[CR] รีวิวกระเตงลูกขับรถตะลุยหิมะ Hokkaido 10 วัน9 คืน 9 เมือง จบด้วย Snow Festival 2020

เนื่องจากสมาชิกที่ไปด้วยเป็นเด็ก 3 คน เด็กเล็กซะด้วย แพลนของเราส่วนใหญ่ก็จะเป็นที่เที่ยวสำหรับเด็กเห็นแล้ว Wowww แต่ก็ไม่ทิ้งจุด Check in สำคัญสำหรับผู้ใหญ่ เราจึงต้องเริ่มแผนด้วยการเอาแผนที่ Hokkaido มากาง ในเวลา 10 วัน เราจะเก็บที่ไหนได้บ้าง จึงออกมาเป็นแพลนดังนี้

1. จองตั๋วเครื่องบินก่อนเดินทาง (สิงหาคม 2562 ) ทริปนี้เราเดินทางกับ airasia XJ 622 (ขาไป)  และ XJ 623 (ขากลับ) จองผ่าน trip.com ข้อดีราคาถูก ข้อเสียคือไม่สามารถทำรายการผ่าน app airasia ได้ต้องทำผ่าน ava เนื่องจากทางสายการบินได้ยกเลิก call center ไป ซึ่งยุ่งยากมากกว่าจะติดต่อได้ กว่าจะได้คุย ทุลักทุเล

   -  น้ำหนักกระเป๋าแบบโหลดใต้เครื่องขาไป 20 กก. ถือขึ้นเครื่อง 7*3 = 21 กก.

   -  น้ำหนักกระเป๋าแบบโหลดใต้เครื่องขากลับ 30 กก.ถือขึ้นเครื่อง 7*3 = 21 กก. (ขากลับเราแบ่งกระเป๋า 3 ใบ ใบใหญ่ 21 กิโล ใบเล็ก 9 กิโล โหลดใต้        ท้องเครื่อง ) แวะซื้อกระเป๋าลากเพิ่มที่ดองกี้ 1 ใบ ขนาด 20 นิ้ว ลากขึ้นเครื่อง

   -  อาหาร ขาไป 2 ที่ ขากลับ 2 ที่ ชุดละ 220 (มีน้ำเปล่าให้)

   -  ที่นั่งขาไป-กลับ  แถว 16๋JKH ติดหน้าต่างชมวิวได้

   ราคารวมทั้งสิ้น ผู้ใหญ่ 2 คน เด็ก 3 ขวบ 1 คน 31,180 บาท

2. ทำ passport  3 คน 3150 บาท 

3. ทำใบขับขี่สากล

    เอกสาร ใบขับขี่ตัวจริง + สำเนาใบขับขี่+ passport + รูปถ่าย 2 นิ้ว(ห้ามใช้กระดาษมัน)  ยื่นที่สำนักงานขนส่งจังหวัดเท่านั้น รอรับใบขับขี่สากลได้เลย

4. ซื้อประกันภัยการเดินทาง >>>ทริปนี้เราใช้ประกันภัยของ Sompo แผน 2 ยอดนิยม คุ้มครอง 3 ล้านบาท รวม 3 คน 2,700 บาท

5.ซื้ิอ Sim2Fly 2 ซิม ของ True และ AIS ของ AIS ถูกกว่า 200 (399 บาท กับ 599 บาท) ของ AIS เน็ตเร็วกว่าเห็นๆ เน็ตได้เท่ากันคือ 6GB เน็ตหมด       ตั้งแต่ 5 วันแรกจ้าาาา 555+ แต่เราก็ทนๆใช้ไป ไปนอนโรงแรมก็ใช้ของโรงแรมไม่ซื้อเพิ่ม

6. เสื้อผ้า 

    - heattech  เราใช้ของ uniqlo รุ่น utra warm ไป 10 วัน ใช้ 2 ชุดใส่สลับกัน แนะนำให้ซื้อที่ญี่ปุ่นเพราะถูกกว่าไทยครึ่งต่อครึ่ง

      ไทย ขายอยู่ที่ 990 เราซื้อที่ญี่ปุ่น 500 นิดๆ ส่วนของลูกเนื่องจากของเด็กเล็กจะไม่มีรุ่น utra warm เราจึงเลือก extra warm ให้ใส่ 2 ชั้น +เสื้อไหม          พรมบุขน+jacket down

