[ Sarrismo ] ปรัชญาซาร์ริสโม่ของซาร์รี่เหมาะกับยูเว่จริงหรือไม่ แฟนยูเว่มาคุยกันค่ะ

เกริ่นก่อนว่าที่ตั้งกระทู้นี้ไม่ใช่เพราะยูเว่บุกไปพ่ายลียงเลยมาตั้ง เพราะสาเหตุที่แพ้ก็มีหลายจุดที่เข้าใจได้ (1) ไปเยือนลียงไม่ใช่งานง่าย เพราะลียงเป็นทีมที่แกร่งในบ้านมาก ในรอบแบ่งกลุ่มปีนี้ลียงยังไม่พ่ายให้กับทีมใดเลยยามต้องเล่นในรังเหย้าของตัวเอง (2) ลูกที่เสียประตูมาจากตอนที่เดอ ลิกต์ ต้องออกไปทำแผลที่ข้างสนาม ยูเว่ต้องเล่นกัน 10 คน และฝั่งที่เสียประตูก็เป็นตำแหน่งรับผิดชอบโดยตรงของเดอ ลิกต์ แม้แบ็คจะมาช่วยคัฟเวอร์แทนแล้วแต่ก็ทำได้ไม่ดีพอ (3) ผู้ตัดสินที่ดูจะไม่ค่อยทันเกมและมีการแสดงออกอันชวนให้คิดว่าเข้าข้างนักเตะลียงเกินไปในบางจังหวะ โดยเฉพาะช็อตที่ดีบาล่าโดนนักเตะลียงใช้มือมาเกี่ยวและดึงจนล้มจากด้านหลัง อันแสดงถึงเจตนาเข้าข้างหลังและเป็นการขัดขวางการทำประตูในเขตโทษ ซึ่งตามกฎใหม่ยังไงก็ต้องเป็นลูกจุดโทษ แต่ผู้ตัดสินไม่แม้แต่จะดู VAR ไหนจะการที่ผู้เล่นลียงสไลด์ตัวมาเสียบดีบาล่าและอิกวาอิน แต่ผู้ตัดสินก็ไม่เป่าฟาวล์ให้ ซึ่งเป็นการกระทำที่ส่งผลให้ยูเว่เสียเปรียบโดยตรง

เราไม่ได้จะหาข้ออ้างที่ทีมแพ้เพราะลียงเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม และทีมที่ทำได้ดีกว่าในเกมนั้นก็สมควรเป็นผู้ชนะ เพียงแต่บางครั้งการที่ทีมได้รับผลการตัดสินที่ไม่เป็นธรรมอันเกิดจากความผิดพลาดของตัวผู้ตัดสินเองรึเปล่าก็มิอาจทราบได้ มันดูจะไม่ยุติธรรมเกินไปสำหรับยูเว่หรือทีมไหน ๆ ก็ตาม

เข้าเรื่องต่อค่ะ เหตุที่ตั้งกระทู้นี้เป็นเพราะสงสัยมานานแล้วว่า ปรัชญาซาร์ริสโม่ (ที่นักข่าวตั้งชื่อให้กับระบบการเล่นของทีมภายใต้การคุมของซาร์รี่) มันเหมาะสมกับยูเว่จริง ๆ รึเปล่า และมันต้องใช้ระยะเวลานานแค่ไหนที่นักเตะจะสามารถซึมซับระบบการเล่นแบบนี้จนทั้งทีมสามารถแสดงประสิทธิภาพที่แท้จริงออกมาได้อย่างคงเส้นคงวา 

คำถามเหล่านี้ผุดขึ้นมาตลอดในหัวของเราตั้งแต่ที่ยูเว่ถูกกุมบังเหียนโดยซาร์รี่ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้รับคำตอบที่ช่วยคลายความสงสัยของเราได้

+ + + +

เริ่มจากเรื่องที่ชอบและอยากชมซาร์รี่ก่อนค่ะ อย่างเรื่องแรกเลยก็คือ ซาร์รี่ปรับเปลี่ยนทัศนะคติ mindset และ mentality ของนักเตะยูเว่ที่ชอบเน้นเกมรับเอาชัวร์ กลัวเสียประตูจนขึ้นสมอง (เพราะโดนอัลเลกรีปลูกฝังมาหลายปี) กลายมาเป็นทีมที่เดินเกมบุกมากขึ้น (หรอ 5555) ถึง tempo จะยังช้าอยู่ แต่ก็เน้นทำชิ่ง 1-2 (wall pass) มากขึ้น การเล่นบอลเท้าต่อเท้าดีขึ้น มีการเพรสซิ่งคู่แข่งจนถึงปากประตูและทำเกมเข้าสู่ final third มากกว่าอัลเลกรี เราก็ไม่แน่ใจนะว่าถูกต้องทั้งหมดรึเปล่า แต่จากที่เราดูมาเราเห็นความต่างของลุงรี่กับพ่อกรี้แบบนี้จริง ๆ

