เนื่องจากรูปเยอะมากครับ ขอแยก kyoto ออกมาเป็น 1.2 นะครับ
ก็จะมีแต่ Kyoto ล้วนๆไม่มีอะไรผสม 3วันครับ
เพื่อใครยังไม่ได้ดูก่อนหน้านี้ครับ
part1 osaka,kobe -
https://pantip.com/topic/39657395
ไปต่อกันเลย
4 Kyoto Railway Museum>เข้าที่พัก>Ninenzaka
ยังคงตื่นเช้าเหมือนวันที่ผ่านๆมา ก็ถามตัวเองเหมือนกันว่า "กับเรื่องงานหนูขยันแบบนี้มั้ย"
กระเป๋ากันเรียบร้อยแล้วก็เดินทางเกียวโตกัน

แวะศาลเจ้าข้างที่พักกันอีกทียืนดูซากุระในศาลกันว่ามันบานมากขึ้นมั้ย 555 สรุปด้วยคำว่าชั่งเหอะ

นั่งชินคันเซนกันทั้งทีก็ต้องเบนโตะกันหน่อย

แป๊บเดียวยังไม่ทันกินข้าวก็เรามาถึงเกียวโตแล้วครับ เร็วเกิน
หลังออกมานั่งทานข้าว เราฝากกระเป๋าแล้วก็เที่ยวเลย เริ่มจากที่ๆเพื่อนๆผมเรียกร้องอยากไปกันสุดๆ (มันคงคิดว่าเรียกร้องไปตอนไหนว้าา) ก็คือ kyoto railway museum

โดยมากเป็นพ่อแม่พาลูกมาครับ 55
ด้านในก็มีรถไฟตั้งแต่ยุคก่อนเลย

ตอนเรายืนบนชานชาลาสถานีก็ไม่คิดว่าใหญ่อะไรมาก พอได้ดูใกล้ๆมันใหญ่จริงๆ
ก็เหมือนพิพิธภัณฑ์ทั่วไปครับที่จะมีการเก็บประวัติศาสตร์ข้าวของต่างๆไว้มากมาย

มีหนังสือชื่อสถานีเป็นเล่มหนังสือให้น้องๆใช้ไมค์ เล่นพูดชื่อสถานีกันเลย "มาโมนาคึอออ ...อะไรก็ว่าไป"

ตั๋วตั้งแต่ยุคแรกจนปัจจุบัน มีป้าย expo'70 ด้วยครับ

มาที่ชั้นสองครับ

ออกมาด้านนอกก็เป็นโซนรถจักรไอน้ำ

ก็มีหลายขนาดเหมือนกันครับ ไม่ได้เท่ากันหมด

ภาพจากจุดชมวิว N700A กับเจดีย์ น่าจะเป็นวัดโทจิครับ

เราไม่ได้จะไป fushimi inari กันต่อนะ คือหลังจากกลับมาเอากระเป๋าเรานั่งรถบัสผิดสายครับ ก็เลยมาโผล่ที่ fushimi ทีนี้เราเลยขึ้นรถไฟไปที่พักแทนแล้ว ไม่โชว์เปรี้ยวนั่งรถบัสละ

เปลี่ยนสายมาอีสานไลน์ มุ่งหน้าถนนมิตรภาพ เอ้ย Ezan line ครับ 55
ลงสถานี Shūgakuin ย่านที่พัก ซึ่งจะไกลจากตัวเมืองหน่อย แต่ผมว่าห้องพักนี้โอเคเลยครับ (เผื่อสนใจครับ
https://bit.ly/2DJ4gOu)
เก็บของเรียบร้อยแล้วเราก็ออกไปที่เจดีย์ yasaka และก็อยู่กันแถวนี้พักนึงเป็นอันจบวันนี้
5.Arashiyama> Gion> Fushimi Inari> Kyoto Sation ,Yebisu Bar
วันที่ 5 ของทริปแล้วแต่เราก็ยังแรงดีกันอยู่ เลนตื่นกันตั้งแต่ 6โมง เพื่อจะไปป่าไผ่ คือเราอยากได้ภาพแบบที่คนน้อยๆ หรือจะให้ดีไม่ติดคนเลย

