ภูมิหลังคร่าว ๆ ครับ
**ตอนนี้อายุ 25 ย่าง 26 แล้วครับ มีโรคประจำตัวคือ ไทรอยด์ดป็นพิษ ผมเรียนจบ ป.ตรี จากเอกชนแห่งนึง ในด้านการบันเทิง มีแฟนหนึ่งคนคบมา 2 ปีครึ่ง มีแพลนจะแต่งงานกันตามธรรมเนียมในปลายปีหน้า ฐานะปานกลาง พอมีพอกิน แม่มีธุรกิจส่วนตัว ที่พออยู่ได้อาศัยเงินหมุน // พ่อดูแลสวนยางกว่า 4000 ต้น อยู่ ตจว. เป็นมรดกในอนาคต ส่วนผม จบ ป.ตรี มาจะเข้าปีที่ 3 แล้ว เริ่มรุ้สึกว่าตัวเองมีอาการแปลก ๆ
***เข้าเรื่องเลยครับ***
เริ่มรู้สึกว่าตัวเองชอบธุรกิจในช่วงปี 2 เคยขอแม่เปิดร้านเหล้า เพราะช่วงนั้นเที่ยบ่อย (ตอนนี้ก็อยากเปิดอยู่ เพราะชอบเจอผู้คน และบรรยากาศการสังสรรค์) แต่ต้องล้มเลิกไป เพราะศึกษาข้อมูลในเรื่องของปัญหาแล้วต้องใช้เส้นสายเยอะ บวกกับแม่บอกว่าอยากให้เรียนให้จบก่อน ส่วนตัวไม่ค่อยขัดใจครอบครัว และครอบครัวไม่เคยขัดใจเรา หากสมเหตุสมผล
พอเรียนเข้าปีที่ 4 จนเรียนจบได้ประมาณ 1 ปี ผมมีงาน Freelance เข้ามาเยอะเพราะค่อนข้างสนิทกับพี่ที่ทำงานในวงการ (ผู้ช่วยผู้กำกับ ,ตัดต่อ,นักแสดง,จัดการกองถ่าย,โปรเจคเมเนเจอร์ละครเวที,Head prop,ผู้ช่วยแอคนิ้งโคชเด็ก และผู้ใหญ่,เขียนบทภาพยนตร์ และละครเวที,ผู้กำกับละครเที,staff event,head staff,extra) หนักเบาเอาหมด แดดฝนลุยแหลก ไม่มีบ่น ชอบแก้ปัญหา วางแผน การทำงานเป็นทีม แบ่งหน้าที่ชัดเจน แต่ติดอย่างเดียวคือ ไม่รู้ว่าตัวเองจะทำอะไรในอนาคต จะเอาดีทางด้านไหน
ความตั้งใจแรกเริ่ม คือ อยากเป็น
“นักเขียนบท” สมัครอยู่พักใหญ่ แต่ดันเป็นคนไม่ชอบอ่านหนังสือ อันไหนที่ไม่เข้าใจแะไม่อยากรู้จริง ๆ จะไม่สนใจ แต่ถ้าอันไหนสนใจ จะตามหาสามวันเจ็ดวัน
ความตั้งใจที่สอง คือ อยากเป็น
”Producer” แต่ด้วยความที่เป็นคนไม่ชอบเอกสาร และต้องรับผิดชอบเอกสารจำนวนเยอะ ๆ แล้วโปรดิวเซอร์ในประเทศไทยคือทุกสิ่งอย่างของกองถ่าย และมั่นใจว่าตัวเองนั้นไม่สามารถจำทั้งหมดที่โปรดิวเซอร่ไทยควรจำ “ได้” ทั้งหมด คงเครียดตายก่อน
ความตั้งใจที่สาม คือ อยากเป็น
”ผู้ช่วย ผกก.” แต่สมัครไปประจำที่ไหนก๋ไม่มีใครรับเลยย สมัครหลาย บริษัทมาก ๆ ทั้ง วอร์คอิน และทางเน็ต บางที่สมัครครั้งหลายรอยอาจเพราะเรซูเม่ และประสบการณ์เราไม่เอื้ออำนวย (มีแต่ละครเวที) จึงถอดใจ
จนมาสมัครงานที่ Work... แถวรังสิต เพราะแฟนอยากให้ทำงาน ที่นี้ ในตำแหน่ง
