บ้านเป็นทาวน์เฮาส์ ข้างบ้านมีคนมาอยู่ แต่ไม่ได้เป็นเจ้าของบ้าน มีฐานะเป็นลูกจ้างของตึกที่อยู่ด้านหลังอีกที
แต่เดิม ลูกจ้างผู้หญิงครับ (ตึกด้านหลังทำเป็นอพาร์ทเมนท์แล้วอาศัยห้องทาวน์เฮาส์หลังนี้เป็นทางออกสำหรับคน
เพื่อใช้เดินเป็นทางลัดไปสถานีรถไฟฟ้า) เจ้าของอพาร์ทเมนท์ก็อัธยาศัยดีครับ เคยเจอก็พูดคุยกันดี ให้ลูกจ้างมาอยู่อาศัยด้านบน
ความที่มาอยู่ใกล้กันก็มีกระทบกระทั่งกับที่บ้านโดยเฉพาะกับภรรยาผม ที่ไม่ค่อยจะยอมใครอยู่ด้วย
ซึ่งผมก็ได้คอยห้าม ไม่ให้ต่อล้อต่อเถียง สอนให้ทำหูทวนลม พูดอะไรก็ให้ผ่านเลยไป
อย่าเอาพิมเสนไปแลกเกลือ แฟนผมเธอก็เชื่อ เลิกคุยเลิกพูด
จนอยู่มาวันหนึ่ง เรื่องการรดน้ำต้นไม้ ก็มีการกระเซ็นเป็นฝอยข้ามไปที่ดาดฟ้า
ซึ่งปกติก็ไม่ได้ใช้งานอะไร แต่พอมีรอยกระเซ็นเปียกก็พูดบ่นให้ผมได้ยิน
ในวันนั้น ผมตบะแตก ก็เลยถามไปว่า "ถามจริง ในชีวิตมีความสุขบ้างไหม
ทำไมต้องซีเรียสอะไรกับทุกเรื่องที่หยุมหยิมแบบนี้ " วันนั้นเธอโมโหมาก
เพราะที่ผ่านมา ผมไม่เคยพูดอะไรกับเธอ แล้วผมก็รับปิดประตู ไม่ฟังที่เธอจะพูดด่าอะไร
มาวันนี้ ผมล้างรถ น้ำก็ไหลไปในร่องน้ำถนนหน้าบ้านไหลลงปากฝาท่อระบายน้ำ
คือถ้าเป็นบ้านบุคคลทั่วไป การจะเดินเข้าบ้านก็จะต้องเดินข้ามร่องระบายน้ำ
หรือถึงรองเท้าเปียกก็ถอดออกแล้วเข้าบ้านได้ตามปกติ
ซึ่งบ้านอีกหลังที่อยู่ข้างกันก็มีรถใช้ ก็ล้างรถในลักษณะเดียวกัน
ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร
แต่พอเป็นห้องที่ใช้เป็นทางผ่าน
ก็จะมีผู้เช่าที่เดินเหยียบน้ำ
แล้วเดินลุยเข้าบ้าน ทำบ้านสกปรก
เธอก็มาบ่นที่หน้าบ้าน
เอาคำที่ผมเคยพูดกับเธอ มาเอ่ยถึง (เรื่องที่ผมย้อนว่าเธอคงไม่มีความสุขในชีวิต)
เลยทำให้ผมเสียใจว่า
วันนั้นผมไม่ควรพูดให้เธอเสียใจจริงๆ
แฟนผมบอกให้หาทางไปคุยกับเจ้านายเธอ
แต่ผมคิดว่า ไม่ควรไปคุย ให้เรื่องมันขยายใหญ่โต
ถ้าเงียบเสีย ก็คงจบไป
ป.ล. ผมพยายามลดการล้างรถให้เหลือสัปดาห์ละ 1 วัน
เลือกตอนเที่ยงวัน จะได้มีคนผ่านห้องน้อยหน่อย
ส่วนวันอื่นๆ ก็ใช้ถังใส่น้ำเช็ดเอา
เวลาดูข่าวเพื่อนบ้านทะเลาะกัน ถึงกลับยิงกัน
ขับรถชนจนตายก็มี การมีเพื่อนบ้านดีๆ เป็นบุญอย่างหนึ่งนะครับ
อีกหลังที่อยู่ติดกัน ก็เป็นเพื่อนบ้านที่ดี ไหว้วานกันได้
ใครไม่อยู่บ้าน มีของมาส่งก็ฝากกันได้
ไปเที่ยวไกลๆ กลับมาก็มีของฝากกันเสมอๆ