ซึ่ง...มาถึงจึงได้รู้ว่ามันต้องเช้ากว่านี้อีกไอน้องงงงง
ตอนเขียนแผนทริปนี้ กะว่าจะไม่มาที่นี่ แต่เพื่อนผมเคยมาบอกว่า ต้องมาๆ ถึงแล้วก็จริงตามที่เพื่อนบอกครับ ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมทางเดินแคบๆที่ระยะทางก็ไม่ได้ยาวอะไรมากมาย ทำไมเค้าถึงมากัน

เดินมาเล็กน้อยก็เจอเจ้าถิ่นลุงๆป้าๆ เค้ายืนมุงดูอะไรกัน เลยเดินตามไปยืนดูบ้าง ตอนแรกงงว่ามันอะไรขนาดนั้น

อ้อออออ เค้ารอรถไฟนี่เอง ถ้าซากุระบานตามทางรถไฟนี่สวยแน่นอน แต่ตอนนี้มันไม่มีป่ะ เหมือนโดนหลอกให้รอเป็นเพื่อนลุงๆแกเลย

เดินเลาะมาเรื่อยๆตามแม่น้ำ สวย สงบ ตามนิยามของใครหลายๆคนครับ

ลั่นไปหนึ่งช็อต แหะๆ

หลังจากฟ้าครึ้มมานาน ในที่สุดเม็ดฝนก็ลงมาตามนัดครับ หลบฝนเสร็จก็รอรถบัสเพื่อไป Gion ต่อครับ

ลงรถบัสมาที่ถนน kiyamachi-dori (ทราบชื่อทีหลัง) ลืมความหิวชั่วขณะ 55 ถ่ายรูปก่อนดิเพื่อนๆๆๆๆ

อิ่มทั้งอาหารทั้งถ่ายภาพ ก็ไปศาลจิ้งจอกกันต่อครับ ถึงแม้ฝนจะยังตกอยู่ แต่ก็ปรอยๆ

เรากะว่าจะเดินกันให้สุดเขาไปเลยครับ

โชคดีจริงๆครับ เดินมาแล้วพอหันกลับไปไม่มีใครเดินตามมา เลยได้ภาพที่ไม่มีติดมาเลย

ดูขลังๆได้อารมณ์ดีครับ แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าถ้ามาดึกจะรู้สึกยังไง จะรีบๆเดินๆหรือค่อยๆเดินดูกันแน่ 555

สุดท้ายฝนตกลงมาอีก คราวนี้ตกแรงเลย จากที่ว่าจะเดินไปสุดเขา เลยวนลงและก็ไปตามแผนสองเราคุยตั้งแต่เมื่อคืน

ก็คือมานั่ง yebibu bar ใกล้ๆ สถานีเกียวโตนี้แหละครับ
ทานเสร็จก็แวะสถานีเกียวโตซักหน่อยก่อนเดินทางกลับที่พัก
7 Ninenzaka > Kiyomizu-Dera > วัด Kodaiji > สวน Maruyama > Ponto-Cho > เช่ารถออกจากเกียวโต
วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เกียวโตแล้ว หลังจากนั้นเราจะเช่ารถเพื่อเดินทางไปฟูจิ เพื่อนผมทั้งสองคนขอพักเก็บแรง เช้านี้ผมเลยฉายเดี่ยว แล้วไปนัดเจอกันตอนเที่ยงที่สถานีเกียวโต
ผมกะว่าจะไปซ้ำตรง ninenzaka ครับ อยากได้รูปแบบไม่มีคน

หลังฝากกระเป๋าที่สถานี Gion-Shijo ก็มายืนรอรถบัสหน้าคาบูกิ ระหว่างยืนหนาวสั่นรอรถบัส ก็เห็นว่าเจ้าถิ่นบางท่านเพิ่งกลับบ้าน เดินผ่านพร้อมกลิ่นละมุดแบบเจ้มจ้นไปเลยพี่

