อนาคตใหม่เปิดคลิป ส.ส.ย้ายพรรครับโดนซื้อ – อนุทิน เดือดพฤติกรรมกุ๊ยแอบอัดเสียง
https://workpointnews.com/2020/02/26/ffp-39/
จากกรณีที่ กลุ่ม ส.ส. อดีตพรรคอนาคตใหม่ นำโดย นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ นำคลิปเสียงสนทนา ระหว่างนายอดิศักดิ์ สมบัติคำ อดีตผู้สมัคร ส.ส. เขต 2 มหาสารคาม พรรคอนาคตใหม่ กับ คนที่อ้างว่า คือ นายสำลี รักสุทธี ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่ย้ายไปสังกัดพรรคภูมิใจไทย โดยในคลิปเสียงผู้ที่ถูกระบุว่าเป็น นายสำลี ระบุว่า ได้คุยข้อเสนอจะไปทำงานลงตัวแล้ว โดยตนจะไปทำงานเรื่องเด็ก ตั้งแต่ในครรภ์ถึง ป.3 โดยจะร่วมทำงานกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล ซึ่งเป็น รมว.สาธารณสุข ซึ่งถ้ายังอยู่กับพรรคเดิมไม่มีโอกาสทำเรื่องนี้เลย
ในคลิปมีการถามกันว่ามีการซื้อตัวกันหรือไม่ คำตอบในคลิปคือ เรื่องเงินก็มีส่วนจะปฏิเสธว่าไม่มีส่วนก็ไม่ใช่ เรื่องเงินจะเอาไปลงพื้นที่ และตนมีหนี้สิน เมื่อถามว่าไม่สงสารหัวหน้าและเลขาธิการพรรคเหรอ เสียงในคลิปตอบว่า ก็สงสาร แต่ช่วงนี้เป็นช่วงที่ตัดสินใจได้ว่าจะไปอย่างไร ไปทั้งน้ำตาไม่ได้อยากออกไป
ด้านนาย
อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า เป็นโรคอะไรกันแล้วเดี๋ยวนี้ไปไหนมาไหนต้องเปิดคลิปกันแล้วเหรอ อีกหน่อยก็ไม่มีใครพูดความจริงต่อกันแล้ว ไม่ดีหรอก มารยาทต้องมีโตๆ กันแล้ว ไม่ใช่แอบอัดเสียงของเขาไปหมด นี่มันเป็นพฤติกรรมของกุ๊ย ไม่ใช่คนที่เป็นอารยชนเขาทำกัน
.
เมื่อถามว่า ถ้าทำให้เกิดความเสียหายจะฟ้องกลับหรือไม่ นาย
อนุทิน กล่าวว่า ไม่ฟ้อง ไปฟ้องกุ๊ยแล้วได้อะไรขึ้นมา เวลาไปศาล เปิดเทปแบบนี้ เขาไม่ฟังหรอก อย่าไปทำไม่เอา ไหนบอกทำการเมืองใหม่ เป็นพลเมืองดี ต้องทำในสิ่งที่อารยชนเขาทำกัน พูดไปเรื่อย
.
เมื่อพรรคถูกยุบไปกระบวนการทุกอย่างเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ส.ส.ก็ต้องหาพรรคสังกัดใน 60 วัน เรียกงูเห่ายังไม่ถูกเลยเพราะคนเหล่านี้ไม่ใช่งูเห่า นั่นต้องเป็นแบบยังมีพรรคอยู่แล้วไปโน้มน้าวให้มา แต่เราไม่ได้ถือสาหรอกเข้าใจอารมณ์ตอนนี้ ส่วนหลังจากนี้จะมีมาเพิ่มมากกว่า 9 คนหรือไม่ ใบสมัครของพรรคใครๆ มาก็ได้ไม่เป็นต้องเป็น ส.ส. คนที่คิดว่าพรรคนี้ทำงานได้ มาช่วยงานพรรคได้
.
เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ที่อาจจะมีการปล่อยคลิปออกมาอีก นาย
อนุทิน กล่าวว่า ของไม่จริงจะไปกังวลทำไม เราไม่ได้ทำอะไรไม่ถูกต้อง ทั้ง 9 คน ตอนนี้ตนยังเจอแค่ 3-4 คน ทุกคนมีสิทธิมาสมัคร เขาก็รู้จักกันเป็นพวกกันชักจูงกันมา เขามาสมัครเราก็คุยเรื่องการทำงานของพรรคว่าเขาโอเคไหม คุณเป็นผู้แทนอยู่ก็ดีอยู่เลย เอานโยบายไปทำงานให้ประชาชนพรรคพร้อมเป็นตัวประสานให้
.
ถามย้ำว่ายืนยันว่าไม่มีเรื่องตัวเงินในการมาร่วมพรรคใช่ไหม นาย
อนุทิน ตอบว่า ไม่มี ถ้ามีหลักฐานก็ลุยเลยอยากจะรู้เหมือนกันว่าใครไปจ่าย และที่ผ่านมามีคนมาคุยแล้วไม่รู้เรื่องก็มี คุยกันแล้วคนละแนวก็มีตั้งกลายคนไม่ใช่ไปรับอะไรมั่วซั่วต้องคุยว่าทำงานกันได้ ทัศนคติต่อทุกๆ สิ่งโดยเฉพาะสถาบันที่เคารพสักการะสำคัญที่สุด
ไทยพัวพันผู้ต้องหาคดี 1MDB ได้อย่างไร
https://news.thaipbs.or.th/content/289286
ในช่วง 1-2 วัน ไทยปรากฏชื่อพัวพันกับการซ่อนตัวของผู้ต้องหาคนสำคัญในคดีกองทุน 1MDB แต่คำชี้แจงจากหน่วยงานไทยอาจทำให้เห็นว่ามีช่องว่างการแจ้งข้อมูล และท่าทีของไทยต่อเรื่องนี้สำคัญไม่น้อย อาจนำไปสู่ประเด็นใหม่ เช่น การฟอกเงิน หรือเกี่ยวพันกับคนไทยหรือไม่
วันนี้ (25 ก.พ.2563) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 1 MDB คือกองทุนพัฒนาเศรษฐกิจระยะยาวของมาเลเซีย ถูกตั้งขึ้นมาในปี 2551 ในสมัยที่นาย
นาจิบ ราซัค เป็นนายกรัฐมนตรีมาเลเซียในขณะนั้น กองทุนนี้ใช้วิธีการกู้มาลงทุน โดยหวังว่าจะมีกำไรมาพัฒนาประเทศให้เป็นประเทศที่ร่ำรวยในปี 2020 แต่การบริหารงานผิดพลาด การลงทุนในงานศิลปะ อัญมณีและเครื่องประดับ อสังหาริมทรัพย์และการเสี่ยงโชคต่างๆ การทำภาพยนตร์ แทบไม่เห็นผลตอบแทนการลงทุนเลยทั้งดอกเบี้ยที่หมุนต่อเนื่อง ทำให้ไม่กี่ปีกองทุนเกิดหนี้กว่า 10,000 ล้านดอลลาร์ฯ
ในปี 2558 หนังสือพิมพ์ เดอะ วอลสตรีท เจอร์นัล รายงานว่า เงินของรัฐบาลมาเลเซียกว่า 700 ล้านดอลลาร์ฯ ไหลเข้าไปยังบัญชีของนายกรัฐมนตรีนาจิบเสียเอง ขณะที่การลงทุนที่เชื่อมต่อไปในหลายประเทศ เกิดขึ้นท่ามกลางธุรกรรมมีความซับซ้อนอย่างมาก ทำให้ที่ผ่านมาหลายหน่วยงานในหลายประเทศพยายามสอบสวนเส้นทางการเงิน
แต่การจับกุมนาย
ซาเวียร์ จัสโต้ ชาวสวิสเซอร์แลนด์ อดีตผู้บริหารระดับสูง บริษัท ปิโตรซาอุดี ในไทย จากข้อหาแบล็คเมล์บริษัท ซึ่งมีสาขาในอังกฤษ และเกาะเคย์แมน และอีกหลายแห่ง ซึ่งแทบไม่เป็นที่สนใจในไทย กลับสร้างความตื่นเต้นให้มาเลเซียอย่างมาก
