พาชมงาน LIT Fest #2 เทศกาลหนังสือสนุกไฟลุกพรึ่บ! ครั้งที่ 2 #Debut


ขออนุญาตพาทุกท่านไปชมงาน LIT Fest​ #2 เทศกาลหนังสือสนุกไฟลุกพรึ่บ! ซึ่งในปีนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 แล้ว ในแนวคิดของงานที่ว่า ‘เดบิวต์’ ก็คือการ 'เปิดตัว' หรือ 'แจ้งเกิด' สู่สายตาสาธารณชน  งาน LIT Fest​ #2 จัดขึ้นที่มิวเซียมสยาม ตั้งแต่วันที่ 14 – 16 กุมภาพันธ์ 2563 ตั้งเวลา 13.00 – 22.00 น.  ท่านใดที่สนใจอยากไปเดินชมงานสามารถเข้าชมงานได้ฟรี โดยไม่เสียค่าบัตรผ่านประตู  นั่งรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT ไปขึ้นที่สถานีสนามไชย แล้วเดินไปลงทะเบียนเข้างานได้เลยครับ
 
สำหรับงานที่ยังไม่รู้จักกับงาน  LIT Fest​ #2 เทศกาลหนังสือสนุกไฟลุกพรึ่บ!  ผมขออนุญาตพาท่านไปทำความรู้จักกับงานนี้ผ่านบทสัมภาษณ์สั้น ๆ จากคุณโจ้  Readery คุณอนุรุจน์ วรรณพิณ  หัวเรือใหญ่ผู้จัดงานสนุกในครั้งนี้


งาน LIT Fest​ ในปีที่แล้วเป็นอย่างไรบ้างครับ? มีข้อดีและข้อเสียอย่างไรบ้าง?

“สำหรับงานในปีที่แล้ว  หลังจบงานทางทีมงานก็มานั่งประชุมกันว่าใครมีปัญหาอะไรบ้าง  แต่ปรากฏว่าทุกคนไม่มีปัญหาอะไรเลย  ทุกคนแฮบปี้กับงานมาก  สิ่งที่อยากเล่าก็คือมีเหตุการณ์ที่น่ารักซึ่งเราชอบมาก  คือตอนที่เราเก็บงานหลังจากที่งานจบแล้ว  บนพื้นไม่มีขยะเลยแม้แต่ชิ้นเดียว ไม่มีขวดพลาสติกหรือเศษกระดาษใด ๆ เลย  มันแปลว่าคนที่มาเดินในงานเขาแฮบปี้กับงาน  และเขาเป็นผู้ชมงานที่มีคุณภาพมาก  ในงานปีที่แล้วเราสังเกตว่าทุกคนที่มามีความสุขกลับไปกันหมดทุกคน  และสิ่งที่ทุกคนพูดหลังงานจบก็คือ  งานมันดีจังเลย  งานมันมีพลังดีจัง  ซึ่งมันก็เป็นเพราะคนที่มางานและเพื่อน ๆ ทุกคนที่ร่วมกันจัดงาน  ไม่ได้คาดหวังเรื่องของการขายหรือยอดขายใด ๆ เลย  ทุกคนตั้งใจมาให้แรงบันดาลใจตามโจทย์ของงานที่เราตั้งเอาไว้  คือยากให้คนที่ชอบหนังสือเหมือนกันมาอยู่รวมกันแล้วมันจะส่งพลังให้แก่กัน”  
 

สำหรับงานในปีนี้มีอะไรที่พิเศษบ้าง?

“สำหรับงานในปีนี้ทางทีมงานผู้จัดได้แรงบันดาลใจมาจากเพื่อน ๆ ในวงการหนังสือกับคนที่เป็นนักอ่านทั้งหลาย  เราจึงตั้งเป็นธีมงานว่า ‘เดบิวต์’ ก็คือการ 'เปิดตัว' หรือ 'แจ้งเกิด' สู่สายตาสาธารณชน  คือทางทีมงานเราคิดกันว่า  จริง ๆ แล้วพวกเราก็อยากรู้จักพวกน้อง ๆ คนหน้าใหม่ที่ชอบเขียนหนังสือ หรือคนที่ชอบออกแบบปกหนังสือใหม่ ๆ  ซึ่งน้อง ๆ พวกนี้อาจจะไม่มีเวทีที่ไหนที่จะโชว์ผลงาน  จึงถือเป็นโอกาสดีที่จะให้คนทำงานด้านหนังสือที่เป็นคนรุ่นใหม่มีพื้นที่ได้แสดงออก  แล้วพวกพี่ ๆ จากสำนักพิมพ์ต่าง ๆ จะได้เดินเลือกดูตัวกันได้เลยด้วย  เพราะสำนักพิมพ์ต่าง ๆ ก็ต้องการคนทำงานรุ่นใหม่ ๆ เช่นกัน
 
