สวัสดีค่ะทุกคน! กลับมาเจอกันอีกแล้ว ช่วงนี้ได้เจอกันบ่อยเลยนะคะ
บทความนี้ จะมาแนะนำสถานที่บริเวณอิเสะชิมะ (Ise Shima) ในจังหวัดมิเอะให้ได้รู้จักกันค่ะ!
บริเวณอิเสะชิมะ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีเสน่ห์ล้นเหลือเลยล่ะค่ะ ทั้งวิวทิวทัศน์ที่งดงาม แล้วก็อาหารอร่อยๆ อย่างเช่นอาหารทะเลสดๆ
โดยเราสามารถนั่งรถไฟด่วนของคินเท็ตสึจากโอซาก้าไปประมาณ 2 ชั่วโมงค่ะ หรือถ้าจากนาโกย่าก็จะประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งค่ะ
ยกตัวอย่างการเดินทาง
Osaka Namba → Ujiyamada ประมาณ 2 ชั่วโมง
Kintetsu Nagoya → Ujiyamada ประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง
ก่อนอื่นเลย เราไปรู้จักกับจุดท่องเที่ยวหลักๆ ของพื้นที่อิเสะชิมะกันค่ะ!
(ขอบคุณรูปภาพจากทางศาลเจ้า)
“ศาลเจ้าอิเสะ และ ถนนโอคาเกะโยโคะโจ” (Ise Grand Shrine & Okage Yokocho Ancient Street)
ศาลเจ้าอิเสะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับหนึ่งในจังหวัดมิเอะเลยค่ะ
ที่นี่จะมีแบ่งเป็นบริเวณศาลส่วนนอกและส่วนใน ซึ่งโดยธรรมเนียมแล้วก็จะเริ่มไหว้จากส่วนนอกก่อน
ส่วนด้านในก็จะเป็นที่ประดิษฐานของเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ อามาเทราสุ โอมิคามิ (Amaterasu Omikami) ค่ะ
ซึ่งว่ากันว่าที่นี่เป็นแหล่งกำเนิดหัวใจของความเป็นญี่ปุ่น และคนญี่ปุ่นเองก็อยากจะไปให้ได้สักครั้งหนึ่ง
นอกจากนั้นแล้ว ที่ข้างๆ ศาลส่วนในก็ยังมีถนนโอคาเกะโยโคะโจ ถนนที่สร้างบ้านเมืองในยุคสมัยเอโดะขึ้นมาใหม่
ซึ่งทุกคนสามารถรับประทานเมนูอร่อยของจังหวัดมิเอะ เลือกซื้อสินค้าต่างๆ หรือของฝากแปลกๆ ไม่ซ้ำใครได้ที่นี่
หลังจากที่สักการะบูชาศาลเจ้าส่วนในเสร็จแล้ว ที่นี่ถือว่าเป็นจุดที่ห้ามพลาดเลยล่ะค่ะ
“ประภาคารไดโอซากิ” (Daiosaki Lighthouse)
ประภาคารหินปูนสีขาวซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ที่ส่วนปลายของแหลมไดโอซากิ (Cape Daio)
ประภาคารนี้ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1927 เป็นประภาคารที่สามารถเข้าเยี่ยมชมได้ โดยสามารถขึ้นไปได้ถึงด้านบนเลยค่ะ
ลองขึ้นไปชมวิวที่กว้างสุดลูกหูลูกตาจากด้านบนกันดูไหมคะ? 😊
“หินเมโอโตะอิวะ” (Meoto Iwa)
หรือที่คนไทยเรียกกันว่า หินแต่งงาน เป็นหินก้อนใหญ่และเล็กที่ตั้งอยู่คู่กันโดยถูกมัดไว้อย่างแน่นหนาด้วยเชือกชิเมนาวะ (Shimenawa) ขนาดใหญ่
หินคู่นี้เป็นที่รู้จักในฐานะของสถานที่ที่มีพลังอำนาจในการให้พรแก่คู่บ่าวสาว หรือเรื่องงานแต่งงานเป็นต้น
“แท่นชมวิวโยโกยาม่า” (Yokoyama Observatory Deck)
แท่นชมวิวที่มีความสูง 140 เมตร สามารถมองเห็นคาบสมุทรที่โผล่ออกมา
เหมือนกับว่ากำลังซ้อนทับกันเป็นชั้นกับเกาะเล็กเกาะน้อยราว 60 เกาะที่ลอยอยู่ในอ่าวอาโกะ
