เรื่องประหลาดในครอบครัวที่เกิดขึ้นคือ ไสยศาสตร์หรือ18มงกุฏ ??

   สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นขอเกริ่นก่อนว่า อยากแชร์เรื่องราวแปลกๆของเราที่พบเจอให้กับทุกคนช่วยกันวิเคราะห์แสดงความเห็น ซึ่งเรื่องทั้งหมดขอยืนยัน 100% ว่าเป็นเรื่องจริง โดยที่เราเองเก็บสะสม เล่าและปรึกษากันแค่ในหมู่เพื่อนสนิท ญาติพี่น้อง เท่านั้น เป็นตลอดระยะเวลาเกือบ 10 ปี โดยที่พยายามจะลืมปล่อยผ่าน แต่ว่ายิ่งผ่านปีไปเรื่อยๆ ความสงสัย ความอึดอัด ที่เราทำอะไรไม่ได้ แม้แต่จะพูด จึงอยากขอความเห็นจากเพื่อนๆในกระทู้ค่ะ
    ขอเข้าเรื่องเลยละกันนะคะ เราเป็นลูกสาวคนเดียว พ่อกับแม่เลิกกัน แยกทางกัน ตั้งแต่สมัยเราอยู่มอปลาย ช่วงมอปลายนั้น ซึ่งเราเองอยู่บ้านกับพ่อและเรามียายที่คอยเลี้ยงดู แต่แม่นั้นแยกไปอยู่ที่อื่น.. ระหว่างช่วงรอยต่อที่เรากำลังจะเข้ามหาลัย ยายเราจะอยู่บ้านตลอด ส่วนเราไม่ค่อยได้กลับบ้านเพราะเป็นช่วงเตรียมเข้ามหาลัยปี 1 เราไปเรียนกทม. แต่ก็พอจะรับรู้เรื่องของพ่อบ้าง ช่วงนั้นพ่อจะมีลูกน้องที่ทำงานคนสนิท เป็นผู้หญิงสองคน ขอตั้งนามสมมตินะคะ ว่า เอ และ บี ซึ่งจะมาที่บ้านบ่อยๆ หรือแม้กระทั่งพาไปบ้านพ่อที่ต่างจังหวัด จนญาติพี่น้องของพ่อ ก็รับรู้ และยินดีต้อนรับกันเป็นอย่างดี ด้วยความที่ผู้หญิงที่ชื่อ เอ ค่อนข้างพูดเก่ง ปากหวาน เข้าหาคนเป็น พ่อคอยเทียวไปเทียวมาบ้าน ไม่ได้กลับ ชอบบอกกับยายเราว่า ไปหาพ่อปู่ ( อารมณ์ประมาณไปทางหมอดู อะไรทำนองนั้น) จนช่วงที่เราไปมหาลัยแล้ว ยายก็ได้ไปอยู่กับลูกชาย น้าเรา อีกบ้านนึง ไม่ได้อยู่บ้านเราแล้ว เพราะเราไม่ได้นอนบ้าน ยายก็ไม่ได้รับรู้เรื่องราวอะไรอีก แต่ญาติพี่น้อง พวกพี่ป้าน้าอา เราก็จะรู้ดีกันหมด ตอนนั้นญาติๆเราก็มาเล่าให้ฟังว่า ไปงานแต่งน้า เอ กับสามีเค้า พ่อเราไปเป็นเถ้าแก่ให้ ญาติๆเราก็ไปงานแต่งงาน เพราะว่ารู้จักสนิทสนมกับผญ ชื่อเอ เป็นอย่างดี จากการที่พ่อเราแนะนำ .... ตอนนั้นเราไม่ได้ไป แต่ยายเราเคยไปร่วมงานด้วย ..... 
   เหตุการณ์ต่างๆเริ่มจะเปลี่ยนไป ตั้งแต่ ผญ ที่ชื่อเอ หย่ากับสามีเค้า และบอกกับญาติๆเราว่า แต่งกันเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ และมาหาพ่อเรา ด้วยความที่เคารพนับถือกัน สนิทกัน ... แต่ไปๆมาๆ กลับกลายสถานะมาเป็น ภรรยาคนใหม่ ที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฏหมายกับพ่อเรา โดยที่งานแต่งงาน / วันจดทะเบียน ญาติๆพี่น้องทางพ่อ รู้เห็นเป็นใจด้วย และก็ยอมรับผญ ชื่อ เอ เข้ามาเป็นคนในครอบครัว ... ส่วนเราอะหรอ ไม่ได้ไปร่วมงานหรอกค่ะ และก็ไม่ได้มีทีท่าจะยอมรับอะไรด้วย เราก็ใช้ชีวิตอยู่หอ อยู่มหาลัยของเราไป แต่พ่อเราเป็นคนส่งเงินให้เราเรียน ค่าใช้จ่ายทุกเดือน โดยที่แม่ไม่ได้ส่งให้ แต่แม่เราก็รับรุ้เหมือนกันว่าพ่อแต่งงานใหม่ ... สุดท้ายทุกคนก็พยายามยอมรับ และก็ใช้ชีวิตกันต่อไป ถ้าไม่มีเรื่องประหลาดๆ ที่จะขอเล่าเป็นเรื่องๆไปละกันนะคะ เอาเฉพาะเรื่องที่เรามองว่า มันประหลาด เพราะจริงๆแล้วมันเยอะมากเลยค่ะ ซับซ้อนมาก แต่ขอเล่าเฉพาะเรื่องพีคๆนะคะ ...
     
