Road Tripครั้งหนึ่งในชีวิต ขับรถเที่ยวทั่วอเมริกากับสาจ๋า10สัปดาห์ - EP1 พาไปTrekking ที่ Zion National Park รัฐ Utah

สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นออกตัวก่อนว่านี่เป็นครั้งแรกที่เราเขียนกระทู้ในพันทิปและตัดสินใจแชร์ประสบการณ์Road Trip ทั่วอเมริกา 10สัปดาห์ที่เพิ่งไปมาเมื่อปลายปีสดๆร้อนๆ  เป็นRoad Tripที่ยาวนานที่สุดในชีวิต และสมบุกสมบันสุดๆแล้วค่ะ วันนี้เลยขอมาแชร์บ้าง เผื่อเป็นจะเป็นประโยชน์กับหลายๆคนนะคะ  

อเมริกาประเทศที่อาจจะอยู่ในลิสการท่องเที่ยวขอหลายๆคน ประเทศที่มีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับ3 ของโลก มีขนาดเล็กกว่าทวีปยุโรปทั้งทวีปเพียงเล็กน้อย  มีประชากรเยอะเป็นอันดับ4ของโลก แต่ละรัฐทั้ง50รัฐนั้นมีความเหมือนและแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เราและสาจ๋าจึงตัดสินใจทำตามความฝัน ขับรถออกเดินทางท่องเที่ยวทั่วอเมริกากว่า10สัปดาห์ ซึ่งถือว่าเป็นทริปที่มีทั้งความโหด มันส์ ฮา และความเหนื่อยแบบฝุดๆ แต่ก็คุ้มค่ามากๆค่ะ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

เราเริ่มออกเดินทางจากบ้านที่ซานฟรานซิสโก ต้นเดือยพย.ที่ผ่านมา จุดหมายแรกคือรัฐยูท่าห์ พอเอ่ยถึงรัฐยูท่าห์ และ อาริโซน่า ส่วนมากคนจะรู้จักแต่Grand Canyon  แต่ยังมีที่ธรรมชาติสวยๆอีกหลายแห่งที่สวยไม่แพ้แกรนด์แคนยอนเลยค่ะ ดังนั้น 3อาทิตย์แรก เราจะHiking ให้ทั่วยูท่าห์ค่ะ จุดหมายแรกคือZion National Park 
เส้นทาง - เริ่มจากซานฟรานซิสโก เราขับรถลงมาทางใต้ตามไฮเวย์หมายเลข5 จนถึงเมืองBarstow (CA.) จากนั้นขับขึ้นไปทางตะวันออกเฉียงเหนือตามไฮเวย์หมายเลข15 รวมระยะทาง 569 ไมล์ (915กม.)ใช้เวลาทั้งหมดราว 10ชม. ก็มาถึงที่ลาสเวลกัส รัฐเนวาดาค่ะ




หลังจากนอนพักกัน1 คืน เราก็ขับรถไปต่อเพื่อจะไปที่ไซออน เนชั่นนอลพาร์ค ที่รัฐยูท่าห์ค่ะ จากลาสเวกัส เราขับรถขึ้นมาทางตะวันออกเฉียงเหนือตามทางหลวงหมายเลข15 ระยะทาง160ไมล์ (257กม.) ราวๆ 3ชม.ค่ะ หรือถ้าใครจะบินมาลงที่ลาสเวกัสแล้วเช่ารถขัยมาที่นี่ก็ได้เช่นกันค่ะ

ไซออนเนชั่นนอลพาร์ค ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของรัฐยูท่าห์ พาร์คก่อตั้ง ตั้งแต่19 พย. คศ. 1919 กินพื้นครอบคลุมกว่า  219ตร.ม.(137,000ไร่) ในปีนึงมีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาเยือนที่นี่กว่า4ล้านคน เมืองที่ใกล้ที่สุดคือเมืองSpringdale ซึ่งอยู่ด้านหน้าของพาร์ค เป็นเมืองท่องเที่ยวเล็กๆน่ารักที่มีทุกอย่างครบครัน มีทั้งโรงแรม ร้านอาหาร ร้านค้าต่างๆมากมาย เพื่อนๆสามารถมาพักโรงแรมที่เมืองนี้และนั่งรถชัตเตอร์บัสที่ให้บริการฟรีทุกๆ10นาทีตลอดทั้งวัน จากในเมืองเพื่อเข้าไปในพาร์ค สะดวกมากๆค่ะ 