   -  หมวกบุขน ถุงมือบุขน ถุงเท้า ผ้าพันคอ

7. จองที่พักเราจองผ่าน booking และ Agoda เลือกจ่ายที่โรงแรมเนื่องจากป้องกันการชารจ์จากทางเอเจนซี่ในอัตราแลกเปลี่ยนที่สูง ใช้บัตรเครดิตประกันการจอง แนะนำให้จองแบบยกเลิกได้ ยิ่งยกเลิกได้ก่อนเข้าพัก 1 คืนยิ่งคุ้ม เราสามารถดูรร ได้เรื่อยๆถ้าราคาดีกว่าก็ยกเลิกและจองใหม่

8. แลกเงิน กับ Superrich 20,000 บาทไทย = 70,200 เยน

9. ทำบัตรเครดิต JCB เราทำไป 2 ใบ สำหรับจ่ายค่าเช่ารถ 1 ใบ และค่าโรงแรมอีก 1 ใบ ของ KTC และ SCB โดยก่อนจะเดินทางก็โทรไปแจ้ง call center ว่าเราจะเดินทางไปญี่ปุ่นในช่วงวันที่เท่าไหร่ และขอขยายวงเงินแบบเต็มเหนี่ยว 

10. เตรียมยาที่จำเป็นจะต้องใช้ เช่นยาลดไข้ แก้หวัด แก้เจ็บท้อง ท้องอืด แก้ปวดรุนแรง ชุดทำแผล และอื่นๆ ยาน้ำใส่ซองกันกระแทกโหลดกับกระเป๋า

-------------------

เราเลือกเช่ารถกับ Nippon-A-car ซึ่งก็ไม่ได้มีขึ้นตอนยุ่งยากอะไร เพียงแค่เราเข้าไปหน้าเวบ ก็จะมีรายละเอียดให้เราใส่ อย่างเช่น วันที่รับ-คืนรถ จำนวนผู้โดยสาร ไฟท์ที่บินไป-กลับ สถานที่รับ-คืนรถ รถรุ่นที่เราอยากได้ อยากได้อะไรก็ใส่เข้าไป แนะนำให้สมัครสมาชิกที่หน้าเวบแล้วเราจะได้ส่วนลดลงมาอีก ตอนแรกราคาออกมาประมาณนี้ พอใส่ส่วนลด ราคารวมทุกอย่าง 138,150 yen ประมาณ 41,000 บาท (เงินเยนแปลงเป็นไทยคูณ 0.3) พอเรายืนยันรายการทุกอย่างก็ใช้บัตรเครดิตประกันการจอง แล้วจะมีเมลล์ยืนยันเป็นหมายเลขการจองมาจากบริษัท ตอนแรกรถที่จองไปเป็น serena พอไปถึงบริษัทก็จะถามเรามากันกี่คน มีกระเป๋ากี่ใบแล้วเขาจะปรับรถให้ตามความเหมาะสมสำหรับ group เรา car seat เด็ก 3 ที่ ใส่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ 4 ใบ ใบเล็ก 3 ใบ จึงได้รถรุ่น Mitsubishi Delica (ส่วนนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม)

ข้อแนะนำสำหรับการเช่ารถ

   --- เนื่องจากทริปที่เราไปตรงช่วงหิมะตกเราจึงเลือกแบบ Full option ดังนี้

    - CDW และ ECO เหมือนประกันรถเวลาเกิดอุบัติเหตุ แบบไม่ต้องสำรองจ่าย ไม่ต้องจ่ายส่วนต่างเลย

     - car seat สำคัญมากในการเดินทางที่ญี่ปุ่น เนื่องจากกฎหมายญี่ปุ่นกำหนดให้เด็กทุกคนต้องรัดเข็มขัด เพราะฉะนั้น group ที่มีเด็กเล็กเดินทางไปด้วย         จึงขาดข้อนี้ไม่ได้ ซึ่งรถบางรุ่นจะแถมฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย

     - บัตร ETC ตัวนี้เป็นบัตรผ่านสำหรับขึ้นทางด่วนบนเกาะ Hokkaido ทุกคัน

     - HEP เป็นค่าทางด่วนแบบเหมาจ่าย แนะนำให้ซื้อแบบเหมาไปเลยสำหรับคนที่มีแพลนเดินทางจากเหนือไปใต้ เดินทางหลายเมือง