ลงบัสมาก็เดินซอยขึ้นไปเลยครับพี่น้อง ระหว่างก็หันกลับไปมอง เลยถ่ายรูปไว้หน่อยครับ

ถึงแล้วววว แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีใครเลยนะครับ

เธอจัดเต็มมากเลยจ้า ชนะเลิศ เล่นเอาทั้งช่างภาพเจ้าถิ่นและนักท่องเที่ยวคนอื่นจิ๊จ๊ะกันใหญ่
หลังจากเธอเข้าถึงสายตาอำมหิตของช่างภาพหลายๆคน เลยเดินหลบให้ถ่ายบ้างครับ ผลัดๆกันไป 555

เมื่อได้ภาพสมใจอยากแล้วก็เดินขึ้นต่อเพื่อจะไป kiyomizu-dera ครับ

เจออีกมันก็ต้องแวะอีกแหละครับ ก็ดันสวยซะขนาดนี้

กว่าจะมาถึง......

วันนี้ฟ้าใสมากมายเลยครับ

เข้าถึงแลนมาร์คด้านนอกกันพอสมควรแล้ว ก็ได้เวลาเข้าไปด้านใน

ตัวอาคารหลักมีการปรับปรุงอยู่คนับ คลุมทั้งอาคารเลยไม่ได้เก็บภาพมา


ด้วยความเช้าที่ทำให้คนยังน้อยอยู่และแสงกำลังสวยพอดี

ไม่มีอะไรทำแล้วก็เดินลงจากวัดครับ 555

ผ่านต้นนี้อีกแล้ว แวะเหมือนเดิม แต่ใช้เวลาเร็วขึ้น

นักท่องเที่ยวเริ่มทยอยมากันมากขึ้นแล้วครับ
ผมกะว่าจะเดินไปเรื่อยจนถึงสถานี gion-shijo ที่ฝากกระเป๋าไว้ครับ
แต่ระหว่างทางเห็นเจ้าถิ่นเค้ายืนต่อแถวอะไรกันไม่รู้ครับเลยไปต่อด้วย 555 อยากรู้อยากเห็น พูดง่ายๆคือความขี้เผือกนั้นเอง
และเพราะความเผือกนี้เลยทำให้ได้เจอ Full Bloom ที่แท้ทรูเป็นเช่นนี้นี่เอง

ดูใกล้ๆนี่มันเหมือนต้นไม้ปลอมเลยนะ 555 หยอกๆๆ

สวนเซนครับ มีต่อแถวจุดถ่ายรูป แต่ผมไม่ได้รอครับ ไม่รู้เหมือนกันว่ามุมนั้นเป็นยังไง

สำหรับที่นี่ผมเข้ามาด้วยความบังเอิญ แต่กลายเป็นผมชอบที่สุดของทริป
เดินเลาะต่อมาถึงสวน maruyama ครับ

ออกจากสวน Maruyama ผมหลงทางครับ มารู้ที่หลังว่าคือย่าน pontocho (เผื่อเรียกผิด เอาเป็นว่าคือถนนนี้ครับ
https://bit.ly/2OYdgFP)
ขอเรียกว่าถนนสายแต่งงานละกันครับ โดยมากคือเห็นมาถ่ายรูปงานแต่งกัน

ลมพัดซากุระปลิว ได้ฟิลลิ่งมากๆ

อยู่เพลินไปหน่อย ไปหาเพื่อนที่สถานีเกียวโตสายเลยครับ
พอเจอกัน เราก็ไปที่ศูนย์เช่ารถ ตรวจเช็คสภาพรถเรียบร้อย ก็ออกเดินทางไปนาโกย่ากัน

