ขอแนะนำตัวก่อนนะคะ เราชื่อ พุด(เพื่อนเรียกว่าพุดเดิ้ล) Life style ของเราคือ ชอบท่องเที่ยวสรรหาสถานที่ลึกลับ ศักดิ์สิทธิ์ แบบที่ไม่ใช้สถานที่ ที่เป็นกระแสคนไปกันเยอะๆ เราชอบสรรหาสถานที่ท่องเที่ยวที่มีมนต์ขลัง มีกลิ่นอายของวัฒนธรรม โดยสถานที่ที่เราไปนั้น จะเกี่ยวกับความเชื่อ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และ พิธีกรรม เพื่อเสริมดวง ใครอาจจะว่าเรางมงาย แต่มุมมองเรา นอกจากเรื่องความงมงาย คือเราได้ไปเที่ยวในที่ต่างๆไปดูไปศึกษาสิ่งที่เราสนใจ
เอาแหละค่ะ แนะนำมาพอสังเขป กระทู้นี้จะมาแชร์ประสบการณ์ไปมูเตรูที่ประเทศเขมร ประเทศบ้านใกล้เรือนเคียง ที่มีปราสาทนครวัดอันโด่งดังสร้างชื่อให้เขมรหลายคนคงทราบดี
วันแรกของการเดินทาง
ไม่มีกิจกรรมอะไรมากนัก เพราะไปถึงก็เที่ยงวันเกือบบ่าย และรอเพื่อนที่ตกเครื่องอีกก็ บ่ายสอง อากาศร้อนมาก เราจึงออกไปพิพิธภัณฑ์ใกล้ๆโรงแรมที่พัก
หลังจากเดินชมต่างๆก็ไปที่ศาลหลักเมือง องค์แจ๊ะองค์จอม' สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่ประเทศ
ใกล้ๆติดศาลหลักเมือง
จะมีศาลเล็ก คือ ศาลย่าเทพ
มีรูปปั้นของ Ya Tep (หรือ Ya Deb) ซึ่ง แต่เดิมตั้งอยู่ในยุคก่อนนครวัดนครวัด ในช่วงยุคเขมรแดงถูกทำลายเป็นชิ้น ๆ ที่จะพบในภายหลังฟื้นคืนชีพและวางไว้ใต้ต้นโพธิ์หันหน้าไปทางทิศตะวันออก เป็นที่เคารพบูชากราบไหว้
โดยเวลาขอพรให้กระซิบที่ข้างหู แล้ว ทำการบีบนวดที่เเขน เหมือนการที่เราเอาใจผู้ใหญ่ จะเห็นว่า ที่ปากของรูปปั้นทาสีแดง เพราะชาวบ้านเชื่อว่าท่านชอบสีแดงจึงนำมาทา
วันแรกก็จบลงเพียงเท่านี้ สถานที่ที่ไปมาทั้งหมดในวันแรก อยู่ในระแวกเดียวกันหมด ถ้าคนชอบเดินสามารถเดินได้ แต่ถ้าขี้ร้อน ก็นั้งรถถีบเอาค่ะ
วันที่สอง เป้าหมายหลักๆคือ ไปนครวัด เพื่อไหว้ขอพรเทวรูปพระวิษณุที่อยู่ในนครวัด
และ ไปทำพิธีกรรมสะเดาะเคราะห์แบบโบราณที่หาทำได้ยาก
นครวัดถูกสร้างขึ้นเป็นเทวาลัยเพื่อบูชา พระวิษณุ โดยมีจุดประสงค์ในการสร้าง เพื่อ เป็นสัญลักษณ์แทนของ ศรีสูรยวรมันที่ 2 เปรียบเหมือนการอวตาร ลงมาปรกครองบ้านเมือง เรียกว่า เทวราชา นั้นเอง
หลังจากที่ ศรีสูรยวรมันที่ 2 สิ้น คณะพราหมณ์ชั้นสูงได้นำพระศพบรรจุลงในถังหินและฝังไว้ที่ใต้ฐานเทวรูป ทำพิธีเชิญวิญญาณ เข้ามาสถิตย์ในเทวรูป และทำพิธีเบิกเนตร เปรียบเสมือนการได้เกิดใหม่ในฐานะ เทวะนั้นเอง
ขณะเดินชมวัด ก็มีนักท่องเที่ยวชาวอินเดียเดินมาร่วมเฟรมแบบงงๆ แต่ก็ตลกดี
ผูกข้อไม้ข้อมือ และ รดน้ำมนต์เสียหน่อย