"ซาเวียร์" ขายข้อมูลการโยกย้ายเงินกองทุน
เพราะนาย
ซาเวียร์ได้ขายข้อมูลการโยกย้ายเงินจาก 1MDB กว่า 24,000 ล้านบาท ไปยังองค์กรสื่อในอังกฤษและมาเลเซีย และเป็นเงินคนละก้อนกับที่โอนเข้าบัญชีของนายกฯ
นาจิบ แต่เงินก้อนนี้ถูกถ่ายเทไปยังเกาะเคย์แมน ซึ่งไม่มีการเปิดเผยข้อมูลอะไรได้มากไปกว่านั้น แน่นอนว่าข้อมูลที่เขามีทำให้เห็นช่องโหว่ของกองทุน และสั่นสะเทือนชะตาของ
นาจิบ ราซัค แน่นอน
นอกจาก
ซาเวียร์ จัสโต้ ยังมี
โจ โลว์ นักการเงินชื่อดังสัญชาติมาเลเซีย ซึ่งระบุว่า เป็นคนวางแผนการลงทุนทั้งหมด และเป็นที่ต้องการตัวของสิงคโปร์ ถูกออกหมายแดงในปี 2559 ระหว่างนั้น ทราบว่าเขาเดินทางไปในหลายประเทศ หนึ่งในนั้น คือประเทศไทย และมีรายงานว่าเขามักจะปรากฏตัวในที่สาธารณะในภาคใต้ของไทย โดยมีรายงานอ้างว่าเขาและคณะได้รับการดูแลจากนักธุรกิจชาวไทยคนหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้กว้างขวาง
ระหว่างนั้น มาเลเซียก็แสดงความต้องการในตัวเขาเช่นกัน แต่การออกหมายจับ เป็นหมายแดง เกิดขึ้นในปี 2561 หลัง ดร.มหาเธร์ โมฮัมหมัด ชนะการเลือกตั้งในปี 2561 ซึ่งเป็นการเริ่มต้นสอบสวน เพื่อเอาผิดกับนายนาจิบ ราซัค ด้วย แต่จนถึงเวลานี้ก็ยังเอาผิดกับนายกรัฐมนตรีนาจิบ ไม่ได้
"ทอม ไรท์" อ้างไม่แปลกใจไทยไม่ส่งตัว โจ โลว์
ความเชื่อมโยงของตัวละคร 3 คนนี้ ถูกเขียนลงในหนังสือชื่อ
บิลเลียน ดอลลาร์ เวล โดยหนึ่งในผู้เขียน คือ
ทอม ไรท์ ทวิต ข้อความตอบโต้ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของไทย ที่ชี้แจงเรื่องนี้หลังพรรคอนาคตใหม่ออกมากล่าวหา เขาบอกว่า ไม่แปลกใจเลยที่ทางการไทยไม่ส่งตัว
โจ โลว์ ให้สิงคโปร์ ทั้งที่มีหมายแดงของตำรวจสากลออกมาแล้วในปี 2559 และปี 2561
โจ โลว์ ก็อยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในไทย ซึ่งอยู่ในช่วงที่ คสช.ดูแลประเทศ
เขายังทวิตข้อความ อ้างว่า
โลว์ จ่ายเงินสินบนให้กับนักธุรกิจชาวไทยที่รู้จักกัน พ่อของโลว์เกิดที่ภาคใต้ของไทย ครอบครัวของเขาเป็นเจ้าของ หรือถือหุ้นในห้างในกรุงเทพฯ โดยพักอยู่ที่โรงแรม 1-2 แห่ง และอ้างว่า
โจ โลว์ มีส่วนที่ทำให้เกิดการจับกุม
ซาเวียร์
ทั้งนี้ ไทยพีบีเอสได้รับข้อมูลจากแหล่งข่าว อ้างว่าระหว่างที่โลว์เดินทางเข้ามาพักในไทย เขาไม่ได้มาพร้อมกับทีมกฎหมาย 2 คน แต่ยังมีบุคคลในคณะที่รวมแล้วประมาณ 7-9 คน ซึ่งทั้งหมดได้รับการดูแล อำนวยความสะดวกจากนักธุรกิจไทยคนนี้ ซึ่งมีธุรกิจหลายอย่าง และมีสายสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับคนมีสีบางกลุ่ม
JJNY : อนค.เปิดคลิปส.ส.ย้ายรับโดนซื้อ/ไทยพัวพันผู้ต้องหาคดี1MDBได้อย่างไร/38 เขตฝุ่นพิษเกิน/เกาหลีใต้ติดโควิด19พุ่ง
https://workpointnews.com/2020/02/26/ffp-39/
จากกรณีที่ กลุ่ม ส.ส. อดีตพรรคอนาคตใหม่ นำโดย นายประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ นำคลิปเสียงสนทนา ระหว่างนายอดิศักดิ์ สมบัติคำ อดีตผู้สมัคร ส.ส. เขต 2 มหาสารคาม พรรคอนาคตใหม่ กับ คนที่อ้างว่า คือ นายสำลี รักสุทธี ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่ย้ายไปสังกัดพรรคภูมิใจไทย โดยในคลิปเสียงผู้ที่ถูกระบุว่าเป็น นายสำลี ระบุว่า ได้คุยข้อเสนอจะไปทำงานลงตัวแล้ว โดยตนจะไปทำงานเรื่องเด็ก ตั้งแต่ในครรภ์ถึง ป.3 โดยจะร่วมทำงานกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล ซึ่งเป็น รมว.สาธารณสุข ซึ่งถ้ายังอยู่กับพรรคเดิมไม่มีโอกาสทำเรื่องนี้เลย
ในคลิปมีการถามกันว่ามีการซื้อตัวกันหรือไม่ คำตอบในคลิปคือ เรื่องเงินก็มีส่วนจะปฏิเสธว่าไม่มีส่วนก็ไม่ใช่ เรื่องเงินจะเอาไปลงพื้นที่ และตนมีหนี้สิน เมื่อถามว่าไม่สงสารหัวหน้าและเลขาธิการพรรคเหรอ เสียงในคลิปตอบว่า ก็สงสาร แต่ช่วงนี้เป็นช่วงที่ตัดสินใจได้ว่าจะไปอย่างไร ไปทั้งน้ำตาไม่ได้อยากออกไป
ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า เป็นโรคอะไรกันแล้วเดี๋ยวนี้ไปไหนมาไหนต้องเปิดคลิปกันแล้วเหรอ อีกหน่อยก็ไม่มีใครพูดความจริงต่อกันแล้ว ไม่ดีหรอก มารยาทต้องมีโตๆ กันแล้ว ไม่ใช่แอบอัดเสียงของเขาไปหมด นี่มันเป็นพฤติกรรมของกุ๊ย ไม่ใช่คนที่เป็นอารยชนเขาทำกัน
.
เมื่อถามว่า ถ้าทำให้เกิดความเสียหายจะฟ้องกลับหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่ฟ้อง ไปฟ้องกุ๊ยแล้วได้อะไรขึ้นมา เวลาไปศาล เปิดเทปแบบนี้ เขาไม่ฟังหรอก อย่าไปทำไม่เอา ไหนบอกทำการเมืองใหม่ เป็นพลเมืองดี ต้องทำในสิ่งที่อารยชนเขาทำกัน พูดไปเรื่อย
.
เมื่อพรรคถูกยุบไปกระบวนการทุกอย่างเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ส.ส.ก็ต้องหาพรรคสังกัดใน 60 วัน เรียกงูเห่ายังไม่ถูกเลยเพราะคนเหล่านี้ไม่ใช่งูเห่า นั่นต้องเป็นแบบยังมีพรรคอยู่แล้วไปโน้มน้าวให้มา แต่เราไม่ได้ถือสาหรอกเข้าใจอารมณ์ตอนนี้ ส่วนหลังจากนี้จะมีมาเพิ่มมากกว่า 9 คนหรือไม่ ใบสมัครของพรรคใครๆ มาก็ได้ไม่เป็นต้องเป็น ส.ส. คนที่คิดว่าพรรคนี้ทำงานได้ มาช่วยงานพรรคได้
.
เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ที่อาจจะมีการปล่อยคลิปออกมาอีก นายอนุทิน กล่าวว่า ของไม่จริงจะไปกังวลทำไม เราไม่ได้ทำอะไรไม่ถูกต้อง ทั้ง 9 คน ตอนนี้ตนยังเจอแค่ 3-4 คน ทุกคนมีสิทธิมาสมัคร เขาก็รู้จักกันเป็นพวกกันชักจูงกันมา เขามาสมัครเราก็คุยเรื่องการทำงานของพรรคว่าเขาโอเคไหม คุณเป็นผู้แทนอยู่ก็ดีอยู่เลย เอานโยบายไปทำงานให้ประชาชนพรรคพร้อมเป็นตัวประสานให้
.
ถามย้ำว่ายืนยันว่าไม่มีเรื่องตัวเงินในการมาร่วมพรรคใช่ไหม นายอนุทิน ตอบว่า ไม่มี ถ้ามีหลักฐานก็ลุยเลยอยากจะรู้เหมือนกันว่าใครไปจ่าย และที่ผ่านมามีคนมาคุยแล้วไม่รู้เรื่องก็มี คุยกันแล้วคนละแนวก็มีตั้งกลายคนไม่ใช่ไปรับอะไรมั่วซั่วต้องคุยว่าทำงานกันได้ ทัศนคติต่อทุกๆ สิ่งโดยเฉพาะสถาบันที่เคารพสักการะสำคัญที่สุด
ไทยพัวพันผู้ต้องหาคดี 1MDB ได้อย่างไร
https://news.thaipbs.or.th/content/289286
ในช่วง 1-2 วัน ไทยปรากฏชื่อพัวพันกับการซ่อนตัวของผู้ต้องหาคนสำคัญในคดีกองทุน 1MDB แต่คำชี้แจงจากหน่วยงานไทยอาจทำให้เห็นว่ามีช่องว่างการแจ้งข้อมูล และท่าทีของไทยต่อเรื่องนี้สำคัญไม่น้อย อาจนำไปสู่ประเด็นใหม่ เช่น การฟอกเงิน หรือเกี่ยวพันกับคนไทยหรือไม่
วันนี้ (25 ก.พ.2563) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 1 MDB คือกองทุนพัฒนาเศรษฐกิจระยะยาวของมาเลเซีย ถูกตั้งขึ้นมาในปี 2551 ในสมัยที่นายนาจิบ ราซัค เป็นนายกรัฐมนตรีมาเลเซียในขณะนั้น กองทุนนี้ใช้วิธีการกู้มาลงทุน โดยหวังว่าจะมีกำไรมาพัฒนาประเทศให้เป็นประเทศที่ร่ำรวยในปี 2020 แต่การบริหารงานผิดพลาด การลงทุนในงานศิลปะ อัญมณีและเครื่องประดับ อสังหาริมทรัพย์และการเสี่ยงโชคต่างๆ การทำภาพยนตร์ แทบไม่เห็นผลตอบแทนการลงทุนเลยทั้งดอกเบี้ยที่หมุนต่อเนื่อง ทำให้ไม่กี่ปีกองทุนเกิดหนี้กว่า 10,000 ล้านดอลลาร์ฯ
ในปี 2558 หนังสือพิมพ์ เดอะ วอลสตรีท เจอร์นัล รายงานว่า เงินของรัฐบาลมาเลเซียกว่า 700 ล้านดอลลาร์ฯ ไหลเข้าไปยังบัญชีของนายกรัฐมนตรีนาจิบเสียเอง ขณะที่การลงทุนที่เชื่อมต่อไปในหลายประเทศ เกิดขึ้นท่ามกลางธุรกรรมมีความซับซ้อนอย่างมาก ทำให้ที่ผ่านมาหลายหน่วยงานในหลายประเทศพยายามสอบสวนเส้นทางการเงิน
แต่การจับกุมนายซาเวียร์ จัสโต้ ชาวสวิสเซอร์แลนด์ อดีตผู้บริหารระดับสูง บริษัท ปิโตรซาอุดี ในไทย จากข้อหาแบล็คเมล์บริษัท ซึ่งมีสาขาในอังกฤษ และเกาะเคย์แมน และอีกหลายแห่ง ซึ่งแทบไม่เป็นที่สนใจในไทย กลับสร้างความตื่นเต้นให้มาเลเซียอย่างมาก
"ซาเวียร์" ขายข้อมูลการโยกย้ายเงินกองทุน
