ปี่ทำจากซังข้าวค่ะ
 
ล้อไม้ค่ะ
ไดอารี่ความคิดถึง 
ลมหนาวเดือนตุลาคมพัดผ่านมา อากาศแห้งถึงแม้จะไม่หนาวมากก็สัมผัสได้ถึงฤดูกาล หน้าหนาวกำลังมาถึง เดือนตุลาคมเป็นเดือนของการเกี่ยวข้าวดอ หรือ ข้าวเบา ยายกับตาทำไว้แค่ไม่กี่ไร่ นอกนั้นเป็นข้าวใหญ่หมดจะเกี่ยวตอนเดือนธันวาคม ข้าวดอตากับยายจะเกี่ยวเอง มันแค่สามสี่ไร่นา ส่วนข้าวใหญ่แม่จะส่งเงินมาให้จ้างคนเกี่ยวเพราะมันเยอะ จะไม่ให้ตากับยายทำกันเองกว่าจะเสร็จทั้งหมดข้าวที่เกี่ยวก่อนแห้งกรอบกันพอดี
เช้าตรู่ของวันเสาร์หกโมงเช้า ตาจะจูงวัวไปทุ่งก่อนไปรอที่นา ส่วนยายจะเตรียมกับข้าวไปทีหลัง หลาน ๆแต่ละคนยายสั่งให้ไปใส่เสื้อแขนยาว กางเกงขายาวให้ครบทุกคน ไปทุ่งมันลมและแดดต้องใส่กันแขนขาลาย ป้องกันไว้ก่อน พี่ปาวขอเงินยายไปซื้อขนมและลูกอมตุนไว้ ไปนามันไม่มีร้านค้าก็ต้องซื้อเตรียมไว้
“ยายขอดูเกาะเพชรเจ็ดสีจบก่อนนะค่อยไป ปออยากดู” พี่ปอจะชอบต่อรองยายเสมอ ขอดูละครให้จบก่อน พวกเธอติดละครเรื่องนี้กันมาก ๆ 
“ไม่ได้! เดี๋ยวตาหิวข้าวออกไปตั้งแต่เช้าแล้ว” และยายก็ไม่เคยอนุญาตสักที ยายเตรียมเสื้อผ้า เตรียมนมอะไรของน้องบีมทุกอย่างใส่ตะกร้าไม้ไผ่ เตรียมเคียวเกี่ยวข้าว เตรียมกับข้าวให้ครบ “ใส่เสื้อแขนยาวกางเกงขายาวครบทุกคนยัง ออกไปนาได้แล้วสายแล้ว” ยายเร่งพวกเธอตอนนี้แค่เจ็ดโมงสิบนาทียายจะรีบไปไหน และยังบอกว่าสายอีก เธอไม่เห็นว่ามันจะสายตรงไหนเลย
ยายนำทุกอย่างมาใส่ไว้ในล้อไม้ที่ตาทำให้ ดันไปไว้ด้านหน้าล้อ ส่วนเธอนั่งในล้อฝั่งท้ายอุ้มน้องบีมไว้ พี่ปาวปั่นจักรยานคู่กับพี่ปอ ส่วนพี่บอมกับพี่บอลคนละคัน ปั่นจักรยานมุ่งหน้าไปยังนาของเธอ ห่างจากหมู่บ้านประมาณหนึ่งกิโลเมตรได้ ยายเป็นคนเข็นล้อตามไป
“ระวังรถด้วยนะอย่าปั่นเร็ว ปั่นข้างถนนเด้ออย่าออกไปกลางถนน” ยายตะโกนบอกพี่ ๆ ของพวกเธอที่ปั่นมุ่งหน้าไปก่อนแล้ว ส่วนเธอก็นั่งในล้อไม้ให้ยายเข็นไปไม่นานก็ถึง
มาถึงนาแสงแดดอ่อน ๆ ให้ความอบอุ่น ตานั่งจักตอกไม้ไผ่ไว้มัดข้าวรอยายที่เถียงนา เถียงนาของเธอเล็ก ๆ เสาหกต้น ใต้ถุนเถียงนาตาทำเป็นคอกวัว พี่ ๆ ของเธอจอดจักรยานไว้ใต้ต้นมะกอก นั่งเล่นรอบนเถียง มาถึงยายขนข้าวของลง เตรียมหาข้าวเช้าให้ตากิน ทุกคนกินมื้อเช้าพร้อมกันที่นา ก่อนที่จะลงไปเกี่ยวข้าวดอที่ปลายนา
หลังทานข้าวเสร็จ ตา ยาย พี่บอม พี่ปอและพี่บอลเดินลงไปปลายนายายปลูกข้าวดอไว้ที่ปลายนาเพราะมันใกล้น้ำ ที่นาของเธอติดลำห้วยสาธารณะยาวไปหลายเมตรติดกับที่นาคนอื่น ๆ ด้วย เธออยู่เป็นเพื่อนพี่ปาวเก็บจานชามไปล้างก่อนจะเดินตามหลังไป  ยายเอาน้องบีมนั่งในตะกร้าไม้ไผ่และหาบใส่ไม้คานเดินลงไปตามคันนา ตะกร้าอีกฝั่งเป็นข้าวของที่จะทำกินมื้อเที่ยง น้ำหนักน้องบีมพอ ๆ กับข้าวของที่ยายใส่ในตะกร้าอีกใบนั่นแหละ น้องบีมตอนนี้แค่สองขวบเอง ส่วนตาเป็นคนแบกหลักอู่ของน้องบีมเดินนำหน้าไป