ซึ่งอวดอ้างว่าเป็นชายฝั่งที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น
วิวจากแท่นนั้นเป็นทิวทัศน์ที่สวยงามและสามารถเพลิดเพลินไปกับสีสันของธรรมชาติในแต่ละฤดูได้อีกด้วยค่ะ
“โรงเรียนธรรมชาติชิมะ” (Shima Nature School)
ตั้งอยู่ที่ “สวนโทโมยาม่า” (Tomoyama Park) หันหน้าออกไปทางอ่าวอาโกะ อ่าวที่มีความสงบและมีการเพาะเลี้ยงไข่มุก
นำเสนอโปรแกรมกิจกรรมทางธรรมชาติต่างๆ ที่จะได้สัมผัสถึงฤดูทั้งสี่ โดยให้ธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์เป็นคุณครู
สำหรับวอเตอร์บอลหรือบอลน้ำแบบในรูป ถึงจะช่วงหน้าหนาวก็ยังสามารถเล่นได้ค่ะ
“พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำโทบะ” (Toba Aquarium)
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำขนาดยักษ์ที่สามารถพบเจอกับสิ่งมีชีวิตมากมาย
ในปี 2018 ท่อใสเหนือผิวน้ำแห่งแรกของโลกได้ถูกสร้างขึ้น และเมื่อก้าวเท้าเข้าไปในนั้น เหล่าแมวน้ำก็จะแหวกว่ายอยู่ที่ใต้ฝ่าเท้า
และเมื่อถึงเวลาให้อาหาร เจ้าสิงโตทะเลตัวยักษ์ที่หนักกว่า 700 กิโลกรัมก็จะออกมากระโดดน้ำด้วยพลังอันล้นหลามข้างๆ เราเลยล่ะค่ะ!
เพื่อนๆ จะสามารถมองเห็นเหล่าสิ่งมีชีวิตในรูปแบบที่เป็นธรรมชาติได้ที่นี่
“หมู่บ้านสเปนชิมะ หรือ ชิมะสเปนมุระ” (Shima Spain Village)
เป็นรีสอร์ทที่ครอบคลุมตั้งแต่โรงแรม น้ำพุร้อน และสวนสนุก Parque Espana
ภายในสร้างขึ้นเป็นบ้านเมืองของประเทศสเปนที่ซึ่งเต็มไปด้วยความแปลกใหม่
มีทั้งร้านขายของ ร้านอาหารและความบันเทิง เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สามารถเพลิดเพลินได้ตั้งแต่เด็กไปจนถึงผู้ใหญ่เลยค่ะ
แอบกระซิบว่ามีจุดที่น่าถ่ายรูปไปลงอินสตาแกรมเยอะแยะเลยนะคะ

“ซาโตมิอัน” (Ama Hut Satomian)
กระท่อมอามะซาโตมิอัน อามะคือผู้หญิงที่ยึดอาชีพการดำลงไปเก็บของในทะเล เช่น ไข่มุก หรืออาหารทะเลเป็นต้นค่ะ
ในระหว่างที่ฟังเรื่องเล่าที่ปกติหาฟังได้ยากจากอามะหรือคนที่เคยเป็นอามะมาก่อน เพื่อนๆ ก็สามารถเพลิดเพลินไปกับอาหารทะเลสดใหม่มากมาย
เช่น กุ้งอิเสะ หอยเป๋าฮื้อ หอยซาซาเอะ หรืออาหารพื้นเมืองอย่าง “เทโคเนะซูชิ” (Tekone Sushi)
รสชาติของอาหารทะเลที่คุณจะได้รับไปพร้อมการสนทนากับอามะที่แสนเป็นมิตรนั้น มันพิเศษสุดๆ เลยล่ะค่ะ
“โรงแรมชิมะคังโค” (Shima Kanko Hotel)
โรงแรมที่เป็นสถานที่หลักในการจัดงานประชุมสุดยอดกลุ่มผู้นำ G7 (G7 Ise-shima Summit) ในปี 2016
ในตอนพลบค่ำจะส่องแสงสวยงาม เป็นที่ที่สามารถมีเวลาอันแสนพิเศษได้อย่างแน่นอนค่ะ
ที่ร้านอาหาร “La Mer the Classic” ภายในโรงแรมนั้น มีอาหารที่ปรุงแต่งขึ้นอย่างประณีตให้ได้ลิ้มลอง
เช่น กุ้งอิเสะอเมริกันซอส ซุปครีมกุ้งอิเสะ และสเต็กหอยเป๋าฮื้อ
.