    ... เหตุการณ์ประหลาดแรก ...
   พ่อเราเคยเล่าให้ญาติๆเราฟัง ว่า ผญ ชื่อ เอ เป็นคนใต้ มุสลิม ครอบครัวที่เลี้ยงปัจจุบันที่อยู่ ที่เราเห็นเนี่ย เป็นแม่เลี้ยง ส่วนพ่อนั้นเป็นพ่อแท้ๆ เพราะพ่อมีเมียเยอะ ประมาณนั้น บ้านของผญ ชื่อเอ ที่อยู่ทางใต้เนี่ย ก็ไม่เคยมีใครเห็นหรอกค่ะ มีแต่คำบอกเล่าว่า บ้านค่อนข้างมีฐานะ แต่ทำธุรกิจอาจจะสีเทาๆนิดหน่อย อ่อ แล้วก็คนชื่อเอ มีฝาแฝดด้วยนะ ... ตอนนั้นเนี่ย มีการจองตั๋วเครื่องบิน ให้กับญาติๆพี่น้องเรากันเกือบทุกคนไปเที่ยวกระบี่ ไปนอนที่บ้านเค้า พอวันใกล้ๆจะไป .. พีคมาก พ่อเรามาบอกว่า ครอบครัวทางนั้นโดนลอบยิง (ไม่รู้ทำธุรกิจอะไรเนอะ) และต้องไปช่วยคนชื่อเอก่อน สรุปไฟลท์ก็แคนเซิลไปจ่ะ ไม่มีใครได้ไป แต่ด้วยความเป็นเหตุการณ์ประหลาดแรก ทุกคนก็เออออห่อหมก และยังชอคๆอยู่ ( คิดว่าเป็นเรื่องจริงกันละ)

... เหตุการณ์ประหลาดที่สอง ...
  ตอนวันจดทะเบียนสมรสกับพ่อเรา ก็มีถ่ายพรีเวดดิ้งนะจ๊ะ ไปจดกันต่างจังหวัดที่สุพรรณ ซึ่งตอนนั้นพี่สาวของพ่อเรา หรือป้าเราเนี่ย ค่อนข้างเอ็นดูคนชื่อเอ มากๆ แถมแอบชอบแซะแม่เราอีกด้วยซ้ำ ประมาณว่าน้องสะใภ้คนใหม่ชั้นรวยย ประมานนั้น ซึ่งเรื่องประหลาดที่จะเล่านี้ ขอบอกไว้ก่อนว่า ป้าเราเป็นคนมาเราให้ฟังเองในภายหลังนะ ... อะ มาต่อ วันที่จดทะเบียนสมรสกันเนี่ย วันนั้น เหมือนนายอำเภอจะงี่เง่ามากๆ ไม่ยอมเซ็นให้ ด้วยอะไรก็แล้วแต่ไม่รู้ ทำยังไงก็ไม่ยอมที่จะเซ็นให้ ทีนี้ผญ. ที่ชื่อเอ ก็ออกมาจุดธูปกลางแจ้ง แล้วปรากฏว่า อยู่ๆนายอำเภอก้ยอมเซ็นให้เฉยเลยจ้า

