[CR]บอกเล่าเรื่อง'ลาว'สัมผัสวิถีชีวิตเรียบง่าย สโลไลฟ์ ใกล้ชิดหุบเขา ห้วยน้ำใสกับความประทับใจที่ต้องกลับไปซ้ำอีก [2020]


"If somebody asked me about my inspiration
I would say that it's not the people and it's not the things,
it's travel and experiencing different environments." – Marc Newson
หากใครสักคนถามถึงแรงบันดาลใจของผม ผมจะตอบว่า 
มันไม่ได้มาจากผู้คนหรือสิ่งต่าง ๆ  แต่มันมาจากการเดินทางท่องเที่ยว 
และการสัมผัสกับสภาพแวดล้อมที่แตกต่างต่างหาก


-------------------

บอกเล่าเรื่อง 'ลาว' 2 วัน 1 คืน กับความประทับใจเกินบรรยาย~ ( :






      ( ต้องขอออกตัวก่อนเลยว่า นี่เป็นกระทู้แรกของเราที่เป็นบันทึกการเดินทาง และเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีกระทู้บันทึกการเดินทางครั้งต่อ  ๆ ไปในสถานที่ที่แปลกใหม่และหลากหลายมาแบ่งปันกันอีกเรื่อย ๆ เหมือนกันค่ะ )



         ขอเกริ่นก่อนเลยว่า ทริปนี้ เป็นทริปแรกที่เราตัดสินใจออกเดินทางร่วมทริปกับคนแปลกหน้า ที่บังเอิญเจอกันในกลุ่มเที่ยวคนเดียวที่ชวนกันไปทริปปีนเขาที่ ภูผาม่าน ประเทศลาวเมื่อต้นปี (ซึ่งตอนนี้กลายมาเป็นเพื่อน พี่น้องขาเม้าท์พี่น้องชนแก้วกันไปแล้ว~ 555555555) และด้วยความที่เป็นช่วงที่จิตใจเรากำลังใฝ่หาทริปเดินทางท่องเที่ยวพอดี และที่สำคัญกว่านั้น ประกอบกับจุดนัดรวมพลข้ามฝั่งคือด่านนครพนม (จังหวัดที่เราทำงานอยู่ปัจจุบันพอดี) เราจึงรีบดีล! ขอเข้าร่วมทริปนี้ด้วยความไว 


          กระเป๋าและสิ่งของจำเป็นในทริปที่จัดและเตรียมพร้อมคืนวันก่อนเดินทาง

Saturday 15 2 2020
--------- วันเดินทาง ---------
       
         เมื่อวันที่รอคอยมาถึง.....ถามว่าตื่นเต้นไหม ก็ตื่นเต้นแหละ แต่ความตื่นเต้นสุด ๆ จะอยู่ในช่วงก่อนเดินทาง ตั้งแต่ต้นเดือนมกราคมที่จ่ายค่าเครื่องเล่น โหนซิปไลน์ ไต่ใยแมงมุม สะพาน และปีนเขาไว้ ซึ่งเป็นหัวใจหลักของการตัดสินใจเดินทางทริปครั้งนี้ของเรา และนับวันเฝ้ารอด้วยใจจดจ่อให้วันนี้มาถึงไว ๆ พอมาถึงจริง ๆ ก็...มันบรรยายไม่ได้อะ มันเป็นความรู้สึกแฮปปี้ที่ฟู ๆ อยู่ในใจ 55555

         ออกเดินทางโดยรถยนต์ในเวลาหกโมงกว่า ๆ จากอำเภอหนึ่งซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองนครพนมประมาณ 50-60 กม. เพื่อไปสมทบกับเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ร่วมทริปอีกสิบกว่าชีวิต (ที่ยังไม่เคยเห็นหน้ากันและจะเห็นหน้ากันเป็นครั้งแรก) ซึ่งนัดรวมพลกันที่ลานพญาศรีสัตตนาคราช แลนด์มาร์คประจำจังหวัด ในเวลา 8  เพื่อชักภาพ และสักการะขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลก่อนออกเดินทาง
     