หลาย ๆ เกมในช่วงแรก ๆ นี่แสดงให้เห็นเลยว่ายูเว่มีการขึงเกมรุกใส่คู่แข่งบ่อยขึ้น ได้ประตูก็ยังบุกคู่แข่งต่อเพื่อทำสกอร์ไม่ได้มาตั้งรับแน่นเน้นสวนเหมือนแต่ก่อน การเคลื่อนที่ในสนามดูสมดุลขึ้น เน้นเจาะตรงกลางมากขึ้น รวมถึงการชิ่งบอล ออกบอลสั้น วิ่งโอเวอร์แล็ป/อันเดอร์แล็ปล้วนทำได้ดีขึ้น แม้จะยังไม่ถึงระดับที่เรียกว่าสมบูรณ์แบบ แต่สิ่งเหล่านี้ก็เกิดขึ้นได้เพราะซาร์รี่ ที่เข้ามายกระดับการเล่นและปรับเปลี่ยนดีเอ็นเอบางอย่างของทีมให้ดีขึ้นโดยยังคงรักษามาตรฐานเดิมของทีมไว้อยู่ ... แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่ช่วงแรก ๆ ก่อนปีใหม่นะคะ ซึ่งพอหลังปีใหม่เหมือนพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือแทนเลย รายละเอียดจะเป็นไงเดี๋ยวค่อยขยายความในย่อหน้าอื่นต่อค่ะ

เรื่องต่อมาที่อยากชมซาร์รี่ คือ การยอมเปลี่ยนแปลงตัวเองของเขา ... เราดีใจมากนะที่ลุงรี่ยอมเปลี่ยนตัวเองหลายอย่างตอนที่คุมยูเว่

- เริ่มที่ผู้เล่น 11 ตัวจริงไม่ตายตัวแน่นอนในแต่ละเกมแบบสมัยอยู่นาโปลีแล้ว (ตอนเชลซีเราไม่รู้ว่าการจัดตัวเป็นยังไง เพราะไม่ค่อยได้ติดตามเท่าไหร่) ลุงรี่ของเราโรเตตนักเตะมากขึ้นเมื่อมาคุมยูเว่ มีการสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนผู้เล่นในแต่ละนัด ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะอยู่ในช่วงลองแผน ลองตัวผู้เล่น และนักเตะตัวหลักบางคนเจ็บด้วยรึเปล่าเลยเหมือนโดนบีบบังคับให้ต้องทำแบบนั้น ... แต่เราปลื้มปริ่มนะที่ครั้งนึงลุงรี่กลายมาเป็นเจ้าพ่อโรเตชั่นกับเค้าบ้างที่ยูเว่ แม้จะไม่เท่าพ่อกรี้ (ร้อยแผน) ก็เถอะ ขานั้นนี่ฝุด ๆ จ้า เกมนึงใช้ 3-4 แผนยังเคยมีมาแล้ว แถมสลับตำแหน่งย้ายฝั่งนักเตะไปมาจนงงไปหมดทั้งนักเตะและคนดู (แต่ก็คิดถึงพ่อกรี้นะคะ อยากให้กลับมาคุมทีมอีก T^T)

- มีความยืดหยุ่นในฟอร์เมชั่นที่ใช้มากขึ้นไม่ได้ดันทุรังใช้แต่ 4-3-3 เท่านั้น แต่ยังมีการใช้ 4-3-1-2 เป็นฟอร์เมชั่นหลักด้วยเช่นกัน เพื่อแก้ปัญหาตัวรุกริมเส้นในตำแหน่งหน้ากึ่งปีกที่ขาดแคลนในทีม และเพื่อเป็นการรับมือกับทีมที่เล่นหลัง 3 และอัดกลางมา 5 คน แม้ว่าในช่วงนี้จะเริ่มกลับมาใช้แต่ 4-3-3 อีกแล้วก็เถอะ ซึ่งมันค่อนข้างขัดใจเรา เพราะคิดว่าผลงานในช่วงที่ใช้ 4-3-1-2 นั้นเวิร์คและทำได้ดีกว่า 4-3-3 

