“เพื่อไทย” แฉ“บิ๊กตู่” พัวพันเจ้าสัวรายใหญ่ เอื้อประโยชน์อภิมหาสัญญา
https://www.khaosod.co.th/politics/news_3586584
“เพื่อไทย” แฉ“บิ๊กตู่” พัวพันเจ้าสัวรายใหญ่ เอื้อประโยชน์อภิมหาสัญญาเช่าศูนย์สิริกิติ์ ยาว 50 ปี
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 16 ก.พ. ที่พรรคเพื่อไทย นาย
ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม เพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมการกิจการพิเศษ พรรคเพื่อไทย แถลงข้อมูลก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เกี่ยวกับค่าโง่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ที่ใช้อภิมหาสัญญาเช่ายาวนานสูงสุดของประเทศไทยถึง 50 ปี ว่า เจ้าสัวรายใหญ่มีแผนดำเนินธุรกิจ New CBD Bangkok แต่โครงการนี้จะสมบูรณ์แบบไม่ได้ ถ้าเจ้าสัวไม่ได้เช่าพื้นที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
เนื่องจากที่ผ่านมาเจ้าสัวลงทุนไปกว่า 1.5 แสนล้านบาท เพื่อทำธุรกิจ MICE ซึ่งเป็นธุรกิจที่เกี่ยวกับการจัดประชุมบริษัทข้ามชาติ การท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัลโดยบริษัทออกค่าใช้จ่ายให้ การประชุมนานาชาติ และการจัดนิทรรศการ ซึ่งนักท่องเที่ยวที่จะใช้บริการ MICE จะมีหลักในการเที่ยวแบบเฉพาะเจาะจง เพื่อเข้าร่วมประชุมบริษัทหรือประชุมนานาชาติ MICE
จึงสามารถนำนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพในการใช้จ่ายสูงกว่านักท่องเที่ยวทั่วไป 3 – 4 เท่า ดังนั้น กลุ่มเจ้าสัวจะต้องเอาพื้นที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ให้ได้ เพราะต่อไปจะกลายศูนย์การประชุมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และอยู่ใจกลางกรุงเทพมหานคร เพื่อให้ธุรกิจครบวงจร
นาย
ยุทธพงศ์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์สร้างขึ้นด้วยเงินของรัฐบาล สมัยพล.อ.
ชาติชาย ชุณหะวัณ เพื่อจัดประชุมเวิลด์แบงก์ โดยบริษัท NCC Management and Development เข้ามาดูแลเรื่องการประชุม ซึ่งหลังจากจัดประชุมไปแล้วจะต้องหาบริษัทเข้ามา รัฐบาลก็หาคนมาดูแลพื้นที่ตรงนี้ต่อโดยให้ NCC เสนอแผนการลงทุน และประโยชน์ตอบแทนมา ซึ่งตามสัญญาบริษัท NCC จะต้องสร้างโรงแรมมาตรฐาน 4–5 ดาว จำนวน 400 ห้อง ,ที่จอดรถ 3,000 คัน ,พื้นที่เชิงพาณิชย์ไม่น้อยกว่า 28,000 ตารางเมตร
แต่เมื่อเวลาผ่านไปปรากฎว่า NCC ไม่ได้สร้างโรงแรม เท่ากับว่า NCC ผิดสัญญาตั้งแต่ตอนนั้น ดังนั้น ทุกอย่างต้องเป็นโมฆะตั้งแต่ตอนนั้น แต่รัฐบาล พล.อ.
ประยุทธ์ เข้ามาต่อสัญญาให้เช่าเพิ่มอีก 50 ปี ซึ่งถือว่าเป็นอภิมหาสัญญาเช่าที่นานที่สุดของประเทศ เพราะรัฐบาลยังไม่เคยทำสัญญาให้เอกชนรายใดในประเทศเช่าได้นานขนาดนี้
นาย
ยุทธพงศ์ กล่าวอีกว่า วิธีการเช่าศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ของเจ้าสัวสุดพิศดาร และพล.อ.
ประยุทธ์ ไม่ได้ระมัดระวัง ไม่รอบคอบ และไม่เปิดให้มีการประมูลแข่งขันอย่างเป็นธรรม เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ พล.อ.
ประยุทธ์ไม่ฟังใครทั้งนั้น จะให้เจ้าสัวท่าเดียว เท่ากับพล.อ.
