ผมเชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินกันแล้วแหละ ที่ว่าความรักมันก็เหมือนผี ถึงแม้ว่ามันจะมีอยู่จริง แต่มันก็มีไม่กี่คนหรอก ที่เคยเจอ
ผมขอเล่าตั้งแต่เริ่มต้นเลยแล้วกัน บ้านเกิดผมอยู่พัทลุง หลังจากเรียนจบชั้นประถม ผมก็ไปเรียนต่อโรงเรียนประจำแห่งหนึ่งในจังหวัดสงขลา ใกล้ ๆ กับหอพักที่ผมอยู่จะมีต้นไทรอยู่ต้นหนึ่งซึ่งมันมีขนาดไม่ได้ใหญ่มากนักหรอก แต่อายุอานามของมันก็น่าเกินสิบปีเห็นจะได้ ถ้าตอนกลางวันมันก็ไม่ได้น่ากลัวอะไร จะมีม้านั่งหินอ่อนอยู่ตรงนั้นแล้วพวกเราก็มักจะไปนั่งเล่นอยู่เป็นประจำ แต่ตอนกลางคืนนี่สิ อาจจะด้วยชื่อของต้นไทรกับพวกรากอากาศที่ห้อยระโยงรยางค์ราวกับมนต์ขลัง เลยทำให้ดูน่าเกรงขามอยู่พอสมควร ประกอบกับเรื่องเล่าที่เล่าต่อ ๆ กัน รุ่นต่อรุ่น ว่าในตอนดึกดื่นมักจะมีคนเห็นเด็กที่ไหนไม่รู้มานั่งอยู่ตรงนั้น... ใต้ต้นไทรต้นนั้น.... เด็กชายที่ไม่มีแม้แต่ใบหน้า...
ว่ากันว่า มันคือเด็กคนหนึ่งที่เคยเรียนที่นี่ แล้วก็ผูกคอตาย ตลอดหกปีจนเรียนจบชั้นมัทธยม ก็มีเพื่อนของผมบางคนมันเคยบอกว่าเห็นอะไรแปลก ๆ อยู่บ้างเหมือนกัน ผมไม่รู้หรอกว่ามันพูดจริงหรือแค่อำเล่นไปอย่างนั้น ถึงผมไม่เคยเห็นไม่เคยเจอก็ไม่เคยกล้าดีถึงขนาดลบหลู่ ตอนเดินผ่านตรงนั้นกลางค่ำกลางคืนก็ยังกล้า ๆ กลัว ๆ อยู่ทุกที ก็มันออกจะวังเวงเสียขนาดนั้น
ผมยังจำได้ก่อนที่ผมจะเรียนจบในคืนหนึ่ง ผมออกมายืนมองต้นไทรต้นนั้นด้วยความสงสัย มันเป็นคืนที่ฟ้าโปร่ง ลมรุ่ย ๆ พัดผ่านมาเล็กน้อย ผมออกมาจากห้องพักยืนมองต้นไทรอยู่อย่างนั้นสักพักใหญ่ นั่นน่าจะเป็นครั้งเดียวมั้ง ที่ผมมองมันอย่างเต็มตา จู่ ๆ เว็บหนึ่งผมรู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมา ถึงผมจะยังสงสัยกับเรื่องราวต่าง ๆ ที่เขาว่ากันว่า... หรืออะไรทั้งหลายแหล่ แต่ไม่ว่ายังไงผมก็ได้ยืนมองอยู่ห่าง ๆ ตรงนั้นไม่กล้าเดินเข้าไปใกล้มันอยู่ดี
