจะเป็นร้านกาแฟแบรนด์ดังอย่างสตาร์บัค คอฟฟี่ กับบรรยากาศริมทะเลนั่งทอดอารมณ์จิบกาแฟไปกับสายลมแสงแดด คงจะไม่มีกาแฟแก้วไหนจะรสชาติดีกว่านี้อีกแล้ว แต่การเดินทางมาปีนังครั้งนี้ ผมตั้งใจว่าจะซึมซับแรงบันดาลใจจากร้านกาแฟ (Café) หลากหลายสไตล์ที่มีอยู่มากมายเต็มเมืองจอร์จทาวน์ สำหรับคาเฟ่แห่งแรก เป็นคาเฟ่สไตล์คนรักแมว ชื่อว่า Purrfect Cat Café
          Purrfect Cat Café เป็นร้านกาแฟที่ตกแต่งด้วยโทนสีขาวภายในอาคารเก่าสองชั้น บริเวณชั้นล่างเปิดเป็นร้านขายของที่ระลึกที่ออกแบบดีไซด์เก๋ไก๋จนเป็นเอกลักษณ์ไม่ซ้ำแบบใคร ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของตั้งแต่พวงกุญแจ ตุ๊กตา หมอน ไปจนถึงเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ทุกอย่างล้วนแล้วแต่นำภาพน้องแมวมาเป็นจุดขายทั้งสิ้น สินค้าถูกจัดวางเรียงรายเป็นระเบียบสวยงาม ถ้ามีเพียงเท่านี้ก็คงจะไม่ต่างกับร้านขายของที่ระลึกธรรมดาทั่วไป แต่ร้านนี้กลับไม่ใช่ เจ้าของร้านมีไอเดียต่อยอดกันและกัน หมายความว่ายังไง? ก็เจ้าของร้านได้นำเอา ร้านขายของที่ระลึก ร้านกาแฟ และน้องแมว มาผนวกเข้าด้วยกัน โดยไม่รู้ว่าสิ่งไหนมาก่อน แล้วสิ่งไหนถูกต่อยอดมาภายหลัง หรืออาจมาพร้อมกันอย่างตั้งใจตั้งแต่แรกแล้วก็เป็นได้ พนักงานภายในร้านอนุญาตให้ถ่ายภาพสินค้าภายในได้ตามอัธยาศัย ไม่หวงไม่ห้ามแต่อย่างใด ช่างใจดีเสียเหลือเกิน สำหรับร้านกาแฟจะอยู่ชั้นสอง โดยการสั่งกาแฟนั้นจะต้องสั่งจากแคชเชียร์ชั้นล่าง แล้วจึงนำใบเสร็จไปให้พนักงานประจำร้านกาแฟชั้นบน 
          เมื่อเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นบนก็พบว่าภายในถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน พื้นที่ส่วนใหญ่ถูกจัดเอาไว้เป็นร้านกาแฟแบบนั่งกับพื้นสบายอารมณ์ตามสไตล์โต๊ะญี่ปุ่น อีกส่วนเป็นห้องกระจกถูกจัดไว้เป็นที่พักของน้องแมว และเมื่อนำใบเสร็จไปยื่นให้ พนักงานก็จัดแจงชงกาแฟทันที ในระหว่างรอขอเข้าไปทักทายน้องแมวสักหน่อย เพราะพนักงานด้านล่างบอกเอาไว้เป็นซุปเปอร์สตาร์แมวต่างสายพันธุ์จำนวนเก้าตัว แล้วตัวไหนเป็นตัวจริงกันล่ะเนี่ย ก็เจ้าแมวซุปเปอร์สตาร์ดันนอนปะปนอยู่กับตุ๊กตาแมวอย่างแยกกันไม่ออก น้องแมวส่วนใหญ่ไม่ได้ให้ความสนใจนักท่องเที่ยวเลยแม้แต่น้อย ทุกตัวเอาแต่ง่วงเหงาหาวนอนอยู่ตามมุมต่างๆ บางตัวหลับอย่างไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น บางตัวลืมตาขึ้นมามองผู้มาเยือนเป็นการกล่าวทักทายแล้วก็หลับต่ออย่างไม่ใยดี ผมใช้เวลาเล่นกับน้องแมว ไม่ใช่สิ ยืนดูน้องแมวหลับสักพัก ก็เริ่มรู้สึกง่วงอยากนอนเหมือนแมวเสียแล้ว ออกมานั่งดื่มกาแฟดีกว่า 
          รสชาติของกาแฟร้านนี้ใช้ได้ทีเดียว
 