- การเปลี่ยนตัวที่ไม่ใช่เปลี่ยนแบบตำแหน่งต่อตำแหน่งเหมือนแต่ก่อนที่เคยโดนปรามาส เช่น เปลี่ยนแบ็คแทนหน้าเป้า เปลี่ยนหน้าเป้าแทนกลางรุก เป็นต้น

- การเปลี่ยนตัวซุปเปอร์สตาร์ของทีมอย่างโรนัลโด้ออกในช่วงที่โรนัลโด้อยู่ในฟอร์มที่ไม่ดีและมีปัญหาอาการเจ็บหัวเข่าเล่นงาน ซึ่งถ้าเป็นพ่อกรี้เราก็ไม่รู้ว่าเค้าจะกล้าทำแบบลุงรี่รึเปล่า แต่จุดนี้เองเรามองว่าลุงรี่ทำถูกต้องแล้ว เพราะเหนือสิ่งอื่นใดผลการแข่งขันของทีมต้องมาก่อนเสมอ

- ลุงรี่จดน้อยลงมาก (หรือจดเยอะเหมือนเดิมแต่เราไม่เห็นรึเปล่า) มีออกมาเดินคุมเกมข้างสนาม สั่งการลูกทีมมากขึ้น  
 
รวม ๆ เลยที่ดีใจเป็นเพราะยูเว่สามารถเปลี่ยนแปลงลุงรี่ได้ ซึ่งตอนแรกเราก็ไม่คาดคิดว่าจะเห็นภาพแบบนี้ของเค้าที่ยูเว่นะ เพราะลุงรี่เองก็ไม่ใช่คนที่ยอมเปลี่ยนอะไรง่าย ๆ ในบางเรื่องอยู่แล้ว เค้าคือตาแก่จอมหัวดื้อสุด ๆ คนนึงเลยล่ะ (ชมค่ะชม แฮ่)


พูดถึงประเด็นในเชิงบวกไปแล้ว มาต่อกันที่ประเด็นในเชิงลบบ้างดีกว่าค่ะ

จากตอนแรกที่วาดฝันว่าจะได้เห็นซาร์รี่บอลที่ทำเกมรุกดุดัน ไล่ถล่มคู่แข่งจนต้องร้องขอชีวิต กลับกลายเป็นได้เห็นซาเล้งบอลหรือซาร่าบอลที่ยูเวนตินี่ต้องร้องไห้ไม่หยุดเมื่อเห็นทีมเล่นแบบนี้แทน เพราะรูปแบบการเล่นมันง๊อกแง๊ก งึกงัก ง๊องแง๊งเกินไปมาก เล่นเหมือนจะแพ้ตลอดไม่ว่าเจอทีมระดับไหน ดูไปต้องจิกหนังหัวไป ยุคของอัลเลกรีดูแล้วยังไม่เครียดขนาดนี้ // น้ำตามา ขอแน๊ปกิ้นค่ะ

ออกตัวเลยว่าเราเองก็เป็นอีกคนที่ปกป้องลุงรี่ พร้อมไฝว้เพื่อลุงมาตลอด ทั้งในพันทิป ไอจี ทวิตเตอร์ และเฟสบุ๊ค เพราะตอนแรกเราสนใจแต่ผลการแข่งขันอย่างเดียว เล่นดีหรือเล่นแย่เรามองเป็นเรื่องรอง ขอแค่ชนะไว้ก่อนเป็นพอ อีกอย่างช่วงนั้นลุงรี่เพิ่งเข้ามาคุมทีมได้ไม่นาน เราเลยคิดว่าการที่จะปรับทีมให้เข้ารูปเข้ารอย และวางระบบเพื่อเซ็ตทีมใหม่ตามแบบฉบับของลุงรี่นั้น คงต้องอาศัยเวลาพอสมควร 