ประยุทธ์ เข้าไปพัวพันกับเจ้าสัวใช่หรือไม่ เพราะในสัญญาใหม่ก็เขียนอีกว่าจะสร้างโรงแรมอีก ตรงนี้จะไม่เรียก ค่าโง่ ได้อย่างไร
เพราะในสัญญาเก่าก็ระบุว่า จะสร้างโรงแรมก็ยังไม่ได้สร้าง เรื่องนี้ไม่ต่างอะไรจากกรณีสัญญารถดับเพลิงที่สุดท้ายก็ต้องเลิกทำ อย่างไรก็ตาม หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจจะสามารถทำให้ยกเลิกอภิมหาสัญญาเช่า 50 ปีได้ นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลที่เกี่ยวกับการธุรกิจอีกมากที่เกี่ยวกับการทุจริต ซึ่งยังมีเจ้าสัวคนอื่นๆอีก
ตนอยากให้ประชาชนได้ติดตามการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะเกิดขึ้น ทั้งนี้ ถ้าพล.อ.
ประยุทธ์ ทนฟังเรื่องเลวร้ายของตัวเองไม่ได้ สัปดาห์หน้า ยังมีเวลาที่จะไปพิจารณาลาออกก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ยืนยันว่า พรรคเพื่อไทยมีข้อมูล และพร้อมทำหน้าที่ตรวจสอบ และในวันพรุ่งนี้ (17 ก.พ.) เวลา 10.00 น. ตนมีข้อมูลเกี่ยวกับโรงงานยาสูบมาเปิดเผยอีก
'อนุดิษฐ์' ชี้ฝ่ายค้านเตรียมหมัดเด็ด น็อก 'องครักษ์พิทักษ์นายกฯ' เป็นหมันศึกซักฟอก
https://voicetv.co.th/read/WKhm2Znlm
เลขาธิการพรรคเพื่อไทย เรียกน้ำย่อยการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล เหน็บองครักษ์พิทักษ์นายกรัฐมนตรี ไม่เกิดประโยชน์ เชื่อมือซักฟอกฝ่ายค้านมีข้อมูลเด็ด ไม่เปิดโอกาสให้องครักษ์ลุกประท้วง
น.อ.
อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย( พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมการรับมือองครักษ์พิทักษ์นายกรัฐมนตรีในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ว่า ส่วนตัวคิดว่าการเตรียมตัวจัดชุดองครักษ์พิทักษ์นายกรัฐมนตรี น่าจะไม่เกิดประโยชน์อะไร เพราะจากการที่ตนมีโอกาสรับทราบเนื้อหา และแนวทางของผู้อภิปรายจากทุกพรรค เชื่อว่าผู้อภิปรายทุกคนจะอภิปรายในเนื้อหาของญัตติไม่ไว้วางใจที่เป็นข้อเท็จจริงเท่านั้น จึงไม่เปิดโอกาสให้องครักษ์ทั้งหลายลุกขึ้นประท้วง จึงน่าจะเป็นหมันและองครักษ์ทั้งหลายที่ลุกขึ้นประท้วง โดยไม่ยึดข้อบังคับและต้องการเพียงเพื่อที่จะปั่นป่วนการอภิปรายเอาใจนายกรัฐมนตรี ก็ขอให้สำนึกไว้ด้วยว่าการกระทำเช่นนั้นไม่ใช่การทำงาน เพื่อประชาชนตามที่ได้เลือกเข้าสภาฯ แต่เป็นการรับใช้นายเท่านั้น และสุดท้ายจะกลายเป็นตัวตลกในสายตาประชาชน
เมื่อถามว่า รัฐบาลตั้งท่าจะประท้วงหากฝ่ายค้านนำเรื่องเก่ามาอภิปราย น.อ.
อนุดิษฐ์ กล่าวว่า ตนชี้แจงไปหลายครั้งแล้วว่าการอภิปรายไม่ได้ห้ามเนื้อหาที่เชื่อมโยงพฤติกรรมในอดีต ทั้งนี้สอดคล้องและเป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ หากองครักษ์ทั้งหลายจะได้กรุณาศึกษาข้อกฎหมายและข้อบังคับ จะพบว่าถ้าการอภิปรายอยู่ในเนื้อหาของญัตติ และเป็นการเชื่อมโยงเพื่อสะท้อนให้เห็นว่าทำไมนายกฯ และพวกจึงต้องถูกอภิปรายก็สามารถอภิปรายได้อย่างแน่นอน
เมื่อถามว่า ในการอภิปรายครั้งนี้มีกระแสข่าวพรรครัฐบาลเตรียมใช้ “
งูเห่า”ช่วยนายกรัฐมนตรี น.อ.
