สวัสดีค่ะเพื่อนๆสมาชิกทุกท่าน
วันนี้ จขกท จะมาแชร์เรื่องราวการเรียนของตนเองในประเทศอังกฤษให้ทุกท่าน เพื่อให้เป็นความรู้และแนวทางในการศึกษาต่อประเทศอังกฤษสำหรับคนที่สนใจนะคะ
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า จขกท ไม่ใช่วัยรุ่นแล้ว การเรียนปริญญาของ จขกท จนจบ อายุก็เกือบหลัก 4 แล้ว เลยอยากจะบอกให้ทุกคนทราบว่า อายุไม่เป็นอุปสรรคในการเรียนรู้ค่ะจขกท มีความฝันที่จะเรียนจบปริญญาในประเทศอังกฤษเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อได้มีโอกาสมาใช้ชีวิตที่นี่ก็พยายามหาโอกาสในการเรียน แต่ชีวิตก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดเพราะประเทศอังกฤษถือได้ว่ามีค่าครองชีพที่ค่อนข้างแพงประเทศหนึ่ง จขกท ก็เหมือนคนอื่นทั่วไปที่ชีวิตไม่ได้มีต้นทุนทางสังคมที่สูง ช่วงแรกๆก็ต้องทำงานเพื่อให้มีเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินชีวิต
ซึ่งการทำงานสำหรับคนไทยที่นี่ส่วนใหญ่คือการเริ่มต้นจากร้านอาหาร
เมื่อทำงานไปได้สักระยะ ชีวิตเริ่มลงตัว เริ่มคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมการอยู่ที่นี่ ก็ถึงเวลาที่จขกท จะทำตามความฝัน โดย จขกท มีสาขาวิชาที่อยากจะเรียนอยู่แล้ว ก็เลือกดูในเวปไซด์ของมหาวิทยาลัยว่าเขามี Entry requirement อะไรบ้าง เช่น ต้องจบ A-levelหรืออื่นๆที่เทียบเท่า ด้วยผลการเรียนเท่าไหร่ แต่เนื่องจากอายุของ จขกท มันเลยวัยของ A-level มาไกลแล้ว ก็เลยต้องหา Course อื่นๆที่เทียบเท่า ตามที่มหาวิทยาลัต้องการ เช่น BTEC หรือ Access course ต่อมาก็หาข้อมูลของสถานศึกษาใกล้บ้าน (College)เช่น มี Course ที่เราสนใจไหม และสามารถต่อยอดไปสมัครเข้ามหาวิทยาลัยในคณะที่ต้องการได้หรือไม่ หลักสูตร BTEC จะใช้วลาเรียน 2 ปี เหมาะสำหรับคนที่มีพื้นฐานไม่มาก อาจจะมีหรือไม่มี Qualification มาก่อน ส่วน Access course เป็นหลักสูตร 1 ปี ซึ่งหลักสูตรออกแบบมาสำหรับทคนที่เรียนจบระดับปริญญาจากประเทศอื่นๆหรือคนอังกฤษที่เรียนไม่จบ A-level สามารถมาเรียนได้เพื่อให้ได้ Qualificationไปสมัครเข้ามหาวิทยาลัย
จขกท เลือกเรียน Access course เนื่องจากใช้เวลาน้อย และเรียนแค่ 3 วันต่ออาทิตย์ ทำให้สามารถทำงานไปด้วยได้
การเตรียมตัวไปสมัครก็แค่นำหลักฐานใบปริญญาจากประเทศไทยที่แปลเป็นภาษาอังกฤษไปยื่นพร้อมกับหลักฐานอื่นๆ เช่น พาสปอร์ต ใบสเตทเมนท์ธนาคารเพื่อยืนยันที่อยู่ จากนั้นก็เข้าห้องสอบคัดเลือก โดยวิชาที่ จขกท สอบ เป็น เคมี ชีววิทยา ภาษาอังกฤษ และคณิตศาสตร์ เมื่อผลคะแนนสอบเข้าได้ตามเกณฑ์ที่กำหนด ก็ได้เข้าเรียน ค่าใช้จ่ายทางด้านการเรียน รัฐบาลจะให้กู้ยืมไปจนจบระดับปริญญาตรีโดยสัญญาการชำระคืนจะอยู่ที่ 30 ปี หากเกิน 30 ปีหนี้เหลืออยู่เท่าไหร่รัฐบาลก็ยกให้ ซึ่งอันนี้คือกฎ ณ ตอนนี้ ในอนาคตอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้