แต่สิ่งที่เราเห็นในช่วงหลังปีใหม่นี้ หลังจากที่ลุงรี่ได้คุมยูเว่มาเป็นระยะเวลา 8 เดือน จวนจะครบปีอยู่แล้วก็คือ การเล่นแบบเอาแต่ครองบอลไปมา ครองบอลแบบไม่สามารถทำอันตรายคู่แข่งได้ เซ็นเตอร์ส่งบอลให้แบ็ค แบ็คส่งกลับมาหาเซ็นเตอร์ ส่งบอลแบบนี้จนครบ 4 คนในแผงหลัง แล้วจึงส่งให้เรจิสต้าตั้งเกมอีกที เป็นอย่างนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า นอกจากนั้นหลาย ๆ เกมยังแสดงถึงการเล่นที่เอาแต่เล่นบอลหลายจังหวะ เข้าบอลช้ากว่าคู่แข่ง แถมยังเคลื่อนบอลกันได้ช้ามาก เน้นเคาะบอลต๊อกแต๊กและผ่านบอลไปมาแต่ในแดนกลางและพื้นที่ฝั่งตัวเองซะเป็นส่วนใหญ่ เคาะบอลรอช่องเปิด คิดว่าเค้าจะเปิดช่องให้ง่าย ๆ เปล่าเลยคู่แข่งลงไปแพ็คเกมรับจนแน่นคุมโซนรอแล้ว จนทำให้พาบอลเข้าพื้นที่สุดท้ายและหาโอกาสจบยากมาก ๆ

อีกอย่างคือการเซ็ตเกมที่ทำได้ช้าเกินไป สปีดเกมแย่กว่าทีมรุกโหด ๆ ในลีกอย่างลาซิโอ้และอตาลันต้าชัดเจน พวกนั้นนี่ 3-4 จังหวะก็ถึงหน้าประตูคู่แข่งละ โดยเราก็พูดมาตลอดว่า tempo ทีมเรามันไม่ได้ มันช้าไป ช้ากว่ายุคอัลเลกรีอีก ทำไมถึงไม่เห็นการปรับแก้ไขจุดบกพร่องนี้ให้ดีขึ้นซักที ลุงรี่บอกว่าตอนซ้อมทีมก็ทำได้ดีกว่านี้นะ เล่นกันเร็วไม่ช้าเลย แต่ไหงพอลงเล่นจริงถึงได้เคลื่อนบอลกันช้ามาก เห็นการเล่นแบบนี้มาตลอดจนเริ่มจะชินละ แต่จริง ๆ ก็ไม่ชินอ่ะ นั่งด่าทุกเกม 

ไหนจะเรื่องที่ลุงรี่ชอบจัดตัวแบบอินดี้ ตัวดีมีไม่ใช้ ชอบส่งนักเตะที่ฟอร์มตกและทำผลงานได้แย่ลงสนามบ่อย ๆ ก็เป็นสิ่งที่ขัดใจเราอีกเช่นกัน ตริดันเต้ (อิกวาอิน โรนัลโด้ ดีบาล่า) ก็ไม่ยอมส่งลงพร้อมกัน เพื่ออะไรก็ไม่รู้ ทั้ง ๆ ที่สามคนนี้เป็นหัวใจสำคัญในแนวรุกและมีส่วนในการทำประตูให้กับทีมตลอด ทีมรันในฟอร์เมชั่น 4-3-1-2 ได้ดีก็เปลี่ยนกลับมาใช้ 4-3-3 อีก โดยให้เหตุผลว่าเพราะแรมซี่ไม่อยากเล่นเตรกวาติสต้า ว๊อททททท !!!

เราก็ไม่รู้ว่าที่รูปแบบและฟอร์มการเล่นมันออกมาเป็นแบบนี้ เป็นเพราะแท็กติกและระบบการเล่นที่ลุงรี่วางไว้ หรือเป็นเพราะนิสัยเดิม ๆ ของนักเตะยูเว่มันกลับมากันอีกแล้ว ซึ่งถ้าเป็นเพราะเหตุผลข้อหลังมันก็ชวนสงสัยมากว่า ข้อเสียแบบนี้เมื่อไหร่จะหายไปซักที กี่ยุค ๆ เปลี่ยนกี่โค้ชก็เป็นแบบนี้ ความเอื่อยเฉื่อย เหยาะแหยะ นำแล้วติดประมาท หรือไม่นำก็ติดประมาทจนพาเสียประตูไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ค้าแข้งอยู่ที่อื่นเป็นไงไม่รู้ แต่พอมายูเว่ปุ๊ปจะโดนกลืนจนกลายเป็นแบบนี้ตลอด มันเป็นเพราะอะไร อยากรู้มาก

