ระวังพลังนักศึกษา เปิดจุดเปราะ สัญญาณอันตราย รัฐบาลลุงตู่ กำลังพัง
https://www.thairath.co.th/news/politic/1780090
ไม่ว่าผลโหวตอภิปรายไม่ไว้วางใจจะเป็นอย่างไร? แน่นอนฝ่ายรัฐบาลข้ามผ่านไปได้ แต่สิ่งที่จะเผชิญข้างหน้าคงไม่ง่าย หลังการยุบพรรคอนาคตใหม่ เกิดปรากฏการณ์นิสิตนักศึกษาหลายสถาบันลุกฮือต่อต้านความอยุติธรรม จนแฮชแท็กติดเทรนด์ในทวิตเตอร์ อาทิ #ราชมงคลจะไม่ทนอีกต่อไป #เสาหลักจะไม่หักอีกต่อไป หรือว่าทางเดินของรัฐบาลจะไม่สวยหรูแล้วกับปัญหาวิกฤติศรัทธา เพราะการเมืองไม่ใช่เรื่องของเด็กอีกต่อไป
จากปัญหาที่หมักหมมและที่กำลังเกิดขึ้น อาจเป็นสัญญาณอันตราย สั่นคลอนรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะจากการวิเคราะห์ของ รศ.ดร.
ยุทธพร อิสรชัย อาจารย์สาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ผ่าน “
ทีมข่าวเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์” ได้จัดอันดับสัญญาณอันตราย ออกเป็น 5 ข้อ เรียงจากอันตรายมากสุดมาถึงน้อยสุด ได้อย่างน่าสนใจทีเดียว
•
สัญญาณอันตรายที่ 1 จากภาวะเศรษฐกิจ ส่งผลกระทบต่อทุกคน ทุกอุดมการณ์ทางการเมือง หากรัฐบาลไม่สามารถแก้ปัญหาในเวลาอันรวดเร็ว แม้จะมีนโยบายออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่สามารถหมุนวนไปสู่เศรษฐกิจระดับล่างได้ จะเกิดปัญหาความเชื่อมั่นรัฐบาล ส่วนการลงทุนจากต่างประเทศ รัฐบาลไทยถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงสถานการณ์ประชาธิปไตยเป็นตัวถ่วง ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
•
สัญญาณอันตรายที่ 2 จากสถานการณ์ทางสังคมทั้งเชื้อไวรัสโควิด-19 และฝุ่น PM 2.5 เพราะขณะนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งในสังคม หากเกิดการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในระยะ 3 ในไทย ซึ่งเรื่องความพร้อมรับมือจะเป็นอย่างไร หากเอาไม่อยู่ จะส่งผลกระทบต่อการเป็นอยู่ของประชาชน และส่งผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาลในการบริหารประเทศ
•
สัญญาณอันตรายที่ 3 จากการยุบพรรคอนาคตใหม่ เป็นประเด็นที่มีการขยายตัวโดยกลุ่มพลังนิสิตนักศึกษา จากในอดีตเคยเกิดการชุมนุม 14 ต.ค. 16 และต่อมากลุ่มพลังนิสิตนักศึกษาถูกปิดกั้นกวาดล้างในเหตุการณ์ 6 ต.ค.19 และหายไปนาน จนมาระยะหลังมีการฟื้นพลังนิสิตนักศึกษา กระทั่งมีการยุบพรรคอนาคตใหม่ ได้เกิดการเคลื่อนไหว มีการติดแฮชแท็ก เกิดเป็นแฟชั่นทุกมหาวิทยาลัยต้องออกมา ซึ่งในยุคการผันผวนทางการเมือง ไม่อาจคาดเดาได้
“
