คนส่วนใหญ่ในยุคปัจจุบันต่างแสวงหาความสุข
แล้วส่วนใหญ่คิดว่าจะได้ความสุขกันไหม หลายๆคนก็อาจจะไม่
เพราะหลายๆคนก็ยังไม่รู้ว่า ความสุขของตัวเขาเอง คืออะไร
สมัยนี้มีความสุขกว่าสมัยก่อนแน่เกิดเป็นทาสหรือไพร่ในสมัยก่อนคงไม่มีความสุขนัก ไพร่กับทาสยังเป็นคนส่วนใหญ่อีกด้วย จริงไหมหละครับ
ปัจจุบันน้อยคนที่จะอยากทำงานตลอดเวลา ทุกคนก็อยากสบายมีเงินได้ท่องเที่ยวใช้จ่ายตามที่ตนต้องการทั้งนั้นแหละครับ คนสมัยนี้เลยมองหาอะไรที่สบายๆ เช่น เป็นยูทูปเบอร์ รีวิวอาหารท่องเที่ยวทำคลิปตลก บลา ๆ ๆ แต่น้อยคนที่จะประสบความสำเร็จ
ต่อให้คุณมีความสุขกับงานที่ทำมากขนาดไหนแต่ตำแหน่งที่ทำอยู่คือพนักงานกินเงินเดือน คุณจะทุ่มเทกับงานมากเท่าไรสุดท้ายแล้วประเมินผลการทำงานออกมาได้ต่ำ คนที่ไม่ได้ทำอะไรเลย ยังจะมีความสุขกับการทำงานอยู่ไหมละ
ปัจจุบันไลฟ์สไตล์เป็นเศรษฐกิจยุคใหม่เปิดกว้างทางความคิด เน้นหาประสบการณ์ใหม่ๆ
เด็กรุ่นใหม่ mindset เขาถูกสอนมาโดยให้คิดว่างาน ไม่ใช่ความสุขของชีวิต งานคืองาน งานคือภาระที่ต้องทำ ต่างกับคนบางรุ่น หรือสถานที่เรียนบางแห่ง จะปลูกฝังว่างาน คือ คุณค่าของชีวิต งานคือความสุขของชีวิต อยู่ที่การปลูกฝังตั้งแต่วัยเรียน ว่าต้องการจะให้บุคลากรของประเทศเป็นแบบไหน
บ้างก็ว่า คนรุ่นใหม่ขาดแรงจูงใจ ขาดหลักอิทธิบาท4 (ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา) เป็นแนวทางสำหรับการใช้ชีวิตให้ประสบความสำเร็จ
คนรุ่นใหม่มีความสามารถ เข้าถึงเทคโนโลยีได้ดีกว่าแต่ไม่มีเป้าหมายในชีวิต ไร้แรงจูงใจ บ้านเราถูกปลูกฝังแบบผิดๆ หลายเรื่องครับ โดยเฉพาะเรื่องเงินและงาน
เมื่อกลไกการแข่งขันมันมีมากขึ้น การตลาดแบบปลาใหญ่กินปลาเล็ก และค่าครองชีพก็สูงขึ้น ทำให้เราไม่ทราบว่าวันหนึ่งเราจะกลับสู่จุดตกต่ำเมื่อไหร่ และจะกู้วิกฤตได้ตอนไหน
ความสุขแต่ละคนไม่เหมือนกัน จะเอาความคิดตัวเองไปตัดสินคนอื่นที่คิดไม่เหมือนตัวเองว่าผิด มันก็ไม่ใช่สินะ ความคิดแบบนี้คือคนยุคเก่า ที่ชอบบอกว่าสมัยก่อนอย่างนู้น อย่างนี้
ถ้างานที่ทำมันไม่ตอบโจทย์ ไม่พอหาเลี้ยงชีพ จะไปนั่งกินอุดมการณ์ทำไมละครับ ตอนลำบากจะมีใครมาช่วยไหมละลูกเมียรออยู่ที่บ้าน จะมัวมาขายฝันอยู่ไหม
“แค่คิด…ชีวิตก็เปลี่ยนแล้ว
