หกปีในวงการภาพยนตร์ และเจ็ดปีกว่าในวงการละคร ชื่อของ จินตหรา สุขพัฒน์ ไม่เคยห่างหายจากทำเนียบนางเอก แต่คุณ ๆ จะยังจำกันได้หรือเปล่าว่า นางเอกคนนี้เข้าสู่วงการครั้งแรกด้วยการเป็นนางแบบโฆษณาผ้าอนามัย !
"ตอนนั้นอายุ 18 เรียนอยู่ปีสุดท้ายที่ดุสิตพาณิชยการ พอดีตอนหยุดเทอมไปทำงานพิเศษที่โตโยต้า ซึ่งบริษัทเดนสึฯ ทำประชาสัมพันธ์ให้เลยรู้จักพี่ ๆ ที่นั่น เขาก็ให้ไปเทสต์หน้ากล้องทิ้งไว้
ตอนหลังเขาเรียกไปจะให้โฆษณายาสระผม พอดีแหม่มเพิ่งตัดผมเป็นบ๊อบสั้น เขาก็ว่า ตายแล้ว ผมสั้นแล้วจะโฆษณายาสระผมได้อย่างไร เขาก็บอก งั้นเอาอย่างนี้นะ พี่มีสินค้าใหม่ชนิดหนึ่งจะให้ถ่ายแทน เป็นสินค้าจากต่างประเทศ แหม่มก็ไม่ว่าอะไร ค่ะ ๆ อย่างเดียว ตอนหลังเขาบอกเป็นสินค้าผ้าอนามัย เราก็ ว้าย....ตายแล้ว
ตอนแรกไม่กล้าถ่าย มีความรู้สึกว่าผ้าอนามัยนี่มันต้องดูเชย ๆ เขาก็ให้ไปดูสตอรี่บอร์ดว่าเรื่องราวมีอะไรบ้าง อธิบายให้ฟังว่าไม่มีเสียหาย ไม่มีโป๊นะ ใส่ชุดแอโรบิก ทำท่าออกกำลังกาย ก็ตกลงถ่ายไป"
เพจลูกกวาดมอมแมม
จากโฆษณาชิ้นนั้นเองทำให้คุณสักกะ จารุจินดา ซึ่งทำงานอยู่ที่ไฟว์สตาร์ถึงกับติดตามหาตัวคุณแหม่มเพื่อให้มาลองเทสต์หน้ากล้อง
"ตอนนั้นเรียนจบแล้ว เพิ่งเริ่มทำงานเป็นเลขาฯ แผนกพัฒนาการขายที่เพี้ยซ ก็ลางานไปไฟว์สตาร์ ได้เจอคุณสักกะ จารุจินดา, คุณเจริญ เอี่ยมพึ่งพร, คุณรุจณ์ รณภพ ก็มองบุคลิกลักษณะของเรา ให้อ่านหนังสือให้ฟังว่าเสียงเราเป็นอย่างไร
ระหว่างที่คุย คุณรุจณ์ก็คอยถ่ายรูปเวลาเราคุย หน้าตรงบ้าง ด้านข้างบ้าง เพื่อดูว่าเราขึ้นกล้องไหม ก็เขิน ๆ แต่ไม่ถึงกับเกร็งมาก เพราะจริง ๆ แล้วไม่ค่อยได้สนใจด้านนี้อยู่แล้ว กะว่าจะทำงานสักพักแล้วเรียนต่อเลย ไม่เคยคิดจะเป็นดารา
ก่อนหน้านี้เคยมีคนมาติดต่อเหมือนกัน แต่พอบอกหนังไทยปั๊บ เราก็ยี้...ไม่อยากเล่น ยอมรับเลยว่าคิดไม่ค่อยดีกับวงการภาพยนตร์ไทย พอมาสัมผัสเองถึงได้เห็นว่าตรงนี้มันก็เป็นงานที่ดี น่าสนใจ และก็ไม่ใช่งานง่าย ๆ เลย"
เพจเปิดกล่องนิตยสารเก่า
ที่ว่าไม่ใช่ง่าย ๆ นั้น นางเอกของเราบอกว่าได้รู้ตั้งแต่เล่นหนังเรื่องแรกเลยทีเดียว
"เล่นเรื่องแรก 'ผู้ใหญ่ลีกับนางมา' เล่นคู่กับคุณเอ๋-ไพโรจน์ สังวริบุตร เรื่องการแสดงก็ได้คุณอาพิศมัย วิไลศักดิ์ เป็นครูสอนแอ๊คติ้งให้ ตอนนั้นเขาบอกอะไรมา เราก็ทำตามเขาหมด ด้วยความที่เรายังไม่มีประสบการณ์ทางการแสดง เขาให้เศร้า เราก็เศร้าตามเขา
มีบางคราวที่เศร้าไม่ออก เทคหลายเทคแล้วก็ยังร้องไม่ออกเสียทีตอนนั้นเริ่มรู้สึกไม่ดี โมโหตัวเองที่ทำให้เขาต้องรอ แค่เรื่องแรกก็ถ่ายจนตีสองแล้ว ปกติเราเป็นคนที่ไม่เคยนอนดึกเลย ตามันก็โรย สุดท้ายคุณลุงสักกะต้องให้กลับบ้านไปนอน มาถ่ายใหม่ตอนเช้า"
เพจย้อนเวลา "จินตหรา สุขพัฒน์"