       เพราะค่าทางด่วน โหดมาก แต่ถ้าเราซื้อแบบเหมาจะเบาบางลงมาสุดๆ เป็นสวัสดิการสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเลยแหละ 

      - 4WD สำคัญมากในการขับรถบนหิมะที่ลื่น เป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ซึ่งบางรุ่นจะมีอยู่แล้วไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม

วิธีเดินทางไปรับรถ

        เนื่องจากเราเดินทางถึงเย็นวันที่ 27 มกราคม 2563 จึงเลือกค้างที่ Chitose  1 คืน และนัดรับรถตอนเช้า ก่อนหน้าได้เมลล์ถามว่ามีรถรับส่งมาที่โรงแรมไหม ได้คำตอบจากบริษัทมีรถรับส่งเป็น shutter bus วิ่งรอบตัวเมือง Chitose ตั้งแต่เวลา 9.00 น. เป็นต้นไป ซึ่งเราจองรถไว้ 8.00 น. เลยนั่ง Taxi จากโรงแรมไป 2000 เยน (5.5 กิโล ) ค่า taxi คือโหดมาก ไปถึงก็ติดต่อ counter ยื่นใบขับขี่สากล +passport +บัตรเครดิต(รับเฉพาะบัตรเครดิตเท่านั้นไม่รับเงินสด) ซึ่งเป็นบัตรใครก็ได้ในกลุ่มแต่เจ้าของบัตรต้องไปด้วย ก่อนหน้าเราได้เมลล์แจ้งแล้วว่าสามีเราเป็นคนขับแต่ไม่มีบัตรเครดิตเราจะใช้ของเรา ก็ไม่มีปัญหาอะไร ใช้เวลาทำเอกสารประมาณ 30 นาที + เช็คสภาพรถ +สอนใช้ GPS พนักงานจะเน้นย้ำมากว่าให้เราขับช้ามากที่สุดถ้าเราต้องวิ่งบนหิมะถึงแม้จะเป็นยางชนิดพิเศษ และเคร่งครัดเรื่องกฎจราจร ห้ามขับเกินที่กฎหมายกำหนดเพราะค่าปรับโหดมากกกกก ตอนกลับเราคืนรถที่สาขาสนามบิน ก่อนคืนรถก็แวะเติมน้ำมันรถให้เต็มถัง ไปถึงพนักงานจะถามก่อนเลยว่าเติมน้ำมันมายังและขอใบเสร็จที่เราเติมน้ำมัน หลังจากนั้นบริษัทก็จะเช็ครถใช้เวลาไม่นานประมาณ 10 นาที บริษัทก็มี shutter bus บริการส่งที่สนามบินฟรี ไม่ต้องรอให้คนเต็มรถ เสร็จแล้วเรียกได้เลย รถออกทันที ชอบมากก 555

*** สิ่งที่เราชอบมากๆในการเช่ารถที่ญี่ปุ่นคือ GPS แค่ใส่เบอร์โทรสถานที่ปลายทาง หาได้จาก google ก็พาเราไปถึงจุดหมาย แต่ GPS ที่นั่นตั้งแล้วไม่สามารถเปลี่ยนตอนขับรถได้นะจ๊ะ ถ้าเปลี่ยนรถต้องจอดเท่านั้น

*** สำหรับน้ำมันวิ่งทั้งทริปทั้งหมด 9 เมือง ประหยัดมากถึงมากที่สุด คิดเป็นเงินไทยเพียง 3900 บาท ถ้าเทียบกับการที่เราไม่ต้องวิ่งตามรถไฟ รถบัส ก็ถือว่าซื้อความสะดวกสบายได้จริงๆ ปลื้มมากๆค่ะ

----------------

เนื่องจากเราไปกับน้องอีกกลุ่มเลยมีสโลแกน ค่าตั๋วแพงอยากพักไหนพัก ก็เลยไม่ยึดติดว่าจะต้องพักด้วยกัน สำหรับเราเลือกเป็นห้องพักปลอดบุหรี่เ(ผู้ใหญ่ 2 คน เด็ก 3 ขวบ 1 คน) พักดังนี้

     

ภาพรถและแผนที่นำมาจาก Internet

** เดี๋ยวมาต่อ**