จำได้ว่าร้านกาแฟประเภทนี้ช่วงเวลาหนึ่งในเมืองไทยเคยได้รับความนิยมจนกลายกระแสโด่งดัง โดยเฉพาะคนรักสัตว์ไม่ว่าจะเป็น น้องแมว น้องหมา น้องกระต่าย หรือสัตว์อื่นๆ ที่ดูยังไงก็ไม่น่ารักเอาเสียเลยอย่างอีกัวน่า หรือที่ใครหลายคนเรียกเป็นอีน่ากลัว ไม่ว่าจะเรียกกันว่าอย่างไร ก็ยังเอามาเป็นจุดขายของร้านกาแฟได้ แต่ร้านกาแฟลักษณะนี้ก็อยู่ได้ไม่นาน คึกคักเป็นกระแสในตอนแรก จากนั้นก็เริ่มทยอยปิดตัวกันไป 
ผมยังอดหวั่นใจไม่ได้ มาปีนังคราวหน้าไม่รู้ว่าร้านกาแฟและน้องแมวจะยังอยู่หรือไม่ จะเป็นเหมือนเมืองไทยมั้ยนะ 
 
          อีกแห่งเป็นแนวสไตล์อาร์ต ซึ่งผมพบร้านนี้ด้วยความบังเอิญ เนื่องจากเดินหลงทางจนไปเจอร้านนี้เข้า ซึ่งร้านกาแฟเก๋ๆ นี้มีชื่อว่า Narrow Marrow ตั้งอยู่ภายในอาคารเก่าตกแต่งร้านด้วยสไตล์อาร์ต เริ่มตั้งแต่เคาท์เตอร์ แก้วกาแฟ โต๊ะ เก้าอี้ ล้วนแล้วแต่เป็นการผสมกลมกลืนกันระหว่างของเก่าและงานศิลปะอย่างลงตัว 
          และในระหว่างที่ดื่มกาแฟอยู่นั้น ผมก็เดินถ่ายภาพเก็บบรรยากาศภายในร้านไปด้วย
          ‘นั่นมันอะไรว่ะ’ ผมนึกในใจ ที่บังเอิญเห็นวัตถุขนาดเล็กบางอย่างแว๊บเข้ามาในช่องมองภาพ ผมเดินเข้าไปดูเจ้าสิ่งของแปลกปลอมนั้น เป็นวัตถุสีเงินแวววาวสะท้อนแสง ขนาดเล็กมาก ติดเอาไว้กับหัวตะปูที่ตอกเอาไว้บริเวณฝาผนัง ไม่รู้ว่ามันคืออะไรกันแน่      
‘เฮ้ย! นั่นมันช้างน้อย... นี่หว่า’ ผมอดขำกับช้างน้อยไม่ได้ สิ่งที่เห็นเป็นช้างน้อยจริงๆ มีการพับกระดาษสีเงินเป็นรูปช้างติดเอาไว้ที่หัวตะปู นี่ถ้าไม่สังเกตให้ดีไม่มีทางเห็นเด็ดขาด จากนั้นก็เริ่มมองไปรอบๆ แล้วก็เจออีกตัว เป็นช้างน้อยสีฟ้า สุดยอดจริงๆ ไอเดียพับกระดาษให้เป็นงานศิลปะขนาดจิ๋ว ถือเป็นการตกแต่งร้านที่เรียกเสียงหัวเราะให้กับลูกค้าได้มากทีเดียว และยังเป็นการเพิ่มเสน่ห์ให้ร้านกาแฟได้อีกด้วย
 