ไปต่อ part 2 - Nagoya , Fujisan กันครับ -
https://pantip.com/topic/39658068
ไล่ล่าซากุระจาก Osaka - Kobe - Himeji - Kyoto - Nagoya - mt.Fujisan - Tokyo 14วันยาวๆไป l Part 1.2 - Kansai - Kyoto
ก็จะมีแต่ Kyoto ล้วนๆไม่มีอะไรผสม 3วันครับ
เพื่อใครยังไม่ได้ดูก่อนหน้านี้ครับ
part1 osaka,kobe - https://pantip.com/topic/39657395
ไปต่อกันเลย
4 Kyoto Railway Museum>เข้าที่พัก>Ninenzaka
ยังคงตื่นเช้าเหมือนวันที่ผ่านๆมา ก็ถามตัวเองเหมือนกันว่า "กับเรื่องงานหนูขยันแบบนี้มั้ย"
กระเป๋ากันเรียบร้อยแล้วก็เดินทางเกียวโตกัน
แวะศาลเจ้าข้างที่พักกันอีกทียืนดูซากุระในศาลกันว่ามันบานมากขึ้นมั้ย 555 สรุปด้วยคำว่าชั่งเหอะ
นั่งชินคันเซนกันทั้งทีก็ต้องเบนโตะกันหน่อย
แป๊บเดียวยังไม่ทันกินข้าวก็เรามาถึงเกียวโตแล้วครับ เร็วเกิน
หลังออกมานั่งทานข้าว เราฝากกระเป๋าแล้วก็เที่ยวเลย เริ่มจากที่ๆเพื่อนๆผมเรียกร้องอยากไปกันสุดๆ (มันคงคิดว่าเรียกร้องไปตอนไหนว้าา) ก็คือ kyoto railway museum
โดยมากเป็นพ่อแม่พาลูกมาครับ 55
ด้านในก็มีรถไฟตั้งแต่ยุคก่อนเลย
ตอนเรายืนบนชานชาลาสถานีก็ไม่คิดว่าใหญ่อะไรมาก พอได้ดูใกล้ๆมันใหญ่จริงๆ
ก็เหมือนพิพิธภัณฑ์ทั่วไปครับที่จะมีการเก็บประวัติศาสตร์ข้าวของต่างๆไว้มากมาย
มีหนังสือชื่อสถานีเป็นเล่มหนังสือให้น้องๆใช้ไมค์ เล่นพูดชื่อสถานีกันเลย "มาโมนาคึอออ ...อะไรก็ว่าไป"
ตั๋วตั้งแต่ยุคแรกจนปัจจุบัน มีป้าย expo'70 ด้วยครับ
มาที่ชั้นสองครับ
ออกมาด้านนอกก็เป็นโซนรถจักรไอน้ำ
ก็มีหลายขนาดเหมือนกันครับ ไม่ได้เท่ากันหมด
ภาพจากจุดชมวิว N700A กับเจดีย์ น่าจะเป็นวัดโทจิครับ
เราไม่ได้จะไป fushimi inari กันต่อนะ คือหลังจากกลับมาเอากระเป๋าเรานั่งรถบัสผิดสายครับ ก็เลยมาโผล่ที่ fushimi ทีนี้เราเลยขึ้นรถไฟไปที่พักแทนแล้ว ไม่โชว์เปรี้ยวนั่งรถบัสละ
เปลี่ยนสายมาอีสานไลน์ มุ่งหน้าถนนมิตรภาพ เอ้ย Ezan line ครับ 55
ลงสถานี Shūgakuin ย่านที่พัก ซึ่งจะไกลจากตัวเมืองหน่อย แต่ผมว่าห้องพักนี้โอเคเลยครับ (เผื่อสนใจครับ https://bit.ly/2DJ4gOu)
เก็บของเรียบร้อยแล้วเราก็ออกไปที่เจดีย์ yasaka และก็อยู่กันแถวนี้พักนึงเป็นอันจบวันนี้
5.Arashiyama> Gion> Fushimi Inari> Kyoto Sation ,Yebisu Bar