คงไม่มีใครนึกว่าพลังนักศึกษาจะกลับมาอย่างรวดเร็วผ่านโลกโซเชียล ใช้แฮชแท็กจนติดเทรนด์ในทวิตเตอร์ ยิ่งอนาคตใหม่ เชื่อมต่อสงครามบนอากาศ กับสงครามบนดิน ให้สามารถเกิดขึ้นได้ จะเกิดการเมืองบนท้องถนน จะต้องติดตามมองจุดนี้เป็นความเสี่ยง จากความต่อเนื่องในการทำกิจกรรม มีการนัดหมายในการชุมนุม ซึ่งทุกมหาวิทยาลัยต้องมาเจอกันที่ราชดำเนิน อาจเป็นการชี้วัด จากการรวมพลังของนักศึกษา หากสุกงอมเท่าไร ก็มีความเป็นไปได้สูง แม้มีประกาศคำสั่ง คสช.บังคับอยู่ แต่เมื่อผ่านการเลือกตั้ง อาจทำให้พลังนักศึกษามีความต่อเนื่อง ดังนั้นต้องรอดูปริบทต่อไป เช่นนายกฯ ลาออก หรือปฏิรูปองค์กรอิสระ อาจไม่เกิดเป็นประเด็นใหญ่ ต้องดูโครงสร้างการเมือง จะตอบสนองประชาชนได้หรือไม่”
•
สัญญาณอันตรายที่ 4 เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทย-มาเลเซีย จากกรณีกองทุน ”1MDB” เป็นประเด็นที่อาจมีคนรู้ และสัมผัสได้ไม่ทั่วถึง เพราะเป็นเรื่องซับซ้อน เป็นบุคคลต่างชาติที่คนอาจเข้าไม่ถึง อีกทั้งเรื่องนี้ยังไม่มีการพิสูจน์ว่าจริงอย่างไร แม้ ช่อ-
พรรณิการ์ วานิช จะอ้างหลักฐาน แต่มุมรัฐบาลก็บอกว่าไม่จริง
•
สัญญาณอันตรายที่ 5 ปัญหาภายในพรรคร่วมรัฐบาล และพลังประชารัฐ ภายหลังอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งผ่านพ้นไปด้วยคะแนนโหวต จะเกิดการต่อรองภายใน โดยเฉพาะกลุ่มสามมิตร และการต่อรองภายนอกของพรรคร่วมรัฐบาล อย่างพรรคภูมิใจไทย มี ส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่ เข้ามา ทำให้จำนวนที่นั่ง ส.ส. เข้าใกล้พรรคขนาดใหญ่ หรือมีบางส่วน เข้าร่วมพรรคถิ่นไทย จะมีการต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีใหม่ ซึ่งจุดนี้มีความเสี่ยง หากมีการโหวตกฎหมายสำคัญ มีโอกาสทำให้รัฐบาลตกม้าตายได้เช่นกัน หากเกมต่อรองไม่ลงตัว
อย่างไรก็ตามมีจุดน่าสังเกตจากการเคลื่อนไหวการเมืองนอกสภา ซึ่งขณะนี้ค่อนข้างก้าวหน้า ตรงข้ามกับการเมืองในสภากลับล้าหลัง มีการซื้อตัว ส.ส. ต่อรองซื้อตัว ส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่ แสดงให้เห็นความล้าหลัง ไม่มั่นใจว่าการทำงานการเมืองจะตอบสนองประชาชนได้หรือไม่ อาจเกิดความรุนแรงตามมาถึงขั้นปฏิวัติรัฐประหาร ซึ่งชั่วโมงนี้อาจไม่เกิดขึ้น หรืออาจเกิดขึ้นก็ได้ และอายุของรัฐบาลอาจจะสั้นลง แต่มองว่ารัฐบาลพอจะเอาตัวรอดได้ จนครบรอบ 1 ปีในเดือน ก.ค.นี้
ส่วนโอกาสที่ พล.อ.
ประยุทธ์ จะลาออกจะมีมากกว่าการยุบสภา เพราะการเลือกตั้งใหม่ ตัวเลขของพรรคพลังประชารัฐจะได้ที่นั่งไม่เท่าเดิม และการลาออกของ พล.อ.
ประยุทธ์ อย่างน้อยก็สามารถฟอร์มรัฐบาลได้ง่ายกว่า หากมีการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีก็สามารถกลับมาได้อีก เพราะ ส.ว.ยังอยู่อีก 5 ปี.
รู้ไว้ใช่ว่า!! พรบ.ชุมนุมสาธารณะ ไม่บังคับใช้ในมหาวิทยาลัย-สถานศึกษา
https://www.matichon.co.th/politics/news_2003284
เมื่อวันที่ 25 ก.พ.