หลังจากนั้นผมก็ได้มาเรียนต่อมหาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพ ด้านหลังของตึกคณะที่ผมเรียนมันจะมีตึกเก่า ๆ ที่ถูกปล่อยทิ้งร้างเอาไว้ แล้วมันก็มีเรื่องเล่าของมันอีกเหมือนกัน ว่ากันว่าเคยมีเด็กโดดตึกฆ่าตัวตายลงมาจากดาดฟ้าของตึก รุ่นพี่คนหนึ่งเคยบอกถึงความเฮี้ยนของตึกนี้ ขนาดว่าเคยมีรายการผีมาถ่ายทำออกทีวีแล้วด้วย มีบางคืนอยู่เหมือนกันที่ผมต้องอ่านหนังสืออยู่แถวนั้นจนดึก ถ้าผมจำไม่ผิดตอนนั้นผมเรียนอยู่ปีสาม อาจารย์ที่คณะบอกข่าวกับพวกเรา ว่าอีกไม่กี่วันทางมหาลัยกำลังทุบตึกร้างด้านหลังนั้นทิ้ง
คืนนั้นเป็นอีกคืนหนึ่งที่ผมอ่านหนังสือยู่ที่คณะจนดึกแล้วกำลังจะเดินกลับหอพักสักตอนห้าทุ่มน่าจะได้ ตอนที่ผมเดินผ่านตึกร้างตรงนั้น ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมก็เคยเสียว ๆ อยู่เหมือนกัน แต่พอนาน ๆ เข้าผมก็ชักจะชินกับมันไปเสียแล้ว แวบหนึ่งผมหันไปมองยังตึกเก่า ๆ เงยหน้าขึ้นไปบนดาดฟ้าท่ามกลางความสลัว ตอนนั้นผมเผลอนึกขึ้นมากับตัวเอง ถ้าผมอยากรู้ว่าผีมันมีจริงหรือเปล่า อาถรรพ์ตึกนี้มันเรื่องจริงหรือแค่เรื่องเล่า บางทีผมอาจต้องเดินไปด้านใน แล้วขึ้นไปยืนอยู่บนดาดฟ้าตรงนั้นดูสักหน จะได้หายข้องใจสักที ผมยิ้มเยาะกับความคิดของตัวเองพลางหัวเราะอยู่ในใจ ก่อนจะเดินกลับหอพักในคืนนั้น
บ้านผมก็ใช่ว่าจะมีฐานะอะไรมาก หลังเรียนจบผมต้องเดินเตะฝุ่นหางานอยู่เกือบครึ่งปี เงินในกระเป๋าก็แทบจะไม่มี งานก็ไม่มี ที่สมัครไว้ตั้งหลายสิบที่ก็ไม่มีที่ไหนตอบรับกลับมา จนวันหนึ่งขณะผมกำลังยืนรอรถอยู่ตรงป้ายรถเมล์ ผมก็เผลอสะดุดตากับแผ่นใบปลิวที่แปะอยู่กับเสาไฟฟ้า “ห้องเช่าหรูเดือนละ 700 ไม่มีมัดจำ” ผมได้แต่สงสัยกับตัวเองว่ามันจะเป็นไปได้เหรอ ขนาดห้องที่ผมพักอยู่กับเพื่อนอีกสองคน ทั้งค่าน้ำ ค่าไฟ ก็ต้องช่วยกันแชร์เดือนล่ะเกือบสองพัน ผมหยิบใบปลิวแผ่นนั้นแล้วก็ไปตามที่อยู่ที่ได้มา มันเป็นอพาร์ทเม้นท์ขนาดสี่ชั้นที่ยังดูใหม่อยู่เลย ถึงมันไม่ได้หรูเหมือนอย่างที่เขียนบอกไว้ก็เถอะ แล้วที่สำคัญมันก็อยู่ห่างจากถนนใหญ่ต้องเดินเข้ามาในซอยไกลอยู่เหมือนกัน ผมเข้าไปคุยกับน้าผู้หญิงที่เป็นเจ้าของห้องอพาร์ทเม้นท์ แกก็บอกกับผมตามตรงโดยไม่ได้ปิดบังอะไร ว่าอพาร์ทเม้นท์ที่นี่จะเปิดให้เช่าแค่เพียงสามชั้น เพราะตรงชั้นสี่เคยมีคู่ผัวเมียคู่หนึ่งที่เคยฆ่ากันตายจนเป็นข่าวใหญ่โต หลังจากนั้นมาคนที่นี่ก็เลยพากันเจอเรื่องแปลก ๆ โดยเฉพาะคนที่อยู่ตรงชั้นสี่ ข่าวลือหนาหูว่ากันปากต่อปากยิ่งแล้วเข้าไปใหญ่ จนทำให้คนแทบจะทั้งตึก เลยทยอยกันย้ายออกจนเกือบหมด
