บันทึกลับ เมื่อแฟนผม... ต้องมนตร์ดำ (ตอน 23)


ตอน 23
น้ำมันเขียว
 
          การตักบาตรผ่านไปเป็นวันที่สาม วันที่สี่ และวันต่อๆ มา
          จนเมื่อเข้าสู่วันที่หก ผมกลับตื่นสาย กว่าจะจัดเตรียมหุงข้าวสำหรับตักบาตรก็สายกว่าทุกวัน ผมยืนรอพระบิณฑบาตกว่าสิบนาที จนรู้จากคนที่ขายของอยู่บริเวณนั้นว่าวันนี้พระสงฆ์มาเช้ากว่าทุกวัน และได้เดินผ่านไปแล้ว ผมตัดสินใจขับรถออกไปตามถนน ไม่ว่าจะเป็นถนนสายไหนก็ไม่มีพระสงฆ์เลย ถึงตอนนี้เริ่มสายมากแล้ว การตักบาตรของผมวันนี้กำลังจะมีปัญหาจนได้
 
          “อย่าได้ขาดไปแม้แต่วันเดียว” 
          เป็นคำเตือนของอาที่ผมจำได้อย่างขึ้นใจ
          ผมเริ่มร้อนใจกระวนกระวายมากขึ้น ขับรถไปตามถนน หันมองไปทางซ้ายทีขวาที ก็ไม่มีพระสงฆ์เลย โชคชะตากำลังเล่นตลกกับผมเสียแล้ว ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยถามอาเลยว่า ถ้าตักบาตรไม่ครบเจ็ดวัน หรือไม่ต่อเนื่องแล้วจะเป็นอย่างไร จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
          และทันใดนั้นเอง!
          เมื่อผมขับรถผ่านทางเข้าวัดแห่งหนึ่ง ก็มองเห็นพระสงฆ์รูปหนึ่งที่กำลังเดินกลับจากการบิณฑบาต ผมรีบจอดรถ จากนั้นก็เดินจนแทบจะวิ่ง เพื่อไปขอตักบาตรทันที
          แล้วการตักบาตรวันที่หกผ่านไปอย่างทุลักทะเล ความชะล่าใจของผมเกือบทำให้การตักบาตรไม่ครบเจ็ดวันเสียแล้ว หลังจากนั้นผมก็โทร.หาอา ลองสอบถามเรื่องการตักบาตรว่าหากไม่ครบเจ็ดวัน จะมีผลอย่างไร
          อาพูดเพียงสั้นๆ ว่า ทุกอย่างที่ทำมาก็ล้มเหลว
 
          อาได้สอบถามอาการของเธอว่าดีขึ้นบ้างหรือไม่ ผมเล่าไปตามตรงโดยไม่อ้อมค้อม อาการของเธอยังไม่ดีขึ้นเลย ดูเหมือนจะรุนแรงมากขึ้นเสียด้วยซ้ำ ผมได้เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนวันพระใหญ่ให้อาฟัง ซึ่งอาก็ไม่แปลกใจเลยสักนิด วันพระใหญ่เธอจะมีอาการคลุ้มคลั่งรุนแรงกว่าทุกวัน ยิ่งได้ทานข้าวและน้ำดื่มที่ปลุกเสกด้วยแล้ว จะมีอาการหนักกว่าวันไหนๆ 
          “ไม่เป็นไร เดี๋ยวรอให้ครบเจ็ดวันก่อน ทุกอย่างน่าจะดีขึ้น”
          อาบอกเพียงเท่านั้น
 
          นอกจากคืนวันพระใหญ่ยังมีเหตุการณ์แปลกๆ เกิดขึ้นต่อจากนั้น แม่ของเธอเล่าให้ฟังว่า หลังจากนั้นไม่กี่วัน เธอกลับไปที่บ้านด้วยอาการที่ดูปกติ เหมือนกับจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ ซึ่งต่างจากอุปนิสัยของเธอเป็นอย่างมาก หากมีเรื่องทะเลาะวิวาทกันรุนแรงแบบนี้ กว่าเธอจะหายโกรธต้องใช้เวลาเป็นเดือน ไม่มีทางกลับบ้านง่ายๆ แน่นอน
          แต่คราวนี้เธอกลับมาบ้าน และบอกในสิ่งที่ทำให้แม่ของเธอต้องตกใจ 
          เธออยากไปทำบุญที่วัด
          อยากไปทำบุญที่วัดอย่างนั้นเหรอ!
          แม่รู้จักนิสัยของเธอดี จึงรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก เมื่อได้ยินเธอพูดเรื่องไปทำบุญที่วัด แทนที่จะรู้สึกดีใจ แต่กลับเป็นห่วงเธอมากขึ้น
          มีบางอย่างผิดปกติ เหมือนว่าเธอกำลังกลัวอะไรบางอย่าง แม่ของเธอบอกอย่างนั้น 
          เธอกำลังกลัวอะไรกันแน่!
 