“ในปีนี้งานของเราเพิ่มจำนวนบูธมากขึ้น  คือพื้นที่ในมิวเซียมสยามที่ดูแล้วเหมือนจะมีพื้นที่เหลืออีกก็จริง  แต่ว่าเราตั้งบูธได้เฉพาะโซนที่เป็นพื้นอิฐ (พื้นปูด้วยอิฐตัวหนอน) เท่านั้น  เราตั้งบูธตรงพื้นที่เป็นสนามหญ้าไม่ได้เพราะสนามหญ้ามันจะพัง  เราจึงเพิ่มจำนวนบูธได้อีกไม่มาก  เราก็รู้ว่ามีพี่ ๆ น้อง ๆ ในวงการหนังสืออีกเยอะที่อยากจะมาออกบูธร่วมกับเรา  แต่ว่าก็คงต้องให้สิทธิ์แก่คนที่ปีที่แล้วมาร่วมงานกับเราก่อน  เพราะงานในปีที่แล้วเป็นงานในปีแรกที่สำนักพิมพ์เหล่านั้นเขามาร่วมหัวจมท้ายกับเรา  เขาร่วมลุยกับเรามาก่อน   เมื่อเราเพิ่มจำนวนบูธแล้วเราก็รับสมัครเพื่อนสำนักพิมพ์ใหม่ ๆ  ที่สนใจจะมาร่วมงานกับเราในปีนี้  โดยให้ทางสำนักพิมพ์ส่งไอเดียเข้ามาก่อนว่าปีนี้อยากจะทำโชว์เคสอะไร  คือเราเรียกบูธว่าโชว์เคส เขาจะโชว์ไอเดียอะไร  ถ้าไอเดียของเขาน่ารักหรือว่าเขามีไอเดียที่มีทัศนคติคล้าย ๆ กันกับเรา เราก็เปิดโอกาสให้เขามาร่วมโชว์เคสกับเราด้วย
 
“งานในปีนี้เราให้ความสำคัญกับคนที่มาร่วมงานมาก  เราอยากจะรวมคนอ่านและคนที่อยากเขียน มาเดินในงานปีนี้เยอะ ๆ  มาสนุกกันเยอะ ๆ  แล้วเราก็ให้ความสำคัญกับคนใหม่ ที่เราเรียกว่า ‘เดบิวต์’  คนที่ยังใหม่ยังต้องการพื้นที่แสดงผลงาน  ซึ่งจริง ๆ แล้วงานในปีนี้ไม่ใช่เพื่อคนใหม่เพียงอย่างเดียว  แต่เพื่อพี่ ๆ และเพื่อน ๆ ในวงการหนังสือด้วย 
 
“ส่วนปัญหาที่เป็นอุปสรรคในงานปีที่แล้วก็คือ ฝุ่น PM 2.5  ซึ่งในปีนี้พอถึงวันที่เราจัดงาน ในวันนี้ (14 กุมภาพันธ์ 2563) ค่าฝุ่นก็ดีขึ้น  วันนี้ฟ้าใสมากขึ้น  และมีลมพัดตลอดวันด้วย  ซึ่งน่าจะเป็นผลดีกับพวกเราที่มาร่วมงานทุกคน  ส่วนปัญหาทางสังคมที่พวกเราเผชิญกันอยู่ในวันนี้  เช่นปัญหาความสูญเสียที่น่าสะเทือนใจ น่าเศร้าที่โคราชนั้น  เราเชื่อว่าหนังสือคือคำตอบของเราทุกคน  เราจึงพยายามสร้างวัฒนธรรมในการอ่านหนังสือขึ้นมา  เพราะพวกเราทุกคนมีคำถามว่า เฮ้ย ... มันเกิดอะไรขึ้น?  ทำไมต้องยิงกันที่โคราชด้วย?  เกิดอะไรขึ้นกับเศรษฐกิจแบบนี้?  ทำไมต้องเลิกจ้างด้วย? ฯลฯ  เราในฐานะคนที่รักหนังสือเราเชื่อว่าหนังสือมีคำตอบให้กับทุกสิ่งเหล่านั้นจริง ๆ   คือถ้าคนไทยเราอ่านหนังสือกันเยอะ ๆ มันจะช่วยทำให้เราคิดอะไรอย่างมีระบบมากขึ้น  ซึ่งเราจะหาคำตอบได้จริง ๆ ว่า ทุกวันนี้ในสังคมบ้านเรามันเกิดอะไรขึ้น”