แกก็เลยต้องจัดโปรโมชั่นขึ้นมา กับห้องเช่าราคาถูกดีกว่าปล่อยตึกให้ทิ้งร้างไว้เปล่า ๆ โดยกับคนที่เช่าห้องชั้นหนึ่งนั้นแค่เดือนละ 1300 ชั้นสองเดือนละ 1000 และชั้นสามก็เดือนละ 700 เหมือนตามที่เขียนบอกไว้ในใบปลิว ส่วนชั้นสี่นั้นแกได้ปิดตายไปแล้วเพื่อตัดปัญหา
ผมไม่ใช่ว่าเป็นคนไม่กลัวผีนะ แต่ไม่รู้เหมือนกัน ถัดจากนั้นแค่สามวันผมก็ย้ายเข้ามาอยู่ห้อง 304 ชั้นสามของตึก ในตอนแรกก็อกสั่นขวัญแขวงอยู่บ้างเหมือนกัน แต่ก็ไม่เคยเจออะไรจนถึงขนาดเตลิดเปิดเปิงจนถึงขั้นต้องย้ายหนีออกไป อาจมีบ้างก็เสียงดังก๊อกเเก๊กตรงนั้นตรงนี้ หรือบางครั้งก็ดังหวีดหวิวราวกับเสียงโอดร้องโหยหวนแปลก ๆ ให้ชวนขนลุกขนพอง แต่ก็ไม่รู้สิ ผมว่าบางทีผมแค่คิดไปเองก็ได้
ตรงชั้นนี้ที่ผมอยู่มีห้องอยู่สิบสองห้อง แต่ห้องที่มีคนอยู่จะมีแค่สามห้องเท่านั้น ระหว่างนั้นผมยังหางานไปด้วยอยู่เหมือนเดิม ปุ๊บปั๊บผ่านไปหลายเดือนแค่ค่าเช่าเดือนละเจ็ดร้อยบวกค่าน้ำค่าไฟไม่ถึงพัน ผมก็ยังต้องขอผัดผ่อนกับเจ้าของตึก มันเลยทำให้ผมไม่มีทางเลือก ผมจึงไปสมัครเป็นพนักงานขายที่ใช้แค่วุฒิมอสาม ปุ๊บปั๊บจนผ่านไปอีกสี่ห้าปีหลังจากนั้น ผมยังเช่าห้องนั้นอยู่เหมือนเดิม แต่ในที่สุดผมก็ถูกเรียกตัวไปสัมภาษณ์งานตามที่ได้ร่ำเรียนมาสักที
ตอนที่ผมกำลังเขียนข้อความอันนี้คือเวลา 23.33 น. ของวันที่ 13 พฤษจิกายน ซึ่งมันเพิ่งผ่านวันลอยกระทงมาแค่สองวัน ตอนนี้ผมมีเงินเดือนพอที่จะเช่าห้องใหม่ที่ดีกว่านี้ได้แล้ว แล้วก็เลือกไว้แล้วด้วย จ่ายค่ามัดจำไปแล้วด้วย กะจะย้ายไปพรุ่งนี้เลย ผมออกมานั่งอยู่ตรงระเบียงวางโน้ตบุ๊คอยู่บนตักพลางกับพิมพ์ข้อความจนถึงย่อหน้าท้าย ๆ ในตอนนี้ จากเมื่อสักชั่วโมงก่อนนี้เองที่ผมเพิ่งเห็นข้อความโฆษณาที่เด้งขึ้นในหน้าเฟสบุ๊ค กับเรื่อเล่าประสบการสยองขวัญ