          ไม่เพียงแต่แม่ของเธอที่ตกใจ คนในบ้านก็ไม่ต่างกัน เพราะตั้งแต่เด็ก เธอไปวัดแทบจะนับครั้งได้ เท่าที่แม่ของเธอจำได้ เธอไปวัดเพียงแค่สองครั้งเท่านั้น ครั้งแรกตอนเป็นเด็ก เมื่อได้ยินเสียงพระสวด ก็ร้องไห้เสียงดัง จนแม่ต้องพอออกมาจากวัด
          อีกหนึ่งครั้ง เธอไปวัดเพราะปฏิเสธแม่ไม่ได้ เนื่องจากแม่ของเธอเอาดวงของเธอไปดูมาว่ากำลังมีเคราะห์ ต้องไปทำบุญที่วัด เมื่อไปถึงวัด หลวงพ่อแนะนำให้เธออาบน้ำมนต์เป็นเวลาสามวัน ถึงแม้จะไม่เต็มใจนัก แต่เธอก็ยินยอมทำแต่โดยดี ด้วยไม่อยากที่จะปฏิเสธแม่ของตัวเอง
          วันนั้นแม่ของเธอจำได้แม่น แม่จัดแจงนำน้ำมนต์ที่ได้จากหลวงพ่อมาเตรียมเอาไว้ให้เธออาบ จากนั้นค่อยๆ ราดรดลงไปที่ตัวเธออย่างช้าๆ เธอหนาวสั่นไปทั้งตัว เหมือนคนที่กำลังอาบน้ำในช่วงอาการหนาวจัด ปากของเธอซีดเผือก เนื้อตัวสั่นตลอดเวลา ทั้งที่เป็นช่วงกลางวัน แดดจัด อากาศก็ร้อนอบอ้าว
          หลังจากนั้น เธอปฏิเสธที่จะอาบน้ำมนต์อีกสองวันที่เหลือ แล้วหลังจากนั้นไม่กี่วัน เหตุการณ์ร้ายก็เกิดขึ้นจนได้ เธอประสบอุบัติเหตุรถมอเตอร์ไซด์ล้ม เป็นจริงตามที่ดูดวงเอาไว้ ถึงแม้เธอจะไม่เจ็บหนัก แต่ก็มีบาดแผลเต็มตัว 
          หลังจากนั้นเธอก็ไม่เคยเข้าวัดอีกเลย
 
          ผมจำได้ว่าเธอเคยเล่าให้ฟังว่า สาเหตุที่เธอไม่ชอบเข้าวัด เป็นเพราะเสียงสวดมนต์จะทำให้เธอรู้สึกปวดหัวจนแทบจะทนไม่ไหว ผมไม่ได้สนใจเรื่องที่เธอเล่ามากนัก คิดว่าเป็นเรื่องตลกเท่านั้น จนเมื่อได้ฟังเรื่องนี้อีกครั้งจากการที่อาได้ตรวจดวงของเธอ สาเหตุที่เธอไม่ชอบเข้าวัดก็เป็นผลมาจากการไปลบหลู่ผู้มีวิชาอาคมตั้งแต่เมื่อครั้งอดีตชาติ จนต้องถูกสาปแช่งเอาไว้ ผมจำเรื่องที่อาบอกได้ดี 
          ทุกเรื่องสัมพันธ์กันอย่างเหลือเชื่อ!
 
          ด้วยความสงสัย แม่จึงถามเธอว่าทำไมถึงอยากไปวัด เธอบอกแต่เพียงว่า รู้สึกว่ามีบางอย่างที่น่ากลัวคอยติดตามเธอไปทุกหนทุกแห่ง ซึ่งตัวเธอก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไร เธอกลัวมาก โดยเฉพาะยามค่ำคืน จนเป็นเหตุให้อยากไปทำบุญที่วัด
          คำอธิบายของเธอทำให้แม่ถึงกับนิ่งเงียบ พูดอะไรไม่ออก
 
          ตลอดช่วงเช้าที่ไปวัด เธอดูสดใสร่าเริง ทำบุญไหว้พระด้วยความตั้งใจ แทนที่จะรู้สึกสบายใจ แต่สิ่งที่เห็นกลับทำให้แม่ของเธอเกิดความกังวลใจมากขึ้น กลัวว่าจะมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นกับเธอ
          ผมเล่าให้อาฟัง และได้รับคำอธิบายว่า เธอคงสัมผัสอะไรบางอย่างได้ แล้วก็เกิดความกลัว เธอยังไม่หายเป็นปกติจนกว่าจะครบเจ็ดวัน
          ยังเหลือพรุ่งนี้อีกหนึ่งวัน ก็จะครบเจ็ดวันตามที่อาบอกเอาไว้
 
          และแล้วสิ่งที่แม่ของเธอกังวลก็เกิดขึ้นจนได้!
 
