เจ๋งจริง!นาเกิลส์มันน์สร้างสถิติใหม่ในถ้วยUCL & มูรินโญ่เพิ่งเจอ!เจาะผลงานสุดยอดของไลป์ซิกจากมันสมองของนาเกลส์มันน์

เจ๋งจริง!นาเกิลส์มันน์สร้างสถิติใหม่ในถ้วยชปล.

ยูเลียน นาเกิลส์มันน์ กุนซือหนุ่มไฟแรงแห่ง แอร์เบ ไลป์ซิก สร้างสถิติใหม่ที่ไม่ธรรมดาในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบน็อกเอาต์ หลังพาทีมลงเตะกับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ เมื่อคืนวันพุธ

ยูเลียน นาเกิลส์มันน์ เฮดโค้ชคนเก่งของ แอร์เบ ไลป์ซิก ทำสถิติเป็นกุนซืออายุน้อยสุด (32 ปี, 211 วัน) ในประวัติศาสตร์ศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบน็อคเอาต์ หลังจากที่พา ไลป์ซิก บุกไปพิชิต ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 1-0 ในเกมรอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรก เมื่อวันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา
 
ทั้งนี้ นาเกิลส์มันน์ ซึ่งเพิ่งย้ายจาก ฮอฟเฟ่นไฮม์ มาคุม ไลป์ซิก ฤดูกาลนี้เป็นฤดูกาลแรก ได้ทุบสถิติเดิม (33 ปี, 161 วัน) ของ โดเมนิโก้ เตเดสโก้ ที่พา ชาลเก้ 04 ลงฟาดแข้งกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย เมื่อฤดูกาลที่แล้ว 
 

 
สำหรับเกมนี้ ไลป์ซิก ได้ประตูชัยในนาทีที่ 58 จากการซัดลูกโทษของ ติโม่ แวร์เนอร์ ดาวยิงตัวเก่ง

cr  : www.siamsport.co.th

มูรินโญ่เพิ่งเจอ!เจาะผลงานสุดยอดของไลป์ซิกจากมันสมองของนาเกลส์มันน์

ตอนที่ ฮอฟเฟ่นไฮม์ ประกาศแต่งตั้ง ยูเลี่ยน นาเกลส์มันน์ เข้ามาเป็นเทรนเนอร์คนใหม่ของทีมตั้งแต่ฤดูกาล 2016-17 เป็นต้นไปนั้น หลายคนก็แปลกใจว่า ฮอฟเฟ่นไฮม์ คิดอะไรอยู่ เพราะตอนนั้น นาเกลส์มันน์ เพิ่งมีอายุเพียง 28 ปีเท่านั้น เรียกได้ว่านักเตะบางคนยังแก่กว่าเขาเลย แถมก่อนหน้านั้นเจ้าตัวก็ไม่เคยผ่านงานการคุมทีมแบบทีมชุดใหญ่มาก่อนด้วย



แม้ว่าการได้รับงานกับ ฮอฟเฟ่นไฮม์ ในครั้งนั้น จะทำให้ นาเกลส์มันน์ กลายเป็นกุนซือที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของ บุนเดสลีกา แต่ยศดังกล่าวไม่ได้เป็นการรับประกันฝีมือของเขา และหลายคนก็ไม่เชื่อน้ำมือของเขาเท่าไหร่ แถมเจ้าตัวยังต้องมารับงานเร็วกว่ากำหนดอีก เพราะ ฮูบ สตีเฟ่นส์ บอกลาทีมไปเมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2016 จากปัญหาด้านสุขภาพ ทำให้ นาเกลส์มันน์ ต้องเข้ามาคุมทีมก่อนที่จะถึงซีซั่น 2016-17

อย่างไรก็ตาม นาเกลส์มันน์ ก็ทำผลงานได้โดดเด่น ทั้งการพา ฮอฟเฟ่นไฮม์ รอดจากการตกชั้นในซีซั่น 2015-16 ทั้งที่ตอนที่เขาเข้ามาคุมทีมนั้น ทีมอยู่เหนือโซนปลอดภัยแค่ 7 คะแนนเท่านั้น และพอถึงซีซั่น 2016-17 ที่เขาได้คุมทีมแบบเต็มตัว นาเกลส์มันน์ ก็พาทีมได้อันดับ 4 ในลีก จนได้สิทธิ์เล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และพอถึงซีซั่น 2017-18 เขาก็พาทีมจบในลีกด้วยการเป็นอันดับ 3 ส่วนใน แชมเปี้ยนส์ ลีก มันถือว่าโชคร้ายที่พวกเขาต้องไปเจอ ลิเวอร์พูล ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ในรอบคัดเลือก รอบเพลย์ออฟ ก่อนที่จะตกรอบจากการแพ้ด้วยสกอร์รวม 2 นัด 3-6