ผมวางโน้ตบุ๊คลงแล้วไปยืนอยู่ตรงระเบียง ลมรุ่ย ๆ พัดผ่านมาอีกหน ผมเริ่มรู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมาทันที พลางเงยหน้าขึ้นมองบนชั้นสี่ของตึกท่ามกลางความสลัว แล้วผมก็พลางนึกอย่างติดตลกกับตัวเองอีกหน ถ้าผมอยากรู้ว่าผีมันมีอยู่จริงไหม ผมอาจจะต้องลองคุยกับเจ้าของตึกดู แล้วลองขึ้นไปอยู่ชั้นนั้นที่ปิดตายสักเดือนสองเดือน ความรู้สึกของผมตอนนี้มันเหมือนกับคืนนั้นที่ผมจ้องมองต้นไทรต้นนั้น แล้วมันก็เป็นความรู้สึกเดียวกับที่ผมจ้องมองตึกร้างตรงหลังคณะในคืนนั้นด้วยเหมือนกัน
สำหรับผมนะ ถ้าหากลองมองกลับกัน บางทีอาจเป็นผีต่างหากล่ะ ที่มันเหมือนกับความรัก แต่ไม่ว่ายังไงความหมายมันก็ไม่ต่างกันอยู่ดี
ตอนจบแบบที่ 1 ผมปิดประตูระเบียงเดินกลับเข้ามาในห้อง เสียงหวีดหวิดคล้ายกับมีใครกำลังโอดร้องกลับมาดังอีกแล้ว ไม่ใช่หรอก... ผมแค่หูแว่วไปเองเท่านั้น ผมพยายามปลอบใจตัวเองอีกครั้งเหมือนอย่างที่ทำมาตลอดหลายปี อีกแค่คืนเดียวเท่านั้น ผมขออีกแค่คืนเดียว... ถ้าผ่านคืนนี้ไปได้พรุ่งนี้ก็จะย้ายออกจากที่นี่แล้ว
ตอนจบเเบบที่ 2 ไม่รู้สิ บางทีการที่เราไม่เคยเห็น มันอาจจะดีกว่าก็ได้ เพราะอย่างน้อยมันอาจจะทำให้เรายังพอมีความหวัง ว่าสิ่งสิ่งนั้น มันอาจจะมีอยู่จริง เพียงแต่แค่เราไม่เคยเจอ
*เรื่องนี้แต่งขึ้นเพื่อโพสลงในทรูไอดีเทรน tag ประสบการณ์สยองขวัญ
เรื่องผี ๆ กับความรัก
ผมขอเล่าตั้งแต่เริ่มต้นเลยแล้วกัน บ้านเกิดผมอยู่พัทลุง หลังจากเรียนจบชั้นประถม ผมก็ไปเรียนต่อโรงเรียนประจำแห่งหนึ่งในจังหวัดสงขลา ใกล้ ๆ กับหอพักที่ผมอยู่จะมีต้นไทรอยู่ต้นหนึ่งซึ่งมันมีขนาดไม่ได้ใหญ่มากนักหรอก แต่อายุอานามของมันก็น่าเกินสิบปีเห็นจะได้ ถ้าตอนกลางวันมันก็ไม่ได้น่ากลัวอะไร จะมีม้านั่งหินอ่อนอยู่ตรงนั้นแล้วพวกเราก็มักจะไปนั่งเล่นอยู่เป็นประจำ แต่ตอนกลางคืนนี่สิ อาจจะด้วยชื่อของต้นไทรกับพวกรากอากาศที่ห้อยระโยงรยางค์ราวกับมนต์ขลัง เลยทำให้ดูน่าเกรงขามอยู่พอสมควร ประกอบกับเรื่องเล่าที่เล่าต่อ ๆ กัน รุ่นต่อรุ่น ว่าในตอนดึกดื่นมักจะมีคนเห็นเด็กที่ไหนไม่รู้มานั่งอยู่ตรงนั้น... ใต้ต้นไทรต้นนั้น.... เด็กชายที่ไม่มีแม้แต่ใบหน้า...
