[CR] แบกกล้องไปท่องโลก [EP.06] Bromo - Khawa Ijen : ฉบับ "ขอสั้นๆ ได้มั้ยคะ ? ขี้เกียจอ่านค่ะ"

~ ไม่ชอบอ่านเยอะ ~ 

สวัสดีครับ เนื่องจากได้สอบถามเพื่อนๆ ที่ได้เคยอ่านรีวิวที่ผมของผมเองหลายๆ คนบอกว่า "เขียนไรเยอะแยะ" ฮ่าๆ ซึ่งผมก็เข้าใจนะ รีวิวนี้ผมเลยแบ่งหลักๆ เป็นสองส่วนคือ
- เน้นว่าอ่านแล้วตามไปเที่ยวได้เลย ค่าใช้จ่าย เดินทางยังไง ฯลฯ
- เรื่องราวสนุกๆ และภาพสวยๆ ประจำทริป

~ ไปไหนมั่งอ่ะ ไปยังไง ~

เราไปแบบติดต่อหาไกด์เอง จริงๆ ราคาทัวร์ไม่ห่างกัน คือ 4 คน ประมาณ 15,000 บาท(โบรโม่ - อิเจ้น ไม่รวมบาหลี) แล้วก็แอ๊ดไลน์ไปคุยสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ส่วนมากก็ประมาณว่า เราจ่ายค่ากินมื้อกลางวัน - เย็น ส่วนที่พัก เขาหาให้หมด เรื่องคร่าวๆ ที่คุยมีดังนี้ (คือมันก็เรื่องทั่วไปหล่ะครับ แต่ถ้าใครยังไม่เคยไปผมไม่อยากให้เป็นเหมือนผม ไม่รู้จะเริ่มยังไงก่อน)

- ให้เขาแนะนำรายการตามวันไป-วันกลับที่เราไปได้
- เขาจะเสนอรายการพร้อมราคามา เราก็มาเช็คดูว่าม่ีตรงไหนที่เราอยากปรับมั้ย
- สอบถามวิธีการจ่ายเงินให้เรียบร้อย ส่วนมากเขาจะให้เราโอนมัดจำไปก่อน ทำอย่างยากเลยครับ ผมเลยขอเขาไม่ทำ ฮ่าๆ 
- ถามเขาว่าเราต้องเตรียมอะไรไปเองบ้าง เพราะบางที่ต้องมีอุปกรณ์พิเศษ เช่นรองเท้าแตะไปเดินน้ำตก หน้ากากป้องกันกัมมะถัน 
- ถ้าแพลน OK ทั้งสองฝ่ายก็หาตั๋วเลยครับ เที่ยวเถอะ ~

Trick : หาไกด์จาก Google ได้เลยครับ มีเยอะมาก ผมใช้ของคุณ Novan ซึ่งตอบเร็ว คุยง่าย จัดการให้ทุกเรื่อง  @Line ไปสอบถามได้ที่ ID Line  : bromozigzag (ไม่ได้ค่าโฆษณาแต่อย่างใด แนะนำจากใจจริง...นะจ๊ะ)

แพลนที่คุยไว้คร่าวๆ กับไกด์ก็ตามนี้



~ เห็นในทัวร์ขายกัน 3 - 4 หมื่น ถ้าไป 8 พันก็กินอยู่อย่างขอทานสินะ !!  ~

ดูจากในวีดีโอเอาเน้อ จะได้เห็นภาพ 
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
เงินที่ที่เราต้องเตรียมมี 2 ส่วนหลักๆ 
 
1. ค่าเครื่อง : 3XXX, 5,XXX และ 10,XXX บาท ขึ้นๆ ลงๆ ตลอดเวลาเลยครับ ส่วนตัวผมเองได้ 5,XXX ก็ถือว่าคุ้มละ (บินไปลง Surabaya เน้อ ถ้าไปลงจาการ์ต้าก็เปลี่ยนที่เที่ยวเลย ฮ่าๆ)

2. ค่าทริป และค่ากิน รวมกัน 8,XXX ต่อคน (ผมเอาราคาเต็มมาหาร 2 นะ เพราะไปสองคน ถ้าไปมากกว่า 2 คนก็จะถูกลงอีก)