ที่นี่มีการจัดการดีมากและสะดวกมาก นอกจากมีShutter bus แล้ว ยังมีบริการน้ำดื่มให้กดฟรี และห้องน้ำ ตั้งอยู่ทุกๆป้ายรถภายในพาร์ค ซึ่งมีทั้งหมด9ป้าย สามารถเลือกลงป้ายที่ต้องการและHikingได้เลยค่ะ

ที่พัก - สำหรับทริปนี้เราจะตั้งเต้นท์นอน2คืนและนอนโรงแรมคืนสุดท้ายอีก1คืน เราจึงขับรถเข้าไปในพาร์คเพื่อติดต่อที่tourist informationในการจองเต้นท์นะคะ ซึ่งที่นี่มีจุดจั้งเต้นท์หลายที่ แต่ส่วนมากคนจะจองกันข้ามปีกันเลยทีเดียวค่ะ เพราะมีพื้นที่จำกัด โดยเฉพาะหน้าร้อน (มิย.-กย.) ซึ่งก็เป็นอย่างที่คาด ขนาดไปหน้าหนาวจุดตั้งเต้นท์ที่เป็นแบบส่วนตัวก็ยังเต็มค่ะ! แต่ไม่เป็นไรค่ะ เจ้าหน้าที่บอกว่ายังมีจุดตั้งเต้นท์ที่เป็นแบบหมู่คณะว่างอยู่ ซึ่งเค้าจะเปิดให้กับคนที่walk in อย่างเราๆเข้ามาใช้บริการได้ ความต่างกันก็คือจุดตั้งเต้นท์หมู่คณะจะเป็นลานกว้างๆสามารถตั้งเต้นท์ได้ประมาณ10 เต้นท์ ซึ่งใครที่ไม่ได้จองมาล่วงหน้าก็สามารถหาที่ปักเต้นท์กันคนละมุมได้ค่ะ ซึ่งเราต้องใช้โต๊ะอาหาร จุดก่อกองไฟ ร่วมกับคนอื่นๆนะคะ ในขณะที่จุดตั้งเต้นท์ที่เป็นส่วนตัว สามารถตั้งเต้นาท์ได้ประมาณไม่เกิน 3เต้นท์ โต๊ะอาหารและที่ก่อไฟพร้อมค่ะ สำหรับค่าเช่าพื้นที่ในการตั้งเต้นท์คือ 20 เหรียญ (600บ.) ต่อคืนค่ะ



จุดชมวิว - ธรรมชาติที่ไซออนมีความสวยงามมากๆไม่แพ้แกรนด์แคนยอน มีทางเดินเขาหลายที่ ทั้งแบบง่ายปานกลางไปจนถึงแบบที่มีความหวาดเสียวผาชันกันเลยทีเดียว จุดที่นักท่องเที่ยวนิยมคือ The Narrow, Angel Landing,  The Emeral Pool และ Canyon Overlook  ทางเดินเขาที่เราชอบที่สุดคือ The Narrow เพราะเป็นทางเดินที่ต้องลุยน้ำไปในแม่น้ำVergin สวยงามและสนุกมากๆค่ะ เรามาตอนนี้น้ำเย็นมากๆ แต่ถ้ามาหน้าร้อนนี่สามาถเดินได้ไกลๆเลยค่ะ หน้าร้อนนี่จะเห็นคนพาลูกเด็กเล็กแดงมาเดินลุยน้ำกันเยอะ เด็กๆนี่จะชอบทางเดินนี้มากค่ะ ซึ่งระยะทางรวมกว่า40กม.ถ้าเดินไปจนสุดนี่ใช้เวลา2-3วันกันเลยทีเดียวค่ะ สามารถนั่ง  Shutter Bus ไปลงป้ายที่9 คือป้ายสุดท้าบแล้วเดินเรียบริมแม่น้ำเข้าไปจนสุดทาง จากนั้นก็ต้องเดินลุยน้ำอย่างที่เห็นค่ะ ควรติดรองเท้าที่สำหรับเดินในน้ำไปด้วยนะคะ เพราะพื้นเป็นหินจะค่อนข้างลื่น เดินลำบากพอสมควรค่ะ