พี่ปอรับหน้าที่ดูแลน้องบีมกับเธอใต้ร่มต้นจาน พี่บอมกับพี่ปาวเกี่ยวข้าวช่วยยายกับตา ใช่แล้วเด็กแปดเก้าขวบสิบขวบนี่แหละเกี่ยวข้าวเป็น พี่บอลรับหน้าที่ดูวัวให้ตา ตาจะผูกไว้อีกที่หนึ่ง แค่ดูไม่ให้เข้าสวนผักหรือนาของคนอื่นเท่านั้นเอง หาหญ้าหาน้ำให้มันกิน ไม่ไกลกับตรงที่เกี่ยวข้าว ส่วนเธอก็เล่นบ้าง หักข้าวช่วยยายบ้าง หักทีละต้น ๆ ยายไม่ให้ถือเคียวเดี๋ยวมันบาดมือ เธอยังเด็กมากหกขวบได้
ถึงจะแดดแต่อากาศเย็นเพราะมีลมพัดผ่านตลอด ข้าวดอแค่สี่ห้าไร่นาเท่านั้น สี่ห้าตานาไม่เยอะ จึงทำกันเองได้ไม่ต้องจ้างคน แค่สองวันเสาร์อาทิตย์ก็เสร็จแล้ว พักเที่ยงก็ทานข้าวกันใต้ร่มต้นจานนั่นแหละ ปูเสื่อต่อกันสองผืนก็พอนั่ง ไม่ได้ขึ้นมากินข้าวที่เถียงนาเนื่องจากอยู่ไกล ขี้เกียจเดินขึ้นมาหัวนาเสียเวลาเปล่า ๆ ทานข้าวเสร็จพักเที่ยงยายกับตายังไม่พาเริ่มงาน นั่งเล่นพักผ่อนให้หายเหนื่อยก่อน ตาปลีกตัวไปดูดบุหรี่อีกที่หนึ่งไกล ๆ ยายก็นั่งเล่นกับน้องบีม ส่วนที่เหลือพี่บอมพาทำปี่ตอฟางข้าวเป่าเล่น
พี่บอมนำเคียวมาตัดตอฟางข้าวที่เกี่ยวไปแล้ว มาทำเป็นปี่เป่าเล่น ตัดตรงปล้องฟางข้าว เจาะรูตรงลำฟาง ไม่รู้พี่บอมทำยังไง แต่เป่าแล้วมันมีเสียงเปล่งออกมา จะทุ้มจะแหลมแล้วแต่ลำฟางข้าวนั่น ๆ ฟางอ้วนเสียงก็ทุ้มต่ำ ฟางเล็กเสียงก็แหลม พี่บอมทำแจกน้อง ๆ ทุกคน ได้คนละอัน
ทุกคนแข่งกันเป่า คนหนึ่งลงคนหนึ่งขึ้นทำให้การมานาไม่เงียบเหงา หักก็ทำใหม่ “พี่บอมทำไว้หลาย ๆ อันได้มั้ยเอากลับบ้านด้วย เอาไปเป่าที่บ้าน” บอสบอกให้พี่ชายทำไว้หลาย ๆ อัน
“ได้! ให้คนละสองอันนะ ขี้เกียจทำแล้ว”
สักพักได้ยินเสียงโฆษณาดังแว่วมาตามลม ดังมาจากในหมู่บ้านแว่วมาตามสายลม ว่าตอนเย็นมีหนังวิกมาฉาย หนังวิกคือหนังกลางแปลงแต่ต้องจ่ายค่าเข้าชม เด็กสิบบาท ผู้ใหญ่ยี่สิบบาท พี่บอลดีใจจะได้ไปดูหนัง ไม่ใช่อยากดูหนัง แต่อยากไปเล่นกับเพื่อนมากกว่า หนังกลางแปลงเข้าบ้านทีเหมือนมีงานบุญ ทั้งที่มีทีวีให้ดู ก็ไม่ตื่นเต้นเท่าหนังกลางแปลงเข้าบ้าน
ช่วงบ่ายยายกับตาพาเกี่ยวข้าวอีก บอสใส่หมวกสานด้วยใบจากเก่า ๆ ของตาเดินหักรวงข้าว เต็มกำมือก็เอามาวางไว้กับของยาย “บอสไปนอนแหมะบอส ตอนบ่ายแดดมันแรง” ยายดุเธอให้ไปเข้าร่ม บอสอายุเพียงหกขวบยังต้องนอนตอนกลางวันเหมือนเดิม 
“ไม่อยากนอน” 
“ไม่อยากนอนก็ไปเก็บผักกะแยงให้ยายไป เอาเต็มถุงหูหิ้วพอ ผักลุมผัวด้วย” 