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เผยแพร่ความรู้เรื่องการชุมนุมทางการเมืองในสถานศึกษา ระบุว่า
รู้ไว้ก่อนชุมนุมในสถานศึกษา
พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 ไม่ใช้บังคับกับการชุมนุมภายในสถานศึกษา [ตามมาตรา 3 (4)] ดังนั้น การชุมนุมในมหาวิทยาลัยหรือโรงเรียน ซึ่งถือเป็นสถานศึกษา ผู้จัดการชุมนุมไม่ต้องแจ้งการชุมนุมกับเจ้าพนักงานแต่อย่างใด
อีกทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีอำนาจใดในการเข้ามาอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้จัดการชุมนุม ไม่มีอำนาจในการเข้าปิดกั้น แทรกแซง หรือกำหนดเงื่อนไขการชุมนุมใดๆ ในพื้นที่สถานศึกษา และไม่มีอำนาจในการจับกุมหรือดำเนินคดีตามกฎหมายการชุมนุม เว้นแต่จะเกี่ยวเนื่องกฎหมายอาญาอื่นๆ
ในส่วนการชุมนุมภายนอกสถานศึกษา ยังคงอยู่ภายใต้บังคับของ พ.ร.บ.การชุมนุมฯ ซึ่งผู้จัดการชุมนุมถูกกำหนดให้แจ้งการชุมนุม ก่อนเริ่มการชุมนุมไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง ซึ่งเป็นเพียงการแจ้งการจัดการชุมนุมให้เจ้าหน้าที่รับทราบ และคอยช่วยอำนวยความสะดวกเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องการขออนุญาตการชุมนุม เจ้าหน้าที่ไม่สามารถไม่อนุญาตไม่ให้จัดการชุมนุมได้
ดูเรื่องการแจ้งการชุมนุม และข้อควรรู้ในการชุมนุมสาธารณะ
https://www.tlhr2014.com/?p=10649
และดาวน์โหลดคู่มือประชาชน ว่าด้วยการใช้เสรีภาพในการชุมนุม >>
https://ilaw.or.th/sites/default/files/-Final-forWebsite.pdf
https://www.facebook.com/lawyercenter2014/photos/a.668860109830513/2723799384336565/
จิราพร อัด "ประยุทธ์" ไร้กึ๋น ซัด เจรจา "จีเอสพี" สหรัฐฯพลาด สูญหมื่นล.
https://www.thairath.co.th/news/politic/1780200
เด็กเพื่อไทย อัดยับ "พล.อ.ประยุทธ์" ไร้กึ๋น ปล่อยรีดเงินประชาชน ขายหน้ากากอนามัย ขณะเจรจา "จีเอสพี" อเมริกาพลาด อ้าง 6 ปี สูญหมื่นล้าน ถาม "ต้องตายอีกกี่ร้อยพันศพถึงยอมสละเก้าอี้"
วันที่ 25 ก.พ. บรรยากาศการอภิปราย เริ่มเข้มข้น เมื่อ น.ส.
จิราพร สุนธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นอภิปราย โดยการเปิดคลิปวิดีโอ การให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ของ พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม พูดต่างกรรมต่างวาระ แบบไร้วุฒิภาวะ และไร้วิสัยทัศน์ ในการบริหารงานด้านเศรษฐกิจอย่างสิ้นเชิง อาทิ การแนะนำประชาชนให้ไปปลูกหมามุ่ย เป็นพืชเศรษฐกิจ ให้ไปขายยางพาราที่ดาวอังคาร ยกตัวเลขจีดีพี อ้างเอาความสุขคนไทย ไปเทียบกับความสุขที่ของประเทศพัฒนาเเล้ว แต่สภาพเศรษฐกิจกำลังดิ่งลงเหว กว่า 5 ปีที่ผ่านมา เจ๊งไม่เป็นท่า คนจะอดตายกันหมด วิกฤติถึงขนาดที่ว่า ไม่มีคนจะมานำเศรษฐกิจประเทศ เอาหัวหน้ารัฐประหาร มาเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ล้มเหลวเรื่องกำหนดนโยบาย การค้าระหว่างประเทศจึงไร้ทิศทาง ล้มเหลว การเจรจาไม่เป็นตามเป้า ขนาดประเทศในอาเซียนกันเอง ยังกีดกันการค้ากับไทย ทั้งที่นายกฯใช้งบหลายร้อยล้าน เดินทางไปต่างประเทศไม่น้อยกว่า 50 ครั้ง แต่ไม่รู้จักวิธีหารายได้เข้าประเทศ ขณะที่ประชาชนกำลังวิตกกับไวรัสไคโรนา แต่มีประเทศไทยเพียงประเทศเดียวที่ขายหน้ากาก หารายได้จากประชาชน ขณะที่เจ้าหน้าที่ขายหน้ากาก แต่พล.อ.
