🌙มาลาริน/รอนรอนอ่อนอัสดง พระสุริยงเย็นยอแสง ดับสุริยาแล้ว..ฝ่ายค้านโดนเฆี่ยนเลือดซิบด้วยความสุภาพและความจริงจากรัฐบาล

ยกแรกอภิปรายในสภา

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

ประยุทธ์ ตอบอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งแรก โต้เป็นนายกฯ ได้เพราะมีเสียง ส.ส. มากกว่าฝ่ายค้าน


ประยุทธ์” โต้ฝ่ายค้านทันควัน ย้ำมาตาม รธน.-ไร้ ส.ว.ช่วย ปัดไม่ยึดมั่น ปชต. ย้อนดูเหตุปี 57 ถึงเข้ามา แขวะบางคนไม่ยอมติดคุก ชี้ไม่มีหลักฐานก็ลงโทษไม่ได้ ย้อนเอื้อประโยชน์คาดการณ์ไปเอง ก่อนหยุดพูดหลัง พท.ประท้วง ติงแจงง่ายๆ ยังไม่เข้าใจ

วันนี้ (24 ก.พ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ลุกขึ้นชี้แจงภายหลังนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านแถลงข้อกล่าวหาในการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ ว่า ขอชี้แจงในขั้นต้นเรื่องที่ไม่วางใจตนมีหลายเรื่องตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน และอนาคต แต่ตนไม่โกรธเลย ยิ้มแย้มแจ่มใสตลอด ตนเข้ามาชี้แจงด้วยความยินดี แม้มีการปล่อยข่าวว่ามีการเผชิญทั้งศึกในศึกนอก อย่างไรก็ตาม ไทยเข้าสู่การเป็นประชาธิปไตย เป็นไปตามกระบวนการของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ซึ่งเป็นฉบับที่มีคนว่าทั้งดีและไม่ดี อาจจะไม่ถูกใจใครบ้างก็ตาม ทั้งนี้ ส.ส.ทั้งหลายรวมถึงตนก็ผ่านการเลือกของประชาชน จำกันได้หรือไม่ว่าตนได้คะแนนเสียงโหวตเลือกนายกฯ เกิน 250 เสียง มากกว่าฝ่ายค้าน ไม่มี ส.ว.มาร่วมโหวตด้วย

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ส่วนข้อกล่าวหาว่าไม่ยึดมั่นการปกครองในระบอบประชาธิปไตยนั้น ตนไม่เคยมีความคิดแบบนี้เลย แต่ต้องมองย้อนกลับไปก่อน 22 พ.ค. 2557 ว่าเกิดอะไรขึ้น เหตุการณ์ในปี 2553 เกิดอะไร นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้ตนเข้ามาอยู่ตรงนี้ จำเป็นต้องแก้ปัญหาให้เกิดความเรียบร้อยก่อนนำสู่การเลือกตั้ง นอกจากนั้น สิ่งที่ตนกังวลในตอนนั้นคือการโกง ลองย้อนกลับไปดูว่ามีจำนวนเยอะหรือไม่ ลองตอบในใจดู ไม่ต้องตอบดังๆ และมีเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศหลายอย่าง การทำลายอำนาจตุลาการ แต่บางคนไม่ยอมติดคุก อย่างเรื่องถุงขนม ประชาชนก็ลองเปรียบเทียบดู ซึ่งกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 เพื่อประโยชน์ใครไม่ทราบ รวมถึงการนิรโทษกรรม โครงการรับจำนำข้าว ใครทำก็ไม่รู้

