ทีมเล็กในหลายลีคที่เจ้าของโดนพิษเศรษฐกิจตอนนี้โดน FFP บังคับให้ตายไปพร้อมกับทีมเช่นลาลิกามีหนี้รวมกัน 500 กว่าล้าน
ไม่มีกลุ่มทุนไปอุ้มเพราะอุ้มไปเก็บเกี่ยวเงินไม่ได้จะทุ่มเงินสร้างทีมขึ้นใหม่ทำได้ยากจากการใช้กฏ ถึงจะผ่อนปรนแล้วแต่ก็ยังกีกกันการลงทุน
ในพรีเมียร์เช่นกันพบว่าทีมที่ขาดทุนแทบทั้งหมดคือกู้เงินแล้วหวังว่าพอขึ้นชั้นจะนำเงินมาจ่ายหนี้ แต่พอทุ่มแล้วไม่สำเร็จเลยไม่มีเงินจ่ายดอก
อีกเช่นกันไม่มีใครมาอุ้มเพราะมีกฏกีกกันการลงทุนทำให้สร้างทีมขึ้นใหม่ได้ยาก นักลงทุนรออุ้มทีมใหญ่ดีกว่า
ถ้าจะช่วยทีมเล็กจริงๆต้องออกกฏบังคับห้ามกู้เงิน แต่ออกกฏไม่ได้เพราะมีทีมใหญ่เป็นหนี้อยู่ และเจตนาแต่แรกไม่ได้หวังช่วยทีมเล็ก
สำหรับแฟนซิตี้ เราโชคดี...
ชีคซื้อทีมปี 2008 จากตัวอย่างเชลซีทำให้เกิดความพยายามอย่างหนักในการหยุดการเจริญเติบโตของทีมโดยทีมใหญ่ๆผ่านทางพรีเมียร์และยูฟ่า
ปี 2009 พลาตินี่ตั้งกฏ มองว่าความจริงจะหยุดซิตี้นี่แหละ ตอนนั้นซิตี้ยังเป็นทีมเล็กถึงมีเงินก็ไม่มีทางสร้างเป็นทีมใหญ่ได้
ซิตี้ต้องสร้างความสำเร็จแรกให้ได้ในช่วงเวลาสั้นๆก่อนที่จะเริ่มใช้กฏ ไม่งั้นจะยากขึ้นเรื่อยๆ
ฤดูกาล 2011 กฏเริ่มถูกใช้ และพรีเมียร์พยายามหยุดแชมป์แรกของซิตี้ให้ได้
โดนเป่าเข้าข้างชัดเจนทั้งฤดูกาลอย่างไม่เคยเห็นมาก่อนตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
ถ้าถูกหยุดความสำเร็จ จะยากมากที่ซิตี้จะหานักเตะชั้นดีๆ หาสปอนเซอร์ เพิ่มฐานแฟนบอลต่อไปหลังจากนั้น
เกือบสำเร็จจนนัดสุดท้ายนาทีที่ 93:02
หลังจากฤดูกาลนั้นซิตี้ต่อยอดความสำเร็จจนได้อีก 3 แชมป์ต่อมา
ส่วน FFP ปี 2015 ถูกผ่อนปรนคงเพราะหยุดซิตี้ไม่อยู่แล้ว เลยยอมให้ทุกทีมขาดทุนได้มากขึ้น อัดฉีดได้มากขึ้น
และพิสูจน์ตัวเองแล้วว่าไม่ได้ช่วยทีมเล็กมีแต่ซ้ำเติม
อีกเหตุผลคือถึงมีกฏเข้มข้นแบบเดิมก็หยุดซิตี้ไม่ได้แล้ว ซิตี้เองต่างหากจะได้รับประโยชน์ถ้าคงกฏนี้ต่อไป
ซิตี้ก่อนนี้พึ่งรายได้จากธุรกิจครอบครัวชีคเป็นหลัก ปัจจุบันมีรายได้อันดับต้นๆ