ว่ากันว่า มันคือเด็กคนหนึ่งที่เคยเรียนที่นี่ แล้วก็ผูกคอตาย ตลอดหกปีจนเรียนจบชั้นมัทธยม ก็มีเพื่อนของผมบางคนมันเคยบอกว่าเห็นอะไรแปลก ๆ อยู่บ้างเหมือนกัน ผมไม่รู้หรอกว่ามันพูดจริงหรือแค่อำเล่นไปอย่างนั้น ถึงผมไม่เคยเห็นไม่เคยเจอก็ไม่เคยกล้าดีถึงขนาดลบหลู่ ตอนเดินผ่านตรงนั้นกลางค่ำกลางคืนก็ยังกล้า ๆ กลัว ๆ อยู่ทุกที ก็มันออกจะวังเวงเสียขนาดนั้น
ผมยังจำได้ก่อนที่ผมจะเรียนจบในคืนหนึ่ง ผมออกมายืนมองต้นไทรต้นนั้นด้วยความสงสัย มันเป็นคืนที่ฟ้าโปร่ง ลมรุ่ย ๆ พัดผ่านมาเล็กน้อย ผมออกมาจากห้องพักยืนมองต้นไทรอยู่อย่างนั้นสักพักใหญ่ นั่นน่าจะเป็นครั้งเดียวมั้ง ที่ผมมองมันอย่างเต็มตา จู่ ๆ เว็บหนึ่งผมรู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมา ถึงผมจะยังสงสัยกับเรื่องราวต่าง ๆ ที่เขาว่ากันว่า... หรืออะไรทั้งหลายแหล่ แต่ไม่ว่ายังไงผมก็ได้ยืนมองอยู่ห่าง ๆ ตรงนั้นไม่กล้าเดินเข้าไปใกล้มันอยู่ดี
หลังจากนั้นผมก็ได้มาเรียนต่อมหาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพ ด้านหลังของตึกคณะที่ผมเรียนมันจะมีตึกเก่า ๆ ที่ถูกปล่อยทิ้งร้างเอาไว้ แล้วมันก็มีเรื่องเล่าของมันอีกเหมือนกัน ว่ากันว่าเคยมีเด็กโดดตึกฆ่าตัวตายลงมาจากดาดฟ้าของตึก รุ่นพี่คนหนึ่งเคยบอกถึงความเฮี้ยนของตึกนี้ ขนาดว่าเคยมีรายการผีมาถ่ายทำออกทีวีแล้วด้วย มีบางคืนอยู่เหมือนกันที่ผมต้องอ่านหนังสืออยู่แถวนั้นจนดึก ถ้าผมจำไม่ผิดตอนนั้นผมเรียนอยู่ปีสาม อาจารย์ที่คณะบอกข่าวกับพวกเรา ว่าอีกไม่กี่วันทางมหาลัยกำลังทุบตึกร้างด้านหลังนั้นทิ้ง
คืนนั้นเป็นอีกคืนหนึ่งที่ผมอ่านหนังสือยู่ที่คณะจนดึกแล้วกำลังจะเดินกลับหอพักสักตอนห้าทุ่มน่าจะได้ ตอนที่ผมเดินผ่านตึกร้างตรงนั้น ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมก็เคยเสียว ๆ อยู่เหมือนกัน แต่พอนาน ๆ เข้าผมก็ชักจะชินกับมันไปเสียแล้ว แวบหนึ่งผมหันไปมองยังตึกเก่า ๆ เงยหน้าขึ้นไปบนดาดฟ้าท่ามกลางความสลัว ตอนนั้นผมเผลอนึกขึ้นมากับตัวเอง ถ้าผมอยากรู้ว่าผีมันมีจริงหรือเปล่า อาถรรพ์ตึกนี้มันเรื่องจริงหรือแค่เรื่องเล่า บางทีผมอาจต้องเดินไปด้านใน แล้วขึ้นไปยืนอยู่บนดาดฟ้าตรงนั้นดูสักหน จะได้หายข้องใจสักที ผมยิ้มเยาะกับความคิดของตัวเองพลางหัวเราะอยู่ในใจ ก่อนจะเดินกลับหอพักในคืนนั้น