“จ้า ไหนตรงไหนยาย อันนี้ใช่มั้ย แล้วอันนี้ล่ะ” บอสเที่ยวเดินมาถามยายบ่อย ๆ ด้วยลังเลว่าใช่หรือเปล่า
“เออ! อันนั้นแหละ เก็บ ๆ มาเถอะน่า” ยายเริ่มรำคาญเธอแล้วที่เดินมาถามบ่อย ๆ ไม่ได้เกี่ยวข้าวสักที
“ยายก่อนกลับขอเล่นน้ำนะ” พี่บอมขอยายเล่นน้ำห้วย
“เล่นก็เล่น แต่เล่นแถว ๆ สะพานนะ สี่โมงเย็นค่อยไป”
“เย้! เล่นด้วย” บอสวิ่งมาหาพี่บอมเมื่อได้ยินพี่บอมขอยายเล่นน้ำ
“ไม่! ไม่ให้เล่นด้วย”
บอสเบะปากหน้าบูด เหวี่ยงมือไปตีหลังพี่บอม “เล่นด้วย”
“ไม่!”
ฮือ! “ยายบอกพี่บอมหน่อย ไม่ให้บอสเล่นด้วย”
“หนี! บอสหนีอย่ามากวนเขา ไปเข้าร่มนู่น” ยายกลับดุเธอแทน แทนที่จะดุพี่บอม “เก็บผักได้เยอะยัง เอาให้เต็มถุง”
“พี่บอมไม่ให้บอสเล่นน้ำด้วย พี่ปาวบอสเล่นน้ำด้วยนะ” บอสหันไปออเซาะพี่สาวแทน ไม่ง้อก็ได้แค่พี่บอมคนเดียว เธอเป็นน้องพี่ปาวก็ได้
“ไปเก็บผักให้เต็มถุงเดี๋ยวให้เล่นด้วย ถ้าไม่เต็มไม่ให้เล่น” พี่ปาวสั่งเธอให้ไปเก็บผักกะแยงกับผักลุมผัวให้เต็มถุงหูหิ้ว ไม่อยากให้กวน เกะกะการเกี่ยวข้าวของตนเอง
“ก็ได้” บอสเดินหาเก็บผักที่ยายสั่ง ไม่พ้นถือกลับมาถามอีก เป็นแบบนี้เกือบทั้งช่วงบ่ายกว่าจะเต็มถุง
.....
ตูม! เสียงพี่บอลกระโดดน้ำตีลังกาม้วนตัวลงมาจากสะพานไม้ไผ่ที่ตาทำไว้ข้ามไปอีกฝั่ง สลับกับพี่บอมอย่างสนุกสนาน พี่ปาวกับพี่ปอเล่นอยู่ริมตลิ่ง และเธอเล่นบนริมตลิ่ง เป็นขั้นบันไดดินที่ตาทำลงไป ส่วนตานั่งดูดบุหรี่ดูอยู่บนฝั่ง บุหรี่ของตาทำด้วยใบตองกล้วยแห้ง 
น้ำเย็นแค่ไหนพวกเธอก็ไม่หวั่น ตอนเย็นอากาศเริ่มเย็นเพราะช่วงเดือนตุลาคมอากาศเริ่มเย็นแล้ว 
“บอสมาโดดสะพาน” พี่บอลชวนเธอ ขณะเตรียมตัวพุ่งม้วนตีลังกาลงน้ำอีกครั้ง พี่บอมว่ายไปมาลอดใต้สะพานกลับไปกลับมาอย่างสนุก และก็เดินขึ้นไปสะพานกระโดนน้ำอีก ในลำห้วยมีเสียงเจี๊ยวจ๊าวของพวกเธอดังไปไกล ถึงนาอีกฝั่ง มีผู้ใหญ่เดินมาดูนึกว่าเด็กที่ไหนเล่นน้ำ ที่แท้เป็นพวกเธอเอง หลานยายกับตา
“มาพี่บอลพาโดด” พี่บอลคะยั้นคะยอให้เธอมาโดนสะพานด้วยกัน พี่ปาวกับพี่ปอเกาะสะพานเอาขาตีน้ำเล่น เธอก็เล่นริม ๆ ฝั่งพี่บอมไม่พาเธอเล่นน้ำเลย เล่นแต่ตัวเอง สนุกอยู่คนเดียว
“บอสไม่ต้อง! เดี๋ยวจมน้ำ”  พี่ปาวหันมาดุเธอ “ไอ้บอลเมริงเล่นไปคนเดียวไม่ต้องชวนน้อง” 
“ก็ได้” อดทั้งสองคนเลย ไม่นานตาก็สั่งให้ขึ้นจากน้ำเพราะค่ำแล้ว ฟ้าเริ่มเป็นสีแดงอ่อน ยายเก็บข้าวของใส่ล้อไม้อันเดิม เข็นเธอกับน้องบีทกลับบ้าน พี่ ๆ ก็ปั่นจักรยานกลับบ้าน ส่วนตาก็จูงวัวกลับบ้าน มีเพื่อนบ้านจูงวัวไปตามสายทางเป็นเพื่อนเดินกลับบ้านพร้อมกัน
....
อยากกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง อยากกลับไปเล่นน้ำ อยากไปโดดสะพาน คิดถึงตา บอสนั่งบนเก้าอี้ทำงาน เอาหน้าหมอบลงกับโต๊ะทำงาน หนุนแขนตัวเองเลื่อนโทรศัพท์ดูไปเรื่อย ๆ ตอนนั้นมันมีความสุขมากกว่าตอนนี้ เป็นอย่างที่เขาว่าตอนเด็กเจ็บสุดก็แค่โดนยายตี เจ็บก็ร้องไห้ออกมาได้ ไม่ต้องเก็บความรู้สึกเจ็บปวดเอาไว้เหมือนตอนนี้ เหมือนจะร้องไห้ เธอต้องรีบเช็ดน้ำตาก่อนที่หัวหน้าเธอจะเดินมาเห็น 
เห็นพี่บอมลงรูปตัวเองกับครอบครัวในเฟซบุ๊ก เห็นพี่ปาวพาลูกชายไปหาหมอ เห็นพี่ปอไปกินข้าวกับแฟน เห็นน้องบีมลงรูปตัวเอง เห็นพี่บอลอยู่ในชุดทหารตระเวนชายแดนความห่วงใยก็ผุดขึ้นมาทันที บอสแชทไปคุยกับพี่บอลฝากข้อความไว้ เพราะพี่ยังไม่ว่างตอบ แต่ละคนโตมาแยกย้ายกันไปคนละทิศคนละทาง ไม่เหมือนตอนเด็ก ๆ เลย  
“น้องเตรียมตัวกลับบ้าน เก็บของจะเลิกงานแล้ว” พี่ที่ทำงานของเธอตะโกนบอก พร้อมเดินไปเก็บกระเป๋าสัมภาระของตัวเองมาวางไว้ที่โต๊ะ ชะเง้อหน้ามามองโทรศัพท์ของเธอด้วย “น้องส่งเมลให้พี่ยัง แจ้งยงแจ้งยอดยัง แซบบีวันยัง ปริ้นสตงสต๊อกเรียบร้อยแล้วนะ”
บอสถอนหอยใจเบา ๆ เงยหน้าขึ้นมาจากหน้าจอโทรศัพท์ “เสร็จหมดแล้วค่ะพี่”
“ไอ้น้องบอสบอก อีพี่ดาวเรียกกูทั้งวันเลย” หัวหน้าเธอพูดหยอกหัวเราะเดินมาหาเธอเอามือขึ้นมาแตะไหล่  “ทำอะไรเนี่ย”
บอสยิ้มหัวเราะเบา ๆ กดออกจากหน้าแอพพลิเคชั่นที่เข้าอยู่“คิดมากนะเราพี่ดาว ส่องเฟซผัวอยู่ค่ะ ผัวไม่อยู่หลายวัน” 
“ปะ ๆ กลับบ้านเลิกงานแล้ว” 
....