ประยุทธ์ กำลังขายหน้าอยู่ในทำเนียบรัฐบาล
น.ส.
จิราพร กล่าวว่า รัฐบาลล้มเหลว ด้านเจรจาการค้ากับสหรัฐอเมริกา ไม่สามารถรักษาสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (จีเอสพี) ไว้ได้ ถูกประกาศตัดจีเอสพี ไทย 573 รายการ สหรัฐฯประสานผ่านสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอร์ชิงตัน อย่างต่อเนื่อง พล.อ.
ประยุทธ์ ทราบเรื่องมาตลอด แต่ต้องการปกปิดความจริง เรื่องไม่สามารถเจรจาแก้ไขปัญหาได้ จึงมาอ้างกับประชาชนว่าเพิ่งมาทราบเรื่อง พอจะสรุปได้ว่า พล.อ.
ประยุทธ์ พูดเท็จกับประชาชน และนำมาซึ่งความเสียหายร้ายแรงในเวลาต่อมา สหรัฐฯตัดจีเอสพีไทยหลังการยึดอำนาจของ พล.อ.
ประยุทธ์ เพียง 5 เดือน จากนั้นสหภาพยุโรป ตุรกี และแคนาดา ก็ทยอยตัดจีเอสพีไทยตามสำดับ การทำรัฐประหารทำให้ไทยเป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง กลายเป็นจุดอ่อน ไม่เป็นที่ยอมรับของประชาคมโลก ถูกคู่ค้าที่เป็นประเทศประชาธิปไตยรุกอย่างหนักจนเสียเปรียบในการเจรจา รวมความเสียหายที่ไทยถูกตัดจีเอสพีในสมัย พล.อ.
ประยุทธ์ ตั้งแต่ปี 2557 จนถึงปัจจุบันเป็นมูลค่ากว่าหมื่นล้านบาท คือ 6 ปีที่สูญเปล่าของคนไทย กระทบไปยังแรงงานในโรงงานอุตสาหกรรม ที่ได้รับสิทธิจีเอสพีที่มีมากกว่า 1.5 ล้านคน แรงงานภาคสนับสนุนการเกษตรอีกกว่า 7 ล้านคน แรงงานภาคอุตสาหกรรมต่อเนื่องอีกกว่า 10 ล้านคน ผลกระทบเป็นโดมิโน่ ผีซ้ำด้ำพลอย ส่งออกกำลังร่อแร่ กระทรวงพาณิชย์ออกมายอมรับแล้วว่า สหรัฐฯ ปิดประตูตายไม่ยอมให้ทูตพาณิชย์ไทยเข้าไปเจรจาเรื่องจีเอสพี พล.อ.
ประยุทธ์ กำลังจะเป็นต้นเหตุให้คนตกงานเพิ่มอีกนับล้านคน
“
รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เป็นรัฐบาลที่มาจากรัฐประหาร มีปมด้อย โหยหาการยอมรับจากนานาชาติ ถึงขนาดต้องยอมซื้ออาวุธ และเปิดตลาดสุกร ให้กับสหรัฐฯ เอาชีวิตประชาชน และเอาผลประโยชน์ประเทศไปแลก เพียงเพื่อจะได้เข้าพบประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่ามาอ้างว่า ถ้าประชาชนไม่เลือกแล้วท่านเข้ามาเป็นนายกฯ ได้อย่างไร นั่นเพราะกติกาออกแบบมาเพื่อพวกท่าน ท่านแพ้การเลือกตั้ง แต่ชนะในกติกา ท่านแพ้ในคูหา แต่กติกาอุ้มท่านเป็นรัฐบาล และเมื่อท่านมาเป็นนายกฯสมใจอยาก กลับบริหารประเทศเศรษฐกิจพังพินาศ พล.อ.ประยุทธ์ บอกว่าปี 2561 คนจนจะหมดไปจากประเทศ นั่นเป็นเรื่องจริง เพราะคนจนกลายเป็นคนตาย ฆ่าตัวตายเพราะพิษเศรษฐกิจ ทุกวันนี้ฆ่าตัวตายกันรายวัน ต้องให้อีกกี่ร้อยกี่พันชีวิตต้องมาสังเวยกับการบริหารประเทศที่ไร้ประสิทธิภาพของ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องให้คนตายอีกกี่คน พล.อ.ประยุทธ์ จึงจะยอมสละเก้าอี้ หากยังมีนายกฯชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ อีกไม่นานประเทศจะเข้าสู่หายนะทางเศรษฐกิจ ประชาชนมืดมนสิ้นหวังอย่างแน่นอน” น.ส.
จิราพร กล่าว...
JJNY : 5in1 ระวังพลังนศ.สัญญาณรบ.ตู่พัง/พรบ.ชุมนุมฯไม่บังคับใช้ในม./จิราพรอัดไร้กึ๋น/ศิริกัญญาอัดเอื้อกลุ่มทุน/ประมงอ่วม
https://www.thairath.co.th/news/politic/1780090
จากปัญหาที่หมักหมมและที่กำลังเกิดขึ้น อาจเป็นสัญญาณอันตราย สั่นคลอนรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะจากการวิเคราะห์ของ รศ.ดร.ยุทธพร อิสรชัย อาจารย์สาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ผ่าน “ทีมข่าวเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์” ได้จัดอันดับสัญญาณอันตราย ออกเป็น 5 ข้อ เรียงจากอันตรายมากสุดมาถึงน้อยสุด ได้อย่างน่าสนใจทีเดียว
• สัญญาณอันตรายที่ 1 จากภาวะเศรษฐกิจ ส่งผลกระทบต่อทุกคน ทุกอุดมการณ์ทางการเมือง หากรัฐบาลไม่สามารถแก้ปัญหาในเวลาอันรวดเร็ว แม้จะมีนโยบายออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่สามารถหมุนวนไปสู่เศรษฐกิจระดับล่างได้ จะเกิดปัญหาความเชื่อมั่นรัฐบาล ส่วนการลงทุนจากต่างประเทศ รัฐบาลไทยถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงสถานการณ์ประชาธิปไตยเป็นตัวถ่วง ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
• สัญญาณอันตรายที่ 2 จากสถานการณ์ทางสังคมทั้งเชื้อไวรัสโควิด-19 และฝุ่น PM 2.5 เพราะขณะนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งในสังคม หากเกิดการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในระยะ 3 ในไทย ซึ่งเรื่องความพร้อมรับมือจะเป็นอย่างไร หากเอาไม่อยู่ จะส่งผลกระทบต่อการเป็นอยู่ของประชาชน และส่งผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาลในการบริหารประเทศ
• สัญญาณอันตรายที่ 3 จากการยุบพรรคอนาคตใหม่ เป็นประเด็นที่มีการขยายตัวโดยกลุ่มพลังนิสิตนักศึกษา จากในอดีตเคยเกิดการชุมนุม 14 ต.ค. 16 และต่อมากลุ่มพลังนิสิตนักศึกษาถูกปิดกั้นกวาดล้างในเหตุการณ์ 6 ต.ค.19 และหายไปนาน จนมาระยะหลังมีการฟื้นพลังนิสิตนักศึกษา กระทั่งมีการยุบพรรคอนาคตใหม่ ได้เกิดการเคลื่อนไหว มีการติดแฮชแท็ก เกิดเป็นแฟชั่นทุกมหาวิทยาลัยต้องออกมา ซึ่งในยุคการผันผวนทางการเมือง ไม่อาจคาดเดาได้
“คงไม่มีใครนึกว่าพลังนักศึกษาจะกลับมาอย่างรวดเร็วผ่านโลกโซเชียล ใช้แฮชแท็กจนติดเทรนด์ในทวิตเตอร์ ยิ่งอนาคตใหม่ เชื่อมต่อสงครามบนอากาศ กับสงครามบนดิน ให้สามารถเกิดขึ้นได้ จะเกิดการเมืองบนท้องถนน จะต้องติดตามมองจุดนี้เป็นความเสี่ยง จากความต่อเนื่องในการทำกิจกรรม มีการนัดหมายในการชุมนุม ซึ่งทุกมหาวิทยาลัยต้องมาเจอกันที่ราชดำเนิน อาจเป็นการชี้วัด จากการรวมพลังของนักศึกษา หากสุกงอมเท่าไร ก็มีความเป็นไปได้สูง แม้มีประกาศคำสั่ง คสช.บังคับอยู่ แต่เมื่อผ่านการเลือกตั้ง อาจทำให้พลังนักศึกษามีความต่อเนื่อง ดังนั้นต้องรอดูปริบทต่อไป เช่นนายกฯ ลาออก หรือปฏิรูปองค์กรอิสระ อาจไม่เกิดเป็นประเด็นใหญ่ ต้องดูโครงสร้างการเมือง จะตอบสนองประชาชนได้หรือไม่”
• สัญญาณอันตรายที่ 4 เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทย-มาเลเซีย จากกรณีกองทุน ”1MDB” เป็นประเด็นที่อาจมีคนรู้ และสัมผัสได้ไม่ทั่วถึง เพราะเป็นเรื่องซับซ้อน เป็นบุคคลต่างชาติที่คนอาจเข้าไม่ถึง อีกทั้งเรื่องนี้ยังไม่มีการพิสูจน์ว่าจริงอย่างไร แม้ ช่อ-พรรณิการ์ วานิช จะอ้างหลักฐาน แต่มุมรัฐบาลก็บอกว่าไม่จริง
• สัญญาณอันตรายที่ 5 ปัญหาภายในพรรคร่วมรัฐบาล และพลังประชารัฐ ภายหลังอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งผ่านพ้นไปด้วยคะแนนโหวต จะเกิดการต่อรองภายใน โดยเฉพาะกลุ่มสามมิตร และการต่อรองภายนอกของพรรคร่วมรัฐบาล อย่างพรรคภูมิใจไทย มี ส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่ เข้ามา ทำให้จำนวนที่นั่ง ส.ส. เข้าใกล้พรรคขนาดใหญ่ หรือมีบางส่วน เข้าร่วมพรรคถิ่นไทย จะมีการต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีใหม่ ซึ่งจุดนี้มีความเสี่ยง หากมีการโหวตกฎหมายสำคัญ มีโอกาสทำให้รัฐบาลตกม้าตายได้เช่นกัน หากเกมต่อรองไม่ลงตัว
อย่างไรก็ตามมีจุดน่าสังเกตจากการเคลื่อนไหวการเมืองนอกสภา ซึ่งขณะนี้ค่อนข้างก้าวหน้า ตรงข้ามกับการเมืองในสภากลับล้าหลัง มีการซื้อตัว ส.ส. ต่อรองซื้อตัว ส.ส.อดีตพรรคอนาคตใหม่ แสดงให้เห็นความล้าหลัง ไม่มั่นใจว่าการทำงานการเมืองจะตอบสนองประชาชนได้หรือไม่ อาจเกิดความรุนแรงตามมาถึงขั้นปฏิวัติรัฐประหาร ซึ่งชั่วโมงนี้อาจไม่เกิดขึ้น หรืออาจเกิดขึ้นก็ได้ และอายุของรัฐบาลอาจจะสั้นลง แต่มองว่ารัฐบาลพอจะเอาตัวรอดได้ จนครบรอบ 1 ปีในเดือน ก.ค.นี้
ส่วนโอกาสที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะลาออกจะมีมากกว่าการยุบสภา เพราะการเลือกตั้งใหม่ ตัวเลขของพรรคพลังประชารัฐจะได้ที่นั่งไม่เท่าเดิม และการลาออกของ พล.อ.ประยุทธ์ อย่างน้อยก็สามารถฟอร์มรัฐบาลได้ง่ายกว่า หากมีการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีก็สามารถกลับมาได้อีก เพราะ ส.ว.ยังอยู่อีก 5 ปี.
รู้ไว้ใช่ว่า!! พรบ.ชุมนุมสาธารณะ ไม่บังคับใช้ในมหาวิทยาลัย-สถานศึกษา
https://www.matichon.co.th/politics/news_2003284
เมื่อวันที่ 25 ก.พ. ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เผยแพร่ความรู้เรื่องการชุมนุมทางการเมืองในสถานศึกษา ระบุว่า
รู้ไว้ก่อนชุมนุมในสถานศึกษา
พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 ไม่ใช้บังคับกับการชุมนุมภายในสถานศึกษา [ตามมาตรา 3 (4)] ดังนั้น การชุมนุมในมหาวิทยาลัยหรือโรงเรียน ซึ่งถือเป็นสถานศึกษา ผู้จัดการชุมนุมไม่ต้องแจ้งการชุมนุมกับเจ้าพนักงานแต่อย่างใด
อีกทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีอำนาจใดในการเข้ามาอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้จัดการชุมนุม ไม่มีอำนาจในการเข้าปิดกั้น แทรกแซง หรือกำหนดเงื่อนไขการชุมนุมใดๆ ในพื้นที่สถานศึกษา และไม่มีอำนาจในการจับกุมหรือดำเนินคดีตามกฎหมายการชุมนุม เว้นแต่จะเกี่ยวเนื่องกฎหมายอาญาอื่นๆ
ในส่วนการชุมนุมภายนอกสถานศึกษา ยังคงอยู่ภายใต้บังคับของ พ.ร.บ.การชุมนุมฯ ซึ่งผู้จัดการชุมนุมถูกกำหนดให้แจ้งการชุมนุม ก่อนเริ่มการชุมนุมไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง ซึ่งเป็นเพียงการแจ้งการจัดการชุมนุมให้เจ้าหน้าที่รับทราบ และคอยช่วยอำนวยความสะดวกเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องการขออนุญาตการชุมนุม เจ้าหน้าที่ไม่สามารถไม่อนุญาตไม่ให้จัดการชุมนุมได้
ดูเรื่องการแจ้งการชุมนุม และข้อควรรู้ในการชุมนุมสาธารณะ
https://www.tlhr2014.com/?p=10649
และดาวน์โหลดคู่มือประชาชน ว่าด้วยการใช้เสรีภาพในการชุมนุม >>
https://ilaw.or.th/sites/default/files/-Final-forWebsite.pdf
https://www.facebook.com/lawyercenter2014/photos/a.668860109830513/2723799384336565/
จิราพร อัด "ประยุทธ์" ไร้กึ๋น ซัด เจรจา "จีเอสพี" สหรัฐฯพลาด สูญหมื่นล.
https://www.thairath.co.th/news/politic/1780200
เด็กเพื่อไทย อัดยับ "พล.อ.ประยุทธ์" ไร้กึ๋น ปล่อยรีดเงินประชาชน ขายหน้ากากอนามัย ขณะเจรจา "จีเอสพี" อเมริกาพลาด อ้าง 6 ปี สูญหมื่นล้าน ถาม "ต้องตายอีกกี่ร้อยพันศพถึงยอมสละเก้าอี้"
วันที่ 25 ก.พ. บรรยากาศการอภิปราย เริ่มเข้มข้น เมื่อ น.ส.จิราพร สุนธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นอภิปราย โดยการเปิดคลิปวิดีโอ การให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม พูดต่างกรรมต่างวาระ แบบไร้วุฒิภาวะ และไร้วิสัยทัศน์ ในการบริหารงานด้านเศรษฐกิจอย่างสิ้นเชิง อาทิ การแนะนำประชาชนให้ไปปลูกหมามุ่ย เป็นพืชเศรษฐกิจ ให้ไปขายยางพาราที่ดาวอังคาร ยกตัวเลขจีดีพี อ้างเอาความสุขคนไทย ไปเทียบกับความสุขที่ของประเทศพัฒนาเเล้ว แต่สภาพเศรษฐกิจกำลังดิ่งลงเหว กว่า 5 ปีที่ผ่านมา เจ๊งไม่เป็นท่า คนจะอดตายกันหมด วิกฤติถึงขนาดที่ว่า ไม่มีคนจะมานำเศรษฐกิจประเทศ เอาหัวหน้ารัฐประหาร มาเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ล้มเหลวเรื่องกำหนดนโยบาย การค้าระหว่างประเทศจึงไร้ทิศทาง ล้มเหลว การเจรจาไม่เป็นตามเป้า ขนาดประเทศในอาเซียนกันเอง ยังกีดกันการค้ากับไทย ทั้งที่นายกฯใช้งบหลายร้อยล้าน เดินทางไปต่างประเทศไม่น้อยกว่า 50 ครั้ง แต่ไม่รู้จักวิธีหารายได้เข้าประเทศ ขณะที่ประชาชนกำลังวิตกกับไวรัสไคโรนา แต่มีประเทศไทยเพียงประเทศเดียวที่ขายหน้ากาก หารายได้จากประชาชน ขณะที่เจ้าหน้าที่ขายหน้ากาก แต่พล.อ.ประยุทธ์ กำลังขายหน้าอยู่ในทำเนียบรัฐบาล
น.ส.จิราพร กล่าวว่า รัฐบาลล้มเหลว ด้านเจรจาการค้ากับสหรัฐอเมริกา ไม่สามารถรักษาสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (จีเอสพี) ไว้ได้ ถูกประกาศตัดจีเอสพี ไทย 573 รายการ สหรัฐฯประสานผ่านสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอร์ชิงตัน อย่างต่อเนื่อง พล.อ.ประยุทธ์ ทราบเรื่องมาตลอด แต่ต้องการปกปิดความจริง เรื่องไม่สามารถเจรจาแก้ไขปัญหาได้ จึงมาอ้างกับประชาชนว่าเพิ่งมาทราบเรื่อง พอจะสรุปได้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ พูดเท็จกับประชาชน และนำมาซึ่งความเสียหายร้ายแรงในเวลาต่อมา สหรัฐฯตัดจีเอสพีไทยหลังการยึดอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ เพียง 5 เดือน จากนั้นสหภาพยุโรป ตุรกี และแคนาดา ก็ทยอยตัดจีเอสพีไทยตามสำดับ การทำรัฐประหารทำให้ไทยเป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง กลายเป็นจุดอ่อน ไม่เป็นที่ยอมรับของประชาคมโลก ถูกคู่ค้าที่เป็นประเทศประชาธิปไตยรุกอย่างหนักจนเสียเปรียบในการเจรจา รวมความเสียหายที่ไทยถูกตัดจีเอสพีในสมัย พล.อ.ประยุทธ์ ตั้งแต่ปี 2557 จนถึงปัจจุบันเป็นมูลค่ากว่าหมื่นล้านบาท คือ 6 ปีที่สูญเปล่าของคนไทย กระทบไปยังแรงงานในโรงงานอุตสาหกรรม ที่ได้รับสิทธิจีเอสพีที่มีมากกว่า 1.5 ล้านคน แรงงานภาคสนับสนุนการเกษตรอีกกว่า 7 ล้านคน แรงงานภาคอุตสาหกรรมต่อเนื่องอีกกว่า 10 ล้านคน ผลกระทบเป็นโดมิโน่ ผีซ้ำด้ำพลอย ส่งออกกำลังร่อแร่ กระทรวงพาณิชย์ออกมายอมรับแล้วว่า สหรัฐฯ ปิดประตูตายไม่ยอมให้ทูตพาณิชย์ไทยเข้าไปเจรจาเรื่องจีเอสพี พล.อ.ประยุทธ์ กำลังจะเป็นต้นเหตุให้คนตกงานเพิ่มอีกนับล้านคน
“รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เป็นรัฐบาลที่มาจากรัฐประหาร มีปมด้อย โหยหาการยอมรับจากนานาชาติ ถึงขนาดต้องยอมซื้ออาวุธ และเปิดตลาดสุกร ให้กับสหรัฐฯ เอาชีวิตประชาชน และเอาผลประโยชน์ประเทศไปแลก เพียงเพื่อจะได้เข้าพบประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่ามาอ้างว่า ถ้าประชาชนไม่เลือกแล้วท่านเข้ามาเป็นนายกฯ ได้อย่างไร นั่นเพราะกติกาออกแบบมาเพื่อพวกท่าน ท่านแพ้การเลือกตั้ง แต่ชนะในกติกา ท่านแพ้ในคูหา แต่กติกาอุ้มท่านเป็นรัฐบาล และเมื่อท่านมาเป็นนายกฯสมใจอยาก กลับบริหารประเทศเศรษฐกิจพังพินาศ พล.อ.ประยุทธ์ บอกว่าปี 2561 คนจนจะหมดไปจากประเทศ นั่นเป็นเรื่องจริง เพราะคนจนกลายเป็นคนตาย ฆ่าตัวตายเพราะพิษเศรษฐกิจ ทุกวันนี้ฆ่าตัวตายกันรายวัน ต้องให้อีกกี่ร้อยกี่พันชีวิตต้องมาสังเวยกับการบริหารประเทศที่ไร้ประสิทธิภาพของ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องให้คนตายอีกกี่คน พล.อ.ประยุทธ์ จึงจะยอมสละเก้าอี้ หากยังมีนายกฯชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ อีกไม่นานประเทศจะเข้าสู่หายนะทางเศรษฐกิจ ประชาชนมืดมนสิ้นหวังอย่างแน่นอน” น.ส. จิราพร กล่าว...