เสร็จจากนครวัด ก็ตามหาห้องลับที่อยู่อีกปราสาทพระขรรค์ จะมีห้องลับที่ ที่มีหินแกะสลักของพระมเหสี สองพระองค์ สืบทราบภายหลังว่าคือ หินแกะสลัก พระมเหสี ของ พระเจ้าชัยวรมันที่7 คือ พระนางอินทรเทวี และ พระศรีชัยราชเทวี อยู่แยกกันคนละห้อง
แล้วจะบอกว่า ไม่ใช่คนกัมพูชาจะรู้จักที่แห่งนี้ เพราะถามหลายต่อหลายคนก็ต่างส่ายหน้าว่าไม่เคยไปไม่เคยเห็นไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน เราไปถึงปราสาท เดินหาห้องนี้ อยู่นานก็ไม่พบ จึงลองเสี่ยงถามคนดูแลปราสาทว่ารู้ทางไปห้องลับไหม โชคเข้าข้างบวกกับดวงจะต้องได้ไป เจ้าหน้าที่นำทาง แต่ก็ไม่ได้ไปง่ายๆเพราะเลี้ยวไม่รู้กี่เลี้ยว มุดเข้าไปใต้ซากหินอีก จนเจอห้อง และก็ยังมีอีกห้องหลบลุกเข้าไปในซากหินที่พังทลาย
สืบทราบมาภายหลังว่า ส่วนมากคนที่รู้เกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้ จะเป็นคนใหญ่คนโตของประเทศ ที่มักจะเข้ามากราบขอพรขอความเมตตาจากพระมเหสีสองพระองค์ ในเรื่องคำแหน่งหน้าที่ในประเทศ และชาวบ้านบางส่วนที่อยู่ในพื้นที่บริเวณนั้นก็มักมาขอพรบนบาน กันอยู่ตลอดเวลา มีนางรำมารำถวายบ่อยๆ
เราจึงได้ถือโอกาสขอความเมตตาให้ท่านหนุนนำเรื่องผู้คนเมตตารักใคร่ การงานก้าวหน้า แล้วจะกลับมาถวายชุด จริงๆจากวันนั้นจนวันนี้อะไรก็ดีขึ้นเยอะมากๆ คิดว่าถ้ามีโอกาสจะรีบกลับไป
เสร็จจากปราสาท เป้าหมายสุดท้ายคือ
ทำพิธีกรรมสะเดาะเคราะห์แบบโบราณ
โดยจะทำที่วัด มีหมอพิธีชาวบ้าน และ พระสงฆ์ ตามจำนวนผู้ที่เข้าทำพิธี คือ เรามากันสามคน ต้องมีพระสามรูป นั้งสวดให้เป็นคนคนไป
ในขั้นตอนการเตรียมอุปกรณ์ทำกระทง คุณยายจะเป็นคนจัดเตรียมโดยที่จะใช้ก้านใบกล้วยมาวัดความยาวที่แขนเราจนถึงศอก แล้วนำไปใช้เทียบทำกระทง สี่เหลี่ยม เราไม่แน่ใจว่ารายละเอียดทั้งหมดเพราะฟังไม่ออก
จะมีหุ่นดินเหนียวปั้น เป็นรูปคน แทน ตัวเรา โดยเชื่อว่า หุ่นปั้นแทนตัวเรา จะรับเอาเคราะห์ สิ่งไม่ดีทั้งหมดไปแทน
นั้งทำพิธีสวดนานมากราว1 ชั่วโมง ปวดหลังก็ต้องทนเพื่อความปัง ในตอนทำพิธี ก็จะต้องสวดบางช่วงเป็นภาษาเขมร นึกก็ยังขำตอนที่หมอชาวบ้านท่องนำให้เราท่องตาม สำเนียงเราคงตลก คุณยายจึงอมยิ้มกันใหญ่
พอสวดทำพิธีเสร็จหมอชาวบ้านจะรวบผ้าขาวที่มีหุ่นดินปั้นแล้วนำไปลาไว้ที่ด้านหลังวัด เพื่อเป็นการเอาเคราะห์ไปทิ้ง หรือถ้ามีสิ่งไม่ดีมีวิญญาณตาม ก็ให้ไปตามที่หุ่นแทน
ตอนจะกลับถ่ายรูปรวมหน่อยบรรยากาศอบอุ่น ผู้เฒ่าผู่แก่มานั้งดูพวกเรา ยิ้มแย้มตามประสาที่เห็นคนต่างที่ต่างถิ่น
