❣❣❣มาลาริน/ติดตามโควิด19 กันต่อค่ะ..สธ.ระบุผู้ป่วยโควิด-19 หายเพิ่ม 1 ราย



สธ.เผยผู้ป่วยโควิด-19 หายเพิ่ม 1 ราย จับตาอิตาลี หากคุมสถานการณ์ไม่อยู่ ประกาศคัดกรองเพิ่ม ขอเลี่ยงเดินทางประเทศเสี่ยง เตรียมนำเข้ายาฟาวิพิราเวียร์ หลังจีนประกาศเป็นยารักษามาตรฐาน ห่วงม็อบ งานอีเวนต์ สถานที่ชุมนุม คนจำนวนมาก เสี่ยงติดเชื้อง่าย แต่อยู่ที่ว่าจัดการความเสี่ยงได้หรือไม่ ห้ามคนป่วยเข้าร่วม

วันนี้ (22 ก.พ.) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 ว่า ผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อหายดีและแพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้อีก 1 ราย เป็นคนไทยที่เดินทางกลับมาจากอู่ฮั่น จึงมีผู้ป่วยหายดีกลับบ้านได้แล้ว 20 ราย ยังรักษาในโรงพยาบาล 15 ราย ในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยอาการหนัก 2 ราย อาการยังถือว่าอยู่ในภาวะวิกฤติ รวมผู้ป่วยสะสมคงที่เท่าเดิม 35 ราย ส่วนผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคต้องเฝ้าระวัง 1,252 ราย กลับบ้านแล้ว 1,006 ราย ยังพักรักษาตัวในโรงพยาบาล 246 ราย การที่มีตัวเลขผู้ป่วยเข้าเกณฑ์เฝ้าระวังเพิ่มมากขึ้น
แสดงว่า ระบบไม่ได้หย่อนยานยังมีการคัดกรองเข้มเพิ่มมากขึ้น 
ด้าน นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวว่า ทั่วโลกพบจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึง ประเทศที่ได้รับผล กระทบเพิ่มขึ้นด้วย จากเดิมที่ประเทศไทยมีการคัดกรองผู้ที่เดินทางจากประเทศจีน รวมถึง ฮ่องกง มาเก๊า และจีนไทเป ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และเกาหลีใต้แล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการจับตาประเทศอิตาลีอย่างใกล้ชิด เนื่องจากมีรายงานการพบผู้ป่วยเป็นกลุ่มก้อนขนาดใหญ่พอสมควร หากพบว่าไม่สามารถคุมสถานการณ์การระบาดได้ และมีการระบาดในประเทศเพิ่มขึ้น ไทยก็จะยกระดับมาตรการเฝ้าระวังผู้ที่เดินทางมาจากประเทศอิตาลีด้วย

นพ.ธนรักษ์ กล่าวว่า สธ.ไม่ได้มีนโยบายในการห้ามการเดินทางหรือกักตัวผู้เดินทาง ผู้เดินทางควรที่จะต้องตรวจสอบก่อนเดินทางว่าประเทศ หรือเมืองที่จะไปมีการระบาดและพบผู้ป่วยมากน้อยแค่ไหน หากมีการระบาด และการเดินทางยังไม่จำเป็นขอให้เลื่อน ถ้าจำเป็นต้องไปจะต้องไม่ไปในสถานที่แออัดที่มีคนจำนวนมาก หลีกเลี่ยงคนไอ จาม ใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ เมื่อกลับมาสู่ประเทศไทย จะมีการคัดกรองที่สนามบิน ได้รับคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ หากมีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ หายใจลำบากจะต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ และหากพบมีอาการป่วยจะต้องถูกนำเข้าสู่ระบบการรักษาและสอบสวนโรค
 
นพ.ธนรักษ์ กล่าวด้วยว่า ประเทศไทยมีความเป็นไปได้ที่จะเจอการระบาดภายในประเทศเหมือนประเทศอื่นๆ แต่ที่ยังสามารถชะลอการระบาดให้ช้ากว่าหลายๆ ประเทศ เป็นเรื่องดีเพราะจะทำให้สามารถเตรียมความพร้อมและความเข้าใจของประชาชนในการรับสถานการณ์ได้มากขึ้น โดยทุกคน ที่จะต้องเข้าใจสถานการณ์ที่ตรงความเป็นจริง ไม่ตื่นตระหนก ไม่เชื่อข่าวลวง หรือเรื่องดราม่า จนมาหลอกหลอนตัวเอง แต่จะต้องเรียนรู้วิธีการป้องกันตัวเองและคนรอบข้าง ซึ่งจากประสบการณ์การรับมือกับโรคระบาดที่ผ่านมา สถานการณ์จะยังยืดเยื้อยาวนานไปอีก ไม่สามารถยุติได้ใน 1-2 เดือนแน่นอน จากการที่เริ่มมีประเทศอื่นๆพบการแพร่ระบาดมากขึ้น
 
นพ.ธนรักษ์ กล่าวว่า กรณียาฟาวิพิราเวียร์ที่จีนประกาศให้เป็นยามาตรฐานในการรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อนี้นั้น ถือเป็นข่าวดี อย่างน้อยมีวิธีการจัดการกับโรคนี้ได้ ในส่วนของประเทศไทยมีการนำเข้ายาชนิดนี้มาก่อนที่ประเทศจีนจะมีการประกาศให้ใช้เป็นยารักษามาตรฐาน จากนี้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้สั่งให้องค์การเภสัชกรรม (อภ.) ติดต่อบริษัทยาเพื่อนำเข้ายานี้มากขึ้น เพื่อสำรองให้เพียงพอในการดูแลคนไข้ อย่างไรก็ตาม จะนำมาใช้ในการรักษาผู้ป่วยที่อาการหนักเท่านั้น เนื่องจากผู้ที่อาการไม่รุนแรง รักษาตามอาการได้ 

https://mgronline.com/qol/detail/9630000017972



https://thestandard.co/coronavirus-220263-2/

ขอให้กำลังใจต่อไปค่ะ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่