เรื่องเล่า.....ของลุงบุญมี (ผี)

กระทู้คำถาม
ผมตั้งกระทู้ในกระทู้สนทนาไม่ได้ขอตั้งให้อ่านในกระทู้ถามเอาละกันนะครับ  

ก่อนอื่นต้องขอสวัสดีพี่ๆน้องๆทุกคนที่เข้ามาอ่านเรื่องเล่าที่ผมได้เขียนกระทู้ขึ้นมานะครับ🙏  เรื่องเล่านี้ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นกับผมแต่อย่างใดนะครับแต่เป็นเรื่องของตาผมที่ชื่อ นายบุญมี ขอสงวนนามสกุลนะครับอายุ89ปี ที่ได้เล่าให้ลูกให้หลานฟังตั้งแต่ยังหนุ่มๆจนถึงปัจจุบันก็ยังเล่าให้ฟังอยู่  (ผมขอเรียกสั้นๆว่าตาบุญนะครับ)  เรื่องเล่าของตาบุญมีหลายเรื่องมากแต่เรื่องนี้เป็นเรื่องเดียวที่ตาผมจำไม่เคยลืมเพราะเป็นครังแรกที่เจอผีแบบเห็นตัวเป็นๆแบบกายแนบกายกันเลยทีเดียว  (( ในเรื่องนี้กระผมขอเล่าแบบที่ตาผมเล่าให้ฟังเลยนะครับ ))  

  ---- ย้อนกลับไปเมื่อสมัยตอนที่ตายังหนุ่มๆยังมีเรี่ยวแรงที่เเข็งแรงมากโรคภัยไข้เจ็บแทบไม่มีเลยไม่ได้เจ็บป่วยออดๆแอดๆเหมือนตอนนี้  ตอนนั้นทางบ้านของตาก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไรพอแค่ มีไร่มีนาเป็นของตัวเองมีห้างต้งเอาไว้พักและก็เอาไว้นอนเฝ้านา (อันนี้ผมไม่แน่ใจว่าภาษากลางเขาเรียกว่าอะไร) เวลาจะไปไร่ไปนาก็เอารถอีต๊อกไป ไปเช้ากลับเย็นทำแบบนี้ทุกวัน  เรื่องผีเรื่องสางตอนนั้นตาไม่เคยเชื่อหรอกตอนเด็กๆก็เคยได้ยินผู้ใหญ่เขาเล่ามาบ้างแต่ตาก็ไม่เคยเชื่อเพราะไม่เคยเห็น ผู้ใหญ่เขาก็เคยเล่าให้ตาฟังนะว่านาข้างๆนาของตาหน่ะมีพวกผีวิญญาณรึเจ้าที่อาศัยอยู่เต็มไปหมดจะทำไรก็ระวังๆรึไปไหว้ผีนาหน่อยก็ดี ตาก็ไม่เคยเชื่อและก็คิดแค่ว่า ผีห่าอะไรมีที่ไหนถ้ามีคงเจอไปละและถ้ามีผีจริงอย่ามาให้กูได้เจอนะถ้ากูเจอกูจะเอามีดฟันหน้าเข้าให้  ผีมันก็เคยเป็นคนแหละหว่ะกลัวมันทำไมก็คิดแบบนี้ เพราะตอนนั้นตาไม่คิดจะเชื่อเรื่องพวกนี้อยู่แล้วเลยกล่าววาจาที่ไม่ดีออกไป จนผ่านไปไม่กี่วันตาจำได้ว่าวันนั้นตาต้องไปเอาน้ำเข้านาและต้องรอดูอยู่จนกว่าจะเย็น วันนั้นก็ใช้แรงไปเยอะกับการขุดคันนาเพื่อทำทางให้น้ำไหลออกจากนานึงสู่อีกนานึง เลยจึงขอนอนพักในช่วงบ่ายๆ กะจะนอนซักแป๊บค่อยตื่นแต่ลมที่พัดในทุ่งนามันช่างเย็นสบายเหลือเกิน จึงทำให้ตาหลับสนิทจนถึงเย็น ปรกติมานาก็ตอนสายๆ8-9โมงเช้าและกลับก็ไม่เคยเกิน6โมงเย็นแต่วันนั้นน่าจะทุ่มถึง2ทุ่มได้