แต่เรื่องราวแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับนางเอกของเราบ่อยนัก เพราะประสบการณ์เล่นหนังกว่า 40 เรื่องสอนให้รู้ว่าควรทำอารมณ์อย่างไรกับบทบาทที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งถ้ายังจำกันได้เธอรับเล่นมาแล้วทั้งบทนางเอกแบบเรียบร้อยผ้าพับไว้ นางเอกแก่นแก้ว นางเอกที่ต้องทำท่าทางผู้ชายเพราะบังเอิญสลับร่างกัน ฯลฯ
เพจลูกกวาดมอมแมม
มาถึงคราวที่ต้องพลิกบทบาทอีกคราวก็เมื่อมารับเล่นละครเรื่อง "สี่แผ่นดิน" นี่เอง
"ยอมรับเลยว่าเล่นเป็นแม่พลอยนี่ยากมาก เพราะบทนี้ไม่ใช่ตัวเราเลย อย่างแรกคือการพูด แม่พลอยต้องพูดช้า (ทำเสียงพูดช้า ๆ เนิบ ๆ ให้ฟัง) แล้วเสียงต้องหวาน ๆ แต่นี่จินตหราห้าวสุด ๆ
ถูกปรับเปลี่ยนสารพัดเลยค่ะ จะเดินจะเหิน จะก้าวขึ้นตั่งก็ถูกผู้กำกับดุ ไหน...เดินใหม่ซิ (ทำเสียงเข้ม) ขึ้นตั่งใหม่ซิ เมื่อกี้ขึ้นยังไง...เราก็ก้าวขึ้นไปเลย เพราะเราไม่เคยรู้และก็นึกไม่ถึงว่าผู้หญิงเมื่อสักห้าสิบปีที่แล้วมีความเป็นอยู่อย่างไร
คนที่ช่วยได้มากคือ พ่ออี๊ด-สุประวัติ ผู้กำกับ กับคนรุ่นเก่า ๆ ที่เล่นละครเรื่องนี้ คอยช่วยกันเล่า ช่วยกันดู จริง ๆ มันก็เป็นสิ่งที่ดีที่เขาคอยเตือนเราตลอด ไม่งั้นคงมีคนมาตำหนิมาแน่ ๆ ว่า แม่พลอยคนนี้ไม่สมกับเป็นแม่พลอยเลย
เพจภาพจากหนังสือเรื่องย่อละครไทย
จริง ๆ แล้วชอบงานที่ไม่ค่อยเครียด ไม่ต้องระวังตัวเอง ไม่ต้องมานั่งทำเรียบร้อย หวานอมขมกลืน เพราะส่วนใหญ่จะเจอบทแบบนี้ ชีวิตถูกเขากระทำ น่าสงสาร เช่นเรื่อง 'ฉุยฉาย' นางเอกเป็นคนเรียบร้อยมาก (ลากเสียงยาว) ใครทำอะไรก็ไม่มีปากมีเสียง ยอมรับความเป็นไป โทษแต่ชะตากรรมตลอดเวลา เราเล่นเป็นตัวฉุยฉายก็จริง แต่มีความรู้สึกว่า โอ๊ย...รำคาญ ทำไมไม่รู้จักมีปากเสียง ลุกขึ้นมาสู้ เหมือนกับเราเป็นคนดูว่ามันไม่ได้ดังใจเราเลย
แล้วตอนนั้นไปงานอะไรไม่ทราบ เป็นช่วงที่ละครเรื่องนี้กำลังออกอากาศ แล้วมีคนในงาน ผู้หญิงนะ บอกว่า อุ๊ย...ตายแล้ว เดี๋ยวไปดูนังหน้าโง่หน่อย เราก็นึกในใจ เรื่องอะไรนะ เอ๊ะ...ละครเราเองนี่นา เลยเพิ่งรู้ว่าเขาเรียกเราว่านังหน้าโง่"
เพจภาพจากหนังสือเรื่องย่อละครไทย
คุณแหม่มหัวเราะสนุกสนานกับสมญาที่ตัวเองก็เห็นด้วย พอเราถามว่า เรื่องไหนที่เป็นตัวของตัวเองมากที่สุด เธอตอบได้ทันทีว่า "คุณพ่อจอมซ่า" ละครเรื่องล่าสุดที่เพิ่งลาโรงไปเมื่อไม่นานนี้เอง
"เรื่องนี้พูดด้วยน้ำเสียงของเราเลย ไม่ต้องประดิษฐ์อะไรมากมาย เพราะในเรื่องจะเป็นผู้หญิงห้าว ๆ ทิฐิ แล้วก็ใจแข็ง เหมือนกับตัวเอง แล้วบทลูกกับบทพ่อจะเยอะกว่า ตัวเราก็ไม่ค่อยหนัก เวลาไปกองถ่ายมีโอกาสได้นั่งรอคนโน้นคนนี้ เหมือนไปพักผ่อน"
เพจ Mamjintara History : จินตหรา สุขพัฒน์
เราถามว่าตามดูละครตัวเองบ้างไหม
"ตามบ้างค่ะ อย่างคุณพ่อจอมซ่านี่ก็ดู ดูแล้วก็หัวเราะไปด้วย บางทีอ่านตามหนังสือพิมพ์ อ่านไปหัวเราะไป เพื่อนยังถามว่าหัวเราะอะไร บอก ตามตามอ่านเรื่องนี้ เขาบอกทุเรศ เล่นไปแล้วยังมาอ่านอีก
https://m.pantip.com/topic/31075057?
