อุทาหรณ์ อยากได้แว่นฟรี แต่แห้ว และ เจ็บตัวฟรี
เสียเวลา เสียใจ เสียเชื้อเพลิง เสียงาน
1. ข้อความตามภาพ
ควรจะแปลว่า ได้แว่นฟรี
2. นัดหมาย
ได้รับการนัดหมาย เย็นวันที่ 25 กพ. 63 ว่า เจอกัน 26 กพ. 63 9:00 น.
3. เริ่มตรวจ เมื่อวาน 26 กพ. 63
เริ่มกระบวนการตรวจก่อน 9โมง
นักศึกษาที่ตรวจ ขอแว่นที่พกไปด้วย
เอาไปวัดค่าสายตา บันทึกไว้ก่อนเริ่มกระบวนการตรวจวัดค่าสายตา
4. การตรวจ
วัดสายตา ส่องตาด้วยดวงไฟ ยิงลมใส่ตา ยิงแสงใส่ตา
จบกระบวนการ เกิน 11โมง
5. แว่นที่จะได้รับ
จะได้เป็นเลนซ์ธรรมดา (not multicoat)
6. ส่งงานอาจารย์ไม่ผ่าน ต้องยิงแสงใส่นัยน์ตาอีกครั้ง
แล็บนี้ เจ็บปวด แต่ เอาเหอะ เดี๋ยวคงจบ
จะได้แว่นตาแล้วนิ
7. ข่าวร้าย แห้วแหลก อดได้แว่น
หลังยิงไฟใส่ นัยน์ตาซ้ายอีกรอบ
ภาพเส้นเลือด ไปขึ้นมอนิเตอร์ชัดกว่าเดิม
พอออกจากแล็บนี้ น้อง นักศึกษา แจ้งว่า
ผลการส่งงานตาม ข้อ 6. พบว่า
ค่าสายตา ที่วัดได้จากแล็บ ได้ค่า
เท่ากันกับ ค่าที่วัดได้ตาม ข้อ 3. ที่บันทึกไว้
จุดนี้ คนไข้ จะไม่ได้รับแว่นฟรี แต่
ถ้าต้องการแว่นจริงๆ จะต้องจ่ายเงิน
(ราคาของ ม.รังสิต เลนซ์ธรรมดา 400 บาท
เลนซ์โค้ต 1000 บาท ราคาสูงกว่า ร้านแว่นทั่วไป)
7.1 รับรู้ได้เลยว่า งานงอก
กอปรทั้ง ในใจรู้สึกถูกตำหนิว่า มีแว่นใส่อยู่แล้ว
ใยกล้าจะมาเอาแว่นฟรี (เราไร้ยางอาย หน้าชา)
depressed. I am exhausted
7.2 ก็เลยขอตัว กลับ
7.3. (ไม่ทราบชื่อผู้ตรวจ เพราะว่า ไม่มีการแนะนำตัว
ส่วนข้อมูล คนไข้มอบไป มีชื่อ สกุล อายุ ที่อยุ่ n citizen number)
ผู้ตรวจแจ้งว่า ยังกลับไม่ได้
ต้องนั่งรอก่อน
รอคิวตรวจงานเอกสารพักนึง แล้ว
รับเอกสารมาเซ็นต์ชื่อ และ นามสกุล ในช่อง patient name
จุดนี้ เซ็นต์ชื่อ ด้วยฟิว น้ำตาตกใน บังคับให้
นั่งรอ หลังจากที่ทราบว่า แห้ว
จบกระบวนการ ใช้เวลาร่วม 3 ชั่วโมง
มหาวิทยาลัยรังสิต ได้กำไร 100 เปอร์เซ็นต์เต็ม
คนไข้ ขาดทุน 100 เปอร์เซ็นต์ ไม่มีการสรุปสุขภาพอะไรให้เลยแม้แต่น้อย
ได้ขอบคุณสั้นๆ
น่าเศร้าและซวยจริงๆ ที่เจอเงื่อนไขของ คลินิกทัศนมาตร
ตัดแว่นฟรีมหาวิทยาลัยรังสิต
ปฏิเสธอย่างเลือดเย็น และ ต้องนั่งรอเซ็นต์ชื่อให้แล็บ จบสมบูรณ์อย่างเจ็บปวดใจ
ไปเข้า lab คลินิกทัศนมาตร ตัดแว่นฟรี ม.รังสิต จบกระบวน 3 hrs. ไม่ได้แว่น โดนปฏิเสธ รู้สึกเสมือนเราเป็นคนหน้าด้าน
อุทาหรณ์ อยากได้แว่นฟรี แต่แห้ว และ เจ็บตัวฟรี
เสียเวลา เสียใจ เสียเชื้อเพลิง เสียงาน
1. ข้อความตามภาพ
ควรจะแปลว่า ได้แว่นฟรี
2. นัดหมาย
ได้รับการนัดหมาย เย็นวันที่ 25 กพ. 63 ว่า เจอกัน 26 กพ. 63 9:00 น.
