รีวิว ขอวีซ่า UK

วันนี้จะมารีวิวรายระเอียดการขอวีซ่า UK ซึ่งถือว่าเป็นการขอวีซ่าที่ยากอันดับต้นๆเลยก็ว่าได้ เราหาข้อมูลอยู่ประมาณ 10 วัน ถึงจะเริ่มเตรียมเอกสารต่างๆ เรายื่นขอวีซ่าท่องเที่ยวแบบ 6 เดือนไปเพราะระยะเวลาที่ไปเที่ยวแค่ 8 วัน (ยื่นเองไม่ได้จ้างเอเจนซี่) การยื่นขอวีซ่า UK สามารถยื่นขอล่วงหน้าได้ไม่เกิน 3 เดือน (แต่ของเรายื่นล่วงหน้ามากกว่า 3 เดือนเพราะต้องการซื้อตั๋วชมฟุตบอล) ค่ายื่นขอ 124USD ค่าอัพโหลดเอกสาร+ส่งเล่มพาสปอร์ตเอกสารกลับทาง ปณ. 740 บาท (สามารถอัพโหลดเองได้ที่บ้านและไปรับเองได้ที่ VFS แต่เราทำไม่เป็นและไม่สดวกไปรับ เลยเสียเงินแล้วจบทุกปัญหา)

•ขั้นตอนการดำเนินการ•

ก่อนอื่นต้องเข้าไปกรอกข้อมูลให้เรียบร้อยในเวปไซต์  โดยเข้าไปที่ เว็บไซต์ UK Visas & Immigration (ตามลิ้ง http://www.visa4uk.fco.gov.uk/ แต่ต้องเริ่มสร้างบัญชีผู้ใช้ก่อนนะ) จากนั้นก็จัดการกรอกข้อมูลตามที่เว็บไซต์ระบุได้เลย โดยจะต้องตอบด้วยภาษาอังกฤษเท่านั้น แม้ว่าคำถามจะเป็นภาษาไทยก็ตามและต้องระบุเป็นความจริงและใกล้เคียงความจริงทั้งหมด (ของเราให้สามีเป็นสปอนเซอร์ ส่วนของสามียื่นในนามเจ้าของกิจการ) พอกรอกครบทุกขั้นตอนแล้วจะต้องชำระเงินโดยตัดบัตรเครดิต หลังจากนั้นก็ปริ้นเอกสารและใบเช็กลิสต์ทั้งหมด แล้วเข้าไปในเวปไซต์ของ VFS เพื่อนัดวันที่จะเข้าไปยื่น application ที่ VFS ตึกเทรนดี้ สุขุมวิท 13 (สามารถยื่นแบบเร่งด่วน แบบพรีเมี่ยม และ walk-in เข้าไปโดยไม่ต้องนัดวันได้ แต่จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นและแพงมากๆ)

วันที่นัดยื่นเอกสารเราจองช่วง 11.30 น.ไป ออกจากบ้านพร้อมเอกสารหนักประมาณเกือบ 2 โล ไปด้วยโดยการนั่งรถไฟฟ้า MRT ไปลงสถานีสุขุมวิท แล้วเดินต่อ ไกลพอสมควร ไปที่ตึกเทรนดี้ ซอยสุขุมวิท 13  (เราไปถึงสถานีสุขุมวิท 11 โมง เดินจาก รฟฟ. ไปที่ตึก 15 นาที กังวลว่าเค้าจะไม่ให้ยื่นเพราะเค้ามีป้ายว่าต้องยื่นก่อนเวลานัด 30 นาที)

-เรายื่นเมื่อวันที่ 31/10/62 ใช้เวลาโดยรวมทั้งหมดประมาณ 2 ชม. (ตั้งแต่ยื่น จนท. ตรวจเอกสาร รอคิวถ่ายรูป)
-ได้รับอีเมลล์ฉบับแรก แจ้งว่าได้ทำการพิจารณาแล้ว วันที่ 11/11/62  
-ได้รับอีเมลล์ฉบับที่ 2 วันที่ 12/11/62 ว่าหนังสือเดินทางอยู่ที่ VFS แล้วจะส่ง ปณ. ให้วันที่ 13/11/62
-14/11/62 รับหนังสือเดินทาง ตอนเปิดดูไม่ได้ดูเองเพราะมาทำงาน ให้เพื่อนที่อยู่ที่บ้านดูให้ (ลุ้นหนักมากกกกกกก)

รวมเวลาทั้งหมดที่โฮมพิจารณา 11 วันนับรวมเสาร์​อาทิตย์​ (ไม่รวมวันยื่นและวันรอส่ง ปณ.)

