คุณคิดอย่างไร เมื่อเจอเหตุการณ์ในการจะเริ่มชีวิตคู่แบบนี้

ผมเพิ่งแต่งงานเมื่อ 2 พ.ย.62 ที่ผ่านมา ซึ่งก่อนแต่งงานได้ตกลงกันไว้ว่า ให้ผมหาเงินไปจัดงานแต่งเอาหน้าเอาตาพ่อแม่เจ้าสาวสักหน่อย แล้วจะคืนสินสอด ค่าจัดงานที่เหลือหลังจากหักค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด จริงๆผมไม่ได้อยากแต่งงานกับคนนี้หรอก แต่ถูกมัดมือชกครับ ผมเลยไปกู้เงินมาสำหรับจัดงานแต่ง จ่ายเกือบทุกอย่าง ตั้งแต่ ค่าพรีเวดดิ้ง ค่าพิมพ์การ์ด ค่าแต่งหน้า ค่าชุดแต่งงาน ค่าแต่งหน้าเจ้าสาว สินสอดทองหมั้น ค่าจัดงานเลี้ยง เบ็ดเสร็จ ผมจ่ายไป 420,000.- บาท และแล้วสิ่งที่ผมเจอ

1. คืนงานก่อนวันแต่ง หรือวันลองไฟ ขณะที่บรรดาญาติพี่น้องกำลังเดินทางมาร่วมงาน ที่ต้องมาก่อนเพราะต้องเดินทาง 800-900 กม. ว่าที่เจ้าสาวก็มาคุยกับผมว่า "พี่!! จริงๆสินสอดมันเป็นสิทธิ์ของแม่ แม่จะไม่คืนให้ก็ได้ พี่อย่าคิดว่าพี่จ่ายคนเดียวนะ ทางนี้ก็จ่าย" ผมนี่อึ้งเลยนะฮะ แต่ก็พยายามเก็บอารมณ์ไว้ ไม่อยากให้งานเสีย ตอนแรกว่าจะเข้านอนให้ไว พอเจอแบบนี้ ไม่แล้วครับ ซัดเหล้ากับเพื่อนต่อยันแจ้ง งานเช้านี่ตาผมจะแข็งๆหน่อย

2.ในงานเลี้ยงฉลองสมรส ก่อนขึ้นเวทีช่วงพิธีการ พิธีกรก็มาแจ้งว่า จะให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวพูดเรื่องความประทับใจต่อกัน แล้วเจ้าสาวก็หันมาพูดกับผมตอนนั้นเลยว่า "ไม่รู้จะพูดอะไรดี เพราะไม่เคยมีความประทับใจต่อกัน" ผมนี่แบบอึ้งรอบสอง พยายามเก็บความรู้สึกไว้ จริงๆอยากเดินออกจากงานไปเลยซะตอนนั้น พยายามทำไรกลบเกลื่อนไม่ได้อารมณ์หลุด เพราะงานคืนนั้นแขกผู้ใหญ่มากันเยอะมาก มีทั้ง สส. สจ. ผู้บังคับบัญชา ผู้ร่วมงาน แล้วก็ทนได้ครับ

3. ในห้องหอ ผมก็เข้าไปนอน แล้วไปโอบกอดเค้า แต่เค้าไม่ยอมครับ แล้วเค้าก็พูดออกมาว่า "เค้าไม่โอเค ที่ต้องมานอนกับผู้ชายที่ไม่ได้รัก" อึ้งรอบสามครับ ผมก็พูดออกไปว่า "แล้วแต่งทำไม ทำไมไม่ปฏิเสธ นี่ก็ถูกมัดมือชก คิดว่าอยากจะแต่งรึ มีคนมาชอบผมมากมาย แต่ผมก็เลือกมาแต่งงานกับคุณ เสียเงินไปเท่าไหร่" แต่เขาก็ไม่ได้สนใจในสิ่งที่ผมพูด และบอกกับผมว่าให้ไปจีบเขาใหม่ ให้เขารู้สึกรักก่อน ถึงจะยอม ผมนี่อยากจะพูดออกไปจริงๆว่า อีห่า  35 แล้วนะ มาเล่นตัวอีก นอกจากไม่มีอะไรให้กูหลงไหล แล้วยังมาปากอีก แต่ก็ไม่ได้พูดออกไป จริงๆเกือบจะเดินออกจากห้อง แล้วขับรถกลับบ้านซะคืนนั้นเลย

4. แล้วผมก็กลับมาทำงานของผม ผ่านไป 5 วัน พอถึงวันหยุด ผมก็ออกเดินทางพร้อมหอบเศษใจที่เหลือน้อยนิด ขับรถเจ็ดร้อยกว่ากิโล ไปหาเค้า หวังว่ารอบนี้คงจะมีอะไรดีขึ้น แต่สิ่งที่เจอเค้ากลับขยี้เศษใจอันน้อยนิดจนแหลก ด้วยคำพูดที่ที่เค้าบอกว่าไม่รู้ว่าพูดแล้วจะทำให้ผมเสียความรู้สึก ผมเลยบอกเค้าว่า "ถ้าไม่รักกัน ก็สร้างภาพหน่อย ให้ญาติพี่น้องเค่ชื่นใจหน่อย วันนี้มันจะไม่กลับมาอีก" แต่ดูท่าทางเค้าก็ไม่ได้สนใจในคำพูดผมสักเท่าไหร่ 

หลังจากนั้นผมก็ไม่โทรหาเค้า ผ่านไป 7 วัน เค้าถึงส่งไลน์มาหาผมถามว่าทำไมไม่โทรหาเค้า งง แล้วญาติเค้า แม่เค้าก็โทรมาถามว่าเกิดอะไรขึ้น ผมก็เล่าให้เค้าไป พร้อมมาขอโทษขอโพย ร้องห่มร้องไห้ ขอร้องว่าอย่าเพิ่งเลิกกัน และแล้ววันที่ 29 ธ.ค.62 เค้าก็พาญาติรวม 7 คน เดินทาง มาหาถึงที่บ้านผม มาพูดคุยตกลงกัน ผมก็เลยบอกไปว่ายังคบกันต่อ เพื่อไม่ให้ญาติเค้าที่อุตส่าห์เดินทางไกลมารู้สึกแย่ไปด้วย 

จากนั้นเค้าก็ไลน์มาทักทุกวัน ทักมาก็ตอบ ไม่ทักก็ไม่ตอบ แต่ในหัวผมนั่นเวลาเห็นหน้าเค้าในความคิดทีไร คำพูดต่างๆก็พรั่งพรู รีรีนซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วอยู่ๆเค้าก็เงียบไปตั้งแต่ 21 ม.ค.63 แล้วเค้าก็เปลี่ยนรูปโปรไฟล์เฟซบุคเป็นสีดำ ผมเลยตัดสินใจบอกเลิกเค้า ตั้งแต่ 23 ม.ค.เป็นต้นมา สรุปแล้ว เสียเงินไป 420,000.- ได้คืนมา 100,000.- การจัดงานก็คุ้มทุนหมด แถมยังเหลืออีกเยอะ ที่เหลือก็อยู่ที่เค้าหมดเลย แล้วผมก็มาใช้หนี้ในส่วนนี้ รวมกับหนี้เดิม เบ็ดเสร็จก็เกือบๆล้านสอง ตอนนี้ผมก็เหมือนควายตัวหนึ่ง แต่ถ้าไม่เลิกกับเค้าผมคงเป็นควายร้อยตัว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่