การเรียนในวิทยาลัยที่นี่ค่อนข้างสนุก เพื่อนๆในห้องอายุแตกต่างกันไป บางคนอายุเยอะกว่า จขกท แต่ส่วนใหญ่จะน้อยกว่า 555 แต่ทุกคนก็น่ารัก มนุษยสัมพันธ์ดี ช่วยเหลือกันทางด้านการเรียน ซึ่งจขกท ก็ได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนคนอังกฤษในการตรวจสอบภาษาและไวยกรณ์เมื่อเขียนเรียงความ หรือการบ้านอื่นๆ
จขกท ค่อนข้างโชคดีที่เจ้าหน้าที่ของวิทยาลัยและอาจารย์ผู้สอนของวิทยาลัย Support ดีมากๆ คอยช่วยเหลือให้คำแนะนำต่างๆเป็นอย่างดี ช่วงที่เรียน จขกท ก็ต้องใช้เวลาในการอ่านหนังสือ
ทบทวนบทเรียนมากกว่าคนอื่นเพื่อทำความเข้าใจกับเนื้อหา ซึ่งเป็นเนื้อหาระดับมัธยมของบ้านเรา คงไม่ต้องบอกว่า จขกท ผ่านมา 10 กว่าปีแล้ว ทุกสิ่งเหมือนเริ่มต้นใหม่
การเรียนของจขกท ผ่านไปด้วยดี ด้วยคะแนนในระดับต้นๆของห้อง และความเมตตาของอาจารย์ผู้สอนที่อนุเคราะห์เขียน Reference ให้จขกทถึง 2 ท่าน ทำให้ จขกท สามารถเข้ามหาวิทยาลัยได้ในคณะตามที่ตนเองต้องการ
(การสมัครเข้ามหาวิทยาลัยจะใช้ระบบ UCAS ซึ่งเป็นระบบกลาง สามารถเลือกมหาวิทยาลัยได้ 5 แห่ง เรียงลำดับตามความชอบ)
จขกท เลือกเรียนในสาขาวิชาที่ค่อนข้างหนัก นั่นคือ เภสัชศาสตร์ เนื่องจากอยากเป็นเภสัชกร มาตั้งแต่เด็ก เดี๋ยวเจ้าของกระทู้จะมาเล่าเรื่องการเรียนในมหาวิทยาลัยในอังกฤษแบบเจาะลึกให้ฟังนะคะ เนื่องจากรายละเอียดเยอะ และจขกทมีธุระต้องไปทำก่อน
ขอแปะไว้ตอนหน้า ต้องขอโทษด้วยจริงๆค่ะที่เขียนไม่จบ อยากจะทำให้ดีๆค่ะเพื่อแชร์ให้ผู้อ่านได้ความรู้ไปด้วย
ฝากติดตามด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ
เรียนปริญญาตอนแก่ ประสบการณ์ตรงการเรียนในอังกฤษจากคนที่อาศัยอยู่ในอังกฤษ
วันนี้ จขกท จะมาแชร์เรื่องราวการเรียนของตนเองในประเทศอังกฤษให้ทุกท่าน เพื่อให้เป็นความรู้และแนวทางในการศึกษาต่อประเทศอังกฤษสำหรับคนที่สนใจนะคะ
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า จขกท ไม่ใช่วัยรุ่นแล้ว การเรียนปริญญาของ จขกท จนจบ อายุก็เกือบหลัก 4 แล้ว เลยอยากจะบอกให้ทุกคนทราบว่า อายุไม่เป็นอุปสรรคในการเรียนรู้ค่ะจขกท มีความฝันที่จะเรียนจบปริญญาในประเทศอังกฤษเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อได้มีโอกาสมาใช้ชีวิตที่นี่ก็พยายามหาโอกาสในการเรียน แต่ชีวิตก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดเพราะประเทศอังกฤษถือได้ว่ามีค่าครองชีพที่ค่อนข้างแพงประเทศหนึ่ง จขกท ก็เหมือนคนอื่นทั่วไปที่ชีวิตไม่ได้มีต้นทุนทางสังคมที่สูง ช่วงแรกๆก็ต้องทำงานเพื่อให้มีเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินชีวิต
ซึ่งการทำงานสำหรับคนไทยที่นี่ส่วนใหญ่คือการเริ่มต้นจากร้านอาหาร