ก่อนกลับพระอาจารย์ได้ทำนายดวงให้ว่าต้องระวังอะไรบ้าง แต่ที่ท่านทายเกิดขึ้นหมดแล้วนะคะ ถือว่า ครบถ้วนบรรลุเป้าหมายการมาครั้งนี้
ครั้งต่อไปจะมาแชร์เรื่องราวการมูเตรูที่พม่าแบบลับๆหวังว่าจะมีคนที่ไลฟ์สไตล์แบบเรา มาอ่านมาแชร์กันบ้างนะคะ
[CR] รีวิวเที่ยวเขมร "มูเตรูเสริมดวงกับห้องแห่งความลับในปราสาทเขมร"
เอาแหละค่ะ แนะนำมาพอสังเขป กระทู้นี้จะมาแชร์ประสบการณ์ไปมูเตรูที่ประเทศเขมร ประเทศบ้านใกล้เรือนเคียง ที่มีปราสาทนครวัดอันโด่งดังสร้างชื่อให้เขมรหลายคนคงทราบดี
วันแรกของการเดินทาง
ไม่มีกิจกรรมอะไรมากนัก เพราะไปถึงก็เที่ยงวันเกือบบ่าย และรอเพื่อนที่ตกเครื่องอีกก็ บ่ายสอง อากาศร้อนมาก เราจึงออกไปพิพิธภัณฑ์ใกล้ๆโรงแรมที่พัก
หลังจากเดินชมต่างๆก็ไปที่ศาลหลักเมือง องค์แจ๊ะองค์จอม' สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่ประเทศ
ใกล้ๆติดศาลหลักเมือง
จะมีศาลเล็ก คือ ศาลย่าเทพ
มีรูปปั้นของ Ya Tep (หรือ Ya Deb) ซึ่ง แต่เดิมตั้งอยู่ในยุคก่อนนครวัดนครวัด ในช่วงยุคเขมรแดงถูกทำลายเป็นชิ้น ๆ ที่จะพบในภายหลังฟื้นคืนชีพและวางไว้ใต้ต้นโพธิ์หันหน้าไปทางทิศตะวันออก เป็นที่เคารพบูชากราบไหว้
โดยเวลาขอพรให้กระซิบที่ข้างหู แล้ว ทำการบีบนวดที่เเขน เหมือนการที่เราเอาใจผู้ใหญ่ จะเห็นว่า ที่ปากของรูปปั้นทาสีแดง เพราะชาวบ้านเชื่อว่าท่านชอบสีแดงจึงนำมาทา
วันแรกก็จบลงเพียงเท่านี้ สถานที่ที่ไปมาทั้งหมดในวันแรก อยู่ในระแวกเดียวกันหมด ถ้าคนชอบเดินสามารถเดินได้ แต่ถ้าขี้ร้อน ก็นั้งรถถีบเอาค่ะ
วันที่สอง เป้าหมายหลักๆคือ ไปนครวัด เพื่อไหว้ขอพรเทวรูปพระวิษณุที่อยู่ในนครวัด
และ ไปทำพิธีกรรมสะเดาะเคราะห์แบบโบราณที่หาทำได้ยาก
นครวัดถูกสร้างขึ้นเป็นเทวาลัยเพื่อบูชา พระวิษณุ โดยมีจุดประสงค์ในการสร้าง เพื่อ เป็นสัญลักษณ์แทนของ ศรีสูรยวรมันที่ 2 เปรียบเหมือนการอวตาร ลงมาปรกครองบ้านเมือง เรียกว่า เทวราชา นั้นเอง
หลังจากที่ ศรีสูรยวรมันที่ 2 สิ้น คณะพราหมณ์ชั้นสูงได้นำพระศพบรรจุลงในถังหินและฝังไว้ที่ใต้ฐานเทวรูป ทำพิธีเชิญวิญญาณ เข้ามาสถิตย์ในเทวรูป และทำพิธีเบิกเนตร เปรียบเสมือนการได้เกิดใหม่ในฐานะ เทวะนั้นเอง
ขณะเดินชมวัด ก็มีนักท่องเที่ยวชาวอินเดียเดินมาร่วมเฟรมแบบงงๆ แต่ก็ตลกดี
ผูกข้อไม้ข้อมือ และ รดน้ำมนต์เสียหน่อย
เสร็จจากนครวัด ก็ตามหาห้องลับที่อยู่อีกปราสาทพระขรรค์ จะมีห้องลับที่ ที่มีหินแกะสลักของพระมเหสี สองพระองค์ สืบทราบภายหลังว่าคือ หินแกะสลัก พระมเหสี ของ พระเจ้าชัยวรมันที่7 คือ พระนางอินทรเทวี และ พระศรีชัยราชเทวี อยู่แยกกันคนละห้อง