“ส่วนที่มีการกล่าวหาว่าผมใช้อำนาจโดยไม่ชอบธรรม ผมไม่เคยไปก้าวล่วงใคร หรือจับติดคุกโดยปราศจากหลักฐานและข้อเท็จจริง ท่านไม่เป็นธรรมกับผม ผมไม่เคยว่า ผมก็อารมณ์เย็นตลอด ในอดีต จ.ภูเก็ต และนครสวรรค์ก็โดนมาแล้ว ถ้าไม่เลือกเราก็ไม่ได้โครงการ หรือที่มีบางคนพูดว่า “ผมอยู่ไม่ได้ ประเทศก็อยู่ไม่ได้” ใครพูดก็ไม่รู้ ดังนั้น ถ้าไม่มีพยานหลักฐานก็ลงโทษคนทำผิดไม่ได้” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า ส่วนที่บอกว่าเศรษฐกิจมีปัญหา ต้องถามว่าวันนั้นเกิดอะไรขึ้น หลายคนนั่งอยู่ตรงนี้ก็ทราบดี เพราะนั่งอยู่กับตนด้วย แล้วใครถูกตี ถูกทุบรถ เรื่องเหล่านี้ต้องไม่ให้เกิดขึ้นอีก หากท่านจะตอบโต้ก็เอาหลักฐานมายืนยันแล้วกัน ทั้งนี้ ในเรื่องมาตรา 44 จะเอาไปแกล้งข้าราชการทำไม วันนี้ไม่มีแล้ว ที่ผ่านมาเอาไว้แก้ปัญหา เช่น องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ หรือไอเคโอ และการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม หรือไอยูยู ซึ่งก็ทำสำเร็จ แต่ใช้ในการบูรณาการหรือแก้ปัญหา แล้วที่บอกว่าตนสืบทอดอำนาจ ไม่ว่าใครพูดก็แล้วแต่ มันเป็นเรื่องของคณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ตนไม่ได้ไปนั่งร่วมร่างด้วย เพียงแต่ส่งความเห็น กรธ.ได้ข้อสรุปอย่างไรก็ปฏิบัติตามนั้น และ 5 ปี 7 เดือนที่อยู่ในตำแหน่ง ลองนึกดูว่ามีคดีทุจริตกี่คดี ที่ผ่านมาเคยมีการแก้ไขหรือไม่ในกระบวนการยุติธรรม การทำงานของตนทำตามขั้นตอนกฎหมาย ไม่ใช่ไปนั่งหัวโต๊ะแล้วสั่ง ไม่ก้าวล่วงอำนาจเขาเลย เพราะทุกกระทรวงมีกฎหมายอยู่ อย่างไรก็ตาม ที่บอกว่าตนเอื้อประโยชน์ให้ใครนั้น เป็นการวิเคราะห์ วิจารณ์ หรือคาดการณ์กันไป แล้วที่บอกว่ารัฐบาลใช้โครงการประชานิยม แต่ตนเรียก tailor made หรือที่แปลว่าช่างตัดเสื้อ คือแก้ปัญหาให้กับประชาชนแต่ละกลุ่มที่มีรายได้น้อยซึ่งเราต้องดูแลเรื่องนี้ กระทรวงการคลังสามารถชี้แจงได้ รวมถึงเรื่องการต่อสัญญาสัมปทานทางด่วน BEM เรื่องนี้เกิดมาตั้งแต่สมัยไหน มีการให้สัมปทานมา 30 ปีแล้ว ตนก็ต้องแก้ไขเพราะมีกรณีฟ้องร้อง ทั้งนี้ ตนเป็นทหารต้องรักษาสัตย์ รักษาจิตใจของตนเอง และต้องการให้การอภิปรายเป็นประโยชน์ เมื่อชี้แจงอะไรก็ให้กรุณาฟัง

หลังจากนั้น นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นประท้วงว่า นายกฯ กล่าวคำเท็จในสภาที่ระบุว่า ไม่ได้ใช้เสียงวุฒิสภา เพราะความจริงแล้วในวันโหวตนายกฯ เป็นการประชุมรัฐสภา ดังนั้นจึงถือเป็นการพูดเท็จ แต่นายชวน หลีกภัย ประธานสภา กล่าวชี้แจงว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ทำผิดข้อบังคับใดๆ จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ถ้าชี้แจงง่ายๆ ยังไม่เข้าใจก็ยากที่จะชี้แจงต่อไป ก็ขอยุติแต่เพียงเท่านี้ โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลัง พล.อ.ประยุทธ์พูดจบได้ยิ้มและนั่งลง