ในงานมีอะไรบ้าง :

SHOWCASE + BOOK MARKET : การออกบูทและจัดโชว์เคสสนุกๆ ของสำนักพิมพ์หลากหลายกว่า 30 สำนักพิมพ์ อาทิ Salmon books, เคล็ดไทย, happening, P.S., Fullstop, Way, bookscape, Springbooks, แพรว, สารคดี ฯลฯ 
 
KID & FAMILY ZONE : ชวนน้องๆ หนูๆ มาวิ่งเล่นบนสนามหญ้า อ่านโลด อ่านเล่น รายล้อมด้วยศิลปะจัดวางในรูปทรงหนังสือและตัวละครโปรดของเด็กๆ พร้อมมุมนิทานที่คัดสรรมาให้เด็กๆ ได้ลองอ่านอย่างเพลิดเพลิน เสริมด้วยการแสดงหุ่นเงา การแสดงละครสำหรับเด็ก และกิจกรรมสำหรับครอบครัวอีกเพียบ

คลิปพาชมกิจกรรมในโซนเด็ก KID & FAMILY ZONE
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
MAIN STAGE : การแสดงดนตรีบนเวทีของศิลปินหลากหลายที่จะมาเดบิวต์กันเต็มที่ มีตั้งแต่ศิลปินหน้าใหม่ฝีมือดีที่เราคัดมาแล้ว ไปจนถึงรุ่นใหญ่อย่าง ตุล อพาร์ตเมนต์คุณป้า และ มาโนช พุฒตาล ที่จะมาเดบิวต์ในแบบของตัวเองเช่นกัน
รายชื่อศิลปิน :NAIAUM / ทรงศีล ทิวสมบุญ / The Front Row / No Stylist / Mirrr / Tape / ปัง ตันเต๊ก / Quicksand Bed / 798 Cello Duet / Sugar Disco Club / Blue Tape / Numcha / Valentina Ploy / ลานดอกไม้ / ชาติ สุชาติ / บทกวีของ ตุล ไวฑูรเกียรติ ร่วมด้วย Yaak Lab / มาโนช พุฒตาล
 
BOOK CLUB : เปิดวงคุยเรื่องหนังสือเล่มโปรด เล่มที่โดน เล่มที่ใช่ โดยนักอ่าน นักเขียนและนักคุย ที่จะมาทำให้วงสนทนาเปี่ยมสีสัน และเต็มไปด้วยการแลกเปลี่ยนความเห็นและมุมมองอย่างสร้างสรรค์