ค่าเงินสกุลอื่นทั้งหมดจะถูกแปลงเป็นเงินบาททั้งหมดเพื่อให้เตรียมเก็บเงินได้ถูกนะครับ แล้วก็แลกเงินข้างนอกจะได้ราคาดีกว่าไปแลกที่สนามบินนะครับ

- ราคาทริป 7500 บาท (อันนี้แบบหารสองนะ ไปหลายๆ คนจะยิ่งถูกลงไปอีก) 
- ร้านอาหาร Ayam Bakar Bawangan (มื้อเย็นวันแรก) = 150 บาท -
 ร้านอาหาร Handayani (มื้อเที่ยง + เย็นวันที่สอง) = 240 บาท 
- ร้านอาหาร Pondok Tempo Doeloe (มื้อเที่ยงวันสุดท้าย) = 220 บาท 
- ค่าอาหารช่วง Transfer flight (ทั้งไป - กลับ) ที่กัวลาลัมเปอร์ = 500 บาท

รวม : 8610 บาท !!

ถ้าไม่เดือดร้อนเรืองเงินก็เก็บเผื่อไปสัก หมื่นนึงไว้ Shopping ก่อนกลับ แลกเงินก่อนวันไปให้เรียบร้อยนะครับ ไปแลกสนามบินกระเป๋าฉีกแน่นอน

~ ต้องเตรียมอะไรบ้าง ~

คือมันต้องขึ้นอยู่กับคนจัดทัวร์แต่ละคนไปอีก แต่ของผมก็ตามนี้

- กล้องถ่ายรูปเบาๆ + ขาตั้งเบาๆ (เตือนละนาา) 
- หูฟัง - Power bank + สายชาร์จต่างๆ 
- รองเท้าแตะ + กางเกงขาสั้นไว้เดินน้ำตก 
- SIM to fly (หรือฝากไกด์ซื้อแต่จำกัดปริมาณ Internet) 
- เสื้อกันฝน (ไปซื้อข้างหน้าได้)
- ยานวด
- ไฟฉายติดหัว(ไปซื้อข้างหน้าได้)
- ยาดม - ยาทาแผล(เผื่อล้ม)
- ยาแก้เมารถ
- ชอตโกแลต, snack
- ทิชชูเปียก&ทิชชูแห้ง -
บัตรเครดิต (ใช้ซื้อข้าวที่สนามบิน และยามฉุกเฉิน)
- ภาษาอังกฤษงูๆ ปลาๆ
- ชุดปีนเขาพร้อมเปื้อน
- เอกสารเดินทางต่างๆ (Passport อายุอย่างน้อย 6 เดือน นับวันที่กลับถึงไทย, ไปอินโดไม่ต้องใช้วีซ่า)

คิดว่าเท่านี้น่าจะพอหาหนทางไปเที่ยวได้แล้วแหล่ะครับ สำหรับคนงบน้อย และไม่เคยไปต่างประเทศมาก่อน ถ้าอยากทราบรายละเอียดส่วนไหนเพิ่มก็ Comment ถามได้นะครับ 

 ~ จะเล่าเรื่องละนะ ~

" เห็นภาพก็บ่อย ได้ยินชื่อก็นานมากละ รู้แหล่ะว่าสวย แต่ไม่มีปัญญาไปหรอก ถ้าอยากไปเที่ยวต่างประเทศคงซื้อทัวร์ไปให้จบๆ ไปเองจะไปคุยกะเขายังไง ภาษาอังกฤษเรียนตั้งแต่อนุบาลยัน ป.ตรี พูดได้สักคำไหมหล่ะ ??? " เสียงจากเด็กหนุ่มวันอุดมศึกษาที่มองเรื่องการเที่ยวต่างประเทศเป็นเรื่องของ "คนรวย" จากวันนั้นจนถึงวันนี้เวลาล่วงเลยมาเกือบ 10 ปี หลายปัญหาค่อยๆ หายไป แต่เรื่องหลักๆ คือเรื่อง "เงิน" นี่หล่ะฮะ ท่านผู้ชม จนเสมอต้นเสมอปลาย ฮ่าๆ แต่ยังดีที่มันยังพอหาทางไปเที่ยวแบบราคาถูกๆ ได้บ้าง (ไปเอง หาทัวร์เอง กำหนดแพลนเอง)