... เหตุการณ์ประหลาดที่สาม...
  จำตัวละครที่เป็นฝาแฝดได้ปะ ให้นามสมมติว่า น้องเล็กนะคะ คือ เอาตรงๆทุกคนไม่เคยมีใครเห็นจริงๆ นอกจากคำพูดที่คนชื่อเอ ชอบเล่าถึง แล้วก็พ่อเราที่พูดถึงด้วยแถมยังเสริมด้วยว่า เคยไปไหนมาไหนด้วยกันสมัยก่อน แล้วก็ลูกน้องผญ.ของพ่อที่สนิทอีกคนที่ชื่อ บี ก็เออออห่อหมกด้วยตลอดจ่ะ ไม่ว่าคนชื่อ เอ จะพูดอะไร ก็ดูส่งเสริมกันเหมือนเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง เอาตรงๆก็เพราะ คนชื่อบีเนี่ย ก็เคยมาอยู่บ้านกับพ่อเรากับน้าเอ (หลังแต่งงานแล้วนะ) มาอยู่เพราะไม่มีที่พึ่ง เลิกกะสามีเหมือนกัน แต่มีลูกที่ต้องส่งเสีย และตัวเองก็หนี้เยอะ ลำบากมาก ก็ยังทำงานที่เดียวกับพ่อเราอยู่นั่นแหละ ก็เหมือนใช้บ้านเราเป็นที่พักอาศัยชั่วคราว ปล.หลังแต่งงานกับพ่อเรา นางเอ ก็ลาออกจากบริษัท และก็ไม่ได้กลับไปทำงานอีก ... อะ กลับมาที่เรื่องแฝด เรา เคยมีแอบหลอกถามคุณตา ซึ่งเป็นพ่อของน้าเอ เวลาแกมาเยี่ยมบ้านเราว่าแบบ ตามีลูกกี่คนจ๊ะ ซึ่งที่เราเคยเห็นเป็นตัวเป็นตนอะนะ ตากับยาย (แม่เลี้ยงน้าเอ) เค้ามีลูกแท้ๆสามคน ทีนี้ ตาก็บอกเราว่ามีลูก 4 คน รวมน้าเอ .. เราก็เอ๊ะ ไม่มีแฝดหรอ แต่ก็ไม่ได้ถามต่อ เก็บความสงสัยต่อไป .. 

... เหตุการณ์ประหลาดที่สี่ ...
  นางเอเนี่ยยย คือท้องบ่อยมากกก เอะอะท้อง แต่ไม่เคยได้คลอดลูกสักที เพราะแท้งก่อนทุกรอบ คืออยากมีลูกมากๆอะแหละ เข้าใจ แต่คนเราจะท้องซ้ำแล้วซ้ำเล่า เกิน 4-5 รอบแล้วแท้งแบบนี้เนี่ยนะ คุณพระ !! คือญาติเราเนี่ย เวลามาเยี่ยมบ้านพ่อทีไร ก็จะแบบ ห๊ะ ท้องอีกแล้วหรอ แล้วพอวันที่จะคลอดก็คือแบบแท้งจ้า  มีครั้งนึงที่ประหลาด อาเรา น้องสาวพ่ออะนะ เคยจะไปเยี่ยมวันคลอด บอกจะคลอดที่รพ. เอกชนสุดหรูในพัทยา และทีนี้ก็ติดต่อไม่ได้ อาเราก็ด้วยความเป็นห่วง ก็โทรไปเช็คที่รพ. แต่รพ.แจ้งว่า ไม่มีคนไข้ชื่อนี้ อาก็เงิบไปจ่ะ ... ละมารู้ภายหลังว่า อ่อ แท้งอีกแล้วจ่ะ
แต่ในที่สุด ก็ได้มีลูกสมใจ แต่เป็นลูกบุญธรรมนะ ไปเอามาเลี้ยง โดยอ้างว่า เด็กคนนี้พ่อแม่เด็กเป็นวัยรุ่นใจแตก ที่บ้านญาติๆของตน ประมาณนั้น ซึ่งก็แน่นอนค่ะ จดทะเบียนเป็นบุตรบุญธรรมที่ถูกต้องตามกฏหมายอีกเช่นกัน ... เอกสารทั้งหมด เราเคยเห็นนะคะ อันนี้เรื่องจริงไม่ติงนัง ... แต่โชคดีที่เด็กคนนี้ที่เอามาเลี้ยงเป็นน้องสาวเราเนี่ย นางหน้าตาน่าเอ็นดู เราก็เลยไม่ได้เกลียดอะไร และน้องก็ดันหน้าเหมือนพ่อเรากับน้าเอ เสมือนว่าเป็นลูกจริงๆซะอีก