“Stage” สัมภาษณ์ถามแต่เรื่องร่างกาย เป็นห่วงว่าจะตายกลางสตูไหม สรุปเลยคือ เป็น ฟรีแลนซ์ประจำ ได้เดือนละ 15000 หยุดเสาร์อาทิตย์ แต่ 4 เดือนแรกห้ามหยุดเลย มาทำงานวันหยุดให้ OT เหมา วันละ 500 จะกี่ ชม. ก็แล้วแต่ กูให้ 500 // สุดท้ายสัมภาษณ์ผ่าน เฉยยย เลยกลับมาปรึกษาที่บ้าน สรุปคือ
ไม่ทำ เพราะโรคไทรอยด์เป็นพิษของเราทำงานหักโหมติดต่อกันหลายวัน หลายเดือนไม่ได้ (กลัวตายด้วย) ก็เลยไม่ได้ไปทำจ้า
เลยมาทำงานกับบริษัทแม่ วันนึงทำแค่ ขับรถไปเก็บเช็ควางบิลกลับ-จบ ถ้าวันไหนไม่มีให้เก็บก็นั่งเฉย ๆ ได้เดือนละ หมื่นห้า บอกตรง ๆ อายตัวเองสุด ๆ ช่วงนั้นก็หางานไปด้วย เพราะอยากจะช่วยลดค่าใช้จ่ายบริษัทลงด้วยการ รีบหางานให้เร็วที่สุด จนมีรุ่นพี่แนะนำมา
จนได้ทำงานเป็น Creative ให้กับ youtuber ช่องนึง ทำได้อยู่ 8 เดือน เห็นได้ชัดเลยว่า เป็นคนคิดคอนเทนต์ได้ แต่ใช้เวลาเยอะมาก แล้วคิดออกมาก็ไม่ได้ว้าวมาก เทียบกับเงินเดือนที่ได้ คือ เราเหมือนทำงานแค่ 30% ของเงินเดือน เลยรู้สึกว่าตัวเองถ่วงบริษัท ไม่สามารถขับเคลื่อนบริษัทไปในทางบวกได้ ตัดสินใจลาออก เพราะไม่ใช่ทางแน่ ๆ (หัวหน้าก็ไม่อยากให้ออก แต่ยืนยันออก เพราะไม่อยากกินเงินเดือนโดยที่ทำงานไม่คุ้ม)
จนออกมาทำช่องเอง เราถ่าย และตัดต่อ ส่วนแฟนอยู่หน้ากล้อง ทำได้สักแปปก็หยุด ด้วยปัจจัยหลายอย่าง(แฟนไม่มีเวลา,คอนเทนต์ไม่ปัง,งบประมาณน้อย) ก็เลยหยุดไปโดยปริยาย
แต่ด้วยความที่ตัดต่อแล้วรู้สึกสนุก ก็เลยเป็น Editor freelance รับงานตัดต่อไปเลย ช่วงแรกรายได้ดี พออยู่ได้เดือนละ 20k ก็ทำไป ทำมาประมาณปีนีง รู้สึกเบื่อ แถมโดนกดราคา พัฒนาฝีมือก็ไม่มีไฟ เพราะต้องใช้เวลานาน ทำงานตามอารมณ์ ถ้าไม่มีอารมณ์ดูก็ไม่มีอะไรเข้าสมอง
ตอนนี้ตัดสินใจเลิกเป็นตัดต่อแล้วหันมาขายของ ครอบครัวไม่เห็นด้วยสุด ๆ (ขายของกิน ที่ตลาดคล้าย ๆ ตลาดรถไฟ) ช่วงเริ่มเปิดร้าน เราสนุกมาก เพราะปัญหาเต็มไปหมด แล้วเราก็สามารถแก้ไขปัญหาได้ทีละจุด ๆ ตามที่เราคาดเดาไว้ รายได้หักลบต้นทุนต่อวัน 1500-2500 ซึ่งเราพอใจมาก ๆ วันที่ 19 นี้จะครบหนึ่งเดือน ยอดขายเราทั้งหมด 70000 และคาดว่าน่าจะถึง 80000 แต่ตอนนี้ เราดันเริ่มรู้สึกเบื่อ ๆ อีกแล้ว เหมือนมันวนลูปแต่แบบเดิม เพลงเดิม ๆ คนเดิม ๆ ไม่มีปัญหามาเพิ่ม //ตอนนี้มีช่องทางหาการเพิ่มยอดได้แล้วแต่ก็เอื่อย ๆ. ไม่เหมือนแรก ที่มีเวลาอาทิตย์ในการทำทุกอย่าง ตั้งแต่ สั่งโตีะ ออกแบบโลโก้ สั่งทำ ปริ้นไวนิล กำหนดราคา ซื้อแพคเกจ คิดสุตรอาหาร บริหารเวลาต่อวัน ใครรับของ ใครขาย ใครจัด
****ในทุกช่วงเวลาผมหาเงินจากเกมที่เล่นไปด้วย จริง ๆ อยากทำธุรกิจกับเกม แต่ไม่มีใครสนัสนุน และมันไม่มั่นคงเอามาก ๆ เลยไม่อยากเสี่ยงเอามาเป็นงานหลัก****
***ภาระมีไหม***
1.ผ่อนรถ เดือนละ 2000 ตอนแรกผ่อน 5000 แล้วรู้สึกขี้เกียจขับเบื่อรถติด ปวดหัวมาก ขับรถกลับบ้านตอนไปทำงานทีละ 2 ชม. นั่งรถไฟฟ้าสะดวกกว่า นั่งรถเมล์ชิวกว่า มอไซค์ไวกว่า เลยจะขาย แต่แม่บอกว่าไม่อยากให้ขาย เลยลดค่าผ่อนเหลือแค่ 2000
2. จ่ายค่าแชร์ เดือนละ 4350
เท่านี้แหละ ผมกับแฟนเป๋นคนไม่ชอบสร้างหนี้ ไม่ใช้ของแบรนด์ ไม่ใช้บัตรเครดิต ชอบกินซะมากก่า // แต่กำลังหาช่องทางการใช้บัตรเครดิตอย่างถูกวิธีอยู่ เพราะจะใช้กู้ซื้อบ้านในอนาคต
สรุปคือ แบบนี้เค้าเรียกกันว่าอะไร อาการของคนค้นหาตัวเองไม่เจอรึเปล่า //
เท่าที่ผมสังเกตผมจะมีความสุขทุกครั้งและไม่เบื่อเลย คือการเล่นเกม และ การแก้ปัญหาได้สำเร็จตามที่วางไว้ หากไม่ตรง ผมก็จะเริ่มแก้ใหม่ด้วยวิธีใหม่จนกว่าจะแก้ได้
เท่าที่อ่านมาเราว่าเราใกล้เคียงกับโรค ADD หรือ โรคสมาธิสั้นของผู้ใหญ่ที่สุดแล้ว
สิ่งที่ผมเป็นอยู่เรียกว่าโรคอะไรครับ ไม่เข้าใจและอยากหาข้อมูลเพื่อดำเนินชีวิตต่อไปครับ
**ตอนนี้อายุ 25 ย่าง 26 แล้วครับ มีโรคประจำตัวคือ ไทรอยด์ดป็นพิษ ผมเรียนจบ ป.ตรี จากเอกชนแห่งนึง ในด้านการบันเทิง มีแฟนหนึ่งคนคบมา 2 ปีครึ่ง มีแพลนจะแต่งงานกันตามธรรมเนียมในปลายปีหน้า ฐานะปานกลาง พอมีพอกิน แม่มีธุรกิจส่วนตัว ที่พออยู่ได้อาศัยเงินหมุน // พ่อดูแลสวนยางกว่า 4000 ต้น อยู่ ตจว. เป็นมรดกในอนาคต ส่วนผม จบ ป.ตรี มาจะเข้าปีที่ 3 แล้ว เริ่มรุ้สึกว่าตัวเองมีอาการแปลก ๆ
***เข้าเรื่องเลยครับ***
เริ่มรู้สึกว่าตัวเองชอบธุรกิจในช่วงปี 2 เคยขอแม่เปิดร้านเหล้า เพราะช่วงนั้นเที่ยบ่อย (ตอนนี้ก็อยากเปิดอยู่ เพราะชอบเจอผู้คน และบรรยากาศการสังสรรค์) แต่ต้องล้มเลิกไป เพราะศึกษาข้อมูลในเรื่องของปัญหาแล้วต้องใช้เส้นสายเยอะ บวกกับแม่บอกว่าอยากให้เรียนให้จบก่อน ส่วนตัวไม่ค่อยขัดใจครอบครัว และครอบครัวไม่เคยขัดใจเรา หากสมเหตุสมผล
พอเรียนเข้าปีที่ 4 จนเรียนจบได้ประมาณ 1 ปี ผมมีงาน Freelance เข้ามาเยอะเพราะค่อนข้างสนิทกับพี่ที่ทำงานในวงการ (ผู้ช่วยผู้กำกับ ,ตัดต่อ,นักแสดง,จัดการกองถ่าย,โปรเจคเมเนเจอร์ละครเวที,Head prop,ผู้ช่วยแอคนิ้งโคชเด็ก และผู้ใหญ่,เขียนบทภาพยนตร์ และละครเวที,ผู้กำกับละครเที,staff event,head staff,extra) หนักเบาเอาหมด แดดฝนลุยแหลก ไม่มีบ่น ชอบแก้ปัญหา วางแผน การทำงานเป็นทีม แบ่งหน้าที่ชัดเจน แต่ติดอย่างเดียวคือ ไม่รู้ว่าตัวเองจะทำอะไรในอนาคต จะเอาดีทางด้านไหน
ความตั้งใจแรกเริ่ม คือ อยากเป็น
“นักเขียนบท” สมัครอยู่พักใหญ่ แต่ดันเป็นคนไม่ชอบอ่านหนังสือ อันไหนที่ไม่เข้าใจแะไม่อยากรู้จริง ๆ จะไม่สนใจ แต่ถ้าอันไหนสนใจ จะตามหาสามวันเจ็ดวัน
ความตั้งใจที่สอง คือ อยากเป็น
”Producer” แต่ด้วยความที่เป็นคนไม่ชอบเอกสาร และต้องรับผิดชอบเอกสารจำนวนเยอะ ๆ แล้วโปรดิวเซอร์ในประเทศไทยคือทุกสิ่งอย่างของกองถ่าย และมั่นใจว่าตัวเองนั้นไม่สามารถจำทั้งหมดที่โปรดิวเซอร่ไทยควรจำ “ได้” ทั้งหมด คงเครียดตายก่อน
ความตั้งใจที่สาม คือ อยากเป็น
”ผู้ช่วย ผกก.” แต่สมัครไปประจำที่ไหนก๋ไม่มีใครรับเลยย สมัครหลาย บริษัทมาก ๆ ทั้ง วอร์คอิน และทางเน็ต บางที่สมัครครั้งหลายรอยอาจเพราะเรซูเม่ และประสบการณ์เราไม่เอื้ออำนวย (มีแต่ละครเวที) จึงถอดใจ
จนมาสมัครงานที่ Work... แถวรังสิต เพราะแฟนอยากให้ทำงาน ที่นี้ ในตำแหน่ง
“Stage” สัมภาษณ์ถามแต่เรื่องร่างกาย เป็นห่วงว่าจะตายกลางสตูไหม สรุปเลยคือ เป็น ฟรีแลนซ์ประจำ ได้เดือนละ 15000 หยุดเสาร์อาทิตย์ แต่ 4 เดือนแรกห้ามหยุดเลย มาทำงานวันหยุดให้ OT เหมา วันละ 500 จะกี่ ชม. ก็แล้วแต่ กูให้ 500 // สุดท้ายสัมภาษณ์ผ่าน เฉยยย เลยกลับมาปรึกษาที่บ้าน สรุปคือ
ไม่ทำ เพราะโรคไทรอยด์เป็นพิษของเราทำงานหักโหมติดต่อกันหลายวัน หลายเดือนไม่ได้ (กลัวตายด้วย) ก็เลยไม่ได้ไปทำจ้า
เลยมาทำงานกับบริษัทแม่ วันนึงทำแค่ ขับรถไปเก็บเช็ควางบิลกลับ-จบ ถ้าวันไหนไม่มีให้เก็บก็นั่งเฉย ๆ ได้เดือนละ หมื่นห้า บอกตรง ๆ อายตัวเองสุด ๆ ช่วงนั้นก็หางานไปด้วย เพราะอยากจะช่วยลดค่าใช้จ่ายบริษัทลงด้วยการ รีบหางานให้เร็วที่สุด จนมีรุ่นพี่แนะนำมา
จนได้ทำงานเป็น Creative ให้กับ youtuber ช่องนึง ทำได้อยู่ 8 เดือน เห็นได้ชัดเลยว่า เป็นคนคิดคอนเทนต์ได้ แต่ใช้เวลาเยอะมาก แล้วคิดออกมาก็ไม่ได้ว้าวมาก เทียบกับเงินเดือนที่ได้ คือ เราเหมือนทำงานแค่ 30% ของเงินเดือน เลยรู้สึกว่าตัวเองถ่วงบริษัท ไม่สามารถขับเคลื่อนบริษัทไปในทางบวกได้ ตัดสินใจลาออก เพราะไม่ใช่ทางแน่ ๆ (หัวหน้าก็ไม่อยากให้ออก แต่ยืนยันออก เพราะไม่อยากกินเงินเดือนโดยที่ทำงานไม่คุ้ม)
จนออกมาทำช่องเอง เราถ่าย และตัดต่อ ส่วนแฟนอยู่หน้ากล้อง ทำได้สักแปปก็หยุด ด้วยปัจจัยหลายอย่าง(แฟนไม่มีเวลา,คอนเทนต์ไม่ปัง,งบประมาณน้อย) ก็เลยหยุดไปโดยปริยาย
แต่ด้วยความที่ตัดต่อแล้วรู้สึกสนุก ก็เลยเป็น Editor freelance รับงานตัดต่อไปเลย ช่วงแรกรายได้ดี พออยู่ได้เดือนละ 20k ก็ทำไป ทำมาประมาณปีนีง รู้สึกเบื่อ แถมโดนกดราคา พัฒนาฝีมือก็ไม่มีไฟ เพราะต้องใช้เวลานาน ทำงานตามอารมณ์ ถ้าไม่มีอารมณ์ดูก็ไม่มีอะไรเข้าสมอง
ตอนนี้ตัดสินใจเลิกเป็นตัดต่อแล้วหันมาขายของ ครอบครัวไม่เห็นด้วยสุด ๆ (ขายของกิน ที่ตลาดคล้าย ๆ ตลาดรถไฟ) ช่วงเริ่มเปิดร้าน เราสนุกมาก เพราะปัญหาเต็มไปหมด แล้วเราก็สามารถแก้ไขปัญหาได้ทีละจุด ๆ ตามที่เราคาดเดาไว้ รายได้หักลบต้นทุนต่อวัน 1500-2500 ซึ่งเราพอใจมาก ๆ วันที่ 19 นี้จะครบหนึ่งเดือน ยอดขายเราทั้งหมด 70000 และคาดว่าน่าจะถึง 80000 แต่ตอนนี้ เราดันเริ่มรู้สึกเบื่อ ๆ อีกแล้ว เหมือนมันวนลูปแต่แบบเดิม เพลงเดิม ๆ คนเดิม ๆ ไม่มีปัญหามาเพิ่ม //ตอนนี้มีช่องทางหาการเพิ่มยอดได้แล้วแต่ก็เอื่อย ๆ. ไม่เหมือนแรก ที่มีเวลาอาทิตย์ในการทำทุกอย่าง ตั้งแต่ สั่งโตีะ ออกแบบโลโก้ สั่งทำ ปริ้นไวนิล กำหนดราคา ซื้อแพคเกจ คิดสุตรอาหาร บริหารเวลาต่อวัน ใครรับของ ใครขาย ใครจัด
****ในทุกช่วงเวลาผมหาเงินจากเกมที่เล่นไปด้วย จริง ๆ อยากทำธุรกิจกับเกม แต่ไม่มีใครสนัสนุน และมันไม่มั่นคงเอามาก ๆ เลยไม่อยากเสี่ยงเอามาเป็นงานหลัก****
***ภาระมีไหม***
1.ผ่อนรถ เดือนละ 2000 ตอนแรกผ่อน 5000 แล้วรู้สึกขี้เกียจขับเบื่อรถติด ปวดหัวมาก ขับรถกลับบ้านตอนไปทำงานทีละ 2 ชม. นั่งรถไฟฟ้าสะดวกกว่า นั่งรถเมล์ชิวกว่า มอไซค์ไวกว่า เลยจะขาย แต่แม่บอกว่าไม่อยากให้ขาย เลยลดค่าผ่อนเหลือแค่ 2000
2. จ่ายค่าแชร์ เดือนละ 4350
เท่านี้แหละ ผมกับแฟนเป๋นคนไม่ชอบสร้างหนี้ ไม่ใช้ของแบรนด์ ไม่ใช้บัตรเครดิต ชอบกินซะมากก่า // แต่กำลังหาช่องทางการใช้บัตรเครดิตอย่างถูกวิธีอยู่ เพราะจะใช้กู้ซื้อบ้านในอนาคต
สรุปคือ แบบนี้เค้าเรียกกันว่าอะไร อาการของคนค้นหาตัวเองไม่เจอรึเปล่า //
เท่าที่ผมสังเกตผมจะมีความสุขทุกครั้งและไม่เบื่อเลย คือการเล่นเกม และ การแก้ปัญหาได้สำเร็จตามที่วางไว้ หากไม่ตรง ผมก็จะเริ่มแก้ใหม่ด้วยวิธีใหม่จนกว่าจะแก้ได้
เท่าที่อ่านมาเราว่าเราใกล้เคียงกับโรค ADD หรือ โรคสมาธิสั้นของผู้ใหญ่ที่สุดแล้ว