โดยเอกสารที่เตรียมมีดังนี้
-ใบเสร็จรับเงินและเอกสารการนัดหมายกับ VFS พร้อม Check List ทุกหน้า (จริงๆเอกสารยืนยันการชำระเงินไม่ได้ใช้เลย)
-เล่มพาสปอร์ต​ปัจุบันที่จะใช้เดินทาง (เล่มจริง)
-พาสปอร์ตเล่มเก่า ถ่ายเอกสารทุกหน้าที่มีการเดินทางรวมถึงหน้าที่มีเลขพาสปอร์ตและรูปถ่ายเรา (เตรียมเล่มเก่าไปด้วยแต่ไม่ได้ใช้)

🔹การเงิน🔹
-​ สเตรทเม้นบัญชีส่วนตัวย้อนหลัง 6 เดือนเป็นภาษาอังกฤษ ของสามีและของเรา (ของเราขอผ่าน k+plus app เป็นภาษาอังกฤษแล้วปริ้นจากอีเมลล์ที่ Bank ส่งมาให้ของสามีขอที่ Bank มีค่าใช้จ่ายประมาณ 200 บาท แต่ถ้าของตัวเราไม่มีบัญชีเงินฝากก็ไม่ต้องยื่นเพราะสามีเป็นสปอนเซอร์อยู่แล้ว แต่หลักฐานการเงินต้องแน่นเพื่อที่โฮมจะได้มั่นใจว่าเรามีเงินในการใช้จ่ายสำหรับ 2 คนระหว่างทริปนั้น)
-​Bank guarantee ภาษาอังกฤษ แจ้งค่าเงินเป็นเงินปอนด์ ค่าขอ 200 บาท ของธนาคารกสิกร (หนังสือรับรองการเงินในบัญชีสะสมทรัพย์​ส่วนตัวจากธนาคารของสามี)
-Bank guarantee ของสามีการันตรีให้เราโดยระบุชื่อเราลงไปด้วย เป็นภาษาอังกฤษ แจ้งค่าเงินเป็นเงินปอนด์ ค่าขอ 200 บาท ของธนาคารกสิกร
-สเตรทเม้นบัญชีเงินฝากของบริษัทย้อนหลัง 6 เดือนเป็นภาษาอังกฤษจากธนาคาร ค่าขอ 100 บาท ของธนาคารกรุงเทพ
-​Bank guarantee ภาษาอังกฤษ แจ้งค่าเงินเป็นเงินปอนด์ ค่าขอ 100 บาท ธนาคารกรุงเทพ
-สเตรทเม้นบัญชีเงินฝากประจำของสามี (เรายื่นไปเพิ่มเพื่อให้ดูว่าเราเงินเก็บและจะกลับมาแน่นอน ประมาณว่าไม่ขัดสนเรื่องเงิน จะยื่นก็ได้ไม่ยื่นก็ได้) อันนี้ไปถ่ายที่ VFS วันที่ไปยื่นเลย เพราะไปขอที่ Bank ไม่ทัน (ไม่มี bank guarantee)

*จริงๆอยากยื่นบัญชีบริษัททุกบัญชีแต่ยื่นได้แค่ธนาคารเดียวเพราะวันที่ไปขอธนาคารปิดหมดแล้ว ทันแค่ 2 ธนาคาร กะว่าจะไปขอแถวๆสุขุมวิทก็ดันไปสาย 😅*

🔸เกี่ยวกับธุรกิจ🔸
-​ สำเนาหนังสือรับรองบริษัท​รวมถึงหน้าวัตถุประสงค์ พร้อมแปลเป็นภาษาอังกฤษและรับรองเอกสารเอง (เราเอาตัวจริงไปด้วยเผื่อต้องใช้)
-​ สำเนาใบทะเบียนการค้าบริษัท พร้อมแปลและรับรองเอกสารเอง (เราเอาตัวจริงไปด้วยเผื่อต้องใช้)

❤️เกี่ยวกับเอกสารการเป็นสปอนเซอร์❤️
-​ สำเนาทะเบียนสมรส พร้อมแปลและรับรองเอกสารเอง
-​ ทะเบียนบ้าน ของสามีและของเรา พร้อมแปลและรับรองเอกสารเอง
-สำเนาบัตร ปชช. ของสามีและของเรา พร้อมแปลและรับรองเอกสารเอง
-cover letter ของสามีที่รับรองการเป็นสปอนเซอร์ให้เรา ส่วนในจดหมายก็ระบุว่าสามีเป็นใคร ทำอะไร มีรายได้เท่าไหร่ จะซัพพอร์ทบุคคลนี้เพราะอะไร

⭕️เกี่ยวกับการเดินทาง⭕️
-​ เอกสารจองที่พักแบบยกเลิกได้ฟรี
-ตั๋วเครื่องบิน แต่ยังไม่ต้องชำระเงิน(ไม่ต้องมีก็ได้ แต่ของเราจองแบบ Hold ไว้ได้ 72 ชม. สายการบินเอมิเรตต์)
-ประกันการเดินทาง แบบยกเลิกได้ (ไม่ต้องมีก็ได้)
-รายละเอียดการเดินทางระหว่างอยู่ที่นั่น และระบุค่าใช้จ่ายคร่าวๆในแต่ละวัน

