คือเมื่อก่อน ผมเองเป็นคนร่าเริงตลอดนะครับ
ผมชอบพูดคุยกับคนอื่นๆ เวลาที่ได้พูดคุย
มันมีความสุขดีนะ ยิ่งบางทีสิ่งที่เราพูดเขาถูกใจ
คนรอบข้างหัวเราะ มันทำให้ยิ่งมีความสุข
แต่ผมจำไม่ได้แล้วว่า ผมมีความสุขแบบนั้นครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่กันนะ ผมเพิ่งจะรู้ว่าผมเครียดก็หลังจากเหตุการณ์บางอย่างที่เกิดขึ้นกับตัวของผม
เป็นเหตุการณ์จริงๆที่หาซื้อไม่ได้เลยล่ะ
บางคนอาจจะเริ่มสงสัยล่ะว่าเรื่องอะไรของมันนะ?
เอาละอย่างนี้ คือผมเคยเป็นเจ้าหน้าที่... อยู่ใน จ.นราธิวาส ที่ผ่านมา ผมเคยเจอเหตุการณ์หลายๆเหตุการณ์ แต่เหตุการณ์ที่มันทำให้ผมกลายเป็นคนเครียดเนี่ยสิ คือโดน ผกร.ตีฐานครับ ซึ่งเป็นฐานเล็กๆ อยู่ริมเขา มีเจ้าหน้าที่อยู่น้อยมาก จนถึงวันที่เกิดเหตุ ฐานโดนโจมตี ทั้งระเบิดที่ขว้างเข้ามา ทั้งกระสุนปืนที่ออกจากปืนหลายๆกระบอกในคราวเดียวกันนั้น เล่นเอาไม่รู้จะยิงไปทางไหนกันเลยทีเดียว ผมจำได้ว่าหลังจากระเบิดลูกแรกตกมาที่หน้าบ้านผม มีเพื่อนของผมวิ่งเข้ามาแล้วบอกว่า พี่เราโดนตีฐาน ผมนอนอยู่บนเตียง แล้วหยิบ ปลย.AK47 ยิงเปิดทางก่อนชุดแรก พยายามหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดว่า ขอสมาธิให้ลูกช้างด้วย จากนั้นก็ติดต่อขอกำลังที่ห่างไกลเข้ามาสนับสนุน แล้วก็พยายามสื่อสารกับเพื่อนๆที่ไกล้ที่สุด คือแค่ได้ยินเสียงของเพื่อนว่ายังไม่ตายนี่ผมโล่งเลยบอกตรงๆ
มันยิ่งกว่าในหนังนะเอาจริงๆ ที่โจรตะโกนว่า อัลเลาะห์ๆๆอะไรสักอย่างนี่แหละ อลีนนาลีนนี่พุ่งเลยทีเดียว
หลังจากจบเหตุการณ์โจมตีฐานปล้นปืนคืนนั้น คือพวกเราป้องกันฐานไว้ได้ ไม่เจ็บไม่ตาย แต่เสียหายพอสมควร ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ฐานเล็กๆที่มีเจ้าหน้าที่อยู่แค่ 10กว่าคนจะป้องกันฐานไว้ได้ ก็ต้องขอบคุณทั้งเพื่อนที่อยู่เคียงข้างกัน และเพื่อนๆทุกส่วนเกี่ยวข้องที่เข้ามาช่วยเหลือ และประชาชนในพื้นที่ ที่ช่วยหยิบจับอาวุธเข้ามาช่วยในคืนนั้น ขอบคุณมากครับ😂😂😂
ดูเหมือนจะจบด้วยดีนะครับ แต่ว่า ความเครียดมันกำลังเริ่มต้นครับ ผมกลายเป็นคนที่ต้องคิดตลอดเวลา คิดจนไม่พูดไม่จากับใคร อารมณ์รุนแรง
เวลานอนชอบสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก คว้าปืนทุกที
มันจะมีเสียง กระสุนปืนก้องอยู่เต็มหัวของผม
มีพี่ๆบอกพวกเอ็งคือ ฮีโร่ ของที่นี่แล้วนะ ผมก็ได้แค่ยิ้ม แล้วคิดว่า ไม่ใช่ผมหรอก ผมคิดว่าผมยังทำมันออกมาไม่ดีเลยด้วยซ้ำ ผมเริ่มคิดหาทางป้องกันตัวเองในหลายๆวิธีไว้ วิธีการรับมือในรูปแบบต่างๆ
พยายามพูดคุยให้คนรอบข้างรับรู้ในสิ่งที่เราคิด แต่ผลที่ได้กลับมามันไม่ใช่อย่างนั้น ดูเหมือนว่าพูดอะไรไป มันจะสะท้อนกลับมา ไม่มีใครรับฟังสิ่งที่เราพูด สิ่งที่เราคิดเลย เดินไปไหนมันรู้สึกถึงความไม่อบอุ่น
หลังจากนั้นผมเริ่มสร้างหลุมดำโง่ๆ รอบตัวผมขึ้นมา โดยที่ผมเองก็ไม่ได้ตั้งใจจะสร้างมันขึ้นมาหรอก