.
และตอนนี้ การจะไปยังสถานที่ที่มีแหล่งท่องเที่ยวอันมีเสน่ห์มากมายหลายแห่งอย่างพื้นที่อิเสะชิมะนั้น
ก็แสนจะสะดวกด้วยแอพท่องเที่ยว MaaS อย่าง “ぶらりすと” (Burarist)
แอพ “ぶらりすと” (Burarist) นั้นทำอะไรได้บ้าง? เราไปดูกันค่ะ!
1. สามารถใช้บริการการขนส่งในชิมะได้ตามความต้องการ (On-demand Service Transportation)
สามารถระบุสถานที่และเวลาที่จะไปได้ตามที่ต้องการ
ทำให้การท่องเที่ยวสะดวกและสบายด้วยการใช้รถแท็กซี่ เรือแท็กซี่ Ago-wan Marine Cab หรือรถบัสที่วิ่งไปยังสถานที่ท่องเที่ยวโดยตรง!
โดยเฉพาะแท่นชมวิวโยโกยาม่าที่ค่อนข้างไปได้ยากด้วยระบบขนส่งสาธารณะ แนะนำให้ไปด้วยรถบัสเลยค่ะ (วิ่งถึงวันที่ 31 มีนาคม 2020)
นอกจากนั้นแล้วยังสามารถใช้บริการ On-demand Service ในการค้นหาวิธีเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวได้จากทั่วทุกที่ในประเทศญี่ปุ่น
และสามารถทำการจองไปจนถึงขั้นตอนการจ่ายเงินได้จากผลลัพธ์ของการค้นหาเส้นทางเลยค่ะ
2. สามารถซื้อตั๋ว Digital Free Pass (ผู้ใหญ่ 6,000 เยนและเด็ก 3,650 เยน)
ซึ่งเป็นแพคเกจรวมตั๋วรถไฟคินเท็ตสึไปกลับจากสถานีต้นทางไปยังฟรีโซน (Matsusaka-Kashikojima)
สามารถนั่งรถไฟคินเท็ตสึในพื้นที่ รถบัส Mie Kotsu และเรือธรรมดาได้อย่างไม่จำกัด
และรวมตั๋วเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวอีก 20 แห่ง เรียกว่าสะดวกและคุ้มค่ามากๆ เลยค่ะ
*การนั่งรถไฟด่วนจากสถานีต้นทางไปยังฟรีโซน จำเป็นต้องใช้ตั๋วสำหรับรถไฟด่วนแยกต่างหาก
3. สามารถซื้อแพ็คเกจท่องเที่ยวที่รวมการเดินทางและกิจกรรมที่ทำได้แค่ที่ชิมะไว้ด้วยกัน
ตัวอย่างกิจกรรม เช่น กระท่อมอามะหรือการแกะไข่มุกออกจากหอย
ทริปเที่ยวอิเสะชิมะด้วยรถบัสแบบไปเช้าเย็นกลับจากนาโกย่าก็มีค่ะ!
.
.
※ แอพพลิเคชั่นนี้ได้สิ้นสุดการให้บริการแล้ว ขออภัย ไม่สามารถใช้งานได้ในขณะนี้ ※
.
.
รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ “ぶらりすと” (Burarist) สามารถเข้าไปดูได้จากลิงค์ด้านล่างนี้ค่ะ
☆ เว็บไซต์หลักของ “ぶらりすと” (Burarist) (ภาษาอังกฤษ)
☆ เว็บไซต์ของเมืองชิมะ (บทความภาษาไทย)
.
.
แล้วมาเที่ยวที่อิเสะชิมะแห่งจังหวัดมิเอะกันนะคะ!
เปิดจังหวัด "มิเอะ" เมืองที่คนไทยยังไม่ค่อยรู้จัก 🍂