... เหตุการณ์ประหลาดที่ 5...
  อะ เอาเรื่องที่มันเกี่ยวข้องกับเราบ้างดีกว่า คือ หลังจากเราเรียนจบเนี่ย ช่วงนั้นก็ยังไม่มีจุดหมายปลายทางเนอะ ว่าชั้นต้องทำอะไรดีวะ น้าเอก็ด้วยความแม่พระ อยากชนะใจ ก็มาแบบเนี่ย เห็นหนูชอบทำขนม อยากมีร้าน มีกิจการของตัวเอง ไม่ต้องไปเช่าตึกอะไร น้ามีตึกอยู่หน้ามหาลัยบางแสน ที่ปล่อยเช่าอยู่ ไว้เรียนจบแล้วก็ไปเรียนทำขนมเพิ่มแล้วก็ มาดูทำเลร้านนั่นนี่ .. ซึ่งขับรถผ่านทีไรก็ชอบชี้ให้ดูนะ ชี้ลอยอะแหละ ไม่เคยพาไปดูสำรวจจริงๆหรอก ไอ้เราก็เชื่อคนง่ายเนอะ ก็มุ่งมั่นว่าจะมีร้านขนมของตัวเอง โดนขายฝันไปสิจ๊ะ แต่อะไรๆก็พลิกผัน แบบตึกตรงนั้นก็คือ ทางบ้านน้าได้ปล่อยขายไปแล้วจ้า ...ปล. ซึ่งไอ้ตึกที่ว่าเนี่ย เราก็มีแอบไปสืบมาเองเหมือนกัน แกล้งๆถามว่าอยากเช่า ต้องติดต่อใคร ใครเป็นเจ้าของ ซึ่งคนที่ไปถามนั่นแหละ เจ้าของ แถมยังซื้อด้วย ไม่ได้เช่า เอ่มมม แอบตกใจนิดๆ  จริงๆก็มีอีกหลายเรื่องนะ โครงการขายฝัน ถ้ามันสวยหรูแบบที่น้าพูดจริงๆ ให้หนูได้มีธุรกิจเป็นของตัวเอง ทุกวันนี้คงไม่ต้องดิ้นรนทำงานเหนื่อยขนาดนี้หรอกค่ะ แต่ก็ดีแหละ ถือว่าเป็นแรงผลักดัน ดิ้นรนด้วยตัวเอง และชั้นก็ทำมันได้ดีซะด้วย ก็ต้องขอขอบคุณเค้าเหมือนกันนะคะ ที่ทำให้เรามาไกลและประสบความสำเร็จได้ด้วยตัวเอง ... อะๆมาเข้าเรื่องต่อ ไอ้เรื่องพีคๆที่จะเล่าว่าประหลาดเนี่ย ก็อยู่ในหมวดขายฝันค่ะ ... คือตอนนั้น เราอะ เห็นเพื่อนๆไปเรียน ป.โท อังกฤษ ก็เลยอ้อนๆพ่อดู อยากไป แล้วพี่สาวเราที่เป็นญาติกัน นางก็ไปอเมริกา ไปช่วยป้า (พี่สาวพ่อ) ที่เปิดร้านอาหารอยู่ที่นั้น ตอนแรกเราอยากไปกับพี่ แต่พ่อไม่ให้ไป อ้างว่าไม่อยากให้ไปเป็นภาระป้า ทีนี้ เรื่องไปเรียนต่อป.โทของเราเนี่ย น้าเอ ก็เข้ามาขายฝันอีกจ่ะ บอกเพื่อนอยู่ที่นั่น ถ้าไปก็ไปอยู่กับเพื่อนเค้า จะได้ประหยัด แต่เพื่อนนางมีตัวตนจริงๆค่ะ เคยมาเยี่ยมบ้านเราอยู่ เราก็ตีสนิทๆไว้ เค้าก็อยากให้เราไปอยู่ด้วยแหละ ทีนี้ปัญหามันก็อยู่แค่เรื่องเงินอะแหละ มันต้องใช้เงิน ทั้งเสตทเม้นเอย เงินนอนในบัญชีเอย เงินไปเรียนอีก ซึ่งตอนนั้นน้าเอ ก็เหมือนจะซัพพอทช่วยพ่อเรา พ่อเราก็ไมไ่ด้ห้ามปรามใดๆ ให้เราไปมุ่งมั่นเตรียมตัวสอบ IELTS เตรียมหาเอเจนซี่ ที่จะส่งเรื่องไป .. ตอนนั้นเราโคตรทุ่มเทเลย ใช้เวลาภายในสองเดือน อ่านติวเข้มเองไปสอบเพื่อให้มันผ่าน เพราะค่าสอบแพงอะเนอะ ในที่สุดก็ทำสำเร็จจ้า เราเดินหน้าต่อเตรียมเอกสารอะไรกับเอเจนซี่ไว้หมดเลย รวมทั้งไปตรวจปอดตรวจไรเรียบร้อย ก่อนขอวีซ่า มาถึงเรื่องเงินค่ะ พอเราเล้าๆพ่อเรื่องเงิน เพราะผลัดวันประกันพุ่งกับเราหลายรอบ คือถ้าจะไม่ให้ไป ไม่มีตัง ก็คือบอกกันตรงๆแต่แรกดีกว่ามั้ย จะให้เราเสียเวลา เสียความตั้งใจ และเสียหน้ากับเอเจนซี่ คือวันที่พากันไปถอนเงิน จะมีอุปสรรคตลอดค่ะ จนมาถึงเรื่องพีค อยู่ดีๆจ่ะ น้าเอก็เป็นลมล้มพับ หน้าธนาคาร จนพ่อเราต้องได้แบกหามไปโรงพยาบาล อะ ซึ่งวันนั้นคือ Deadline เนอะที่เราคุยกับเอเจนซี่ไว้ และแล้วสรุปคือ พังจ่ะ น้ำตาไหล เราร้องไห้โวยวายกับพ่อใหญ่เลย ทำไมต้องคอยหลอกเรา โกหกเรา ไม่ให้ไป ก็ไม่ให้ไปแต่แรกดิ จะมาสร้างเรื่องหลอกกันทำไม เราเสียใจมาก ตอนนั้นก็เก็บของออกจากบ้านเลย ไปอยู่บ้านแฟนบ้าง อยู่กับเพื่อนบ้าง ตอนนั้นโคตรเคว้งอะ เอาไงดีวะ งานก็ไม่มีทำ เงินก็ไม่มี รถก็ไม่มี ขับรถก็ไม่เป็น ไม่มีไรสักอย่าง .... แต่มันก็ผ่านมาได้อะเนอะ ใช้เวลาฟื้นฟูสภาพจิตใจนานอยุ่กว่าเราจะกลับมาคุยกับพ่อตามปกติ ส่วนน้าก็นั่นแหละ ใช้เวลา