3. เริ่มตรวจ เมื่อวาน 26 กพ. 63
เริ่มกระบวนการตรวจก่อน 9โมง
นักศึกษาที่ตรวจ ขอแว่นที่พกไปด้วย
เอาไปวัดค่าสายตา บันทึกไว้ก่อนเริ่มกระบวนการตรวจวัดค่าสายตา
4. การตรวจ
วัดสายตา ส่องตาด้วยดวงไฟ ยิงลมใส่ตา ยิงแสงใส่ตา
จบกระบวนการ เกิน 11โมง
5. แว่นที่จะได้รับ
จะได้เป็นเลนซ์ธรรมดา (not multicoat)
6. ส่งงานอาจารย์ไม่ผ่าน ต้องยิงแสงใส่นัยน์ตาอีกครั้ง
แล็บนี้ เจ็บปวด แต่ เอาเหอะ เดี๋ยวคงจบ
จะได้แว่นตาแล้วนิ
7. ข่าวร้าย แห้วแหลก อดได้แว่น
หลังยิงไฟใส่ นัยน์ตาซ้ายอีกรอบ
ภาพเส้นเลือด ไปขึ้นมอนิเตอร์ชัดกว่าเดิม
พอออกจากแล็บนี้ น้อง นักศึกษา แจ้งว่า
ผลการส่งงานตาม ข้อ 6. พบว่า
ค่าสายตา ที่วัดได้จากแล็บ ได้ค่า
เท่ากันกับ ค่าที่วัดได้ตาม ข้อ 3. ที่บันทึกไว้
จุดนี้ คนไข้ จะไม่ได้รับแว่นฟรี แต่
ถ้าต้องการแว่นจริงๆ จะต้องจ่ายเงิน
(ราคาของ ม.รังสิต เลนซ์ธรรมดา 400 บาท
เลนซ์โค้ต 1000 บาท ราคาสูงกว่า ร้านแว่นทั่วไป)
7.1 รับรู้ได้เลยว่า งานงอก
กอปรทั้ง ในใจรู้สึกถูกตำหนิว่า มีแว่นใส่อยู่แล้ว
ใยกล้าจะมาเอาแว่นฟรี (เราไร้ยางอาย หน้าชา)
depressed. I am exhausted
7.2 ก็เลยขอตัว กลับ
7.3. (ไม่ทราบชื่อผู้ตรวจ เพราะว่า ไม่มีการแนะนำตัว
ส่วนข้อมูล คนไข้มอบไป มีชื่อ สกุล อายุ ที่อยุ่ n citizen number)
ผู้ตรวจแจ้งว่า ยังกลับไม่ได้
ต้องนั่งรอก่อน
รอคิวตรวจงานเอกสารพักนึง แล้ว
รับเอกสารมาเซ็นต์ชื่อ และ นามสกุล ในช่อง patient name
จุดนี้ เซ็นต์ชื่อ ด้วยฟิว น้ำตาตกใน บังคับให้
นั่งรอ หลังจากที่ทราบว่า แห้ว
จบกระบวนการ ใช้เวลาร่วม 3 ชั่วโมง
มหาวิทยาลัยรังสิต ได้กำไร 100 เปอร์เซ็นต์เต็ม
คนไข้ ขาดทุน 100 เปอร์เซ็นต์ ไม่มีการสรุปสุขภาพอะไรให้เลยแม้แต่น้อย
ได้ขอบคุณสั้นๆ
น่าเศร้าและซวยจริงๆ ที่เจอเงื่อนไขของ คลินิกทัศนมาตร
ตัดแว่นฟรีมหาวิทยาลัยรังสิต
ปฏิเสธอย่างเลือดเย็น และ ต้องนั่งรอเซ็นต์ชื่อให้แล็บ จบสมบูรณ์อย่างเจ็บปวดใจ