       
[ บรรยากาศยามเช้าบนถนนริมโขงในตัวเมืองนครพนมขณะขับรถผ่านเพื่อไปสมทบที่จุดนัดหมาย อากาศดี เหมาะแก่การออกกำลังกายในเช้าวันหยุดเป็นที่สุด ]


[ องค์พญาศรีสัตตนาคราช สิ่งศักดิ์สิทธิ์ยึดเหนี่ยวจิตใจชาวนครพนม และทุกจังหวัดที่ม่ีจิตศรัทธา แวะเวียนมาสักการะ]

         ชาวทริปภูผาม่านเราก็นัด และนั่งรวมกันตรงข้างจุดสักการะนี่แหละฮะ ข้างถนน มองรถราและผู้คนที่สัญจรไปมาเพลิน ๆ ยังดีที่แดดยามเช้าไม่ร้อนเท่าไหร่ และอากาศในวันนั้นค่อนข้างสบาย


เมื่อเพื่อน พี่ น้อง คนแปลกหน้า 16 ชีวิต ที่มาจากคนสารทิศ ผู้ซึ่งตัดสินใจร่วมทริปกันเป็นครั้งแรกมาตามนัดครบ เราก็จะได้รูปประมาณนี้ฮะ เป็นการบันทึกภาพไว้เป็นที่ระลึกก่อนออกเดินทางร่วมกัน
รูปนี้คือขาไปยังเกร็ง ๆ เขิน ๆ กัน ตามประสาคนไม่เคยเห็นหน้าและเพิ่งมารู้จักกัน แต่หลังจบทริปนั้น อยากให้ท่านจินตนาการกันเอง...หนังคนละม้วน 555555555


---------

         จากนั้น เราก็จะพากันหอบหิ้วเอากระเป๋าเดินทาง สัมภาระทั้งหลาย เดินไปยังด่านข้ามแดน ซึ่งอยู่ห่างจากจุดนัดหมายนิดเดียวเพื่อไปทำเรื่องข้ามแดน ซึ่งสิ่งที่ต้องเตรียมและห้ามลืมเด็ดขาดก็คือ หนังสือเดินทาง หรือ พาสสปอร์ต นั่นเองค่ะ! นี่ถือว่าเป็นคีย์แมนสำคัญในการเดินทางข้ามฝั่งไปยังประเทศเพื่อนบ้านในทริปนี้ของเราเลยนะ สำคัญมาก ขาดไม่ได้ ห้ามลืม ห้ามหาย ไม่งั้นจะยุ่งและวุ่นวายในการออกหนังสือสำรองมาก...

         --- แล้ว กรณีที่ไม่มีพาสสปอร์ตล่ะ ข้ามแดนได้ไหม ตอบ ได้ค่ะ แต่จะยุ่งยากเสียเวลาในการออกหนังสือผ่านแดนชั่วคราว ฝั่งเราไม่เท่าไหร่ แต่พอไปฝั่งเขาแล้วนั้น จะค่อนข้างจุกจิก และวุ่นวายพอตัว ดังนั้น มีพาสสปอร์ต ดีที่สุด ---


            และ เมื่อตรวจสอบอะไรต่าง ๆ เพื่อข้ามแดนผ่านแล้วนั้น เราก็จะเดินเข้าไปรอที่ท่า เพื่อขึ้นเรือข้ามฟากไปฝั่งลาวแล้วววววววว
         และค่าเรืออยู่ที่ 60 บาทนะ

[ ถ่ายจากมุมบนของด่านฝั่งเรา ระหว่างรอเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ทำเรื่องครบทุกคน ก่อนจะลงไปท่าเรือเพื่อข้ามไปฝั่งโน้นนนนน สูงและชันเอาเรื่อง ใครไม่ค่อยออกกำลังกายหรือเหนื่อยง่าย บอกเลยว่า มีหอบ! 555555555 ]