(ผมพูดขึ้นมา)แค่2ทุ่มก็ไม่ดึกเท่าไหร่หนิครับตา (ตาผมก็พูดขึ้นต่อ)  สมัยเนี้ย2ทุ่มมันไม่ดึกและก็ไม่มืดเท่าไหร่หรอกแต่เมื่อก่อนหน่ะมันไม่ใช่  ทุ่มรึ2ทุ่มบางบ้านเขาก็เข้ามุ้งนอนกันแล้ว เสียงสัตว์กลางคืนก็ร้องกันระงมพวกกบพวกเขียดไรพวกนี้ ตาก็เดินจากห้างต้ง ไปที่รถอีแต๋นห่างประมาณ500-600เมตรระหว่างเดินก็นึกเรื่องที่คนเฒ่าคนแก่สมัยก่อนเขาเล่าให้ฟัง ตอนนั้นลมเย็นๆก็พัดผ่านตัวไปจนรู้สึกได้  เลยดับความกลัวด้วยการด่าออกไปว่าผีห่าอะไรมีที่ไหน ถ้ามีกูก็คงเห็นแล้วมืดๆงี้ ถ้าผีออกมากูจะเตะให้กลิ้งเลย ตาก็พูดออกไปเพื่อดับความกลัวของตัวเองพร้อมหัวเราะออกมา  พอถึงรถอีต๊อกตาก็เดินไปหยิบตัวหมุน เพื่อสตาร์ทเครื่อง หมุนอยู่หลายรอบก็ไม่ติดจนหงุดหงิดและเหงื่อเริ่มท่วมตัว  ตอนนั้นมันรู้สึกแปลกๆมาก ทั้งๆที่ลมตอนกลางคืนเย็นจนตารู้สึกหนาว  แต่เหงื่อออกเยอะซะเหมือนคิดว่าไปทำงานหนักๆจนเหงื่อท่วมตัว ตาก็พยายามหมุนเพื่อใหัเครื่องติดอีก2-3รอบแต่ก็ไม่ติดเลยนั่งพักตอนนั้นหิวก็หิว เลยกินกล้วยที่เตรียมมาด้วยไปแล้วก็มาหมุนเพื่อสตาร์ทต่อ หมุนไปก็บ่นไปปรกติไม่เคยหมุนนานขนาดนี้ มันเป็นอะไรของมัน จนอยู่ๆเหมือนมีความรู้สึกเย็นวาบที่หลังคอความเย็นมันเย็นจนตาสะดุ้งเฮือกเลยมองซ้ายมองขวาก็เต็มไปด้วยความมืด เลยรีบสตาร์ทต่อ จนในที่สุดก็ติดตารีบขึ้นไปนั่งบนที่นั่งแล้วปล่อยเกียร์เพื่อออกตัวเลย รถอีต๊อกก็เคลื่อนตัวออก (( ความไวไม่ได้ไวมากวิ่งไปยังไวกว่าเลยแต่มันก็คือไวสุดแล้วในความรู้สึกตาตอนนั้น )) พอออกตัวไปได้ซักพักก็จะผ่านนาที่เขาว่ากันว่ามีผี ตาก็พยายามไม่มองไปที่นานั้นได้แต่มองตรงอย่างเดียวจนผ่านไปได้ แต่แล้ว ((พอผมฟังถึงตรงนี้ก็สังเกตุดูที่แขนตาก็สังเกตุเห็นได้ว่าขนแขนแกลุกตั้งเหมือนกลัวจริงๆเลย))   ตาก็มีความรู้สึกเหมือนมีใครมากระโดดบนรถอีต๊อก2-3ครังเลยหันไปดูก็เจอแต่ความมืดและความว่างปล่าวเลยหันหน้ามามองทางต่อเสียงนกกลางคืนก็ร้องทั่วทั้งป่าไม้สัก  พอขับไปซักพักความรู้สึกเดิมกลับมาอีกแล้ว เย็นวาบที่หลังคอและมีความรู้สึกเหมือนมีใครมากระโดดหลังรถตาเลยหันกลับไปมองอีกที ก็ไม่เจออะไรเหมือนเดิมพอหันกลับมาเท่านั้นแหละ   ตาเห็นมีผู้หญิงอยู่ตรงหน้ารถตาเลย คือหันไปปุ๊บเห็นอยู่ข้างหน้าและชนเข้าเต็มๆเห็นเต็ม2ตาเลยว่าล้อหน้าของรถอีต๊อกเหยียบเข้ากับขาจนเสียงดังกร็อบ  แล้วผ.ญคนนั้นก็กลิ้งลงข้างทางตาก็รีบบีบเบรกแล้วลงไปดูข้างทางที่ผ.ญคนนันกลิ้งลงไปเมื่อกี้  ตอนนั้นตาตกใจมากกว่าความกลัวเลยไม่ได้คิดเอะใจอะไรแต่พอลงไปดู กลับไม่พบอะไรพบเพียงความว่าง