อนุดิษฐ์ กล่าวว่า เรื่องกระแสงูเห่ามาตั้งแต่เริ่มต้นเปิดสภาผู้แทนราษฎร บ้างก็บอกว่ามี 30 ตัว บ้างก็ว่า มี 20 ตัว แต่ที่ผ่านมาก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเป็นแค่การปล่อยข่าวหรือเป็นเพียงล่ำลือเท่านั้น เพราะเอาเข้าจริงก็จะปรากฏงูเห่าเพียงไม่กี่คนที่ประชาชนรับรู้ในพฤติกรรมของแต่ละท่านอยู่แล้ว ตนเองก็ไม่ขอไปก้าวล่วงใครอยู่พรรคไหนและทำผิดอะไรก็ต้องได้รับโทษตามข้อบังคับของแต่ละพรรคแต่ที่เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ พี่น้องประชาชนจะตัดสินส.ส.เหล่านี้ในการเลือกตั้งครั้งหน้า
เมื่อถามถึง กรณีส.ส.เสียบบัตรแทนกันต้องแสดงความรับผิดชอบหรือไม่ น.อ.
อนุดิษฐ์ กล่าวว่า ตนเคยให้ความเห็นเรื่องนี้มาแล้วว่าผู้ทำหน้าที่ส.ส. และผู้บริหารพรรคการเมืองถือว่าเป็นนักการเมืองที่ต้องมีความรับผิดชอบสูงกว่าคนทั่วไปสำหรับพฤติกรรมเสียบบัตรแทนกันนั้นคงไม่ต้องรอให้ใครมาบอกว่าเป็นการทำที่ผิดหรือไม่ ดังนั้นทั้งผู้บริหารพรรค และส.ส.ที่เสียบบัตรแทนกันควรจะต้องแสดงความรับผิดชอบทางการเมืองได้แล้ว และปกติการแสดงความรับผิดชอบทางการเมืองขั้นสูงสุดที่นักการเมืองทั่วโลกปฏิบัติคือการลาออก หรือจะแสดงออกด้วยมาตรการอื่นๆก็สุดแล้วแต่
ทั้งนี้ตั้งแต่เกิดเรื่องจนศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ.2563ใหม่ ตนเองยังไม่เคยได้ยินคำขอโทษจากผู้บริหารพรรคหรือส.ส.ที่กระทำผิดเลยซักคน และที่กล่าวมาถือเป็นเรื่องความรับผิดชอบทางการเมืองที่ทุกคนต้องมี แต่ความรับผิดชอบทางกฎหมายก็เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่จะต้องเร่งพิจารณากันต่อไปเพราะในอดีตมีบรรทัดฐานในเรื่องนี้อยู่แล้ว
JJNY : พท.แฉตู่ เอื้อประโยชน์สัญญา/อนุดิษฐ์ชี้เตรียมหมัดเด็ด/สหรัฐปิดประตูเจรจายกเลิกตัดจีเอสพี/ธปท.ฟันธงQ1หดทั่วไทย
https://www.khaosod.co.th/politics/news_3586584
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 16 ก.พ. ที่พรรคเพื่อไทย นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม เพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมการกิจการพิเศษ พรรคเพื่อไทย แถลงข้อมูลก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เกี่ยวกับค่าโง่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ที่ใช้อภิมหาสัญญาเช่ายาวนานสูงสุดของประเทศไทยถึง 50 ปี ว่า เจ้าสัวรายใหญ่มีแผนดำเนินธุรกิจ New CBD Bangkok แต่โครงการนี้จะสมบูรณ์แบบไม่ได้ ถ้าเจ้าสัวไม่ได้เช่าพื้นที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
เนื่องจากที่ผ่านมาเจ้าสัวลงทุนไปกว่า 1.5 แสนล้านบาท เพื่อทำธุรกิจ MICE ซึ่งเป็นธุรกิจที่เกี่ยวกับการจัดประชุมบริษัทข้ามชาติ การท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัลโดยบริษัทออกค่าใช้จ่ายให้ การประชุมนานาชาติ และการจัดนิทรรศการ ซึ่งนักท่องเที่ยวที่จะใช้บริการ MICE จะมีหลักในการเที่ยวแบบเฉพาะเจาะจง เพื่อเข้าร่วมประชุมบริษัทหรือประชุมนานาชาติ MICE
จึงสามารถนำนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพในการใช้จ่ายสูงกว่านักท่องเที่ยวทั่วไป 3 – 4 เท่า ดังนั้น กลุ่มเจ้าสัวจะต้องเอาพื้นที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ให้ได้ เพราะต่อไปจะกลายศูนย์การประชุมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และอยู่ใจกลางกรุงเทพมหานคร เพื่อให้ธุรกิจครบวงจร