DAY 1 

ทริปที่เตรียมไว้มีทั้งหมด 3 วัน 3 คืน (เที่ยวจริง 3 วัน 2 คืน ใครกลับไหวไปก่อนได้เลย ผมนอนพักอีก 1 คืน)
ปกติ ณ​ ปัจจุบันยังไม่มีสายการบินที่บินตรงจาก กทม. ไปสนามบินสุราบายา (เราก็จองไปสุราบายาแหล่ะ แต่ต้อง Tranfer flight) ผมออกเดินทางแต่เช้าตรู่ ไปพักที่กัวลาลัมเปอร์ตอนเที่ยงๆ พอดี เดินหาอะไรกินตั้งนาน ก็มาเจออะไรเตะตาหน่อย คือข้าวผัด 

กับผัดไทย (คิดชื่อให้)
รสชาติก็พอๆ กับร้านอาหารในห้างหล่ะครับ ราคาแพงแต่ไม่อร่อย ฮ่าๆ
ออกเดินทางจากกัวลาลัมเปอร์ประมาณ 14.00 ไปถึงสุราบายาสักประมาณ 16.00 สิ่งแรกที่ต้องทำคือมองหา Guide ที่ทัวร์เขาจัดให้เราก่อน ของผมเองคือคุณ Rofik เดินออกมาแป๊บเดียวก็เห็นเขายืนถือป้ายเขียนชื่อเราไว้ เลยตรงดิ่งเข้าไปหา เขาบอกว่าใช้เวลาเดินทางจากสนามบินไปที่พักแถวโบรโม่ประมาณ 3 - 4 ชั่วโมง 

ช่วงที่ออกมากจากสนามบินที่รู้สึกคือ รถติด รถเยอะ คล้ายๆ กทม. สักพักก็ขึ้นทางด่วน ถึงตอนนั้นบอกเลยว่าเพลียมาก เผลอหลับไปแป๊บเดียว ตื่นมาฟ้ามืดแล้ว Rofik ถามเราว่าชอบไก่มั้ย จะพาไปกินร้านไก่ย่าง คือ ณ วินาทีนั้นอะไรก็ได้ครับ อย่างหิวว ~ แต่เราก็แอบกลัวๆ รสชาติอาหารบ้านเขานะ เห็นว่ามันจืดๆ มั้ง แต่พออาหารมาเสิร์ฟได้ลองกัดไก่ย่างคำแรก บอกเลยยยยย อร่อยยยยยยย เข้มข้นเลยครับ 

อุณหภูมิลดดิ่งลงมาที่ 17 - 18 องศา เวลาประมาณ 20.00 ก่อนแยกย้ายเข้าห้องพักไกด์บอกเราว่า "พรุ่งนี้เจอกัน 02.30 นะ ห้ามสายนะ" คือไม่ต้องตกใจนะครับ ภาพสวยๆ ตาม Social หรือใน Internet เขาต้องไปถ่ายตอนเช้าๆ ซึ่งเวลาอินโดเนเซียนั้นเท่ากับบ้านเรา แต่ทางกายภาพแล้ว พระอาทิตย์จะขึ้นไวกว่า 1-2 ชั่วโมง แล้วเราต้องเดินทางผ่านทางวิบากไปอีกประมาณ 1 ชั่วโมง เราเลยต้องตื่นเช้าหน่อย แต่ๆๆๆ เดือนที่ผมไปเนี่ย มันกำลังจะเข้าหน้าฝนของที่นั่น พยาการอากาศไม่ได้เลยครับ แล้วแต่ดวง แล้วตอนนั้นฟ้าก็ปิดด้วย 

บรรยากาศหน้าห้องพัก

ในห้องก็ใหญ่อยู่นะนอนได้ 4 คน แต่พื้นเย็นมาก ใส่ถุงเท้าไว้ ทนเหม็นดีกว่าทนหนาว ฮ่าๆ 
ณ เวลานั้นก็ดึกแล้วสำหรับการตื่นตี 2 ต้องนอนไปด้วย พร้อมกับลุ้นไปด้วยวว่าฟ้าจะเปิดไหม 
(_ _)zZ...