บางที เจ้ากรรมนายเวร ก็มาในรูปของเพื่อนบ้าน นิ่งก็แล้ว แผ่เมตตาก็แล้ว ถ้าย้อนเวลาได้จะไม่พูดประโยคนั้นให้เขาได้ยิน
แต่เดิม ลูกจ้างผู้หญิงครับ (ตึกด้านหลังทำเป็นอพาร์ทเมนท์แล้วอาศัยห้องทาวน์เฮาส์หลังนี้เป็นทางออกสำหรับคน
เพื่อใช้เดินเป็นทางลัดไปสถานีรถไฟฟ้า) เจ้าของอพาร์ทเมนท์ก็อัธยาศัยดีครับ เคยเจอก็พูดคุยกันดี ให้ลูกจ้างมาอยู่อาศัยด้านบน
ความที่มาอยู่ใกล้กันก็มีกระทบกระทั่งกับที่บ้านโดยเฉพาะกับภรรยาผม ที่ไม่ค่อยจะยอมใครอยู่ด้วย
ซึ่งผมก็ได้คอยห้าม ไม่ให้ต่อล้อต่อเถียง สอนให้ทำหูทวนลม พูดอะไรก็ให้ผ่านเลยไป
อย่าเอาพิมเสนไปแลกเกลือ แฟนผมเธอก็เชื่อ เลิกคุยเลิกพูด
จนอยู่มาวันหนึ่ง เรื่องการรดน้ำต้นไม้ ก็มีการกระเซ็นเป็นฝอยข้ามไปที่ดาดฟ้า
ซึ่งปกติก็ไม่ได้ใช้งานอะไร แต่พอมีรอยกระเซ็นเปียกก็พูดบ่นให้ผมได้ยิน
ในวันนั้น ผมตบะแตก ก็เลยถามไปว่า "ถามจริง ในชีวิตมีความสุขบ้างไหม
ทำไมต้องซีเรียสอะไรกับทุกเรื่องที่หยุมหยิมแบบนี้ " วันนั้นเธอโมโหมาก
เพราะที่ผ่านมา ผมไม่เคยพูดอะไรกับเธอ แล้วผมก็รับปิดประตู ไม่ฟังที่เธอจะพูดด่าอะไร
มาวันนี้ ผมล้างรถ น้ำก็ไหลไปในร่องน้ำถนนหน้าบ้านไหลลงปากฝาท่อระบายน้ำ
คือถ้าเป็นบ้านบุคคลทั่วไป การจะเดินเข้าบ้านก็จะต้องเดินข้ามร่องระบายน้ำ
หรือถึงรองเท้าเปียกก็ถอดออกแล้วเข้าบ้านได้ตามปกติ
ซึ่งบ้านอีกหลังที่อยู่ข้างกันก็มีรถใช้ ก็ล้างรถในลักษณะเดียวกัน
ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร
แต่พอเป็นห้องที่ใช้เป็นทางผ่าน
ก็จะมีผู้เช่าที่เดินเหยียบน้ำ
แล้วเดินลุยเข้าบ้าน ทำบ้านสกปรก
เธอก็มาบ่นที่หน้าบ้าน
เอาคำที่ผมเคยพูดกับเธอ มาเอ่ยถึง (เรื่องที่ผมย้อนว่าเธอคงไม่มีความสุขในชีวิต)
เลยทำให้ผมเสียใจว่า
วันนั้นผมไม่ควรพูดให้เธอเสียใจจริงๆ
แฟนผมบอกให้หาทางไปคุยกับเจ้านายเธอ
แต่ผมคิดว่า ไม่ควรไปคุย ให้เรื่องมันขยายใหญ่โต
ถ้าเงียบเสีย ก็คงจบไป
ป.ล. ผมพยายามลดการล้างรถให้เหลือสัปดาห์ละ 1 วัน
เลือกตอนเที่ยงวัน จะได้มีคนผ่านห้องน้อยหน่อย
ส่วนวันอื่นๆ ก็ใช้ถังใส่น้ำเช็ดเอา
เวลาดูข่าวเพื่อนบ้านทะเลาะกัน ถึงกลับยิงกัน
ขับรถชนจนตายก็มี การมีเพื่อนบ้านดีๆ เป็นบุญอย่างหนึ่งนะครับ
อีกหลังที่อยู่ติดกัน ก็เป็นเพื่อนบ้านที่ดี ไหว้วานกันได้
ใครไม่อยู่บ้าน มีของมาส่งก็ฝากกันได้
ไปเที่ยวไกลๆ กลับมาก็มีของฝากกันเสมอๆ