นายยุทธพงศ์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์สร้างขึ้นด้วยเงินของรัฐบาล สมัยพล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ เพื่อจัดประชุมเวิลด์แบงก์ โดยบริษัท NCC Management and Development เข้ามาดูแลเรื่องการประชุม ซึ่งหลังจากจัดประชุมไปแล้วจะต้องหาบริษัทเข้ามา รัฐบาลก็หาคนมาดูแลพื้นที่ตรงนี้ต่อโดยให้ NCC เสนอแผนการลงทุน และประโยชน์ตอบแทนมา ซึ่งตามสัญญาบริษัท NCC จะต้องสร้างโรงแรมมาตรฐาน 4–5 ดาว จำนวน 400 ห้อง ,ที่จอดรถ 3,000 คัน ,พื้นที่เชิงพาณิชย์ไม่น้อยกว่า 28,000 ตารางเมตร
แต่เมื่อเวลาผ่านไปปรากฎว่า NCC ไม่ได้สร้างโรงแรม เท่ากับว่า NCC ผิดสัญญาตั้งแต่ตอนนั้น ดังนั้น ทุกอย่างต้องเป็นโมฆะตั้งแต่ตอนนั้น แต่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เข้ามาต่อสัญญาให้เช่าเพิ่มอีก 50 ปี ซึ่งถือว่าเป็นอภิมหาสัญญาเช่าที่นานที่สุดของประเทศ เพราะรัฐบาลยังไม่เคยทำสัญญาให้เอกชนรายใดในประเทศเช่าได้นานขนาดนี้
นายยุทธพงศ์ กล่าวอีกว่า วิธีการเช่าศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ของเจ้าสัวสุดพิศดาร และพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ระมัดระวัง ไม่รอบคอบ และไม่เปิดให้มีการประมูลแข่งขันอย่างเป็นธรรม เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ฟังใครทั้งนั้น จะให้เจ้าสัวท่าเดียว เท่ากับพล.อ.ประยุทธ์ เข้าไปพัวพันกับเจ้าสัวใช่หรือไม่ เพราะในสัญญาใหม่ก็เขียนอีกว่าจะสร้างโรงแรมอีก ตรงนี้จะไม่เรียก ค่าโง่ ได้อย่างไร
เพราะในสัญญาเก่าก็ระบุว่า จะสร้างโรงแรมก็ยังไม่ได้สร้าง เรื่องนี้ไม่ต่างอะไรจากกรณีสัญญารถดับเพลิงที่สุดท้ายก็ต้องเลิกทำ อย่างไรก็ตาม หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจจะสามารถทำให้ยกเลิกอภิมหาสัญญาเช่า 50 ปีได้ นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลที่เกี่ยวกับการธุรกิจอีกมากที่เกี่ยวกับการทุจริต ซึ่งยังมีเจ้าสัวคนอื่นๆอีก
ตนอยากให้ประชาชนได้ติดตามการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะเกิดขึ้น ทั้งนี้ ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ ทนฟังเรื่องเลวร้ายของตัวเองไม่ได้ สัปดาห์หน้า ยังมีเวลาที่จะไปพิจารณาลาออกก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ยืนยันว่า พรรคเพื่อไทยมีข้อมูล และพร้อมทำหน้าที่ตรวจสอบ และในวันพรุ่งนี้ (17 ก.พ.) เวลา 10.00 น. ตนมีข้อมูลเกี่ยวกับโรงงานยาสูบมาเปิดเผยอีก
'อนุดิษฐ์' ชี้ฝ่ายค้านเตรียมหมัดเด็ด น็อก 'องครักษ์พิทักษ์นายกฯ' เป็นหมันศึกซักฟอก
https://voicetv.co.th/read/WKhm2Znlm
เลขาธิการพรรคเพื่อไทย เรียกน้ำย่อยการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล เหน็บองครักษ์พิทักษ์นายกรัฐมนตรี ไม่เกิดประโยชน์ เชื่อมือซักฟอกฝ่ายค้านมีข้อมูลเด็ด ไม่เปิดโอกาสให้องครักษ์ลุกประท้วง