บ้านผมก็ใช่ว่าจะมีฐานะอะไรมาก หลังเรียนจบผมต้องเดินเตะฝุ่นหางานอยู่เกือบครึ่งปี เงินในกระเป๋าก็แทบจะไม่มี งานก็ไม่มี ที่สมัครไว้ตั้งหลายสิบที่ก็ไม่มีที่ไหนตอบรับกลับมา จนวันหนึ่งขณะผมกำลังยืนรอรถอยู่ตรงป้ายรถเมล์ ผมก็เผลอสะดุดตากับแผ่นใบปลิวที่แปะอยู่กับเสาไฟฟ้า “ห้องเช่าหรูเดือนละ 700 ไม่มีมัดจำ” ผมได้แต่สงสัยกับตัวเองว่ามันจะเป็นไปได้เหรอ ขนาดห้องที่ผมพักอยู่กับเพื่อนอีกสองคน ทั้งค่าน้ำ ค่าไฟ ก็ต้องช่วยกันแชร์เดือนล่ะเกือบสองพัน ผมหยิบใบปลิวแผ่นนั้นแล้วก็ไปตามที่อยู่ที่ได้มา มันเป็นอพาร์ทเม้นท์ขนาดสี่ชั้นที่ยังดูใหม่อยู่เลย ถึงมันไม่ได้หรูเหมือนอย่างที่เขียนบอกไว้ก็เถอะ แล้วที่สำคัญมันก็อยู่ห่างจากถนนใหญ่ต้องเดินเข้ามาในซอยไกลอยู่เหมือนกัน ผมเข้าไปคุยกับน้าผู้หญิงที่เป็นเจ้าของห้องอพาร์ทเม้นท์ แกก็บอกกับผมตามตรงโดยไม่ได้ปิดบังอะไร ว่าอพาร์ทเม้นท์ที่นี่จะเปิดให้เช่าแค่เพียงสามชั้น เพราะตรงชั้นสี่เคยมีคู่ผัวเมียคู่หนึ่งที่เคยฆ่ากันตายจนเป็นข่าวใหญ่โต หลังจากนั้นมาคนที่นี่ก็เลยพากันเจอเรื่องแปลก ๆ โดยเฉพาะคนที่อยู่ตรงชั้นสี่ ข่าวลือหนาหูว่ากันปากต่อปากยิ่งแล้วเข้าไปใหญ่ จนทำให้คนแทบจะทั้งตึก เลยทยอยกันย้ายออกจนเกือบหมด
แกก็เลยต้องจัดโปรโมชั่นขึ้นมา กับห้องเช่าราคาถูกดีกว่าปล่อยตึกให้ทิ้งร้างไว้เปล่า ๆ โดยกับคนที่เช่าห้องชั้นหนึ่งนั้นแค่เดือนละ 1300 ชั้นสองเดือนละ 1000 และชั้นสามก็เดือนละ 700 เหมือนตามที่เขียนบอกไว้ในใบปลิว ส่วนชั้นสี่นั้นแกได้ปิดตายไปแล้วเพื่อตัดปัญหา
ผมไม่ใช่ว่าเป็นคนไม่กลัวผีนะ แต่ไม่รู้เหมือนกัน ถัดจากนั้นแค่สามวันผมก็ย้ายเข้ามาอยู่ห้อง 304 ชั้นสามของตึก ในตอนแรกก็อกสั่นขวัญแขวงอยู่บ้างเหมือนกัน แต่ก็ไม่เคยเจออะไรจนถึงขนาดเตลิดเปิดเปิงจนถึงขั้นต้องย้ายหนีออกไป อาจมีบ้างก็เสียงดังก๊อกเเก๊กตรงนั้นตรงนี้ หรือบางครั้งก็ดังหวีดหวิวราวกับเสียงโอดร้องโหยหวนแปลก ๆ ให้ชวนขนลุกขนพอง แต่ก็ไม่รู้สิ ผมว่าบางทีผมแค่คิดไปเองก็ได้