เมื่อทำงานไปได้สักระยะ ชีวิตเริ่มลงตัว เริ่มคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมการอยู่ที่นี่ ก็ถึงเวลาที่จขกท จะทำตามความฝัน โดย จขกท มีสาขาวิชาที่อยากจะเรียนอยู่แล้ว ก็เลือกดูในเวปไซด์ของมหาวิทยาลัยว่าเขามี Entry requirement อะไรบ้าง เช่น ต้องจบ A-levelหรืออื่นๆที่เทียบเท่า ด้วยผลการเรียนเท่าไหร่ แต่เนื่องจากอายุของ จขกท มันเลยวัยของ A-level มาไกลแล้ว ก็เลยต้องหา Course อื่นๆที่เทียบเท่า ตามที่มหาวิทยาลัต้องการ เช่น BTEC หรือ Access course ต่อมาก็หาข้อมูลของสถานศึกษาใกล้บ้าน (College)เช่น มี Course ที่เราสนใจไหม และสามารถต่อยอดไปสมัครเข้ามหาวิทยาลัยในคณะที่ต้องการได้หรือไม่ หลักสูตร BTEC จะใช้วลาเรียน 2 ปี เหมาะสำหรับคนที่มีพื้นฐานไม่มาก อาจจะมีหรือไม่มี Qualification มาก่อน ส่วน Access course เป็นหลักสูตร 1 ปี ซึ่งหลักสูตรออกแบบมาสำหรับทคนที่เรียนจบระดับปริญญาจากประเทศอื่นๆหรือคนอังกฤษที่เรียนไม่จบ A-level สามารถมาเรียนได้เพื่อให้ได้ Qualificationไปสมัครเข้ามหาวิทยาลัย
จขกท เลือกเรียน Access course เนื่องจากใช้เวลาน้อย และเรียนแค่ 3 วันต่ออาทิตย์ ทำให้สามารถทำงานไปด้วยได้
การเตรียมตัวไปสมัครก็แค่นำหลักฐานใบปริญญาจากประเทศไทยที่แปลเป็นภาษาอังกฤษไปยื่นพร้อมกับหลักฐานอื่นๆ เช่น พาสปอร์ต ใบสเตทเมนท์ธนาคารเพื่อยืนยันที่อยู่ จากนั้นก็เข้าห้องสอบคัดเลือก โดยวิชาที่ จขกท สอบ เป็น เคมี ชีววิทยา ภาษาอังกฤษ และคณิตศาสตร์ เมื่อผลคะแนนสอบเข้าได้ตามเกณฑ์ที่กำหนด ก็ได้เข้าเรียน ค่าใช้จ่ายทางด้านการเรียน รัฐบาลจะให้กู้ยืมไปจนจบระดับปริญญาตรีโดยสัญญาการชำระคืนจะอยู่ที่ 30 ปี หากเกิน 30 ปีหนี้เหลืออยู่เท่าไหร่รัฐบาลก็ยกให้ ซึ่งอันนี้คือกฎ ณ ตอนนี้ ในอนาคตอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้
การเรียนในวิทยาลัยที่นี่ค่อนข้างสนุก เพื่อนๆในห้องอายุแตกต่างกันไป บางคนอายุเยอะกว่า จขกท แต่ส่วนใหญ่จะน้อยกว่า 555 แต่ทุกคนก็น่ารัก มนุษยสัมพันธ์ดี ช่วยเหลือกันทางด้านการเรียน ซึ่งจขกท ก็ได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนคนอังกฤษในการตรวจสอบภาษาและไวยกรณ์เมื่อเขียนเรียงความ หรือการบ้านอื่นๆ
จขกท ค่อนข้างโชคดีที่เจ้าหน้าที่ของวิทยาลัยและอาจารย์ผู้สอนของวิทยาลัย Support ดีมากๆ คอยช่วยเหลือให้คำแนะนำต่างๆเป็นอย่างดี ช่วงที่เรียน จขกท ก็ต้องใช้เวลาในการอ่านหนังสือ
ทบทวนบทเรียนมากกว่าคนอื่นเพื่อทำความเข้าใจกับเนื้อหา ซึ่งเป็นเนื้อหาระดับมัธยมของบ้านเรา คงไม่ต้องบอกว่า จขกท ผ่านมา 10 กว่าปีแล้ว ทุกสิ่งเหมือนเริ่มต้นใหม่
การเรียนของจขกท ผ่านไปด้วยดี ด้วยคะแนนในระดับต้นๆของห้อง และความเมตตาของอาจารย์ผู้สอนที่อนุเคราะห์เขียน Reference ให้จขกทถึง 2 ท่าน ทำให้ จขกท สามารถเข้ามหาวิทยาลัยได้ในคณะตามที่ตนเองต้องการ
(การสมัครเข้ามหาวิทยาลัยจะใช้ระบบ UCAS ซึ่งเป็นระบบกลาง สามารถเลือกมหาวิทยาลัยได้ 5 แห่ง เรียงลำดับตามความชอบ)
จขกท เลือกเรียนในสาขาวิชาที่ค่อนข้างหนัก นั่นคือ เภสัชศาสตร์ เนื่องจากอยากเป็นเภสัชกร มาตั้งแต่เด็ก เดี๋ยวเจ้าของกระทู้จะมาเล่าเรื่องการเรียนในมหาวิทยาลัยในอังกฤษแบบเจาะลึกให้ฟังนะคะ เนื่องจากรายละเอียดเยอะ และจขกทมีธุระต้องไปทำก่อน
ขอแปะไว้ตอนหน้า ต้องขอโทษด้วยจริงๆค่ะที่เขียนไม่จบ อยากจะทำให้ดีๆค่ะเพื่อแชร์ให้ผู้อ่านได้ความรู้ไปด้วย
ฝากติดตามด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