แม้ว่าในฤดูกาล 2018-19 ฮอฟเฟ่นไฮม์ ของ นาเกลส์มันน์ จะได้อันดับ 9 ในลีก และตกรอบแบ่งกลุ่มของ แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่ผลงานของเขาก็ดีพอที่จะทำให้ แอร์เบ ไลป์ซิก ดึงมาคุมทีมในซีซั่น 2019-20 ซึ่งตอนนี้กุนซือวัย 32 ปีก็ทำผลงานได้ยอดเยี่ยม ทั้งการเป็นรองจ่าฝูงของลีกด้วยผลาน 45 คะแนน จากการลงเล่น 22 นัด ตามหลัง บาเยิร์น มิวนิค เพียงแค่ 1 คะแนน และกำลังมีโอกาสที่จะพา ไลป์ซิก เข้ารอบก่อนรองชนะเลิศ จากการที่ในนัดแรกของรอบ 16 ทีมสุดท้าย เขาพาทีมบุกไปชนะ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 1-0 ได้ถึงสนาม ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ สเตเดี้ยม

ทุกวันนี้บางคนถึงขั้นยกย่อง นาเกลส์มันน์ เลยว่าจะเป็นกุนซือระดับโลกจนถึงขนาดที่อาจจะดังเหมือน โจเซป กวาร์ดิโอล่า, โชเซ่ มูรินโญ่ และ เจอร์เก้น คล็อปป์ เลย ซึ่งวันนี้เราจะมาเจาะลึกกันว่าในซีซั่นนี้ผลงานด้านไหนบ้างของ ไลป์ซิก ที่โหดจนทำให้ นาเกลส์มันน์ สมควรได้รับคำชม

- การผ่านบอลเพื่อขึ้นเกมบุก

ในซีซั่นนี้ ไลป์ซิก สามารถทำประตูในลีกได้ 56 ลูก สูงสุดเป็นอันดับ 3 ของ บุนเดสลีกา เป็นรองเพียง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ (63 ประตู) และ บาเยิร์น มิวนิค (62 ประตู) ทั้งที่พวกเขามีตัวเลือกในแนวรุกน้อยกว่าทั้ง 2 ทีมดังกล่าว เอาแค่ในตำแหน่งกองหน้าก็มีเพียง ติโม แวร์เนอร์ เพียงคนเดียวเท่านั้นที่พอจะฝากผีฝากไข้เรื่องการทำประตูได้



ส่วนหนึ่งที่ทำให้เกมรุกของ ไลป์ซิก ดูดีแบบนั้น เป็นเพราะพวกเขามีการต่อบอลขึ้นเกมกันได้ดี ถ้านับเฉพาะในลีกแล้วนั้น ไลป์ซิก เป็นทีมที่มีค่าเฉลี่ยการผ่านบอลจังหวะสำคัญสูงเป็นอันดับ 3 ของลีก ด้วยจำนวน 12.6 ครั้งต่อเกม โดยที่อันดับ 1 คือ บาเยิร์น จากค่าเฉลี่ย 14.5 ครั้งต่อเกม และที่ 2 คือ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ด้วยจำนวน 12.8 หนต่อนัด



การต่อบอลได้ดีของ ไลป์ซิก ทำให้พวกเขาเป็นทีมที่มีจังหวะจบสกอร์ภายในกรอบ 6 หลาสูงเป็นอันดับ 2 ของลีกร่วมกับ ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต ด้วยค่าเฉลี่ย 1.5 ครั้งต่อเกม โดยอันดับ 1 คือ บาเยิร์น จากค่าเฉลี่ย 1.7 ครั้งต่อเกม แถมถ้านับรวมทั้งภายในทุกระยะของกรอบเขตโทษ ทีมของ นาเกลส์มันน์ ก็เป็นทีมที่มีจังหวะจบสกอร์ในกรอบเขตโทษเยอะที่สุดเป็นอันดับ 2 ของลีก ด้วยจำนวน 9.6 ครั้งต่อเกม แพ้ให้ บาเยิร์น ที่ทำไป10.7 ครั้งต่อเกมแค่ทีมเดียว
 


นอกจากนี้ ไลป์ซิก ยังเป็นทีมที่มีค่าเฉลี่ยการผ่านบอลระยะสั้นเข้าเป้าสูงเป็นอันดับ 4 ของ บุนเดสลีกา อีกต่างหาก ด้วยค่าเฉลี่ย 420.3 ครั้งต่อเกม โดยที่ 1 ในชาร์ตนี้คือ บาเยิร์น (544.7 ครั้งต่อเกม) ตามมาด้วย ดอร์ทมุนด์ (532.1 ครั้งต่อเกม) และ เลเวอร์คูเซ่น (475.8 ครั้งต่อเกม)
 

    ขณะที่ใน แชมเปี้นส์ ลีก ไลป์ซิก ก็เป็นทีมที่มีค่าเฉลี่ยการผ่านบอลจังหวะสำคัญสูงเป็นอันดับ 7 หากนับตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่มเป็นต้นมา หลังจากทำได้ 11.9 ครั้งต่อเกม แพ้ ลิเวอร์พูล อันดับ 6 ของชาร์ตนี้เพียงแค่เฉลี่ยแล้ว 0.1 ครั้งต่อเกมเท่านั้น หลังจาก ลิเวอร์พูล ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ มีค่าเฉลี่ยด้านนี้ที่ 12 ครั้งต่อเกมพอดิบพอดี

- ศักยภาพด้านการทำประตู

อย่างที่บอกไปในเบื้องต้นว่า ไลป์ซิกก ทำประตูในลีกได้เยอะ ซึ่งนอกจากการผ่านบอลขึ้นเกมบุกที่ดีแล้วนั้น อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้พวกเขายิงในลีกได้มากมายก่ายกองเป็นเพราะทีมของ นาเกลส์มันน์ ใช้โอกาสไม่เปลืองมากเท่าไหร่



  ในซีซั่นนี้ ไลป์ซิก เป็นทีมที่มีค่าเฉลี่ยการมีจังหวะยิงสูงเป็นอันดับ 2 ของลีก ด้วยจำนวน 16.4 หนต่อนัด โดยที่อันดับ 1 คือ บาเยิร์น ที่จำนวน 18.5 หนต่อนัด และมันก็ไม่ใช่ว่าพวกเขาสักแต่ยิง เพราะ ไลป์ซิก ยังมีค่าเฉลี่ยการยิงตรงกรอบในลีก 6.7 ครั้งต่อนัด ซึ่งถือว่าสูงเป็นอันดับ 2 ของลีกด้วย แพ้แค่ บาเยิร์น ที่ทำได้ 7.5 ครั้งต่อนัด เพียงทีมเดียว

- วินัยของการสกัด

นอกจากเกมรุกที่โดดเด่น เกมรับของ ไลป์ซิก ในยุคของ นาเกลส์มันน์ ก็ดูดีเชนกัน พวกำเขาเป็นทีมที่มีค่าเฉลี่ยการเข้าสกัดโดนบอลสูงที่สุดเป็นอันดับ 2 ของลีก ด้วยจำนวนเฉลี่ย 19 ครั้งต่อเกม โดยอันดับ 1 ในชาร์ตนี้คือ พาเดอร์บอร์น ที่ทำได้ 20 หนต่อนัด



ยิ่งไปกว่านั้น ไลป์ซิก ยังเป็นทีมที่เสียฟาวล์น้อยที่สุดเป็นอันดับ 4 ร่วม ของลีกประจำซีซั่นนี้ด้วย เพราะพวกเขาโดนจับฟาวล์ไป 11.3 ครั้งต่อเกม โดยพวกเขาครองอันดับนี้ร่วมกับ ฮอฟเฟ่นไฮม์ และ เลเวอร์คูเซ่น ซึ่งการเสียฟาวล์น้อยก็ทำให้ ไลป์ซิก เป็นทีมที่โดนใบเหลืองน้อยที่สุดเป็นอันดับ 2 ของลีกร่วมกับ ไฟร์บวร์ก ด้วย เพราะตลอดทั้งซีซั่นนี้นักเตะของพวกเขาได้รับใบเหลืองไป 30 ใบ โดยอันดับ 1 คือ ดอร์ทมุนด์ ที่ได้รับใบเหลืองไป 19 หน

cr : www.siamsport.co.th

นาเกลส์มันน์เตือนแวร์เนอร์เรื่องซบลิเวอร์พูล

ยูเลี่ยน นาเกลส์มันน์ กุนซือหนุ่มของ แอร์เบ ไลป์ซิก ชี้ ติโม แวร์เนอร์ จะเจองานหนักประหนึ่งการเข็นครกขึ้นภูเขาถ้าย้ายไปซบ ลิเวอร์พูล อย่างเช่นเรื่องที่สถานะจะต่างกันอย่างชัดเจน