เพราะนายซาเวียร์ได้ขายข้อมูลการโยกย้ายเงินจาก 1MDB กว่า 24,000 ล้านบาท ไปยังองค์กรสื่อในอังกฤษและมาเลเซีย และเป็นเงินคนละก้อนกับที่โอนเข้าบัญชีของนายกฯ นาจิบ แต่เงินก้อนนี้ถูกถ่ายเทไปยังเกาะเคย์แมน ซึ่งไม่มีการเปิดเผยข้อมูลอะไรได้มากไปกว่านั้น แน่นอนว่าข้อมูลที่เขามีทำให้เห็นช่องโหว่ของกองทุน และสั่นสะเทือนชะตาของนาจิบ ราซัค แน่นอน
นอกจากซาเวียร์ จัสโต้ ยังมี โจ โลว์ นักการเงินชื่อดังสัญชาติมาเลเซีย ซึ่งระบุว่า เป็นคนวางแผนการลงทุนทั้งหมด และเป็นที่ต้องการตัวของสิงคโปร์ ถูกออกหมายแดงในปี 2559 ระหว่างนั้น ทราบว่าเขาเดินทางไปในหลายประเทศ หนึ่งในนั้น คือประเทศไทย และมีรายงานว่าเขามักจะปรากฏตัวในที่สาธารณะในภาคใต้ของไทย โดยมีรายงานอ้างว่าเขาและคณะได้รับการดูแลจากนักธุรกิจชาวไทยคนหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้กว้างขวาง
ระหว่างนั้น มาเลเซียก็แสดงความต้องการในตัวเขาเช่นกัน แต่การออกหมายจับ เป็นหมายแดง เกิดขึ้นในปี 2561 หลัง ดร.มหาเธร์ โมฮัมหมัด ชนะการเลือกตั้งในปี 2561 ซึ่งเป็นการเริ่มต้นสอบสวน เพื่อเอาผิดกับนายนาจิบ ราซัค ด้วย แต่จนถึงเวลานี้ก็ยังเอาผิดกับนายกรัฐมนตรีนาจิบ ไม่ได้
"ทอม ไรท์" อ้างไม่แปลกใจไทยไม่ส่งตัว โจ โลว์
ความเชื่อมโยงของตัวละคร 3 คนนี้ ถูกเขียนลงในหนังสือชื่อ บิลเลียน ดอลลาร์ เวล โดยหนึ่งในผู้เขียน คือทอม ไรท์ ทวิต ข้อความตอบโต้ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของไทย ที่ชี้แจงเรื่องนี้หลังพรรคอนาคตใหม่ออกมากล่าวหา เขาบอกว่า ไม่แปลกใจเลยที่ทางการไทยไม่ส่งตัวโจ โลว์ ให้สิงคโปร์ ทั้งที่มีหมายแดงของตำรวจสากลออกมาแล้วในปี 2559 และปี 2561 โจ โลว์ ก็อยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในไทย ซึ่งอยู่ในช่วงที่ คสช.ดูแลประเทศ
เขายังทวิตข้อความ อ้างว่า โลว์ จ่ายเงินสินบนให้กับนักธุรกิจชาวไทยที่รู้จักกัน พ่อของโลว์เกิดที่ภาคใต้ของไทย ครอบครัวของเขาเป็นเจ้าของ หรือถือหุ้นในห้างในกรุงเทพฯ โดยพักอยู่ที่โรงแรม 1-2 แห่ง และอ้างว่า โจ โลว์ มีส่วนที่ทำให้เกิดการจับกุม ซาเวียร์
ทั้งนี้ ไทยพีบีเอสได้รับข้อมูลจากแหล่งข่าว อ้างว่าระหว่างที่โลว์เดินทางเข้ามาพักในไทย เขาไม่ได้มาพร้อมกับทีมกฎหมาย 2 คน แต่ยังมีบุคคลในคณะที่รวมแล้วประมาณ 7-9 คน ซึ่งทั้งหมดได้รับการดูแล อำนวยความสะดวกจากนักธุรกิจไทยคนนี้ ซึ่งมีธุรกิจหลายอย่าง และมีสายสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับคนมีสีบางกลุ่ม