การปฏิบัติธรรมแนวหลวงพ่อชา ใช่แบบนี้หรือไม่

สวัสดีค่ะ
เราได้มีโอกาสไปปฏิบัติธรรมที่วัดแห่งหนึ่งที่หลวงพ่อชาเป็นผู้บุกเบิก
ครูสอนเป็นฝรั่งที่พูดไทยไม่ได้ นักเรียนรุ่นนั้นก็เป็นฝรั่งเกือบทุกคน
ระหว่างการเข้าคอร์ส เรามีความอึดอัดใจและสงสัยมาก นี่ใช่แนวที่หลวงพ่อชาท่านสอนหรือไม่ 
ขอความกรุณาผู้ที่เคยฝึกสายนี้มาให้คำชี้แนะค่ะ

1. การนั่งสมาธิ นั่งก็คือ 'sit' เท่านั้น ไม่สอนกำหนดลมหายใจ คล้ายๆ ให้นั่งฟรีสไตล์ ทำให้หลายคนนั่งกรน บางคนพยายามโฟกัสที่ลมหายใจ หายใจเข้าออกเสียงดังมาก ฟืดฟาดๆ  ไม่มีสอนให้ใช้คำภาวนาใดๆ
2. การเดินจงกรม เมื่อถึงเวลาเดิน ก็คือเดิน ก็คือ 'walk' ไปเดินที่ไหนก็ได้ ขอแค่ให้ไปเดินคนเดียว ไม่ใช่กำหนดรู้ทุกอิริยาบท ไม่มีกำหนดความช้าความเร็ว คนที่เดินก็เหมือนเดินคิดอะไรเพลินๆ คนเดียว มือแกว่งข้างลำตัวตามจังหวะการเดินปกติ
3. ตัวพระอาจารย์เอง ตอนนั่งสมาธิ ท่านยังหลับ (ท่านกรน) 

อื่นๆ ที่พบ เช่น
- จุดธูปไหว้พระ หนึ่งดอก  ไม่รู้เพราะประหยัด หรืออะไรยังไง
- พระอาจารย์รอบนั้นนำสวดมนต์ บวชมาอายุพรรษาพอๆ กับพระอาจารย์สุเมโธ ท่านบวชตั้งแต่เรายังไม่เกิด แต่การนำสวดจะยังมีโพยมาในมือ ว่าบทต่อไปจะสวดอะไร (โพยลำดับการสวด ไม่ใช่หนังสือสวดมนต์ มีหนังสือสวดมนต์ต่างหากอีกเล่มนึง)
- เอ่ย Thailand หลายครั้ง แต่อยากจะตะโกนบอกคนปฏิบัติคนอื่นๆ ในที่นั้นเลยว่า นี่ไม่ใช่แบบที่เค้าทำกันใน Thailand
- มีความสงสัยในตัวท่านเป็นการส่วนตัว เลยไปหาคลิปที่ท่านเคยเทศน์ พบว่า คลิปเริ่มด้วยการสวดมนต์ก่อนที่ท่านจะเริ่มเทศน์ แต่บทสวดมาไม่ครบ ยกตัวอย่าง อะระหัง สัมมา สัมพุทโธ ภะคะวา พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ  จบแค่นี้  แล้วก็เข้าเทศนาเลย  
- ท่านพูดตลกดี แต่ท่านไม่ได้สอนธรรมะ 

เท่าที่สังเกต คือวัดมีการบริหารจัดการดีมากๆๆๆ เป็นระบบระเบียบทุกอย่าง ที่พักไม่ต้องให้ใครมาดูแล คนที่มาปฏิบัติธรรมทุกวันจะใช้เวลา 2 ชั่วโมงในช่วงเช้าทำงานตามที่แบ่งหน้าที่ไว้ให้  สถานที่ดี ระบบระเบียบดี  สวยงาม สงบ สะอาด ดีกว่าวัดไทยหลายวัด
เอาเป็นว่า  ถ้าวัดนี้อยู่ไทย จัดได้เลยว่าเป็นวัดเกรดเอบวก

จะมีปัญหาอีกเรื่องก็คงเป็นที่อาหาร
เราไม่ได้บ่น เพราะเราคิดว่า ฝรั่งเค้ากินอะไรกันแบบนี้เป็นปกติ คงแค่ไม่ถูกปากเรา ประสบการณ์อาหารฝรั่งเราก็น้อย
อาหารมื้อเช้าที่ได้รับ คือ ลูกพรุนต้ม (เปรี้ยวๆ หวานๆ) หนึ่งหม้อ กับ ... อะไรซักอย่างคล้ายๆ ข้าวบาเล่ย์หรือลูกเดือยต้มจนเละอีกหนึ่งหม้อ  กาแฟ นม ขนมปังแผ่น  
น่าจะมีคนกินไม่ได้ กินไม่เป็นหลายคน (ทั้งๆ ที่เป็นฝรั่งทั้งนั้น) ไปบอกแม่ครัว แต่ที่แม่ครัวตอบกลับมาตอนมีตติ้งก็คือ  พวกเค้าเป็นอาสาสมัคร มาทำอาหารถวายพระภิกษุเป็นหลัก ไม่ได้มีหน้าที่มาทำอาหารให้พวกเรา ที่ทำให้คือแค่เผื่อแผ่มาถึง (ตอนเริ่มคอร์ส เค้าบอกว่า มีปัญหาอะไร ไม่สะดวกตรงไหน ให้บอกเขา เลยทำให้มีคนบอกกล้าเขาหลายคน และแต่ละคนอาจมีความต้องการต่างกัน)