ตรงชั้นนี้ที่ผมอยู่มีห้องอยู่สิบสองห้อง แต่ห้องที่มีคนอยู่จะมีแค่สามห้องเท่านั้น ระหว่างนั้นผมยังหางานไปด้วยอยู่เหมือนเดิม ปุ๊บปั๊บผ่านไปหลายเดือนแค่ค่าเช่าเดือนละเจ็ดร้อยบวกค่าน้ำค่าไฟไม่ถึงพัน ผมก็ยังต้องขอผัดผ่อนกับเจ้าของตึก มันเลยทำให้ผมไม่มีทางเลือก ผมจึงไปสมัครเป็นพนักงานขายที่ใช้แค่วุฒิมอสาม ปุ๊บปั๊บจนผ่านไปอีกสี่ห้าปีหลังจากนั้น ผมยังเช่าห้องนั้นอยู่เหมือนเดิม แต่ในที่สุดผมก็ถูกเรียกตัวไปสัมภาษณ์งานตามที่ได้ร่ำเรียนมาสักที
ตอนที่ผมกำลังเขียนข้อความอันนี้คือเวลา 23.33 น. ของวันที่ 13 พฤษจิกายน ซึ่งมันเพิ่งผ่านวันลอยกระทงมาแค่สองวัน ตอนนี้ผมมีเงินเดือนพอที่จะเช่าห้องใหม่ที่ดีกว่านี้ได้แล้ว แล้วก็เลือกไว้แล้วด้วย จ่ายค่ามัดจำไปแล้วด้วย กะจะย้ายไปพรุ่งนี้เลย ผมออกมานั่งอยู่ตรงระเบียงวางโน้ตบุ๊คอยู่บนตักพลางกับพิมพ์ข้อความจนถึงย่อหน้าท้าย ๆ ในตอนนี้ จากเมื่อสักชั่วโมงก่อนนี้เองที่ผมเพิ่งเห็นข้อความโฆษณาที่เด้งขึ้นในหน้าเฟสบุ๊ค กับเรื่อเล่าประสบการสยองขวัญ
ผมวางโน้ตบุ๊คลงแล้วไปยืนอยู่ตรงระเบียง ลมรุ่ย ๆ พัดผ่านมาอีกหน ผมเริ่มรู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมาทันที พลางเงยหน้าขึ้นมองบนชั้นสี่ของตึกท่ามกลางความสลัว แล้วผมก็พลางนึกอย่างติดตลกกับตัวเองอีกหน ถ้าผมอยากรู้ว่าผีมันมีอยู่จริงไหม ผมอาจจะต้องลองคุยกับเจ้าของตึกดู แล้วลองขึ้นไปอยู่ชั้นนั้นที่ปิดตายสักเดือนสองเดือน ความรู้สึกของผมตอนนี้มันเหมือนกับคืนนั้นที่ผมจ้องมองต้นไทรต้นนั้น แล้วมันก็เป็นความรู้สึกเดียวกับที่ผมจ้องมองตึกร้างตรงหลังคณะในคืนนั้นด้วยเหมือนกัน
สำหรับผมนะ ถ้าหากลองมองกลับกัน บางทีอาจเป็นผีต่างหากล่ะ ที่มันเหมือนกับความรัก แต่ไม่ว่ายังไงความหมายมันก็ไม่ต่างกันอยู่ดี
ตอนจบแบบที่ 1 ผมปิดประตูระเบียงเดินกลับเข้ามาในห้อง เสียงหวีดหวิดคล้ายกับมีใครกำลังโอดร้องกลับมาดังอีกแล้ว ไม่ใช่หรอก... ผมแค่หูแว่วไปเองเท่านั้น ผมพยายามปลอบใจตัวเองอีกครั้งเหมือนอย่างที่ทำมาตลอดหลายปี อีกแค่คืนเดียวเท่านั้น ผมขออีกแค่คืนเดียว... ถ้าผ่านคืนนี้ไปได้พรุ่งนี้ก็จะย้ายออกจากที่นี่แล้ว
ตอนจบเเบบที่ 2 ไม่รู้สิ บางทีการที่เราไม่เคยเห็น มันอาจจะดีกว่าก็ได้ เพราะอย่างน้อยมันอาจจะทำให้เรายังพอมีความหวัง ว่าสิ่งสิ่งนั้น มันอาจจะมีอยู่จริง เพียงแต่แค่เราไม่เคยเจอ
*เรื่องนี้แต่งขึ้นเพื่อโพสลงในทรูไอดีเทรน tag ประสบการณ์สยองขวัญ