          หลังจากล้างหน้าล้างตาแล้วค่อนสดชื่นขึ้นมาหน่อย วันนี้อากาศที่บาตูเฟอร์ริงงิร้อนจริงๆ และเมื่อเดินกลับมาที่โต๊ะก็มีกาแฟวางรอเอาไว้แล้ว หลังจากจิบกาแฟผ่อนคลายอารมณ์ก็ต้องอมยิ้มกับรสชาติของกาแฟ รสชาติดีไม่แพ้ร้านดัง คิดไม่ผิดเลยที่เลือกมาคาเฟ่แห่งนี้
          Ferringhi Coffee Garden ถือว่าเป็นคาเฟ่ที่เกินความคาดหมาย เนื่องจากการหาข้อมูลตอนแรกเห็นเพียงแต่ภาพสวยงามเพียงบางมุมของร้าน จึงลองเสี่ยงเข้ามาดูว่าจะสวยงามอย่างที่ลงรูปเอาไว้หรือไม่ แต่พอมาถึงต้องบอกเลยว่าคาเฟ่นี้ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ บริเวณด้านหน้าถูกจัดเป็นสวนขนาดย่อม ร่มรื่นไปต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงา ตกแต่งประดับประดาด้วยไม้ดอกไม้ประดับนานาชนิด หลากสีสันสดใส สวยงาม ให้ความรู้สึกสดชื่นทันทีที่ย่างกายเข้ามาในร้าน ตอนนี้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้จับจองที่นั่งบริเวณสวนจนเต็มหมดแล้ว เมื่อเดินเข้ามาด้านในก็มีที่นั่งรอบๆ อยู่ด้านนอกห้องกระจก ซึ่งก็ร่มรื่นไม่แพ้กัน ไม้ดอกไม้ประดับถูกแขวนเอาไว้จนแทบไม่มีที่ว่าง ไม่ว่าจะเป็นกล้วยไม้หลากพันธุ์ชูช่อบานสะพรั่ง ดอกหน้าวัวให้สีสดใส หรือสวนสวยในโหลแก้ววางเรียงรายให้เห็นอยู่หลายจุด บ่งบอกถึงการเอาใจใส่ดูแลต้นไม้เหล่านี้เป็นอย่างดี ผมเลือกนั่งอยู่บริเวณด้านนอก เพราะห่างไกลจากนักท่องเที่ยวอื่นและมีความเป็นส่วนตัว ส่วนบริเวณด้านในเป็นห้องกระจก เป็นห้องอาหารติดแอร์เย็นสบาย แต่กลับไม่มีคนนั่งเลยสักคน สำหรับคาเฟ่นี้ได้ใช้ความร่มรื่นต้นไม้และความงดงามของไม้ดอกไม้ประดับเป็นจุดขายภายใต้คำว่า Garden และยังมีการแสดงภาพเขียนสีน้ำมันที่ส่วนใหญ่เป็นภาพไม้ดอกไม้ประดับสีสัดสวยงามไม่ต่างจากแกลลอรี่ในสวน 