และความจริงมีเงินพร้อมทุ่มซื้อแบบมหาศาลโดยไม่ผิดกฏเลย
ทั้งนี้เพราะปี 2015 ขายหุ้นได้เงิน 265 ล้านปอนด์ ขายให้กลุ่มทุนจีน ยูฟ่าจะบอกว่าเป็นธุรกิจครอบครัวชีคไม่ได้แล้ว
ปี 2019 ขายหุ้นอีกได้เงิน 389 ล้านปอนด์ ขายให้บริษัทอเมริกา Silver Lake
เท่ากับซิตี้มีเงินในมือมหาศาลถ้าต้องการใช้จริง แต่ซิตี้กลับเสริมทีมไม่มากหลายปีมานี้เพราะโมเดลการสร้างทีมมาถึงจุดอยู่ตัวแล้ว
ไม่ได้ถูกหยุดเพราะกฏอีกต่อไป ความจริงลอยตัวจากกฏแล้วตอนนี้ พลิกตัวเองกลายเป็นทีมใหญ่ที่ได้รับประโยชน์จากการใช้กฏ
เรื่องถูกแบน 2 ปีนั้นสิ่งที่จะเกิดขึ้นเอาแบบฟันธง
ฤดูกาลหน้าไม่ได้เล่น CL แต่ปลายปีจะชนะคดีและอนุญาติให้เล่นได้ในฤดูกาลต่อไป
ส่วนยูฟ่าจะถูกซิตี้ฟ้องเรียกค่าเสียหาย 100 ล้านจากการไม่ได้เล่น CL ฤดูกาลหน้า
คดีนี้จะไม่สิ้นสุดที่ศาลอนุญาโตตุลาการกีฬา แต่จะไปยังศาลใหญ่ยุโรป
คดีจะยืดเยื้อหลายปี ความศักดิ์สิทธิของกฏจะหมดไป
กรณีของซิตี้กับกรณีมิลานที่ขาดทุนติดต่อกัน 3 ปีจนโดนแบน 2 ฤดูกาล
สิ่งที่เหมือนกันคือกว่าศาลจะตัดสินยกโทษแบนก็ใช้เวลานานจนอดเล่นไปแล้ว 1 ฤดูกาล
สิ่งที่ต่างกันคือมิลานเรียกค่าเสียหายไม่ได้เพราะผิดจริง
ส่วนซิตี้เรียกค่าเสียหายได้เพราะยูฟ่าใช้ข้อมูลจากการขโมยมาแล้วลงโทษให้เกิดความเสียหายโดยมีมูลค่าที่ตีเป็นตัวเลขได้
เห็นต่างเชิญแสดงความเห็นได้เช่นเคยครับ อนาคตจะบอกว่าใครถูกใครผิด
[แมน ซิตี้] ความจริงเกี่ยวกับกฏ FFP
ไม่มีกลุ่มทุนไปอุ้มเพราะอุ้มไปเก็บเกี่ยวเงินไม่ได้จะทุ่มเงินสร้างทีมขึ้นใหม่ทำได้ยากจากการใช้กฏ ถึงจะผ่อนปรนแล้วแต่ก็ยังกีกกันการลงทุน
ในพรีเมียร์เช่นกันพบว่าทีมที่ขาดทุนแทบทั้งหมดคือกู้เงินแล้วหวังว่าพอขึ้นชั้นจะนำเงินมาจ่ายหนี้ แต่พอทุ่มแล้วไม่สำเร็จเลยไม่มีเงินจ่ายดอก
อีกเช่นกันไม่มีใครมาอุ้มเพราะมีกฏกีกกันการลงทุนทำให้สร้างทีมขึ้นใหม่ได้ยาก นักลงทุนรออุ้มทีมใหญ่ดีกว่า
ถ้าจะช่วยทีมเล็กจริงๆต้องออกกฏบังคับห้ามกู้เงิน แต่ออกกฏไม่ได้เพราะมีทีมใหญ่เป็นหนี้อยู่ และเจตนาแต่แรกไม่ได้หวังช่วยทีมเล็ก
สำหรับแฟนซิตี้ เราโชคดี...