“ยายกินข้าวยังอ่ะ ได้ไรกินใครเอามาให้ หลานโทรหาบ้างปะ” บอสกลับมาถึงห้อง รีบกดโทรศัพท์โทรไปคุยกับยายทันทีด้วยความคิดถึง
“โทรหาทุกคน ยกเว้นเมริง บอลน่ะไม่ค่อยโทร ทำงานอยู่คือจังใด ไปเข้าป่าทางใดบุหนิน้อ บีมนะโทรมาทุกวัน”
“ยายก็! บอสก็โทรอยู่นี่ไง พี่บอลเขาเข้าป่า วันนี้เห็นลงเฟซอยู่”
จบบท																																	
  
							 
						
คิดถึง บทที่... 2
ปี่ทำจากซังข้าวค่ะ
ล้อไม้ค่ะ
ไดอารี่ความคิดถึง
ลมหนาวเดือนตุลาคมพัดผ่านมา อากาศแห้งถึงแม้จะไม่หนาวมากก็สัมผัสได้ถึงฤดูกาล หน้าหนาวกำลังมาถึง เดือนตุลาคมเป็นเดือนของการเกี่ยวข้าวดอ หรือ ข้าวเบา ยายกับตาทำไว้แค่ไม่กี่ไร่ นอกนั้นเป็นข้าวใหญ่หมดจะเกี่ยวตอนเดือนธันวาคม ข้าวดอตากับยายจะเกี่ยวเอง มันแค่สามสี่ไร่นา ส่วนข้าวใหญ่แม่จะส่งเงินมาให้จ้างคนเกี่ยวเพราะมันเยอะ จะไม่ให้ตากับยายทำกันเองกว่าจะเสร็จทั้งหมดข้าวที่เกี่ยวก่อนแห้งกรอบกันพอดี
เช้าตรู่ของวันเสาร์หกโมงเช้า ตาจะจูงวัวไปทุ่งก่อนไปรอที่นา ส่วนยายจะเตรียมกับข้าวไปทีหลัง หลาน ๆแต่ละคนยายสั่งให้ไปใส่เสื้อแขนยาว กางเกงขายาวให้ครบทุกคน ไปทุ่งมันลมและแดดต้องใส่กันแขนขาลาย ป้องกันไว้ก่อน พี่ปาวขอเงินยายไปซื้อขนมและลูกอมตุนไว้ ไปนามันไม่มีร้านค้าก็ต้องซื้อเตรียมไว้
“ยายขอดูเกาะเพชรเจ็ดสีจบก่อนนะค่อยไป ปออยากดู” พี่ปอจะชอบต่อรองยายเสมอ ขอดูละครให้จบก่อน พวกเธอติดละครเรื่องนี้กันมาก ๆ
“ไม่ได้! เดี๋ยวตาหิวข้าวออกไปตั้งแต่เช้าแล้ว” และยายก็ไม่เคยอนุญาตสักที ยายเตรียมเสื้อผ้า เตรียมนมอะไรของน้องบีมทุกอย่างใส่ตะกร้าไม้ไผ่ เตรียมเคียวเกี่ยวข้าว เตรียมกับข้าวให้ครบ “ใส่เสื้อแขนยาวกางเกงขายาวครบทุกคนยัง ออกไปนาได้แล้วสายแล้ว” ยายเร่งพวกเธอตอนนี้แค่เจ็ดโมงสิบนาทียายจะรีบไปไหน และยังบอกว่าสายอีก เธอไม่เห็นว่ามันจะสายตรงไหนเลย
ยายนำทุกอย่างมาใส่ไว้ในล้อไม้ที่ตาทำให้ ดันไปไว้ด้านหน้าล้อ ส่วนเธอนั่งในล้อฝั่งท้ายอุ้มน้องบีมไว้ พี่ปาวปั่นจักรยานคู่กับพี่ปอ ส่วนพี่บอมกับพี่บอลคนละคัน ปั่นจักรยานมุ่งหน้าไปยังนาของเธอ ห่างจากหมู่บ้านประมาณหนึ่งกิโลเมตรได้ ยายเป็นคนเข็นล้อตามไป
“ระวังรถด้วยนะอย่าปั่นเร็ว ปั่นข้างถนนเด้ออย่าออกไปกลางถนน” ยายตะโกนบอกพี่ ๆ ของพวกเธอที่ปั่นมุ่งหน้าไปก่อนแล้ว ส่วนเธอก็นั่งในล้อไม้ให้ยายเข็นไปไม่นานก็ถึง
มาถึงนาแสงแดดอ่อน ๆ ให้ความอบอุ่น ตานั่งจักตอกไม้ไผ่ไว้มัดข้าวรอยายที่เถียงนา เถียงนาของเธอเล็ก ๆ เสาหกต้น ใต้ถุนเถียงนาตาทำเป็นคอกวัว พี่ ๆ ของเธอจอดจักรยานไว้ใต้ต้นมะกอก นั่งเล่นรอบนเถียง มาถึงยายขนข้าวของลง เตรียมหาข้าวเช้าให้ตากิน ทุกคนกินมื้อเช้าพร้อมกันที่นา ก่อนที่จะลงไปเกี่ยวข้าวดอที่ปลายนา
