แชร์ประสบการณ์ผ่าตัดส่องกล้องเนื้องอกต่อมหมวกไต @ร.พ.ตำรวจ (โดยเฉพาะผู้ที่มีน้ำหนักตัวเยอะ)

วันนี้อยากจะแชร์และเล่าประสบการณ์ของการผ่าตัดเนื้องอกที่ต่อมหมวกไต เนื่องจากก่อนที่จะทำการผ่าตัดเราค่อนข้างกังวลมากๆ พยายามเสิร์ชหาข้อมูลหลากหลายช่องทาง ส่วนใหญ่จะเจอประสบการณ์เกี่ยวกับผ่าตัดมดลูกเยอะมากๆ เราเลยอยากเขียนกระทู้นี้ขึ้นมาให้เป็นประสบการณ์ของเนื้องอกต่อมหมวกไต เผื่อในอนาคตอาจจะมีประโยชน์กับหลายๆท่าน

     เริ่มแรกสาเหตุที่เจอก้อนเนื้อชิ้นนี้เป็นการ “บังเอิญตรวจเจอ” ช่วงต้นปี2018เรามีอาการปวดท้องด้านขวามากๆ ปวดจนร้องไห้ ตอนตรวจครั้งแรกหมอทุกคนที่เข้ามาตรวจทุกคนคิดว่าเราปวดไส้ติ่งเพราะกดท้องลงไปแล้วเราสะดุ้งแรงมากจนได้ทำ CT Scan หมอก็สรุปว่าเราเป็นกระเพาะอักเสบได้แอดมิดไป3คืน และวันที่ต้องออกจากร.พ.หมอก็มาแจ้งกับเราว่าเจอก้อนเนื้อที่ต่อมหมวกไตด้านขวาก้อนประมาณ4ซม. จะให้เราฟอลโล่วอัพก้อนเนื้อนี้ต่อ ก็ทำการนัดหมายต่างๆให้เราพบหมอศัลย์ฯ ก่อนเป็นอันดับแรก ช่วงปี2018เราหาหมอบ่อยมาก เจาะเลือดแทบทุกครั้งที่มีนัดจนชินเข็มไปเลย พอกลางปีเราต้องย้ายงานไปที่ใหม่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เราเบี้ยวนัดหมอและทิ้งระยะนานมากประมาณปีกว่าๆจนเมื่อช่วงปลายปี2019เราตัดสินใจกลับมาหาหมออีกครั้งเพราะปวดท้องบ่อย ความดันสูง140+ ทุกครั้งที่วัดเวลาจะไปบริจาคเลือด และปวดหัวบ่อยมากๆ พอกลับมาหาหมอรอบนี้ก็โดนเจาะเลือดอีกรอบเพื่อตรวจเรื่องเกี่ยวกับระบบต่อมไร้ท่อต่างๆ และมีการให้เก็บปัสวะ24ชั่วโมง(ทางรพ.จะมีแกลอนใหญ่ให้เราถือกลับมาที่บ้านเพื่อเก็บปัสวะที่เราถ่ายออกมาใน24ชม) พอครบวันก็ให้ส่งปัสวะเพื่อส่งตรวจ เจาะเลือดรอบนี้หมอบอกว่ารอผลนานนิดนึงเพราะส่งตรวจLapนอก ในส่วนนี้เราไม่ได้มีปัญหาอะไรก็รอให้ถึงวันนัดหมายเพื่อฟังผล
วันนัดฟังผลตรวจเกี่ยวกับต่อมไร้ท่อหมอบอกว่าปกติดีไม่มีปัญหาอะไร และส่งต่อเราให้กับหมอศัลย์ฯอีกรอบเพื่อคุยเรื่องการเอาเจ้าก้อนเนื้อนี้ออกไป หมอให้เราทำCT Scanอีกรอบเพื่อดูว่าก้อนเนื้อมีขนาดเพิ่มขึ้นหรือไม่ ผลออกมาก็คือเจ้าก้อนเนื้อนี้มีขนาดเพิ่มมาเป็น4.7ซม. คุณหมอบอกว่าเหมือนมีส้มลูกเล็กๆอยู่ในท้อง ยังไงก็ต้องเอาออก ตอนแรกเราเลือกที่จะผ่าแบบธรรมดาคือการผ่าแบบเปิดหน้าท้อง แต่หมอไม่แนะนำเพราะเราเป็นคนอ้วน ชั้นไขมันหนาพักฟื้นยาวเป็นเดือนๆแน่นอน เลยแนะนำให้เราผ่าตัดแบบส่องกล้องแทน จากนั้นก็นัดวันผ่าเสร็จเรียบร้อย ได้วันผ่าช่วงเดือนกุมภาฯ2020