ยอมรับเลยว่าตัวเองค่อนข้างขี้เกียจ ตอนเล่นอ่านแต่บทตัวเอง ไม่เคยอ่านบทคนอื่น บางทีเขาให้บทมาเรายังไม่เอาไปเลย พอมาถ่ายแล้วไม่มีบทก็แกล้งบอกน้อง ๆ ในกองถ่ายว่าลืมไว้ในรถ
ผู้กำกับอย่างพ่ออี๊ด-สุประวัติ นี่เขาจะรำคาญมาก บอก ฉันละเบื่อ...ไอ้พวกไม่เอาบทมาเนี่ย ก็ยืมของพ่อเขามาอ่าน พออ่านแล้วก็เอาบทไปฝากคนอื่น นึกว่าของตัวเองไง พ่อเขาก็ตามหาบทเขาใหญ่ มาถามเราว่า...บทไปไหน (เสียงดุ) เราก็งง ๆ...บทอะไรพ่อ เขาบอก ก็แกเอาไปอ่านเมื่อกี้ไง
แหม่มจะเป็นอย่างนี้ตลอด ซึ่งจริง ๆ แล้วมันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ตอนนี้เริ่มละอายใจเหมือนกัน เพราะเจอเด็ก ๆ รุ่นใหม่ ๆ เขาขยันท่องบทกันมาก"
เพจย้อนเวลา "จินตหรา สุขพัฒน์"
นอกเหนือจากงานแสดง ตอนนี้นางเอกของเราเพิ่มสถานภาพด้วยการเป็นผู้จัดละครอีกอย่างหนึ่งด้วย
"เป็นผู้จัดอยู่เบื้องหลังไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ กับเรื่องแรก (เก็บใจไว้เพื่อรัก ช่อง 3) เห็นข้อบกพร่องเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นการจัดคิวนักแสดง หรือแม้กระทั่งเรื่องเสื้อผ้า แรก ๆ ที่ออกฉายยอมรับเลยว่าดูไปแล้วหัวเสียมาก เพราะว่าโดดสุด ๆ เลย
เราเองก็ไม่ค่อยมีเวลาไปดูสักเท่าไหร่ เพราะว่ายังมีงานส่วนตัวอยู่หลายอย่าง คือมีธุรกิจเสื้อผ้ากับพี่ชาย มีคลินิกสุขภาพที่เปิดกับเพื่อน ๆ ที่ชาญอิสระ 1 แล้วยังมีงานแสดงต่อเนื่องอยู่ ช่วงนี้เลยต้องให้คุณกล้วยกับคุณกฤษณ์ที่ลงหุ้นร่วมกันช่วยดูแลงานในกองถ่าย ส่วนแหม่มทำในส่วนติดต่อประสานงานข้างนอก พวกติดต่อสถานที่ หรือช่วยหาพร็อปบางอย่างให้มากกว่า
นี่ก็รับปากเขาไว้ว่าจะช่วยทำพี.อาร์.ละคร แต่ไม่มีเวลาเข้ากองถ่ายเลยไม่รู้จะพี.อาร์. อะไรืยังโดนนักข่าวต่อว่าอยู่นี่ล่ะค่ะ"
เห็นทีแฟนละครคงต้องคอยลุ้นให้ผู้จัดคนใหม่คนนี้กันหน่อยแล้ว
นิตยสารแพรว ปีที่ 19 ฉบับที่ 433 10 กันยายน 2540
ย้อนวันวานไปกับเรื่องราวของ "จินตหรา สุขพัฒน์" ในหน้านิตยสารแพรว ปีที่ 19 ฉบับที่ 433 10 กันยายน 2540
คนที่ช่วยได้มากคือ พ่ออี๊ด-สุประวัติ ผู้กำกับ กับคนรุ่นเก่า ๆ ที่เล่นละครเรื่องนี้ คอยช่วยกันเล่า ช่วยกันดู จริง ๆ มันก็เป็นสิ่งที่ดีที่เขาคอยเตือนเราตลอด ไม่งั้นคงมีคนมาตำหนิมาแน่ ๆ ว่า แม่พลอยคนนี้ไม่สมกับเป็นแม่พลอยเลย