          ก่อนวันที่จะไปทำบุญที่วัด ผมได้คุยกับเธอ ดูเธอมีอาการเป็นปกติอย่างมาก และยังเล่าให้ฟังว่า วันนี้กลับมาค้างคืนที่บ้าน และวันพรุ่งนี้นัดกับแม่เอาไว้ว่าจะไปทำบุญที่วัด และหลังจากที่ทำบุญเสร็จแล้ว เธอก็โทรมาเล่าให้ฟังว่า เมื่อได้ทำบุญแล้ว เธอรู้สึกสบายใจขึ้นมาก
          เธอเป็นปกติมากกว่าวันไหนๆ จนผมอดคิดไม่ได้ว่าเธอกำลังจะหายเป็นปกติ เมื่อใกล้ครบเจ็ดวัน
 
          จนเมื่อถึงช่วงค่ำ แม่ของเธอโทร.หาผมด้วยน้ำเสียงที่หวาดผวาอีกครั้ง มีเรื่องเกิดขึ้นอีกแล้ว โดยในระหว่างที่คนในครอบครัวล้อมวงทานข้าวเย็นกัน เธอดูร่าเริงสดใส นั่งทานข้าวเหมือนกับจำเหตุการณ์เมื่อสองวันก่อนไม่ได้ คนในครอบครัวคนอื่นๆ โดยเฉพาะพ่อของเธอนั่งทานข้าวอย่างนิ่งเงียบ ไม่พูดอะไรออกมา ภายในใจคงกำลังสงสัยกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับลูกสาวของตน
          ทุกคนคอยสังเกตอาการของเธอ โดยที่เธอเองไม่รู้ตัว
          การทานข้าวกันพร้อมหน้าผ่านไปด้วยดี พ่อและน้องชายของเธอหลังจากกินข้าวเสร็จแล้วก็แยกย้ายกันกลับเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง แฟนของเธอขอตัวกลับไปนอนค้างที่บ้านพ่อแม่ ส่วนเธอนั่งคุยกับแม่ต่ออย่างอารมณ์ดี
          เธอบ่นว่าที่ต้นแขนมีตัวแมลงอะไรไม่รู้กัด มีอาการคัน เกาจนเห็นเป็นผื่นแดงชัดเจน เมื่อเห็นแบบนั้น แม่ของเธอก็เดินไปหยิบเอาน้ำมันขวดเล็กๆ ที่ภายในบรรจุน้ำมันที่เป็นของเหลวสีเขียว เพื่อนำมาทารอยผื่นแดงที่แขนให้เธอ
          แล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น
 
          หลังจากนั้นเพียงครู่เดียว เธอมองไปที่แม่ด้วยอาการตาขวางโกรธจัด ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังคุยกันเป็นปกติ เธอพูดจาเสียงดัง ยืนขึ้นตะโกนต่อว่าแม่ด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย ดวงตาสีดำกลมโตน่ากลัว ไม่ต่างจากคืนวันพระใหญ่ น้องชายของเธอได้ยินเสียงเอะอะลั่นบ้าน ก็รีบออกมาห้ามปราม คราวนี้รุนแรงมาก ดูท่าทางเธอกำลังจะลงไม้ลงมือกับแม่ของตัวเอง ดีที่น้องชายออกมาห้ามเสียก่อน 
          เธอตะโกนเสียงดังลั่นบ้านต่อไปไม่หยุด จนน้องชายต้องลากดึงตัวเธอให้กลับเข้าไปในห้อง ทุกอย่างจึงสงบลง แม่ของเธอยืนร้องไห้ มองภาพของเธอที่ถูกน้องชายลากดึงอย่างทุลักทุเลหายเข้าไปในห้อง และที่แม่เสียใจที่สุดก็ตรงที่เธอกำลังจะทำร้ายแม่ของตัวเอง
          ขณะเดียวกัน มีดวงตาคู่หนึ่งมองผ่านประตูไม้ที่เปิดแง้มออกมาเพียงเล็กน้อย จากห้องนอนอีกด้าน มองเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด จากนั้นประตูก็ค่อยๆ ปิดด้วยเสียงที่แผ่วเบาหลังจากที่ทุกอย่างสงบลง
 
          พ่อของเธอเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด!

by พรนับพัน

ขอขอบคุณทุกท่านสำหรับการติดตามครับ
หนังสือ บันทึกลับ เมื่อแฟนผม... ต้องมนตร์ดำ
โดย พรนับพัน
สำนักพิมพ์คุณหนูชูใจ
เปิดให้พรีออเดอร์แล้วนะครับ หนังสือไม่มีวางจำหน่ายตามร้านหนังสือทั่วไป

บันทึกลับ เมื่อแฟนผม... ต้องมนตร์ดำ
เป็นบันทึกเรื่องราวน่าพิศวงที่เกิดขึ้นจริง ในช่วงระยะเวลาเริ่มต้นและจบลงภายในเวลาหนึ่งปี เรื่องราวไม่น่าเชื่อหลายๆ เรื่องเกิดขึ้นตลอดเวลา เชื่อมโยงอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นให้เข้ากับคำว่า “มนตร์ดำ” อย่างลงตัว เป็นช่วงเวลาหนึ่งปีที่ทั้งสุขและทุกข์ทนไปพร้อมกัน และเรื่องราวทั้งหมดจะถูกเก็บไว้ในความทรงจำตลอดไป สำหรับบุคคลต่างๆ ผมต้องขอสงวนชื่อเอาไว้ทั้งหมด เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่