https://mgronline.com/politics/detail/9630000018567

"วิษณุ”ไล่กลับไปดูรบ.ไหนเปิดช่องแก้สัญญาเช่าศูนย์สิริกิต์ 50 ปี ยันทำรอบคอบ



“วิษณุ”ไล่กลับไปดูรบ.ไหนเปิดช่องแก้สัญญาเช่าศูนย์สิริกิต์ 50 ปี ยันทำรอบคอบ รับฟังความคณะกรรมการกฤษฎีกา- อัยการสูงสุดตามขั้นตอนถูกต้อง
  
ต่อมา นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงการต่ออายุศูนย์ แม่แห่งชาติสิริกิติ์ 50 ปี จากการอภิปรายนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ว่า พื้นที่ศูนย์สิริกิต์เป็นของกระทรวงการคลังที่ทำสัญญาให้บริษัท NCC management and development จํากัด มาบริหารพื้นที่โดยเป็นคู่สัญญากับกรมธนารักษ์มาตลอด มีรายละเอียดสัญญาคือ ต้องสร้างโรงแรม 4-5 ดาว มีห้องพัก 400 ห้อง ที่จอดรถ 3,000 คัน มีศูนย์การค้าร้านค้า หากไม่ก่อสร้างภายใน 25ปีถือว่าผิดสัญญา ซึ่งต่อมาเกิดปัญหาขึ้น เมื่อบริษัท NCC บอกว่าทำตามสัญญาไม่ได้ เพราะกระทรวงมหาดไทยได้ออกกฎหมายผังเมืองให้พื้นที่บริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่สีน้ำเงินคือ ห้ามมีสิ่งก่อสร้างสูงเกิน 23 เมตร ดังนั้นในปี2544 กระทรวงการคลังจึงหารือไปยังคณะกรรมการกฤษฎีกาว่า จะสามารถยกเลิกสัญญากับเอกชนได้หรือไม่ ได้รับคำตอบว่า ถ้าการที่เอกชนไม่สามารถทำตามสัญญาได้ ไม่ได้มาจากความผิดของเอกชน ก็ไม่สามารถจะยกเลิกสัญญาได้ ทำได้แค่แก้ไขสัญญา จึงเป็นที่มาของการแก้ไขสัญญาดังกล่าว มีการเอาเรื่องเข้าสู่คณะกรรมการราชพัสดุ วันที่ 28 มี.ค.2557 เป็นช่วง 2เดือนก่อนรัฐประหาร ให้ไปดูว่าเป็นรัฐบาลใด โดยรมว.คลังขณะนั้น ในฐานะประธานกรรมการที่ราชพัสุดมีมติให้แก้ไขสัญญาให้บริษัท NCC เช่าสัญญาพื้นที่ศูนย์สิริกิต์นาน 50ปี ถือว่าเรื่องจบลง เพราะถ้าเป็นการแก้ไขสัญญาให้คู่สัญญารายเดิมไม่ต้องทำตามพ.ร.บ.ร่วมทุน จนกระทั่งนำไปสู่การลงนามสัญญาครั้งล่าสุด ยืนยันว่า รัฐบาล ฟังคณะกรรมการกฤษฎีกา อัยการสูงสุด ทำตามขั้นตอนต่างๆจนมาสู่บทสรุป ทั้งหมดนี้จะเอื้อใครหรือไม่ ต้องไปดูว่า เอื้อมาตั้งแต่รัฐบาลใด

https://siamrath.co.th/n/134938

ทำไปทำมา..การที่ฝ่ายค้านอภิปรายรัฐบาล  ช่วยให้รัฐบาลได้บอกความจริงให้ประชาชนทราบไปเลยค่ะ

เป็นความจริงที่กลับไปเฆี่ยนฝ่ายค้านเลือดซิบ  จนคนอภิปรายต้องหงายหลังตกเก้าอี้

อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลน้ำดี  มีดีอย่างนี้เอง  เอาความจริงมาพูด

ชอบที่สุดค่ะ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่