น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย( พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมการรับมือองครักษ์พิทักษ์นายกรัฐมนตรีในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ว่า ส่วนตัวคิดว่าการเตรียมตัวจัดชุดองครักษ์พิทักษ์นายกรัฐมนตรี น่าจะไม่เกิดประโยชน์อะไร เพราะจากการที่ตนมีโอกาสรับทราบเนื้อหา และแนวทางของผู้อภิปรายจากทุกพรรค เชื่อว่าผู้อภิปรายทุกคนจะอภิปรายในเนื้อหาของญัตติไม่ไว้วางใจที่เป็นข้อเท็จจริงเท่านั้น จึงไม่เปิดโอกาสให้องครักษ์ทั้งหลายลุกขึ้นประท้วง จึงน่าจะเป็นหมันและองครักษ์ทั้งหลายที่ลุกขึ้นประท้วง โดยไม่ยึดข้อบังคับและต้องการเพียงเพื่อที่จะปั่นป่วนการอภิปรายเอาใจนายกรัฐมนตรี ก็ขอให้สำนึกไว้ด้วยว่าการกระทำเช่นนั้นไม่ใช่การทำงาน เพื่อประชาชนตามที่ได้เลือกเข้าสภาฯ แต่เป็นการรับใช้นายเท่านั้น และสุดท้ายจะกลายเป็นตัวตลกในสายตาประชาชน
เมื่อถามว่า รัฐบาลตั้งท่าจะประท้วงหากฝ่ายค้านนำเรื่องเก่ามาอภิปราย น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวว่า ตนชี้แจงไปหลายครั้งแล้วว่าการอภิปรายไม่ได้ห้ามเนื้อหาที่เชื่อมโยงพฤติกรรมในอดีต ทั้งนี้สอดคล้องและเป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ หากองครักษ์ทั้งหลายจะได้กรุณาศึกษาข้อกฎหมายและข้อบังคับ จะพบว่าถ้าการอภิปรายอยู่ในเนื้อหาของญัตติ และเป็นการเชื่อมโยงเพื่อสะท้อนให้เห็นว่าทำไมนายกฯ และพวกจึงต้องถูกอภิปรายก็สามารถอภิปรายได้อย่างแน่นอน
เมื่อถามว่า ในการอภิปรายครั้งนี้มีกระแสข่าวพรรครัฐบาลเตรียมใช้ “งูเห่า”ช่วยนายกรัฐมนตรี น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวว่า เรื่องกระแสงูเห่ามาตั้งแต่เริ่มต้นเปิดสภาผู้แทนราษฎร บ้างก็บอกว่ามี 30 ตัว บ้างก็ว่า มี 20 ตัว แต่ที่ผ่านมาก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเป็นแค่การปล่อยข่าวหรือเป็นเพียงล่ำลือเท่านั้น เพราะเอาเข้าจริงก็จะปรากฏงูเห่าเพียงไม่กี่คนที่ประชาชนรับรู้ในพฤติกรรมของแต่ละท่านอยู่แล้ว ตนเองก็ไม่ขอไปก้าวล่วงใครอยู่พรรคไหนและทำผิดอะไรก็ต้องได้รับโทษตามข้อบังคับของแต่ละพรรคแต่ที่เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ พี่น้องประชาชนจะตัดสินส.ส.เหล่านี้ในการเลือกตั้งครั้งหน้า
เมื่อถามถึง กรณีส.ส.เสียบบัตรแทนกันต้องแสดงความรับผิดชอบหรือไม่ น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวว่า ตนเคยให้ความเห็นเรื่องนี้มาแล้วว่าผู้ทำหน้าที่ส.ส. และผู้บริหารพรรคการเมืองถือว่าเป็นนักการเมืองที่ต้องมีความรับผิดชอบสูงกว่าคนทั่วไปสำหรับพฤติกรรมเสียบบัตรแทนกันนั้นคงไม่ต้องรอให้ใครมาบอกว่าเป็นการทำที่ผิดหรือไม่ ดังนั้นทั้งผู้บริหารพรรค และส.ส.ที่เสียบบัตรแทนกันควรจะต้องแสดงความรับผิดชอบทางการเมืองได้แล้ว และปกติการแสดงความรับผิดชอบทางการเมืองขั้นสูงสุดที่นักการเมืองทั่วโลกปฏิบัติคือการลาออก หรือจะแสดงออกด้วยมาตรการอื่นๆก็สุดแล้วแต่
ทั้งนี้ตั้งแต่เกิดเรื่องจนศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ.2563ใหม่ ตนเองยังไม่เคยได้ยินคำขอโทษจากผู้บริหารพรรคหรือส.ส.ที่กระทำผิดเลยซักคน และที่กล่าวมาถือเป็นเรื่องความรับผิดชอบทางการเมืองที่ทุกคนต้องมี แต่ความรับผิดชอบทางกฎหมายก็เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่จะต้องเร่งพิจารณากันต่อไปเพราะในอดีตมีบรรทัดฐานในเรื่องนี้อยู่แล้ว