29 กุมภาพันธ์ ครบรอบ 16 ปี The Return Of The King สร้างประวัติศาสตร์กวาด 11 รางวัลออสการ์


- 29 กุมภาพันธ์ ครบรอบ 16 ปี The Return of the King สร้างประวัติศาสตร์กวาด 11 รางวัลออสการ์
.
“แม้ผู้ที่ต่ำต้อยที่สุดก็สามารถลิขิตอนาคตได้” ช่างเป็นถ้อยคำที่กินใจ ให้พลัง แต่เหมือนเป็นเพียงการเติมแต่งจินตนาการ ของแบบนี้คงเกิดขึ้นแต่กับเรื่องสมมติ ก็จนกระทั่งมีคนกลุ่มหนึ่งได้พิสูจน์ว่าคำกล่าวนี้สามารถเป็นไปได้ในโลกแห่งความเป็นจริง
.
หากใครได้อ่านเบื้องหลังการสร้าง The Lord of the Rings คงทราบดีว่าหนังเรื่องนี้คือความเป็นไปไม่ได้ในทุกทาง แค่ลำพังการจะขอสิทธิ์ดัดแปลง ให้ได้รับมอบหมายดูแล หรืออนุมัติทุนสร้าง ปีเตอร์ แจ็คสัน กับพรรคพวกต้องดิ้นรนกันแบบเลือดตาแทบกระเด็นเป็นปีๆ
.
ไหนจะกระบวนการสร้างอันซับซ้อนแบบถ่ายทำรวดเดียวสามภาค ยกกองกันไปปักหลักที่นิวซีแลนด์เกือบสองปี หลายคนต้องบอกลาชีวิตเดิมของตัวเองพร้อมกับต้องเดิมพันอนาคต เพราะต่อให้เพ่งมองยังไง พวกเขาก็ไม่รู้เลยว่าจะได้ถึงฝั่งฝันกันรึเปล่า ระหว่างนั้นต้องเจอกับสารพัดอุปสรรค เวลา งบประมาณ ภัยธรรมชาติ ความเจ็บป่วย นี่คือการถ่ายหนังที่ผู้กำกับนิยามว่าเป็น “การต่อรางรถไฟแบบที่มีรถไฟวิ่งไล่หลังมา”
.
แต่แล้วพวกเขาก็ทำได้ จากการประเดิมอย่างสวยหรูกับ The Fellowship of the Ring (2001) มาทวีความนิยมด้วย The Two Towers (2002) จนกระทั่งบทสรุปสุดท้ายกับ The Return of the King (2003) ที่ซึ่งความคาดหวังท่วมท้นเกินประมาณ พวกเขาก็ไปได้สุดทางประหนึ่งโฟรโดกับแซมที่ถึงยอดภูมรณะ
.
แม้จะเคยมีหนังเรื่องก่อนๆ จารึกสถิติสถิติคว้าสิบเอ็ดรางวัลตุ๊กตาทองไว้แล้วอย่าง Ben-Hur (1959) กับ Titanic (1997) แต่ยังไม่เคยมีเรื่องไหนทำได้ชนิดเก็บเรียบทุกสาขาที่เข้าชิงแบบ The Return of the King เช่นนี้  
.
ครั้งนั้นบรรดาผู้ร่วมเข้าชิงคงยอมรับสภาพว่าโอกาสของพวกเขาช่างริบหรี่ แหวนครองพิภพได้ทลายภาพจำเดิมของหนังแฟนตาซีที่มักถูกจัดเป็นหนังเกรดรองด้วยคุณภาพคับแก้วแข็งแกร่งทั่วแผ่น อย่างดนตรีประกอบไพเราะเสนาะหูของ ฮาเวิร์ด ชอร์, งานเทคนิคพิเศษที่ลำพังโมชั่นแคปเจอร์ก็ปฏิวัติวงการ, งานโปรดักชั่นที่ลงทุนเนรมิตฉากนครปราการ, งานคอสตูมที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ประจำเผ่าพันธุ์, งานเมคอัพที่เติมแต่งให้เห็นเอลฟ์รูปงามกับออร์คอัปลักษณ์, การเขียนบทที่สามารถถอดรหัสงานประพันธ์ของ เจ.อาร์.อาร์ โทลคีน ไปจนถึงการเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงของแจ็คสันที่พาทุกคนผ่านพ้นทุกขวากหนาม
.
ยากที่จะปฏิเสธชัยชนะของพวกเขา ไม่ว่าเบื้องหลังหรือชิ้นงานฉบับสมบูรณ์ หนังเรื่องนี้ช่างเต็มไปด้วยหัวจิตหัวใจ เพราะคนทำนั้นทำกันด้วยศรัทธาแรงกล้า พวกเขาเริ่มในฐานะทีมรองบ่อนที่ถูกปรามาส อาศัยความกลมเกลียวอันหนึ่งอันเดียวจนมีบรรยากาศกองถ่ายที่อบอุ่นเป็นกันเองที่สุด ราวกับครอบครัวใหญ่ หรือคณะเดินทางรอนแรมไกลแบบไม่มีทิ้งกัน
.
จนกลายเป็นว่าเรื่องราวกระบวนการสร้างก็เป็นการสะท้อนใจความสำคัญของหนัง ช่างดูไร้สง่าราศี ไร้ซึ่งบารมี แค่คนทำหนังจากนิวซีแลนด์กลุ่มหนึ่งที่ริอาจไปแตะต้องวรรณกรรมชิ้นเอกในประวัติศาสตร์มนุษย์ ผลลงเอยที่พวกเขาได้จารึกตำนานเฉพาะตัว ชนิดที่ห้าสิบปีข้างหน้าก็ยากจะมีเรื่องราวเล่าขานแบบเดียวกันนี้เกิดขึ้นอีก
.
และสุดท้ายนี้ อีกหนึ่งความดีงามที่หนังชุดนี้มอบไว้ก็คือการเป็นตัวอย่างของ ความเป็นไปไม่ได้ที่เป็นไปได้ เฉกเช่นสี่ฮอบบิทที่กลายเป็นผู้กอบกู้มัชฌิมโลก ช่างดูไกลเกินจริงแต่ก็เกิดขึ้นแล้ว เจตนารมณ์ของโทลคีนได้รับการถ่ายทอดอย่างชัดแจ้ง
.
“...บัดนั้น สี่ฮอบบิทที่ต้อยต่ำจากไชร์ได้ยืนสูงตะหง่านกว่าผู้ใดในทั่วหล้า”
.
.
.
.

เครดิต : Vintage Motion 
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่