แล้วจะบอกว่า ไม่ใช่คนกัมพูชาจะรู้จักที่แห่งนี้ เพราะถามหลายต่อหลายคนก็ต่างส่ายหน้าว่าไม่เคยไปไม่เคยเห็นไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน เราไปถึงปราสาท เดินหาห้องนี้ อยู่นานก็ไม่พบ จึงลองเสี่ยงถามคนดูแลปราสาทว่ารู้ทางไปห้องลับไหม โชคเข้าข้างบวกกับดวงจะต้องได้ไป เจ้าหน้าที่นำทาง แต่ก็ไม่ได้ไปง่ายๆเพราะเลี้ยวไม่รู้กี่เลี้ยว มุดเข้าไปใต้ซากหินอีก จนเจอห้อง และก็ยังมีอีกห้องหลบลุกเข้าไปในซากหินที่พังทลาย
สืบทราบมาภายหลังว่า ส่วนมากคนที่รู้เกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้ จะเป็นคนใหญ่คนโตของประเทศ ที่มักจะเข้ามากราบขอพรขอความเมตตาจากพระมเหสีสองพระองค์ ในเรื่องคำแหน่งหน้าที่ในประเทศ และชาวบ้านบางส่วนที่อยู่ในพื้นที่บริเวณนั้นก็มักมาขอพรบนบาน กันอยู่ตลอดเวลา มีนางรำมารำถวายบ่อยๆ
เราจึงได้ถือโอกาสขอความเมตตาให้ท่านหนุนนำเรื่องผู้คนเมตตารักใคร่ การงานก้าวหน้า แล้วจะกลับมาถวายชุด จริงๆจากวันนั้นจนวันนี้อะไรก็ดีขึ้นเยอะมากๆ คิดว่าถ้ามีโอกาสจะรีบกลับไป
เสร็จจากปราสาท เป้าหมายสุดท้ายคือ
ทำพิธีกรรมสะเดาะเคราะห์แบบโบราณ
โดยจะทำที่วัด มีหมอพิธีชาวบ้าน และ พระสงฆ์ ตามจำนวนผู้ที่เข้าทำพิธี คือ เรามากันสามคน ต้องมีพระสามรูป นั้งสวดให้เป็นคนคนไป
ในขั้นตอนการเตรียมอุปกรณ์ทำกระทง คุณยายจะเป็นคนจัดเตรียมโดยที่จะใช้ก้านใบกล้วยมาวัดความยาวที่แขนเราจนถึงศอก แล้วนำไปใช้เทียบทำกระทง สี่เหลี่ยม เราไม่แน่ใจว่ารายละเอียดทั้งหมดเพราะฟังไม่ออก
จะมีหุ่นดินเหนียวปั้น เป็นรูปคน แทน ตัวเรา โดยเชื่อว่า หุ่นปั้นแทนตัวเรา จะรับเอาเคราะห์ สิ่งไม่ดีทั้งหมดไปแทน
นั้งทำพิธีสวดนานมากราว1 ชั่วโมง ปวดหลังก็ต้องทนเพื่อความปัง ในตอนทำพิธี ก็จะต้องสวดบางช่วงเป็นภาษาเขมร นึกก็ยังขำตอนที่หมอชาวบ้านท่องนำให้เราท่องตาม สำเนียงเราคงตลก คุณยายจึงอมยิ้มกันใหญ่
พอสวดทำพิธีเสร็จหมอชาวบ้านจะรวบผ้าขาวที่มีหุ่นดินปั้นแล้วนำไปลาไว้ที่ด้านหลังวัด เพื่อเป็นการเอาเคราะห์ไปทิ้ง หรือถ้ามีสิ่งไม่ดีมีวิญญาณตาม ก็ให้ไปตามที่หุ่นแทน
ตอนจะกลับถ่ายรูปรวมหน่อยบรรยากาศอบอุ่น ผู้เฒ่าผู่แก่มานั้งดูพวกเรา ยิ้มแย้มตามประสาที่เห็นคนต่างที่ต่างถิ่น
ก่อนกลับพระอาจารย์ได้ทำนายดวงให้ว่าต้องระวังอะไรบ้าง แต่ที่ท่านทายเกิดขึ้นหมดแล้วนะคะ ถือว่า ครบถ้วนบรรลุเป้าหมายการมาครั้งนี้
ครั้งต่อไปจะมาแชร์เรื่องราวการมูเตรูที่พม่าแบบลับๆหวังว่าจะมีคนที่ไลฟ์สไตล์แบบเรา มาอ่านมาแชร์กันบ้างนะคะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้