ยูเลี่ยน นาเกลส์มันน์ เทรนเนอร์ แอร์เบ ไลป์ซิก สโมสรดังของศึก บุนเดสลีกา เยอรมัน เตือน ติโม แวร์เนอร์ กองหน้าคนเก่งของทีมว่าจะเจอปัญหาหนักถ้าหากเขาย้ายไปอยู่กับ ลิเวอร์พูล ทีมยักษ์ใหญ่ของเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ

แวร์เนอร์ ทำผลงานได้โดดเด่นกับ ไลป์ซิก มาโดยตลอด อย่างซีซั่นนี้ก็ทำไปแล้ว 26 ประตู จากการลงเล่น 32 นัดในทุกรายการ จนทำให้มีข่าวลือว่า ลิเวอร์พูล สนใจที่จะดึงตัวเขาไปร่วมทัพในช่วงซัมเมอร์นี้ เพื่อทำให้เกมรุกมีความดุดันมากขึ้น ขณะเดียวกันก็มีข่าวลือว่า บาเยิร์น มิวนิค ให้ความสนใจในตัวแข้งวัย 23 ปีอยู่เช่นกัน

 กุนซือวัย 32 ปี ให้สัมภาษณ์ก่อนหน้าที่จะพาทีมบุกไปชนะ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ 1-0 ในเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรก เมื่อวันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมาว่า "ติโม แวร์เนอร์ จะเล่นให้ ลิเวอร์พูล ยากกว่าการเล่นให้ ไลป์ซิก ในปีแรกที่เขาไปเล่นที่นั่นน่ะสถานะของเขาจะไม่เหมือนกับตอนอยู่กับเรา ผมเองบอกอย่างนั้นกับเขาไปแล้ว ทุกคนเห็นว่าเราพัฒนากันได้ดีแค่ไหน และเรามีศักยภาพกันมากเพียงใด เราไม่ปล่อยให้ใครก็ตามที่ช่วยเหลือเราเป็นอย่างดีต้องอยู่ในสภาพที่ไร้ที่พึ่งหรอก"



cr : www.siamsport.co.th

'น้ามู' ภูมิใจลูกทีมไก่-จะสู้ให้ถึงที่สุดแม้มีปัญหาแนวรุก

โจเซ่ มูรินโญ่ นายใหญ่ทอตแน่ม ฮอตสเปอร์ ยืนกราน พร้อมใจมากๆกับผลงานของลูกทีม แม้จะต้องเจอกับวิกฤติขาดแนวรุกคนสำคัญ พร้อมยืนยันจะสู้ให้ถึงที่สุด หลังทีมอกหักปราชัยต่อแอร์เบ ไลป์ซิก 1-0 ในแชมเปี้ยนส์ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้าย นัดแรก เมื่อวันพุธที่ผ่านมา

สเปอร์ส เจอปัญหา 2 ดาวยิงตัวหลักของทีมอย่าง แฮร์รี่ เคน และ ซน ฮึง มิน บาดเจ็บหนักต้องพักยาวอยู่ในขณะนี้ และมูรินโญ่ ยืนกรานว่า ทีมของเขาจะสู้ให้ถึงที่สุด กับผู้เล่นที่มีอยู่

"ผลจะ 1-0 หรือ 10-1 มันก็คือผลการแข่งขันที่เปิดกว้าง มันก็แค่นี้ล่ะ เราไม่ใช่ทีมแรกที่แพ้ในนัดแรกคารังของตัวเองและไปชนะในนัดเยือน" มูรินโญ่ กล่าว

"สิ่งที่ทำให้ผมยังมั่นใจก็คือสปิริต, จิตใจของลูกทีม มันคือสิ่งที่บ่งบอกว่าพวกเขาไม่ใช่แค่นักเตะ มันคือเด็กหนุ่มที่สุดพิเศษ เป็นกลุ่มนักเตะที่น่าทึ่งมากๆ"

"ผมเองก็เช่นกัน มันทำให้ผมรู้สึกภูมิใจในตัวลูกทีม สิ่งที่ผมกังวลใจคือสถานการณ์ที่เหลืออยู่ในซีซั่น พูดถึงนัดต่อไปที่เราจะต้องไปเยือนไลป์ซิก ผมการันตีได้เลยเพราะว่านี่คือจิตใจของลูกทีม แม้ผมจะยังไม่รู้ว่าใครจะเล่นเกมรุกก็ตาม แต่เราจะสู้"



cr : www.soccersuck.com
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่