หรือรูปแบบการเล่นที่เอาแต่เคาะบอลไปมาแบบนี้คือ ซาร์ริสโม่ เราว่าไม่น่าใช่นะ เพราะตามความเข้าใจของเรา ระบบซาร์ริสโม่จะเป็นการเล่นบอลจังหวะเดียว เน้นต่อบอลสั้น เร็ว และแม่นยำจากหลังไปหน้า จากที่เคยเห็นนาโปลีเล่นคือเค้าครองบอลเยอะจริงแต่ไม่ใช่ครองแบบต๊อกแต๊กแบบที่ยูเว่เล่นอ่ะ และสปีดเกมนาโปลีก็เร็วกว่านี้มาก 

อีกเหตุผลที่เป็นไปได้ คือ ตัวผู้เล่นของยูเว่ไม่เหมาะกับระบบซาร์ริสโม่ของซาร์รี่ หรอ ... แต่เราว่าไม่น่าใช่อ่ะ และเราก็ไม่เชื่อว่าในฟอร์เมชั่น 4-3-3 เหมือนกัน ตัวผู้เล่นของยูเว่จะทำได้ดีน้อยกว่านาโปลี เราไม่คิดว่าฟอล์สไนน์อย่างดีบาล่า หน้าซ้ายอย่างโรนัลโด้ หรือคู่เซ็นเตอร์อย่างโบนุชชี่ เดอ ลิกต์ จะเทียบกับเมอร์เท่นส์ อินซิเญ่ คูลิบาลี่ และอัลบิโอลไม่ได้ แต่หน้าขวาอย่างกวาดราโด้ รวมถึงแผงกลาง 3 คนของยูเว่ อาจเป็นไปได้ที่จะทำผลงานในระบบนี้ได้ดีไม่เท่ากับฝั่งของนาโปลี เพราะฤดูกาลนี้กวาดราโด้ที่เล่นมาทุกตำแหน่งบริเวณริมเส้นฝั่งขวากลับทำผลงานได้ดีที่สุดเมื่อเล่นเป็นฟูลแบ็ค ไม่เหมือนกับกาเยฆ่อนที่ตำแหน่งถนัดคือหน้าขวา และกลาง 3 คน ของยูเว่ยังเล่นได้ไม่ค่อยเวิร์คเท่าไหร่ เปียนิช (เรจิสต้า/DLP) ฟอร์มหายมากช่วงนี้หลังจากหายเจ็บมา ทำได้แต่แปะบอลอย่างเดียว สร้างสรรค์เกมแทบไม่ได้เลย ส่วนราบิโอต์/มาตุยดี้ (คาร์ริลเอโล่/BTB) และเบ็นตานคูร์/แรมซี่ (เมซซาล่า/บอลวินนิ่ง) ก็ยังทำได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ในขณะที่ ฮัมซิค จอร์จินโญ่ ซีลินสกี้/อัลลัน ดูจะเล่นกันได้อย่างรู้ใจและทำได้ดีกว่าในระบบนี้

เราก็ได้แต่หวังว่ายูเว่ภายใต้ระบบซาร์ริสโม่จะดีขึ้นได้มากกว่านี้ แต่ไม่รู้ว่าต้องใช้ระยะเวลานานแค่ไหนถึงจะแสดงประสิทธิภาพได้มากที่สุด เพราะตั้งแต่เริ่มต้นมาจนถึงตอนนี้แม้ว่าจะยังมีลุ้นทั้ง 3 ถ้วย พ่วงด้วยการทำลายสถิติต่าง ๆ อีกมากมาย แต่ก็ต้องยอมรับแบบไม่เข้าข้างเลยว่า ยูเว่ในยุคสมัยของซาร์รี่ยังไม่เข้าใกล้กับสถานะที่เรียกว่า ฟอร์มโหดดุดัน เลย แม้จะมีเปอร์เซนต์การครองบอลที่สูง แต่นั่นไม่ได้บ่งบอกถึงการเล่นได้อย่างยอดเยี่ยมทั้งหมดแต่อย่างใด ... เราคงเคยชินกับความสำเร็จที่อัลเลกรีสรรค์สร้างไว้ให้มากไปล่ะมั้งคะ เลยคาดหวังว่าคนที่มาแทนและรับไม้ต่อจากอัลเลกรีจะทำได้ดีไม่แพ้ที่เค้าทำ ซึ่งมันไม่ถูกต้องเลย 

แฟนบอลยูเว่หรือแฟนบอลท่านอื่น ๆ ที่มีความคิดเห็นหรือทัศนะที่ต่างจากเราในประเด็นนี้ ก็เข้ามาพูดคุยแลกเปลี่ยนกันได้นะคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่