LIT POETRY: นั่งคุยกับนักเขียนแบบเปิดใจสองต่อสอง ลองเล่าเรื่องของคุณให้นักเขียนคนโปรดฟัง และดูว่าเขาจะพิมพ์อะไรมาเป็นถ้อยคำที่ระลึกให้กับบทสนทนาครั้งนี้บ้าง นักเขียนที่จะมานั่งคุยและพิมพ์ข้อความในปีนี้ก็มีอาทิ อุทิศ เหมะมูล, อนุสรณ์ ติปยานนท์, วีรพร นิติประภา, อุรุดา โควินท์, จิดานันท์ เหลืองเพียรสมุทร และ อ้อมแก้ว กัลยาณพงศ์ เป็นต้น
นักเขียนที่จะมาพบคุณใน LIT POETRY : ทรงศีล ทิวสมบุญ / นิวัต พุทธประสาท / ศวา เวฬุวิวัฒนา / Mind​ Da​ Hed / อุทิศ เหมะมูล / กิตติพล สรัคคานนท์ / นิ้วกลม / อนุสรณ์ ติปยานนท์ / วีรพร นิติประภา / อุรุดา โควินท์ / ทราย เจริญปุระ / ลูกแก้ว โชติรส / ธนชาติ ศิริภัทราชัย​ / วิชัย มาตกุล​ / จิราภรณ์ วิหวา​/ โชติกา ปริณายก / อิสญะ ตระกูลพุทธรักษา(นาซ่าก็พาเธอกลับมาไม่ได้) / บาร์จเฉยๆ / 1991 / คุณ เพจ ONCE / ภาณุ ตรัยเวช / วิวัฒน์ เลิศ / กวีวัธน์ / บริษฎ์ พงศ์วัชร์ / หมอน้ำอ้อย​ เพจน้องสาว / ภวิล เฟย์ / เพณิญ​ / โบนิตา อาดา / ทีมนักเขียนจากแพรวสำนักพิมพ์ / ดุจดาว วัฒนปกรณ์ / Jirabell / ตินกานต์​ / อินทรชัย พาณิชกุล / ทีมนักเขียนจากสำนักพิมพ์แจ่มใส / วิน นิมมาน​ / อดิศร​ ไพรวัฒนานุพันธ์ / รัฐพล เพชรบดี / ธัชชัย ธัญญาวัลย
 
BOOK FACTORY : เคยอยากมีหนังสือสักเล่มที่คุณเป็นผู้เลือกเนื้อหาด้วยตัวเองบ้างไหม ในมุมนี้ เราจะรวมทั้งเรื่องสั้น บทความ และภาพสวยๆ ในธีม ‘เดบิวต์’ มาให้คุณเลือกคัดสรร เรียงลำดับด้วยตัวเอง เลือกปกเอง แล้วทีมงานจะคอยนำต้นฉบับของคุณมาเข้าเล่ม ให้คุณได้หนังสือในแบบของคุณเองกลับบ้านไปอ่านอย่างภูมิใจ

BOOK BLIND DATE : มุมแลกเปลี่ยนหนังสือ ที่ชวนคุณเอาหนังสือที่อยาก ‘ส่งต่อ’ มาห่อของขวัญ เขียนแนะนำอะไรสักนิด แล้วรับหนังสือที่คนอื่นๆ อยากส่งต่อกลับไปหนึ่งเล่ม ไม่แน่ว่างานนี้คุณอาจจะได้เพื่อนใหม่ที่ชอบหนังสือคล้ายๆ กัน หรืออาจจะได้มากกว่านั้นก็ได้ ใครจะรู้

BOOK TOUR : เดินเท้าเล่าเรื่องธุรกิจที่เกี่ยวกับหนังสือ สื่อ สิ่งพิมพ์ อาทิ โรงพิมพ์เก่า สำนักพิมพ์เก่าแก่ และร้านหนังสือรุ่นเก่า ที่อยู่ในย่านพระนคร เป็นทริปเดินเท้าที่จะพาคุณย้อนไปดูความรุ่งเรืองของธุรกิจหนังสือในบ้านเราในอดีต ที่อาจจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นเราและรุ่นต่อๆ ไป

DEBUT TABLE : พื้นที่แจ้งเกิดของนักวาด นักเขียน และนักสร้างสรรค์หน้าใหม่ มาเปิดบูทเล็กๆ โชว์งาน ขายผลงาน และพบปะประชาชนกันได้เลย รับจำนวนจำกัด คัดสรรมาเพียง 30 รายแบบเน้นๆ เจ๋งๆ

LIT Fest X MUSEUM SIAM :  เดินมองเมืองรู้เรื่องโรงพิมพ์ , เรื่องสั้น (ฉบับ) หลายมือ , วรรณกรรมสัญจร On Postcard , บูธ SHOWCASE
 
 
#LITFest2020 #LITFestDebut
#หนังสือสนุกไฟลุกพรึ่บ
 
ร่วมจัดโดย : MUSEUM SIAM , ห้างหุ่นส่วนจำกัดภาพพิมพ์ , TK Park, Readery , happening , FATHOM
 
สนับสนุนโดย : โก๋แก่ , B2S , แผนงานสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน / สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ , สมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย 


ภาพบรรยากาศในงานวันแรก (14 กุมภาพันธ์ 2563)
        

พาพันชอบพาพันเคลิ้มพาพันขยัน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่