วันที่ 5 ของทริปแล้วแต่เราก็ยังแรงดีกันอยู่ เลนตื่นกันตั้งแต่ 6โมง เพื่อจะไปป่าไผ่ คือเราอยากได้ภาพแบบที่คนน้อยๆ หรือจะให้ดีไม่ติดคนเลย
ซึ่ง...มาถึงจึงได้รู้ว่ามันต้องเช้ากว่านี้อีกไอน้องงงงง
ตอนเขียนแผนทริปนี้ กะว่าจะไม่มาที่นี่ แต่เพื่อนผมเคยมาบอกว่า ต้องมาๆ ถึงแล้วก็จริงตามที่เพื่อนบอกครับ ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมทางเดินแคบๆที่ระยะทางก็ไม่ได้ยาวอะไรมากมาย ทำไมเค้าถึงมากัน
เดินมาเล็กน้อยก็เจอเจ้าถิ่นลุงๆป้าๆ เค้ายืนมุงดูอะไรกัน เลยเดินตามไปยืนดูบ้าง ตอนแรกงงว่ามันอะไรขนาดนั้น
อ้อออออ เค้ารอรถไฟนี่เอง ถ้าซากุระบานตามทางรถไฟนี่สวยแน่นอน แต่ตอนนี้มันไม่มีป่ะ เหมือนโดนหลอกให้รอเป็นเพื่อนลุงๆแกเลย
เดินเลาะมาเรื่อยๆตามแม่น้ำ สวย สงบ ตามนิยามของใครหลายๆคนครับ
ลั่นไปหนึ่งช็อต แหะๆ
หลังจากฟ้าครึ้มมานาน ในที่สุดเม็ดฝนก็ลงมาตามนัดครับ หลบฝนเสร็จก็รอรถบัสเพื่อไป Gion ต่อครับ
ลงรถบัสมาที่ถนน kiyamachi-dori (ทราบชื่อทีหลัง) ลืมความหิวชั่วขณะ 55 ถ่ายรูปก่อนดิเพื่อนๆๆๆๆ
อิ่มทั้งอาหารทั้งถ่ายภาพ ก็ไปศาลจิ้งจอกกันต่อครับ ถึงแม้ฝนจะยังตกอยู่ แต่ก็ปรอยๆ
เรากะว่าจะเดินกันให้สุดเขาไปเลยครับ
โชคดีจริงๆครับ เดินมาแล้วพอหันกลับไปไม่มีใครเดินตามมา เลยได้ภาพที่ไม่มีติดมาเลย
ดูขลังๆได้อารมณ์ดีครับ แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าถ้ามาดึกจะรู้สึกยังไง จะรีบๆเดินๆหรือค่อยๆเดินดูกันแน่ 555
สุดท้ายฝนตกลงมาอีก คราวนี้ตกแรงเลย จากที่ว่าจะเดินไปสุดเขา เลยวนลงและก็ไปตามแผนสองเราคุยตั้งแต่เมื่อคืน
ก็คือมานั่ง yebibu bar ใกล้ๆ สถานีเกียวโตนี้แหละครับ
ทานเสร็จก็แวะสถานีเกียวโตซักหน่อยก่อนเดินทางกลับที่พัก
7 Ninenzaka > Kiyomizu-Dera > วัด Kodaiji > สวน Maruyama > Ponto-Cho > เช่ารถออกจากเกียวโต
วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เกียวโตแล้ว หลังจากนั้นเราจะเช่ารถเพื่อเดินทางไปฟูจิ เพื่อนผมทั้งสองคนขอพักเก็บแรง เช้านี้ผมเลยฉายเดี่ยว แล้วไปนัดเจอกันตอนเที่ยงที่สถานีเกียวโต
ผมกะว่าจะไปซ้ำตรง ninenzaka ครับ อยากได้รูปแบบไม่มีคน