หลังทานข้าวเสร็จ ตา ยาย พี่บอม พี่ปอและพี่บอลเดินลงไปปลายนายายปลูกข้าวดอไว้ที่ปลายนาเพราะมันใกล้น้ำ ที่นาของเธอติดลำห้วยสาธารณะยาวไปหลายเมตรติดกับที่นาคนอื่น ๆ ด้วย เธออยู่เป็นเพื่อนพี่ปาวเก็บจานชามไปล้างก่อนจะเดินตามหลังไป ยายเอาน้องบีมนั่งในตะกร้าไม้ไผ่และหาบใส่ไม้คานเดินลงไปตามคันนา ตะกร้าอีกฝั่งเป็นข้าวของที่จะทำกินมื้อเที่ยง น้ำหนักน้องบีมพอ ๆ กับข้าวของที่ยายใส่ในตะกร้าอีกใบนั่นแหละ น้องบีมตอนนี้แค่สองขวบเอง ส่วนตาเป็นคนแบกหลักอู่ของน้องบีมเดินนำหน้าไป
พี่ปอรับหน้าที่ดูแลน้องบีมกับเธอใต้ร่มต้นจาน พี่บอมกับพี่ปาวเกี่ยวข้าวช่วยยายกับตา ใช่แล้วเด็กแปดเก้าขวบสิบขวบนี่แหละเกี่ยวข้าวเป็น พี่บอลรับหน้าที่ดูวัวให้ตา ตาจะผูกไว้อีกที่หนึ่ง แค่ดูไม่ให้เข้าสวนผักหรือนาของคนอื่นเท่านั้นเอง หาหญ้าหาน้ำให้มันกิน ไม่ไกลกับตรงที่เกี่ยวข้าว ส่วนเธอก็เล่นบ้าง หักข้าวช่วยยายบ้าง หักทีละต้น ๆ ยายไม่ให้ถือเคียวเดี๋ยวมันบาดมือ เธอยังเด็กมากหกขวบได้
ถึงจะแดดแต่อากาศเย็นเพราะมีลมพัดผ่านตลอด ข้าวดอแค่สี่ห้าไร่นาเท่านั้น สี่ห้าตานาไม่เยอะ จึงทำกันเองได้ไม่ต้องจ้างคน แค่สองวันเสาร์อาทิตย์ก็เสร็จแล้ว พักเที่ยงก็ทานข้าวกันใต้ร่มต้นจานนั่นแหละ ปูเสื่อต่อกันสองผืนก็พอนั่ง ไม่ได้ขึ้นมากินข้าวที่เถียงนาเนื่องจากอยู่ไกล ขี้เกียจเดินขึ้นมาหัวนาเสียเวลาเปล่า ๆ ทานข้าวเสร็จพักเที่ยงยายกับตายังไม่พาเริ่มงาน นั่งเล่นพักผ่อนให้หายเหนื่อยก่อน ตาปลีกตัวไปดูดบุหรี่อีกที่หนึ่งไกล ๆ ยายก็นั่งเล่นกับน้องบีม ส่วนที่เหลือพี่บอมพาทำปี่ตอฟางข้าวเป่าเล่น
พี่บอมนำเคียวมาตัดตอฟางข้าวที่เกี่ยวไปแล้ว มาทำเป็นปี่เป่าเล่น ตัดตรงปล้องฟางข้าว เจาะรูตรงลำฟาง ไม่รู้พี่บอมทำยังไง แต่เป่าแล้วมันมีเสียงเปล่งออกมา จะทุ้มจะแหลมแล้วแต่ลำฟางข้าวนั่น ๆ ฟางอ้วนเสียงก็ทุ้มต่ำ ฟางเล็กเสียงก็แหลม พี่บอมทำแจกน้อง ๆ ทุกคน ได้คนละอัน
ทุกคนแข่งกันเป่า คนหนึ่งลงคนหนึ่งขึ้นทำให้การมานาไม่เงียบเหงา หักก็ทำใหม่ “พี่บอมทำไว้หลาย ๆ อันได้มั้ยเอากลับบ้านด้วย เอาไปเป่าที่บ้าน” บอสบอกให้พี่ชายทำไว้หลาย ๆ อัน
“ได้! ให้คนละสองอันนะ ขี้เกียจทำแล้ว”
สักพักได้ยินเสียงโฆษณาดังแว่วมาตามลม ดังมาจากในหมู่บ้านแว่วมาตามสายลม ว่าตอนเย็นมีหนังวิกมาฉาย หนังวิกคือหนังกลางแปลงแต่ต้องจ่ายค่าเข้าชม เด็กสิบบาท ผู้ใหญ่ยี่สิบบาท พี่บอลดีใจจะได้ไปดูหนัง ไม่ใช่อยากดูหนัง แต่อยากไปเล่นกับเพื่อนมากกว่า หนังกลางแปลงเข้าบ้านทีเหมือนมีงานบุญ ทั้งที่มีทีวีให้ดู ก็ไม่ตื่นเต้นเท่าหนังกลางแปลงเข้าบ้าน
ช่วงบ่ายยายกับตาพาเกี่ยวข้าวอีก บอสใส่หมวกสานด้วยใบจากเก่า ๆ ของตาเดินหักรวงข้าว เต็มกำมือก็เอามาวางไว้กับของยาย “บอสไปนอนแหมะบอส ตอนบ่ายแดดมันแรง” ยายดุเธอให้ไปเข้าร่ม บอสอายุเพียงหกขวบยังต้องนอนตอนกลางวันเหมือนเดิม