DAY 2

ดีใจมากที่ตื่นทัน แต่จะบอกว่าหนาวมากกกก ใครจะอาบน้ำก็อาบ แต่ผมไม่ !! ฮ่าๆ ล้างหน้าแปรงฟัน รีบออกมาหาไกด์ให้ทัน พอออกไปถึงหน้าโรงแรมถือว่าคึกคักเลยหล่ะครับ รถจิ๊บวิ่งไปมาทีละ 2 - 3 คัน เราสามารถเดาได้เลยว่าคนต้องเยอะมาก 

พอเจอไกด์เขาก็พาไปขึ้นรถ เดินทางผ่านทางมืดๆ เลี้ยวลดคดเคี้ยว ใครเมารถง่ายพกยามาเลยนะครับ พอขึ้นเขาไปสักชั่วโมงนึกก็ถึงจุดชมวิวที่ชื่อ  "King kong hill" (ส่วนที่มาว่าทำไมต้องมีชื่อนี้ต้องลองย้อนกลับไปดูในวีดีโอต้นรีวิว อิอิ !!) บรรยากาศตรงนั้นก็ประมาณว่า (นึกภาพตามนะ) เป็นทางเดินตรงๆ สองข้างทางคนเดินเต็มไปหมด มีร้านขายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกระป๋อง (จำราคาไม่ได้ละ ณ ตอนนั้นกินหมดหล่ะครับ หิว ฮ่าๆ) 

ณ ตอนนั้นผมรู้สึกดีนะ บรรยากาศเย็นๆ มองเห็นแสงไฟจากหมู่บ้านอยู่ไกลๆ ผมเลย หาขาตั้งมากางถ่ายดูซะหน่อย ถ่ายเสร็จก็สังเกตุเห็นอะไรบางอย่าง เอ๊ะ !! มีหมอก มีภูเขา นี่มันหมู่บ้านทะเลหมอกหนิ !! ผมนี่ตื่นเต้นเลยครับ เพราะเคยเห็นแต่ใน Internet แต่คราวนี้ได้มีเจอของจริง อลังการกว่าในรูปเยอะเลยครับ 

ผมลองคุยกับไกด์ว่าเดี๋ยวจะไปหาที่จองวิว ไกด์พาผมไปแล้วบอกว่าขอกลับไปหลบหนาวก่อน ไม่ไหว ฮ่าๆ ตอนนั้นพระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นเลยครับ พอถึงจุดชมวิวผมเห็นเงาลางๆ อยู่ด้านขวา มองชัดๆ อีกที เห้ยยยย !!  นี่มันโบรโม่นี่ ยังไม่มีแสงแต่ขอจัดสักภาพหน่อยละกัน 

(ทฏษฎีแป๊บนะ) ณ ช่วงก่อนพระอาทิตย์ขึ้นจะมีช่วงที่แสงของท้องฟ้าเปลี่ยนจากสีดำเป็นสีจากการหักเหของแสงอาทิตย์ภาพชั้นบรรยากาศ ใครเอากล้องไป ถ่ายช่วงนี้จะได้ภาพแจ่มๆ กลับมาเชยชมกันเลยทีเดียว 
แสงเริ่มมาละครับ ช่วงนี้สวยมาก แต่น่าเสียดายที่ภาพจากกล้องทำยังก็ไม่เท่าตาคนเห็น 
พี่ไกด์ Rofik เราแลจะหายหนาวเลยลงมาหา ผมถามว่า "นั่นหมู่บ้านอะไร ?" เขาบอกว่า "หมู่บ้าน Cemoro Lawang เป็นหมู่บ้านสุดท้ายก่อนขึ้นมาถึงที่นี่" 
สำหรับคนอื่นมันก็เหมือนที่เที่ยวทั่วไปแหล่ะนะ แต่สำหรับผมที่ไม่คิดว่าวันนึงจะได้มาเห็นกับตา หมู่บ้านนี้รวมถึงโบรโม่มันกลับพิเศษและมีคุณค่าทางจิตใจอย่างมาก จนถึงขั้นว่าเที่ยวแค่นี้พอแล้ว กลับเลยก็ได้นะฮ่าๆ 




ชื่อสินค้า:   โบรโม่ & คาวาอิเจ้น
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่