ทำไมคนส่วนใหญ่ในยุคนี้ ทำงานถึงไม่มีความสุขกัน
แล้วส่วนใหญ่คิดว่าจะได้ความสุขกันไหม หลายๆคนก็อาจจะไม่
เพราะหลายๆคนก็ยังไม่รู้ว่า ความสุขของตัวเขาเอง คืออะไร
สมัยนี้มีความสุขกว่าสมัยก่อนแน่เกิดเป็นทาสหรือไพร่ในสมัยก่อนคงไม่มีความสุขนัก ไพร่กับทาสยังเป็นคนส่วนใหญ่อีกด้วย จริงไหมหละครับ
ปัจจุบันน้อยคนที่จะอยากทำงานตลอดเวลา ทุกคนก็อยากสบายมีเงินได้ท่องเที่ยวใช้จ่ายตามที่ตนต้องการทั้งนั้นแหละครับ คนสมัยนี้เลยมองหาอะไรที่สบายๆ เช่น เป็นยูทูปเบอร์ รีวิวอาหารท่องเที่ยวทำคลิปตลก บลา ๆ ๆ แต่น้อยคนที่จะประสบความสำเร็จ
ต่อให้คุณมีความสุขกับงานที่ทำมากขนาดไหนแต่ตำแหน่งที่ทำอยู่คือพนักงานกินเงินเดือน คุณจะทุ่มเทกับงานมากเท่าไรสุดท้ายแล้วประเมินผลการทำงานออกมาได้ต่ำ คนที่ไม่ได้ทำอะไรเลย ยังจะมีความสุขกับการทำงานอยู่ไหมละ
ปัจจุบันไลฟ์สไตล์เป็นเศรษฐกิจยุคใหม่เปิดกว้างทางความคิด เน้นหาประสบการณ์ใหม่ๆ
เด็กรุ่นใหม่ mindset เขาถูกสอนมาโดยให้คิดว่างาน ไม่ใช่ความสุขของชีวิต งานคืองาน งานคือภาระที่ต้องทำ ต่างกับคนบางรุ่น หรือสถานที่เรียนบางแห่ง จะปลูกฝังว่างาน คือ คุณค่าของชีวิต งานคือความสุขของชีวิต อยู่ที่การปลูกฝังตั้งแต่วัยเรียน ว่าต้องการจะให้บุคลากรของประเทศเป็นแบบไหน
บ้างก็ว่า คนรุ่นใหม่ขาดแรงจูงใจ ขาดหลักอิทธิบาท4 (ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา) เป็นแนวทางสำหรับการใช้ชีวิตให้ประสบความสำเร็จ
คนรุ่นใหม่มีความสามารถ เข้าถึงเทคโนโลยีได้ดีกว่าแต่ไม่มีเป้าหมายในชีวิต ไร้แรงจูงใจ บ้านเราถูกปลูกฝังแบบผิดๆ หลายเรื่องครับ โดยเฉพาะเรื่องเงินและงาน
เมื่อกลไกการแข่งขันมันมีมากขึ้น การตลาดแบบปลาใหญ่กินปลาเล็ก และค่าครองชีพก็สูงขึ้น ทำให้เราไม่ทราบว่าวันหนึ่งเราจะกลับสู่จุดตกต่ำเมื่อไหร่ และจะกู้วิกฤตได้ตอนไหน
ความสุขแต่ละคนไม่เหมือนกัน จะเอาความคิดตัวเองไปตัดสินคนอื่นที่คิดไม่เหมือนตัวเองว่าผิด มันก็ไม่ใช่สินะ ความคิดแบบนี้คือคนยุคเก่า ที่ชอบบอกว่าสมัยก่อนอย่างนู้น อย่างนี้
ถ้างานที่ทำมันไม่ตอบโจทย์ ไม่พอหาเลี้ยงชีพ จะไปนั่งกินอุดมการณ์ทำไมละครับ ตอนลำบากจะมีใครมาช่วยไหมละลูกเมียรออยู่ที่บ้าน จะมัวมาขายฝันอยู่ไหม
“แค่คิด…ชีวิตก็เปลี่ยนแล้ว