“ไม่อยากนอน”
“ไม่อยากนอนก็ไปเก็บผักกะแยงให้ยายไป เอาเต็มถุงหูหิ้วพอ ผักลุมผัวด้วย”
“จ้า ไหนตรงไหนยาย อันนี้ใช่มั้ย แล้วอันนี้ล่ะ” บอสเที่ยวเดินมาถามยายบ่อย ๆ ด้วยลังเลว่าใช่หรือเปล่า
“เออ! อันนั้นแหละ เก็บ ๆ มาเถอะน่า” ยายเริ่มรำคาญเธอแล้วที่เดินมาถามบ่อย ๆ ไม่ได้เกี่ยวข้าวสักที
“ยายก่อนกลับขอเล่นน้ำนะ” พี่บอมขอยายเล่นน้ำห้วย
“เล่นก็เล่น แต่เล่นแถว ๆ สะพานนะ สี่โมงเย็นค่อยไป”
“เย้! เล่นด้วย” บอสวิ่งมาหาพี่บอมเมื่อได้ยินพี่บอมขอยายเล่นน้ำ
“ไม่! ไม่ให้เล่นด้วย”
บอสเบะปากหน้าบูด เหวี่ยงมือไปตีหลังพี่บอม “เล่นด้วย”
“ไม่!”
ฮือ! “ยายบอกพี่บอมหน่อย ไม่ให้บอสเล่นด้วย”
“หนี! บอสหนีอย่ามากวนเขา ไปเข้าร่มนู่น” ยายกลับดุเธอแทน แทนที่จะดุพี่บอม “เก็บผักได้เยอะยัง เอาให้เต็มถุง”
“พี่บอมไม่ให้บอสเล่นน้ำด้วย พี่ปาวบอสเล่นน้ำด้วยนะ” บอสหันไปออเซาะพี่สาวแทน ไม่ง้อก็ได้แค่พี่บอมคนเดียว เธอเป็นน้องพี่ปาวก็ได้
“ไปเก็บผักให้เต็มถุงเดี๋ยวให้เล่นด้วย ถ้าไม่เต็มไม่ให้เล่น” พี่ปาวสั่งเธอให้ไปเก็บผักกะแยงกับผักลุมผัวให้เต็มถุงหูหิ้ว ไม่อยากให้กวน เกะกะการเกี่ยวข้าวของตนเอง
“ก็ได้” บอสเดินหาเก็บผักที่ยายสั่ง ไม่พ้นถือกลับมาถามอีก เป็นแบบนี้เกือบทั้งช่วงบ่ายกว่าจะเต็มถุง
.....
ตูม! เสียงพี่บอลกระโดดน้ำตีลังกาม้วนตัวลงมาจากสะพานไม้ไผ่ที่ตาทำไว้ข้ามไปอีกฝั่ง สลับกับพี่บอมอย่างสนุกสนาน พี่ปาวกับพี่ปอเล่นอยู่ริมตลิ่ง และเธอเล่นบนริมตลิ่ง เป็นขั้นบันไดดินที่ตาทำลงไป ส่วนตานั่งดูดบุหรี่ดูอยู่บนฝั่ง บุหรี่ของตาทำด้วยใบตองกล้วยแห้ง
น้ำเย็นแค่ไหนพวกเธอก็ไม่หวั่น ตอนเย็นอากาศเริ่มเย็นเพราะช่วงเดือนตุลาคมอากาศเริ่มเย็นแล้ว
“บอสมาโดดสะพาน” พี่บอลชวนเธอ ขณะเตรียมตัวพุ่งม้วนตีลังกาลงน้ำอีกครั้ง พี่บอมว่ายไปมาลอดใต้สะพานกลับไปกลับมาอย่างสนุก และก็เดินขึ้นไปสะพานกระโดนน้ำอีก ในลำห้วยมีเสียงเจี๊ยวจ๊าวของพวกเธอดังไปไกล ถึงนาอีกฝั่ง มีผู้ใหญ่เดินมาดูนึกว่าเด็กที่ไหนเล่นน้ำ ที่แท้เป็นพวกเธอเอง หลานยายกับตา
“มาพี่บอลพาโดด” พี่บอลคะยั้นคะยอให้เธอมาโดนสะพานด้วยกัน พี่ปาวกับพี่ปอเกาะสะพานเอาขาตีน้ำเล่น เธอก็เล่นริม ๆ ฝั่งพี่บอมไม่พาเธอเล่นน้ำเลย เล่นแต่ตัวเอง สนุกอยู่คนเดียว
“บอสไม่ต้อง! เดี๋ยวจมน้ำ” พี่ปาวหันมาดุเธอ “ไอ้บอลเมริงเล่นไปคนเดียวไม่ต้องชวนน้อง”
“ก็ได้” อดทั้งสองคนเลย ไม่นานตาก็สั่งให้ขึ้นจากน้ำเพราะค่ำแล้ว ฟ้าเริ่มเป็นสีแดงอ่อน ยายเก็บข้าวของใส่ล้อไม้อันเดิม เข็นเธอกับน้องบีทกลับบ้าน พี่ ๆ ก็ปั่นจักรยานกลับบ้าน ส่วนตาก็จูงวัวกลับบ้าน มีเพื่อนบ้านจูงวัวไปตามสายทางเป็นเพื่อนเดินกลับบ้านพร้อมกัน
....
อยากกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง อยากกลับไปเล่นน้ำ อยากไปโดดสะพาน คิดถึงตา บอสนั่งบนเก้าอี้ทำงาน เอาหน้าหมอบลงกับโต๊ะทำงาน หนุนแขนตัวเองเลื่อนโทรศัพท์ดูไปเรื่อย ๆ ตอนนั้นมันมีความสุขมากกว่าตอนนี้ เป็นอย่างที่เขาว่าตอนเด็กเจ็บสุดก็แค่โดนยายตี เจ็บก็ร้องไห้ออกมาได้ ไม่ต้องเก็บความรู้สึกเจ็บปวดเอาไว้เหมือนตอนนี้ เหมือนจะร้องไห้ เธอต้องรีบเช็ดน้ำตาก่อนที่หัวหน้าเธอจะเดินมาเห็น
เห็นพี่บอมลงรูปตัวเองกับครอบครัวในเฟซบุ๊ก เห็นพี่ปาวพาลูกชายไปหาหมอ เห็นพี่ปอไปกินข้าวกับแฟน เห็นน้องบีมลงรูปตัวเอง เห็นพี่บอลอยู่ในชุดทหารตระเวนชายแดนความห่วงใยก็ผุดขึ้นมาทันที บอสแชทไปคุยกับพี่บอลฝากข้อความไว้ เพราะพี่ยังไม่ว่างตอบ แต่ละคนโตมาแยกย้ายกันไปคนละทิศคนละทาง ไม่เหมือนตอนเด็ก ๆ เลย
“น้องเตรียมตัวกลับบ้าน เก็บของจะเลิกงานแล้ว” พี่ที่ทำงานของเธอตะโกนบอก พร้อมเดินไปเก็บกระเป๋าสัมภาระของตัวเองมาวางไว้ที่โต๊ะ ชะเง้อหน้ามามองโทรศัพท์ของเธอด้วย “น้องส่งเมลให้พี่ยัง แจ้งยงแจ้งยอดยัง แซบบีวันยัง ปริ้นสตงสต๊อกเรียบร้อยแล้วนะ”
บอสถอนหอยใจเบา ๆ เงยหน้าขึ้นมาจากหน้าจอโทรศัพท์ “เสร็จหมดแล้วค่ะพี่”
“ไอ้น้องบอสบอก อีพี่ดาวเรียกกูทั้งวันเลย” หัวหน้าเธอพูดหยอกหัวเราะเดินมาหาเธอเอามือขึ้นมาแตะไหล่ “ทำอะไรเนี่ย”
บอสยิ้มหัวเราะเบา ๆ กดออกจากหน้าแอพพลิเคชั่นที่เข้าอยู่“คิดมากนะเราพี่ดาว ส่องเฟซผัวอยู่ค่ะ ผัวไม่อยู่หลายวัน”
“ปะ ๆ กลับบ้านเลิกงานแล้ว”
....
“ยายกินข้าวยังอ่ะ ได้ไรกินใครเอามาให้ หลานโทรหาบ้างปะ” บอสกลับมาถึงห้อง รีบกดโทรศัพท์โทรไปคุยกับยายทันทีด้วยความคิดถึง
“โทรหาทุกคน ยกเว้นเมริง บอลน่ะไม่ค่อยโทร ทำงานอยู่คือจังใด ไปเข้าป่าทางใดบุหนิน้อ บีมนะโทรมาทุกวัน”
“ยายก็! บอสก็โทรอยู่นี่ไง พี่บอลเขาเข้าป่า วันนี้เห็นลงเฟซอยู่”
จบบท