[ บรรยากาศในเรือ มีเสื้อชูชีพไว้สำหรับสวมใส่เพื่อความปลอดภัย
อารมณ์ก็จะแบบเหมือนเรือข้ามฟากแม่น้ำเจ้าพระยาอะแหละ แต่ระยะทางยาวกว่า ไกลกว่า ใช้เวลากว่า แต่ก็ไม่ได้ถึงกับนานมาก
แต่ระหว่างนั่งบนเรือเพื่อมุ่งหน้าไปยังปลายทางจะต่างกันมาก คนละฟีล เพราะลำนี้ปลายทางคือต่างประเทศฮะะะะะ 55555 ]




บนเรือเก้าอี้ก็จะเต็มทุกที่นั่งแบบนี้ (เพราะเรือออกเป็นเวลา และมีไม่กี่เที่ยวต่อวัน) ถ้าช้าก็จะได้วีไอพี นั่งพื้น...ซึ่งก็ได้ฟีลอีกแบบ หรือออกไปยืนชมวิวตรงข้างหน้าได้ 
และเพื่อนร่วมทริปเราครึ่งหนึ่งก็นั่งที่วีไอพีอย่างที่เห็นในภาพนี่แหละ 555555555




ไม่นาน ก็ถึงฝั่งเพื่อนบ้านเราแล้ววววว


[ ระหว่างรอเรือเข้าเทียบท่าและเตรียมลง ก็จะออกันหน่อย ๆ 55555 ]

[ ท่าเรือของฝั่งเพื่อนบ้านเรา มีคนรอข้ามฝั่ง แม้จะยังเช้า เห็นได้ชัดว่าการคมนาคมสัญจรไปมาระหว่างเราและเพื่อนบ้านยังดีอยู่เสมอ ]


เมื่อขึ้นฝั่งมาได้ ก็รอยื่นเอกสารข้ามด่าน ตรวจคนเข้าเมือง ทำเรื่องเข้าประเทศเขาต่อฮะ



ใช้เวลาค่อนข้างนาน ร่วมครึ่งชั่วโมง ขณะยื่นเอกสารตรงด่านฝั่งลาว เพื่อเข้าประเทศ เพราะมีนักท่องเที่ยวค่อนข้างเยอะ ต้องรอ
ตรงนี้ก็จะเสียเงินอีกคนละ 100 บาท และถ้าใครจะแลกเงินลาวไว้ใช้จ่ายตลอดทริป ก็จุดนี้เลยนะ ส่วนเราไม่ได้แลก เพราะรอนานและค่อนข้างต้องรีบทำเวลา เนื่องจากพวกเราเลทจากเวลาที่ประมาณไว้กันมาพอสมควร และคุณลุงรถตู้ที่อาสาทำหน้าที่รับพวกเราไปยังที่พัก ไปปีนเขา ตลอดทริป
มารออยู่แล้ว

---------


เมื่อเรียบร้อยภารกิจตรงด่านฝั่งลาวก่อนเข้าประเทศเขาแล้ว พวกเราทั้ง 16 ชีวิตก็แบ่งกันขึ้นรถตู้ของคุณลุงที่จอดรอรับอยู่ คันละ 8 คน
ซึ่งบอกได้เลยว่า นั่งสบาย ที่นั่งเหลือ ๆ  

หลับ ๆ ติ่น ๆ ประมาณสามชั่วโมง ระหว่างเดินทางไปยังที่พัก ที่แขวงคำม่วน เพื่อเอาของไปเก็บ ก่อนตีรถออกมาทำกิจกรรมแอดเวนเจอร์ ซึ่งเป็นไฮไลต์และหัวใจหลักของการเดินทางของพวกเราทริปนี้ที่ The Rock Viewpoint  เวลา 16.00

บรรยากาศสองข้างทางระหว่างเดินทางไปยังที่พัก ก็จะประมาณนี้... ( :

















บ้านเรือนปลูกแทรกอยู่ท่ามกลาง ป่าสลับหุบเขา

ความรู้สึกแรกเห็นก็จะประมาณนี้...

สงบ สวยงาม เรียบง่าย ประทับใจ (' :


---------






--------- มีต่อในคอมเมนต์นะ ( :  --------- 
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่