          ผมได้มีโอกาสพูดคุยกับชายหนุ่มอัธยาศัยดี ชื่อว่า Mr. Gabriel Tan ที่เป็นผู้จัดการร้าน และยังเป็นบาริสต้าประจำร้านพ่วงอีกหนึ่งตำแหน่งด้วย โดยชายหนุ่มเล่าให้ฟังว่าอยากให้ลูกค้าได้ดื่มกาแฟรสชาติดีในบรรยากาศธรรมชาติร่มรื่น ซึ่งไอเดียนี้ถือว่าทำได้ดีมาก ผมเชื่อว่าลูกค้าทุกคนคงจะพอใจเป็นอย่างมากกับสิ่งที่ร้านมอบให้ และจุดเด่นประการสำคัญอีกอย่างของร้าน จะอยู่ตรงที่การนำเอาเครื่องชงกาแฟขนาดใหญ่มาตั้งเอาไว้ในสวน ซึ่งจะทำให้บาริสต้าสามารถพูดคุยกับลูกค้าอย่างใกล้ชิด ทั้งชงเองเสิร์ฟเอง และที่สำคัญลูกค้าสามารถมองเห็นทุกขั้นตอนของการชงกาแฟถ้วยโปรดได้อีกด้วย ถือเป็นไอเดียการเข้าถึงลูกค้าที่ยอดเยี่ยมมาก และอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้ผมชื่นชอบร้านนี้เป็นพิเศษ คงจะเป็นภาพเขียนสีน้ำมันรูปวัวกระทิงสีสันฉุดฉาดที่ติดเอาไว้บริเวณผนังด้านบนของเครื่องชงกาแฟ และเมื่อ Mr. Gabriel Tan ยืนชงกาแฟ จะเห็นภาพเขียนนี้เป็นฉากหลัง ดูแล้วช่วยเสริมให้พ่อหนุ่มคนนี้มีพลังอำนาจเป็นอย่างมาก และขอบอกเลยว่าภาพเขียนวัวกระทิงนี้สวยงามมากๆ 
          ผมเชื่อว่าผู้ที่หลงใหลในรสชาติของกาแฟหลายคน ใฝ่ฝันอยากมีร้านกาแฟเก๋ๆ สักร้านเป็นของตัวเอง แล้วร้านแบบไหน ตกแต่งอย่างไรล่ะ ที่เราต้องการ เป็นคำถามที่ตอบยากมาก ในเมื่อยังหาคำตอบให้กับตัวเองยังไม่ได้ ในระหว่างนี้ผมแนะนำว่าลองเดินทางไปยังที่ต่างๆ มองหาร้านกาแฟเก๋ๆ ไอเดียแปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร ซึมซับแรงบันดาลใจ เผื่อว่าจะได้ไอเดียร้านกาแฟตามที่ตนต้องการก็ได้ 
 
บันทึกหลายฉบับกล่าวอ้างไว้ว่า “กาแฟ” (Coffee ในภาษาอังกฤษนั้น มาจากรากศัพท์ของคำว่า “คัฟฟา” (Kaffa) ซึ่งเป็นชื่อของที่ราบสูงทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศเอธิโอเปีย ตามตำนานเล่าว่าที่ราบสูงแห่งนี้เป็นแหล่งกำเนิดของกาแฟต้นแรกของโลก หลายคนอาจสงสัยว่าเอธิโอเปียเนี่ยนะ จะเป็นต้นกำเนิดของกาแฟได้อย่างไร แต่ทุกอย่างก็เป็นไปแล้ว ประเทศเอธิโอเปียได้มีการพัฒนาประเทศหลายด้าน จนทำให้ภาพความแร้นแค้นในอดีตค่อยๆ จางหายไป และปัจจุบันก็กลายเป็นแหล่งปลูกกาแฟที่สำคัญของโลก นอกจากจะเป็นต้นกำเนิดกาแฟแล้ว ประเทศเอธิโอเปียยังมีวัฒนธรรมการชงกาแฟที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เริ่มต้นจากการคั่วเมล็ดกาแฟบนกระทะร้อนทรงแบบ เมื่อกาแฟส่งกลิ่นหอมฉุยเมล็ดเปลี่ยนเป็นสีดำได้ที่ ก็นำมาตำด้วยครกให้ละเอียด จากนั้นก็ใส่เข้าไปในภาชนะรูปทรงคลายเหยือกทรงสูง เมื่อเติมน้ำแล้วก็นำไปตั้งบนเตาไฟ เมื่อน้ำเดือดกาแฟจะส่งกลิ่นหอมฉุยไปทั่ว จากนั้นก็นำมารินใส่ถ้วยใบเล็กเหมือนถ้วยชาของชาวจีน บรรจงจิบทีละถ้วยในปริมาณสักสามถ้วยถือว่ากำลังดี นี่ล่ะวัฒนธรรมการดื่มกาแฟของเอธิโอเปียที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร
และทั้งหมดนี้ ก็เป็นเหตุผลที่ทำให้เหล่าคนคลั่งไคล้กาแฟจะต้องเดินทางไปยังประเทศเอธิโอเปีย เพื่อไปชิมรสชาติของกาแฟจากต้นกำเนิด
 
          กาแฟต้นแรกของโลก! 

by 
กบในกะลาแก้ว





แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่