 เรื่องที่จะขอเขียนไว้สุดท้ายแหละ มันจะยาวเกิน
 จากเหตุการณ์ต่างๆมากมาย ทำให้เรารักษาระยะห่างกับน้าเอกับพ่อมากขึ้น รวมทั้งเรื่องเงิน เรามีไปๆมาๆบ้านบ้าง จนก็พอจะเริ่มคุยกับน้าเอได้บ้างแล้ว ขอตัดมาที่ปัจจุบันเลยละกันนะที่ทำให้เราต้องมาแชร์ เพราะว่ามันสุดๆละ เรื่องนี้ ก็คือว่า วันนั้นเราออกไปทำธุระกับพี่สาวแล้วก็กลับมาบ้าน เจอน้าเอกับผช.คนนึง หัวเกรียนๆ ใส่ชุดตำรวจ แล้วน้าเอก็บอกเราว่าไปทำธุระกับน้องชายมา แล้วคือช่วงหลังๆก็มาบ้านเราบ่อยนะ เคยเห็นอยู่ แต่ไม่ได้สนใจไร ที่พีคล่าสุดคือ แบบมานอนบ้านด้วย ไปไหนมาไหนกับที่บ้านเราด้วย รวมทั้งพ่อเรา เราได้จังหวะจึงถามพ่อว่าเค้าคือใคร พ่อบอกว่าเป็นตำรวจ เค้ามาขอเป็นลูกบุญธรรม ห๊ะ อิหยังวะ หน้าก็แก่ เดี๋ยวก่อนๆ ทำไมต้องรับมาเป็นลูก งงจ้าาา แถมน้าเอก็ไม่ได้มาแนะนำอะไรให้เราฟังด้วยนะ เรานึกว่าญาติทีแรก บอกเป็นญาติจะดีซะกว่าปะ ! ทีนี้จังหวะดี วันที่พ่อเราเข้ารพ. ไม่มีใครอยู่บ้าน เรากลับมาเอาของที่บ้านกะจะไปเยี่ยม ก็ไปเจอเอกสารของผช.คนนี้เป็นตำรวจจริง พันโท มีใบรับรองเงินเดือนจากราชการ เงินเดือนก็ดีนะ เคยเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนนามสกุลมาแล้ว ที่น่าตกใจคืออายุเกือบเท่าพ่อเรา และแก่กว่าน้าเอ !
ที่แปลกกว่านั้นคือ นอนรวมกันในห้องหมดเลยด้วย แบบนี่พ่อเราเป็นอะไรวะ ...

เราเองไม่สามารถพูดและถามพ่อตรงๆได้ เพราะพ่อเชื่อทางนั้นมากๆค่ะ ตอนนี้อยากรู้ว่าเราควรจะทำยังไงดีคะ ??

ถามเพิ่มได้เลยน้า กลัวพิมไปยาวเกิน10,000 อักษรแหละ 555

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่