จริงอยู่ การปฏิบัตินั้นฟรี ที่พักฟรี 
อาจจะเรียกผู้ปฏิบัติธรรม ว่า "ผู้ขอ" แต่เราก็ไม่ใช่ขอทาน ไม่ได้มาวัดเพราะมีอาหารฟรี 
แม่ครัวพูดตามเหตุผลตรงไปตรงมา แต่ก็ออกนัยว่า พวกเราเป็นภาระที่เค้าไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบ
เราไม่รู้ว่าเป็นเฉพาะรอบที่เราไปนี่หรือเปล่า แต่ถ้าจะเป็นแบบนี้ บอกกันก็ได้ จะได้เตรียมอาหารมาเอง
อาหาร ไม่ใช่สิ่งที่จะกินๆ อะไรเข้าไปก็ได้กันตาย อาหารควรจะต้องครบห้าหมู่ในหนึ่งวันจะช่วยป้องกันความเจ็บป่วยได้
คอร์สนี้ก็ไม่ได้สั้นแค่วันสองวัน แต่ยาวถึงสิบวัน
คนที่มาแต่ละคน ก็ไม่ได้ต้องการมาพึ่งพาวัดนะที่เห็น
(ก่อนเข้าคอร์ส เช็คแล้วว่า วัดต้องการให้เราเตรียมอะไรไปเองบ้าง เสื้อผ้ายังไง ทำอะไรได้บ้างในวัด วัดแจ้งว่ามีอาหารให้วันละสองมื้อ แต่ใครต้องการสามมื้อเพราะต้องกินยา ก็ให้บอก) 

เราคาดหวังว่า วันอาทิตย์ช่วงเช้า น่าจะมีคนไทยมาทำบุญที่วัดบ้าง ปรากฏเงียบกริบ มีแต่พระลูกวัดช่วยกันทำงานก่อสร้าง 
เดาว่า น่าจะเป็นเรื่องของภาษา ทำให้คนไทยเลี่ยงจะไม่สมาคมกับฝรั่งสายพุทธที่นี่ 
แต่พุทธที่นี่ ก็ดันไม่ใช่พุทธแบบที่ไทย

หลังกลับมา ไปสืบประวัติดู พบว่า ยุครุ่งเรือง เคยมีเงินบริจาคมากจนกระทั่งต้องแบ่งเงินไปดูแลวัดสาขาอื่น
ที่เห็น คือ ครัวใหญ่มาก อุปกรณ์ออกแบบมาเป็นครัวไทย ต้มผัดแกงทอดหม้อใหญ่ๆ แต่ในวัดไม่มีคนไทยเลย 
ที่พัก...ใหญ่และเยอะมาก น่าจะรองรับคนได้ถึง 500 คน แบ่งเป็นหลายอาคาร
แต่ช่วงที่เราไป คือมีประมาณ 50 คน  ก็ยังจองคิวยากมาก คือเต็มๆๆ ตลอด แต่พอไป กลับโล่ง งงจริง

เราไปที่นี่ช่วงต้น ธค. ปีที่แล้ว  ไม่ใช่ช่วงโคโรน่าระบาด คิดอยู่นานมาก ว่าจะตั้งกระทู้ถามดีไหม 

ส่วนตัว ได้ธรรมะจากหลวงพ่อชาแบบสั้นๆ ที่สะกิดใจหลายครั้ง ในชีวิตเลยอยากลองฝึกตามท่านสักครั้ง เลยเสาะหาสถานที่ที่ท่านเคยไปบุกเบิกไว้ สถานที่เรียกได้ว่า สัปปายะมากๆ  แต่สงสัยแนวการปฏิบัติมากเช่นกัน

ตัดเรื่องความเสื่อม (อันเป็นธรรมดา) ออกไป 
อยากรบกวนผู้ที่คุ้นเคยกับแนวทางปฏิบัติแบบหลวงพ่อชา ช่วยชี้แนะว่า การปฏิบัติแบบที่เล่ามานี้ ใช่แนวทางหลวงพ่อชาหรือไม่คะ
คือถ้านี่คือแนวของท่าน คือการปล่อยให้เรียนรู้ อยู่กับตัวเอง การกำหนดรู้ก็ฟรีสไตล์ เราว่ามันไม่เหมาะกับมือใหม่
หากไม่ใช่ ก็อยากให้มีการปรับปรุง  แต่เราก็ไม่รู้จะบอกใคร
ความเสื่อมทางแนวคำสอน น่าจะเป็นสิ่งที่แก้ไขได้ ไม่ใช่เรื่องที่ควรวางอุเบกขา
เราไม่รู้ระบบบริหารงานทางศาสนา แต่เราเชื่อว่า วิชาของหลวงพ่อชากำลังถูกบิดเบือน หรือตัดทอนให้เสียหาย  
คนอื่นๆ ก็คงคิดคล้ายๆ เรา ทำให้คนมาวัดนี้น้อยลง ทำให้การมาปฏิบัติธรรมที่นี่ไม่ได้อะไร  ทำให้รู้สึกเสียดายสถานที่จริงๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่