หลังฝากกระเป๋าที่สถานี Gion-Shijo ก็มายืนรอรถบัสหน้าคาบูกิ ระหว่างยืนหนาวสั่นรอรถบัส ก็เห็นว่าเจ้าถิ่นบางท่านเพิ่งกลับบ้าน เดินผ่านพร้อมกลิ่นละมุดแบบเจ้มจ้นไปเลยพี่
ลงบัสมาก็เดินซอยขึ้นไปเลยครับพี่น้อง ระหว่างก็หันกลับไปมอง เลยถ่ายรูปไว้หน่อยครับ
ถึงแล้วววว แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีใครเลยนะครับ
เธอจัดเต็มมากเลยจ้า ชนะเลิศ เล่นเอาทั้งช่างภาพเจ้าถิ่นและนักท่องเที่ยวคนอื่นจิ๊จ๊ะกันใหญ่
หลังจากเธอเข้าถึงสายตาอำมหิตของช่างภาพหลายๆคน เลยเดินหลบให้ถ่ายบ้างครับ ผลัดๆกันไป 555
เมื่อได้ภาพสมใจอยากแล้วก็เดินขึ้นต่อเพื่อจะไป kiyomizu-dera ครับ
เจออีกมันก็ต้องแวะอีกแหละครับ ก็ดันสวยซะขนาดนี้
กว่าจะมาถึง......
วันนี้ฟ้าใสมากมายเลยครับ
เข้าถึงแลนมาร์คด้านนอกกันพอสมควรแล้ว ก็ได้เวลาเข้าไปด้านใน
ตัวอาคารหลักมีการปรับปรุงอยู่คนับ คลุมทั้งอาคารเลยไม่ได้เก็บภาพมา
ด้วยความเช้าที่ทำให้คนยังน้อยอยู่และแสงกำลังสวยพอดี
ไม่มีอะไรทำแล้วก็เดินลงจากวัดครับ 555
ผ่านต้นนี้อีกแล้ว แวะเหมือนเดิม แต่ใช้เวลาเร็วขึ้น
นักท่องเที่ยวเริ่มทยอยมากันมากขึ้นแล้วครับ
ผมกะว่าจะเดินไปเรื่อยจนถึงสถานี gion-shijo ที่ฝากกระเป๋าไว้ครับ
แต่ระหว่างทางเห็นเจ้าถิ่นเค้ายืนต่อแถวอะไรกันไม่รู้ครับเลยไปต่อด้วย 555 อยากรู้อยากเห็น พูดง่ายๆคือความขี้เผือกนั้นเอง
และเพราะความเผือกนี้เลยทำให้ได้เจอ Full Bloom ที่แท้ทรูเป็นเช่นนี้นี่เอง
ดูใกล้ๆนี่มันเหมือนต้นไม้ปลอมเลยนะ 555 หยอกๆๆ
สวนเซนครับ มีต่อแถวจุดถ่ายรูป แต่ผมไม่ได้รอครับ ไม่รู้เหมือนกันว่ามุมนั้นเป็นยังไง
สำหรับที่นี่ผมเข้ามาด้วยความบังเอิญ แต่กลายเป็นผมชอบที่สุดของทริป
เดินเลาะต่อมาถึงสวน maruyama ครับ
ออกจากสวน Maruyama ผมหลงทางครับ มารู้ที่หลังว่าคือย่าน pontocho (เผื่อเรียกผิด เอาเป็นว่าคือถนนนี้ครับ https://bit.ly/2OYdgFP)
ขอเรียกว่าถนนสายแต่งงานละกันครับ โดยมากคือเห็นมาถ่ายรูปงานแต่งกัน
ลมพัดซากุระปลิว ได้ฟิลลิ่งมากๆ
อยู่เพลินไปหน่อย ไปหาเพื่อนที่สถานีเกียวโตสายเลยครับ
พอเจอกัน เราก็ไปที่ศูนย์เช่ารถ ตรวจเช็คสภาพรถเรียบร้อย ก็ออกเดินทางไปนาโกย่ากัน
ไปต่อ part 2 - Nagoya , Fujisan กันครับ - https://pantip.com/topic/39658068