     ก่อนวันผ่า1วัน หมอจะนัดให้เรามานอนที่รพ.ก่อนหนึ่งคืนเพื่อให้เราเตรียมตัวก่อน มีการเจาะเลือดก่อนในคืนนั้น แต่เราอ้วนหาเส้นยากวันแรกเลยโดนเจาะที่แขนขวาไปสองรอบT T เอาเถอะชินแล้ว 5555555555 ตอนประมาณ1ทุ่ม พี่พยาบาลก็เดินมาให้ความรู้และอธิบายถึงการผ่าที่จะถึงช่วงเช้า และนำหนังสือกับแผ่นพับมาให้อ่าน ถึงตอนนั้นก็รู้สึกเฉยๆไม่ได้ตื่นเต้นอะไรแล้ว แต่คนมาเฝ้าเราพอได้ยินก็หน้าเสียและกังวล เพราะหลักๆเลยคือเราอ้วนมีความเสี่ยงหลายอย่างที่จะเกิดขึ้น

     วันผ่า ต้องอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าสำหรับเตรียมที่จะผ่าตัดโดยเฉพาะ และจะมีพยาบาลมาหาเราที่ห้องเพื่อแทงสายน้ำเกลือให้ เพราะเราต้องงดข้าวงดน้ำตั้งแต่หลังเที่ยงคืน เราได้คิวผ่าช่วง9โมงเช้าเป็นคิวแรก  ตอนที่เปลมารับเราไปห้องผ่าตัด พี่ๆพยาบาลที่ดูแลเราเมื่อคืนเดินมาส่งเรากันหมด บอกว่าให้เราสู้ๆไม่ต้องกลัวอะไรเดี๋ยวก็ได้กลับมานอนที่ห้องแล้ว โอเคถึงตอนนี้จากที่เฉยๆก็คือใจเต้นรัวมากๆ ทั้งกลัวทั้งตื่นเต้นกังวลไปหมด พ่อกับแม่เดินไปส่งถึงหน้าห้องผ่าตัด แอร์ข้างในเย็นมากในใจคิดไปต่างๆนาๆ จนกระทั่งเราถูกเข็นเข้าไปในห้องผ่าตัดจริงๆ แอร์เย็นกว่าห้องข้างนอกอีก คนในห้องผ่าตัดมีไม่ต่ำกว่าสิบคนทุกอย่างข้างในดูวุ่นวายไปหมด จนสักพักรู้สึกเจ็บที่มือซ้ายพอหันไปก็เห็นว่ากำลังโดนฉีดยาเข้าเส้นแล้ว และหลังจากนั้นก็มีอะไรสักอย่างมาครอบที่จมูกเรา เสียงสุดท้ายที่ได้ยินคือคนไข้สูดลมหายใจเข้าลึกๆนะคะ เท่านั้นแหละภาพตัดไม่รู้อะไรอีกเลย
หลังจากนั้นได้ยินเสียงว่าคนไข้เดี๋ยวย้ายขึ้นเตียงนะ คือไม่รู้เลยว่าขึ้นเตียงอะไรที่ไหนยังไงได้ยินแค่นั้นภาพก็ตัดอีกรอบ รู้สึกตัวจริงๆจังๆอีกทีก็ประมาณ4ทุ่ม ตอนนั้นเราไม่ได้กลับห้องพักตัวเอง แต่อยู่ใน ICU แทน ตอนรู้สึกตัวก็รู้สึกหายใจไม่สะดวกไม่เต็มปอดหายใจยากมาก ขนาดใส่หน้ากากออกซิเจนก็ยังรู้สึกหายใจไม่ได้ มันเหมือนจะขาดใจตลอดเวลา ตอนนั้นทั้งเจ็บแผลทั้งทรมานที่หายใจเองไม่ได้ มันแย่สุดๆในชีวิตแล้วตอนนั้น อึดอัดไปหมด แม่บอกว่าตอนมาถึงICUใหม่ๆ เราพูดว่าเจ็บ เจ็บอะ หลายรอบมาก พยาบาลบอกว่าให้ยาอยู่นะ แต่ให้มากกว่านี้ไม่ได้แล้วเพราะชีพจรเราเต้นช้ามากๆถ้าให้ยาเพิ่มไปอีก เราช็อคแน่นอน แต่ตัวเราเองจำไม่ได้เลยว่าพูดอะไรไปบ้างเหมือนยังเมายาสลบอยู่แล้วเพ้อ สรุปคืนนั้นไม่ได้กลับห้องแต่ต้องนอนICUแทนคืนนึงเต็มๆ ทั้งเจ็บแผลทั้งปวดฉี่ตลอดเวลาเพราะเราโดนสวนสายปัสวะตอนผ่า หลับๆตื่นๆทุกชั่วโมงโคตรอยากร้องไห้ เป็นประสบการณ์ที่ไม่ดีเลยสำหรับห้องICU พอเช้ามาชีพจรเรากลับมาดีขึ้นก็ได้กลับมาพักฟื้นที่ห้องต่อ ช่วงนี้แหละที่เจ็บแผลตึงแผลไปหมด ปวดท้องด้วยเพราะช่วงที่ผ่าตัดลำไส้จะหยุดทำงานจึงต้องมีการใส่แก๊สเข้าไป พยาบาลก็บอกว่าต้องเรอต้องตดออกมา และให้ลุกเดินด้วยท้องจะได้ไม่อืด ด้วยตัวเราไม่อยากนอนเปื่อยติดเตียงก็พยายามลุกเดินให้ได้บ่อยๆ ถึงจะเจ็บยังไงก็พยายามอดทน เดินไปนู่นมานี่ไม่ให้เราติดเตียงเกิน จนกลายเป็นว่าเราฟื้นตัวเร็วพอสมควรไม่ซมไม่มีไข้นอนรพ.อีกสองคืนก็ได้กลับบ้าน