ชีคซื้อทีมปี 2008 จากตัวอย่างเชลซีทำให้เกิดความพยายามอย่างหนักในการหยุดการเจริญเติบโตของทีมโดยทีมใหญ่ๆผ่านทางพรีเมียร์และยูฟ่า
ปี 2009 พลาตินี่ตั้งกฏ มองว่าความจริงจะหยุดซิตี้นี่แหละ ตอนนั้นซิตี้ยังเป็นทีมเล็กถึงมีเงินก็ไม่มีทางสร้างเป็นทีมใหญ่ได้
ซิตี้ต้องสร้างความสำเร็จแรกให้ได้ในช่วงเวลาสั้นๆก่อนที่จะเริ่มใช้กฏ ไม่งั้นจะยากขึ้นเรื่อยๆ
ฤดูกาล 2011 กฏเริ่มถูกใช้ และพรีเมียร์พยายามหยุดแชมป์แรกของซิตี้ให้ได้
โดนเป่าเข้าข้างชัดเจนทั้งฤดูกาลอย่างไม่เคยเห็นมาก่อนตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
ถ้าถูกหยุดความสำเร็จ จะยากมากที่ซิตี้จะหานักเตะชั้นดีๆ หาสปอนเซอร์ เพิ่มฐานแฟนบอลต่อไปหลังจากนั้น
เกือบสำเร็จจนนัดสุดท้ายนาทีที่ 93:02
หลังจากฤดูกาลนั้นซิตี้ต่อยอดความสำเร็จจนได้อีก 3 แชมป์ต่อมา
ส่วน FFP ปี 2015 ถูกผ่อนปรนคงเพราะหยุดซิตี้ไม่อยู่แล้ว เลยยอมให้ทุกทีมขาดทุนได้มากขึ้น อัดฉีดได้มากขึ้น
และพิสูจน์ตัวเองแล้วว่าไม่ได้ช่วยทีมเล็กมีแต่ซ้ำเติม
อีกเหตุผลคือถึงมีกฏเข้มข้นแบบเดิมก็หยุดซิตี้ไม่ได้แล้ว ซิตี้เองต่างหากจะได้รับประโยชน์ถ้าคงกฏนี้ต่อไป
ซิตี้ก่อนนี้พึ่งรายได้จากธุรกิจครอบครัวชีคเป็นหลัก ปัจจุบันมีรายได้อันดับต้นๆ
และความจริงมีเงินพร้อมทุ่มซื้อแบบมหาศาลโดยไม่ผิดกฏเลย
ทั้งนี้เพราะปี 2015 ขายหุ้นได้เงิน 265 ล้านปอนด์ ขายให้กลุ่มทุนจีน ยูฟ่าจะบอกว่าเป็นธุรกิจครอบครัวชีคไม่ได้แล้ว
ปี 2019 ขายหุ้นอีกได้เงิน 389 ล้านปอนด์ ขายให้บริษัทอเมริกา Silver Lake
เท่ากับซิตี้มีเงินในมือมหาศาลถ้าต้องการใช้จริง แต่ซิตี้กลับเสริมทีมไม่มากหลายปีมานี้เพราะโมเดลการสร้างทีมมาถึงจุดอยู่ตัวแล้ว
ไม่ได้ถูกหยุดเพราะกฏอีกต่อไป ความจริงลอยตัวจากกฏแล้วตอนนี้ พลิกตัวเองกลายเป็นทีมใหญ่ที่ได้รับประโยชน์จากการใช้กฏ
เรื่องถูกแบน 2 ปีนั้นสิ่งที่จะเกิดขึ้นเอาแบบฟันธง
ฤดูกาลหน้าไม่ได้เล่น CL แต่ปลายปีจะชนะคดีและอนุญาติให้เล่นได้ในฤดูกาลต่อไป
ส่วนยูฟ่าจะถูกซิตี้ฟ้องเรียกค่าเสียหาย 100 ล้านจากการไม่ได้เล่น CL ฤดูกาลหน้า
คดีนี้จะไม่สิ้นสุดที่ศาลอนุญาโตตุลาการกีฬา แต่จะไปยังศาลใหญ่ยุโรป
คดีจะยืดเยื้อหลายปี ความศักดิ์สิทธิของกฏจะหมดไป
กรณีของซิตี้กับกรณีมิลานที่ขาดทุนติดต่อกัน 3 ปีจนโดนแบน 2 ฤดูกาล
สิ่งที่เหมือนกันคือกว่าศาลจะตัดสินยกโทษแบนก็ใช้เวลานานจนอดเล่นไปแล้ว 1 ฤดูกาล
สิ่งที่ต่างกันคือมิลานเรียกค่าเสียหายไม่ได้เพราะผิดจริง
ส่วนซิตี้เรียกค่าเสียหายได้เพราะยูฟ่าใช้ข้อมูลจากการขโมยมาแล้วลงโทษให้เกิดความเสียหายโดยมีมูลค่าที่ตีเป็นตัวเลขได้
เห็นต่างเชิญแสดงความเห็นได้เช่นเคยครับ อนาคตจะบอกว่าใครถูกใครผิด