หลุมดำรอบตัวผมนั้น มันเริ่มจะค่อยๆลึกลงไปเรื่อยๆ
จนผมรู้สึกว่าผม นั่งอยู่กลางหลุมดำโดนงยที่ในมือผมมีเทียน 2เล่ม 5บาทจุดอยู่ เทียนเล่มแรกผมยังรับรู้จากแสงสว่างรอบๆได้บ้าง เพราะหลุมมันไม่ลึกมาก ผมอยู่ในหลุมดำนี้ทุกวันทุกวันและทุกวัน จนหลุมมันลึกแล้วนะ ผมเริ่มมองไม่เห็นอะไรมากแล้วละ
มันมีแต่แสงไฟจากเทียนไขเล่มแรกที่เริ่มจะค่อยๆหมดไป จากนั้นผมก็เริ่มรับรู้แล้วว่าเราต้องจุดเทียนเล่มต่อไปแล้ว ถ้าเทียนเล่มนี้หมดลงเราไม่มีเทียนอีกแล้วนะ ผมพยายามตะโกนเรียก ออกไปว่าช่วยผมที
ช่วยดึงผมขึ้นไปที ผมอยู่ในนี้ แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลเพราะยิ่งพยายาม เหมือนกับผลักดันตัวเองออกจากคนอื่นๆแ ต่สุดท้ายก็มี คนที่ได้ยินและรับฟัง
เขาคือ จ่าโบ้ เมื่อจ่าโบ้ รับฟังปัญหาของผม จึงรีบไปบอกให้คนมาช่วย ผมดีใจมาก จากนั้น ผู้กองก็เข้ามาเหมือนจะหยิบยื่นบันไดให้ ผมบอกว่าผมต้องการขอลายาว อยากจะพักสมองบ้าง ผมอยากลองไปค้าขายดู แต่ไม่กล้าบอกว่าเราเครียดมาก ผู้กองบอกตกลง แกเลยไปหยิบบันไดมาอันนึงแต่มีข้อแม้คือ
ให้คนที่ลายาวอยู่กลับมาก่อนแล้วค่อยไป ผมรีบตอบตกลงเลยในทันที ติดต่อกับคนที่ลายาวอยู่ว่าเรามีธุระ ให้ช่วยกลับมาก่อน เปลี่ยนๆกันไปนะ เขาตอบว่าได้สิ้นเดือนเจอกัน ผมตั้งหน้าตั้งตารอยู่ในหลุมดำนั้นต่อไป ทั้งที่มีบันไดแต่ว่าปีนขึ้นมายังไม่ได้
จนผมไม่รู้แล้วว่าตอนนี้หลุมมันลึกขนาดไหนแล้ว
ไกล้จะถึงวันที่สัญญากันไว้ ผมเลยปีนขึ้นมารอ ซึ่งผมไม่รู้เลยว่าผมอยู่บันไดขั้นสุดท้ายแล้ว แสงเทียนของผมเริ่มจะดับลงแล้ว เขาก็ยังไม่มาสุดท้ายเขาผิดสัญญา ตอนนี้ผมมองอะไรไม่เห็นเลย จากเพื่อนที่สนิทผมยังรู้สึกว่า คุณเป็นใคร เหมือนเป็นใครสักคนนึงที่ห่างไกลออกไปทุกที ทุกคนเริ่มหันหลังแล้วห่างไกลออกไปๆ ผมพยายามร้องบอกว่าผมอยู่ในนี้นะ
อีกนิดเดียวแล้วผมจะได้ขึ้นไปแล้ว ช่วยดึงมือผมขึ้นไปทีบันไดไม่ถึง ความอดทนมันถึงที่สุด มองไปทางไหนมันมืดไปหมด ไม่มีใครได้ยินผมไม่อยากเห็นหน้าใคร ไม่อยากคุยกับใคร จึงตัดสินใจเอามือของตัวเองขุดข้างๆหลุมแล้วปีนออกมา ถึงมันจะเจ็บแต่ก็สามารถเอาตัวเองออกมาจากหลุมนั้นได้ ผมเดินมาเขียนใบลาออกทันที ผมพร้อมที่จะไปแล้ว นาทีนี้ช่วยเอาตัวเองออกไปจากตรงนี้ที่ ชั่วพริบตาผมเก็บของยัดใส่รถเก๋งจนหมด พร้อมแล้วผมพร้อมแล้ว ผมพร้อมที่จะพาตัวเองออกไปจากตรงนี้ สายตา ความรู้สึกจากรอบข้างที่ไม่อบอุ่น ผมคิดอย่างเดียวในตอนนั้น ใครก็ได้ กอดผมที
คุณรู้ไหมว่าอ้อมกอดแรกที่แสนอบอุ่น คืออ้อมกอดของครอบครัว ผมกอดภรรยาผมนานมากในนาทีที่ถึงบ้าน ผมรู้สึกโล่ง ผมรู้สึกเหมือนได้ปลดปล่อยอะไรสักอย่าง
ผมพยายามกอดภรรยาผมทุกวันเท่าที่ผมทำได้ในตอนนั้น หลังจากที่ดีขึ้นผมถึงมาเข้าใจว่าความเครียดมันเป็นแบบนี้นี่เอง
และผมคงตัดสินใจถูกแล้วแหละ ที่พาตัวเองออกมาจากตรงนั้น.
#ขอบคุณอ้อมกอดที่แสนอบอุ่น
คุณมีวิธีการแก้ปัญหาของความเครียดในตัวคุณยังไง?