ถ้าใครอยากชมวิวสวยๆแบบไม่ต้องสมบุกสมบันมาก แนะนำทางเดินเขา The Watchman Trail ใช้เวลาเดินขึ้นเขาประมาณ1ชม. ทางไม่ชันเดินง่าย วิวสวยๆค่ะ ทางเดินอยู่ใกล้กับทางเข้า  อยู่ที่ป้ายรถ Shutter Bus หมายเลข1 ค่ะ เดินน้อยๆ แต่ได้ดูวิวหลักล้านแบบนี้ค่ะ



แต่ถ้าใครอยากพิชิตยอดเขาสูงๆต้อง Angel Landingค่ะ แต่ทางเดินก็จะชันและค่อนข้างอันตรายนะคะ ซึ่งเราใจไม่กล้าพอ เพราะว่าเพิ่งเริ่มต้นทริปที่แรกที่นี่ เกืดบาดเจ็บก็จะอดไปทั้งทริป เราเลยเลือกHiking จุดที่ง่ายถึงปานกลางค่ะ แต่ไม่ต้องกังวลค่ะ คนที่อยากเดินสบายแต่ได้วิวอลังการงานยอดเขาก็สามารถไปที่Canyon Overlook  ได้เห็นมุมเดียวกันกับAngel Landingค่ะ ที่นี่อยู่ด้านในของพาร์คแต่ต้องขับรถไปเพราะ Shutter Busเข้าไปไม่ถึงนะคะ ซึ่งสองข้างทางที่ขับไปก็จะเป็นทางขึ้นเขา สวยมากๆค่ะ ขับไปเรื่องๆออกจากอุโมงจเห็นป้าย Canyon Overlookให้เริ่มหาที่จอดนะคะ เพราะต้องจอดไหล่ทางค่ะ จอดรถปุ้ปเดินไปไม่ไกลก็เจอวิวอลังการแบบนี้เลยค่ะ



ทางเดินเขาแต่ละที่ระยะทางแตกต่างกัน มีทั้งที่สามารถเดินได้ไม่กี่ชม.และเดินทั้งวัน เพราะฉนั้นควรเผื่อเวลามาเที่ยวที่นี่อย่างน้อย 4วัน3คืนนะคะ เพื่อจะได้มีเวลาสัมผัสความงามของที่นี่ได้อย่างแต็มที่นะคะ

คืนสุดท้ายเราออกจากป่ามานอนโรงแรม  Hampton Inn Suites by Hilton ที่เมืองSpringdaleที่อยู่ด้านหน้าพาร์คบ้าง เดินเขาเหนื่อยมาหลายวัน ได้อาบน้ำอุ่น แช่น้ำร้อน และว่ายน้ำในสระน้ำอุ่นนี่ดีงามมากค่ะทุกคน 


ค่าใช้จ่าย เราคำนวนเรทเลขกลมๆ $1ต่อ 30บาทนะคะ
- ค่าเข้าพาร์คราคา $35(1,050บ.) ต่อสัปดาห์ ถ้าใครจะไปเที่ยวที่แกรนด์แคนยอนหรือพาร์คอื่นต่อด้วย แนะให้ซื้อเป็นตั๋วรายปีราคา $85 (2,550บ.) จะคุ้มกว่าค่ะ เพราะค่าเข้าแต่ละพาร์คราคาประมาณ$30 - $35
- ค่าจุดตั้งเต้นท์$20 (600บ.)ต่อคืน เรานอนโรงแรมที่ เมืองSpringdale คืนสุดท้าย ราคาประมาณ $120(3,600บ.) ซึ่งสวนมากราคาจะเริ่มที่$100(3,000บ.)ขึ้นไป ถ้าหน้าร้อนซึ่งเป็นHigh Seasonราคาอาจจะสูงขึ้นนิดหน่อยนะคะ 

ส่วนจุดหมายต่อไปเราะจะขับไปที่Bryce Canyonค่ะ ฝากติดตามด้วยนะคะยิ้ม

#MyExpedition #MyExpeditionLife #ScottFamJourney #Travel #Traveller #TravelTheWorld #USA #69DaysAcossUSA #RoadTrip
https://youtu.be/OwgUYvpO78I

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่