📛เอกสารอื่นๆที่ยื่นแนบไป เพื่อให้โฮมมั่นใจว่าเราจะกลับมา (เอกสารต่อไปนี้เราใช้ยื่นทั้งของเราและสามี)📛
-cover letter ของเรา 1 แผ่น สามี 1 แผ่น ในจดหมายจะเขียนอธิบายว่าเราเป็นใคร ทำอาชีพอะไร มีรายได้เท่าไหร่ จุดประสงค์ที่ไปที่นั่นเพื่ออะไร อยู่กี่วัน กลับวันไหน ไปไหนบ้าง และจะเหตุผลที่ต้องกลับไปเพราะอะไร
-​ สำเนาบัตรประชาชนของแม่เรา ลูกๆ พร้อมแปลและรับรองเอกสารเอง
-​ สูติบัตรลูก พร้อมแปลและรับรองเอกสารเอง
-สำเนาทะเบียนบ้านของแม่เรา ลูกๆ พร้อมแปลและรับรองเอกสารเอง
-​พร้อมแนบภาพสมาชิกครอบครัว, รูปภาพบ้านและรถยนต์ (แต่เราไม่ได้ถ่ายรูปร้าน ธุรกิจและโชว์รูมแนบไป)
-​ สำเนาโฉนดที่ดิน (ยื่นแค่โฉนดบ้าน) พร้อมแปลและรับรองเอกสารเอง
-​ เอกสารการเช่าซื้อรถยนต์ ใบเสร็จค่างวดงวดล่าสุด และถ่ายเอกสารไปด้วย ทุกอย่างต้องเป็นขนาด A4 (เราไม่ได้แปล)

*เอกสารทั้งหมดเราแปลเป็นภาษาอังกฤษเองทุกอย่าง ด้วยความรู้และภาษาอังกฤษงูๆปลาๆของเราโดยใช้ Google Translate ช่วย 😂*

พอตอนยื่นเสร็จ เช็คอีเมลล์ทุกวัน เพราะเราไม่ได้สมัคร sms แจ้งเตือนไว้ (แอบงงเพราะอ่านรีวิวมา บางคนสมัครไว้ก็ไม่เคยได้รับข้อความใดๆเลย) เครียดมาก สวดมนต์ ไหว้พระ ไหว้อาแปะโรงสีทุกวัน 5555 ยิ่งถามน้องที่จะพาไปด้วยแล้วเค้าบอกเค้าจ้างเอเจนซี่ยิ่งกลุ้มเลย กลัวเอกสารไม่ครอบคลุม กังงลว่าเราเอาเงินก้อนเข้าไปมันจะดูเยอะไปมั้ย เค้าจะเชื่อที่เราอธิบายมั้ย บัญชีบริษัทยื่นบัญชีเดียวจะดูน้อยไปรึป่าว เรากรอกรายละเอียดไว้ถูกมั้ย (เรากรอกเองทั้งหมดทั้งของแฟนและของเรา) คิดไปต่างๆนาๆ แต่เราคิดว่าหลักๆโฮมจะพิจารณาจากความสมเหตุสมผลของรายละเอียดที่เรากรอกในใบสมัคร และเอกสารที่เรายื่นว่ามันคล้องจองกันมั้ย (อย่างของเรา สามีมีเงินก้อนเข้าบัญชีส่วนตัว เราเขียนอธิบายในจดหมายว่าเราถอนเงินจากบัญชีบริษัทมาแล้วเอามาเข้าในบัญชีส่วนตัว ซึ่งยอดมันใกล้เคียงกัน เพราะเอาจริงๆการมีเงินก้อนเข้ามาก่อนยื่นเอกสารมันน่าสงสัยเค้าอาจจะมองว่าเราตั้งใจโชว์จำนวนเงินให้ดูเยอะๆเพื่อให้ผ่าน) เราจะกลับมาจริงรึป่าว เหตุผลที่ให้กับโฮมว่าจะกลับมาดูน่าเชื่อถือมั้ย (เราให้เหตุผลว่าต้องกลับมาดูแลแม่ ลูกๆ และต้องกลับมาช่วยกันดูแลกิจการ) ถ้าเค้าสงสัยอะไรเค้าจะโทรมาสัมภาษณ์เพิ่มเติมตามเบอร์ที่ให้ไว้ (ของเราไม่มีโทรมาสัมภาษณ์)

ทั้งนี้ทั้งนั้น ในความคิดของเราการพิจารณาของโฮมไม่มีหลักอะไรตายตัว สำคัญคือเราห้ามโกหก เอกสารทุกอย่างต้องอ้างอิงให้สอดคล้องกันทั้งหมด ไม่งั้นถ้าโดนปฏิเสธมาจะต้องเสียเงินทำใหม่ เสียเวลา แล้วถ้าโดนปฏิเสธซ้ำๆก็จะโดนแบนได้นะจ๊ะ

**การรีวิวนี้เป็นประสบการณ์ครั้งแรกของเราเอง ข้อมูลอาจคลาดเคลื่อนบ้าง ถ้าหากมีอะไรผิดพลาด ขออภัยไว้ล่วงหน้านะคะ**
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่