     จนถึงปัจจุบัน ตอนนี้ก็ยังพักฟื้นอยู่ที่บ้านตัดไหมแล้ว ไม่เจ็บแผลข้างนอกแล้วแต่ข้างในยังเจ็บอยู่ เหมือนเนื้อจะฉีกตลอดเวลา ก็พยายามทำนู่นนี่นั่นเบาๆไม่ใช้แรงมากเกินไป แผลจากการส่องกล้องของเรามีทั้งหมด4รอย แต่เราไม่ได้ซีเรียสเรื่องนี้ เพราะยังไงคงไม่ได้ไปเปิดหน้าท้องโชว์ใคร และจะมีนัดกับหมออีกทีหลังจากผ่าตัดสองอาทิตย์เพื่อฟอลโล่วอัพอาการ

     ในเคสนี้หลักๆเลยคือหมอบอกว่าเราอ้วน ชั้นไขมันหนาการส่องกล้องก็ยากพอสมควร ไหนจะเรื่องความดันอีก แต่ตอนนี้เอาเจ้าก้อนนี้ออกไปแล้วความดันก็น่าจะปกติ ผลข้างเคียงจากยาสลบก็มีผลกับเรามาก ก็ถือว่ากระทู้นี้อาจจะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับหลายๆท่านนะคะ สิ่งสำคัญเลยจริงๆคือการไม่อ้วนจะดีที่สุดค่ะ T^T

ขอบคุณ คุณหมอธัญวัจน์ พี่ๆพยาบาลและเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลตำรวจทุกท่านที่เข้ามาดูแลด้วยนะคะ เป็นประสบการณ์อีกอย่างในชีวิตที่ต้องจำใส่ใจไว้มากๆ

ปล.ในเคสนี้เราใช้สิทธิ์รักษาเป็นประกันสังคมของรพ.ตำรวจ ค่าใช้จ่ายก็จะมีส่วนเกินออกมาประมาณ 16,000+ ค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่