ปล่าวตาเลยเดินกลับมาดูที่เหยียบเมื่อกี้ ปรากฏว่าเป็นท่อนไม้ตาเลยก้มลงไปหยิบแล้วกะจะเอาขว้างจังหวะที่เงยหน้านั้นเองตาได้เห็นหน้าผ.ญคนนึงยืนบนที่นั่งแล้วก้มหน้าลงมามองตา หน้าห่างกันไม่ถึงคืบ ผ.ญคนนั้นมองตาพร้อมแสยะยิ้มขึ้นมา ตอนนันตาชาไปทั้งตัวตกใจจนเดินถอยหลังตกข้างทางกลิ้งคมำเลย มือไม้สั่นไปหมดพอหันไปดูที่รถอีต๊อกปรากฏว่า หลังรถอีต๊อกที่ใช้ใส่ของบรรทุกของ เต็มไปด้วยร่างที่ไม่สมประกอบทั้งนั้น ((ผมก็สงสัย)) ตาครับมันมืดทำไมตาเห็นหล่ะครับ?  ตาผมก็ตอบกลับมาว่าคืนนั้นคืนพระจันทร์เต็มดวงหน่ะหลาน ตาเลยมองเห็นชัดเจนเลยเวลานั้นประมาณ3-4ทุ่มเนี่ยแหละ พระจันทร์อยู่กลางหัวพอดีเลยพอมองเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้า   ตาเห็นร่างคนเนี่ยเต็มไปหมด  บางคนไม่มีหัว บางคนมีช่วงบนช่วงขาไม่มี  บางคนหน้ามีแค่ครึ่งเดียวอีกครึ่งเละ และบางคนตาแดงก่ำ แลบลันยาวออกมา ตอนนั้นตาตกใจมาก ((ผมก็ถามขึ้นมาอีกขำๆตอนนั้นตาฉีราดมั้ยครับพร้อมหัวเราะกัน)) ตาบอกตรงๆเลยนะ  ตอนนั้นตาไม่รู้สึกอะไรแล้ว หมดสติไปครู่นึง  เหมือนไอพวกนั้นจะไม่ยอมปล่อยตาไป  ไอตัวที่ลิ้นยาวมันเอาลิ้นมาเลียๆตรงหน้าตากลิ่นเหม็นเน่าตลบอบอวนไปหมดจนตาตกใจตื่น ก็ยังเห็นอยู่ที่เดิมแต่รอบนี้มันไม่ใช่มีแค่บนรถอีต๊อกเเต่บริเวรรอบรถเต็มไปด้วยดวงวิญญาณที่น่ากลัว  หลานเคยได้ยินเขาเล่ากันมั้ยหล่ะที่ว่าเวลาคนเล่นการพนันแล้วโดนตำรวจไล่จับ จะวิ่งแบบไม่รู้สึกเจ็บไม่รู้สึกเหนื่อยไม่ว่าทางจะเป็นยังไง สามารถวิ่งผ่านได้หมด  ตาก็แบบนั้นแหละแต่วิ่งหนีผี  วิ่งแบบไม่คิดชีวิต ระยะทางโล กว่า กว่าจะถึงบ้าน พอตาถึงบ้าน ตาพุ่งชนประตูสุดแรง ไม่แม้เเต่จะรู้สึกเจ็บ จนไม้ที่กันประตูหักตารีบวิ่งเข้าไปร้องเรียกพ่อกับแม่เลย แล้วนั่งสั่นอยู่บนบ้านพ่อของตาก็รีบลุกมาดูตา ตอนนั้นตานั่งสั่นแบบคนไม่ได้สติ ตามแข้งตามขามีแผลเต็มไปหมดตาก็ไม่รู้ว่าตอนนั้นวิ่งผ่านอะไรมาบ้าง เพราะตอนนั้นไม่มีแม้แต่สติจะตอบคำถามที่พ่อของตาถาม จนวันรุ่งขึ้นพ่อของตาก็ให้พระมารดน้ำมนต์ทำพิธีอะไรต่างๆนาๆ จนตาเริ่มมีสติและเล่าให้ฟัง  พ่อของตาเลยพา อาจารย์มาทำพิธีขอขมาให้ตาแล้วทำพิธีเรียกขวัญ  จนเสร็จ จากนั้นหลายเดือนเลยที่ตาไม่กล้าแม้แต่จะขึ้นไปนั่งบนรถอีต๊อก รึเข้าไปที่นานั้นอีกเลย  ก็เป็นภาระพ่อของตาที่ต้องไปทำเองไปดูเเลเองทั้งหมด  
   เรื่องของตาผมก็มีเพียงเท่านี้แหละครับ
  ถ้าผมเรียบเรียงเรื่องอื่นๆของตาได้ผมจะนำมาพิมพ์ให้อ่านอีกนะครับขอบคุณที่อ่านจนจบ

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านกันด้วยนะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่