โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) มีการลงนามในสัญญาระหว่างการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) และ บริษัท รถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกเชื่อมสามสนามบิน จํากัด เมื่อวันที่ 24 ต.ค. 2562
จากคำบอกเล่าของคุณธิติฏฐ์ นันทพัฒน์สิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทรถไฟความเร็วสูงฯ ทำให้ทราบว่า หลังจากการส่งมอบแบบก่อสร้างก่อนกำหนดหนึ่งสัปดาห์ ไปเมื่อ 17 ม.ค. ที่ผ่านมา ตอนนี้โครงการมีความคืบหน้าไปมากในหลาย ๆ ส่วน
สำหรับงานหลัก ๆ มี 4 เรื่อง คือ ก่อสร้าง วางระบบราง วางระบบอาณัติสัญญาณ และพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ หรือ TOD (Transit Oriented Development)
พันธมิตรของบริษัทรถไฟความเร็วสูงฯ มีความเชี่ยวชาญแตกต่างกันในแต่ละด้าน ก็จะนำความเป็นมืออาชีพมาช่วยกันในงานส่วนต่าง ๆ เช่น
- งานก่อสร้าง วางราง โดยอิตาเลียนไทย และ CRCC
- งานด้าน operate โดย FS นอกจากนั้นยังมีงานด้านการจัดการและเทรนนิ่งบุคลากรที่มีประสบการณ์ด้านรถไฟความเร็วสูงที่จะ transfer มา
- ส่วนเรื่องขบวนรถ ยังไม่ได้เลือกว่าจะใช้ของประเทศใด
แอร์พอร์ต เรล ลิงก์
- ส่วนนี้การรถไฟฯ พร้อมส่งมอบทันที หากเอกชนจ่ายค่าใช้สิทธิเดินรถ บริหารแอร์พอร์ตลิงก์ จำนวน 10,671 ล้านบาท ภายใน 2 ปีนับจากลงนาม
- กำลังทำแผนงานโครงการจะเสร็จภายใน 2-3 เดือน
- บริษัทฯ มองว่าต้องพัฒนาหลายจุด เช่น ซื้อขบวนรถเพิ่ม ปรับปรุงระบบรางและระบบอาณัติสัญญาณ เพื่อให้สามารถรองรับระบบรถไฟความเร็วสูง (เชื่อมสนามบินและเชื่อมกับสายอีสานในอนาคตด้วย)
- กำลังประเมินการใช้งบลงทุน เช่น สำหรับโครงสร้างบุคลากร ที่จะรับโอนจากแอร์พอร์ตลิงก์เดิม 500 คน และรับเพิ่มบางส่วน
- บริษัทที่ปรึกษา และ FS (Ferrovie dello Stato Italiane) พันธมิตรจากอิตาลี จะมาช่วยด้านการดำเนินงาน (operation)
สถานีมักกะสัน
- ฟื้นฟูระบบเช็คอินที่ทางแอร์พอร์ตลิงก์ยกเลิกไป เพื่อให้ผู้ใช้บริการที่จะเดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินอู่ตะเภาได้รับความสะดวกยิ่งขึ้น รวมถึงผู้โดยสารที่มาจากต่างประเทศ จะได้สามารถเช็กอินกระเป๋าที่มักกะสันได้เลย
- ปรับปรุงทางเข้า-ออกสถานี
- งานก่อสร้าง ใช้พันธมิตรจากบริษัทอิตาเลียนไทย และ CRCC เข้ามาดำเนินการ
TOD
- การทำรถไฟความเร็วสูง ต้องใช้การพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์เข้ามาช่วยทำให้โครงการยืนหยัดอยู่ได้และมีกำไร ก็ต้องดูตัวอย่างจากต่างประเทศที่ทำสำเร็จ เช่น สายโตเกียว-โอซากา และ ปารีส-ลียอง ซึ่งทำให้เกิดการพัฒนาชุมชนและเศรษฐกิจใหม่ ตามเส้นทางที่รถไฟผ่าน ของไทยก็ต้องทำให้เมืองขยายจากกรุงเทพฯ ไปฉะเชิงเทรา ชลบุรี พัทยา ศรีราชา และระยอง
- ถ้าโครงการแล้วเสร็จจะสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ยิ่งถ้าเชื่อมกับรถไฟความเร็วสูงสายอีสาน ก็จะเชื่อมไปถึง สปป.ลาว, จีน จนถึงยุโรปได้เลย
- จะให้เกิดประโยชน์ต้องพัฒนา TOD ทุกสถานี
- เริ่มจากมักกะสันบนพื้นที่ 140 ไร่ ทีมที่ปรึกษาได้สำรวจพื้นที่แล้ว พร้อมวางแผนการพัฒนาในรูปแบบที่เป็นประโยชน์สูงสุดทั้งสังคมและโครงการ โดยความเป็นอยู่เดิมจะไม่ถูกเปลี่ยน มีบริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ที่เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์ ช่วยออกแบบและพัฒนา คอนเซ็ปต์และรูปแบบการลงทุนยังไม่เสร็จ
- สถานีศรีราชา 25 ไร่ ยังไม่ได้สำรวจ
ความกังวล
- แอบหวังว่าหากการส่งมอบพื้นที่ทำได้เร็ว ก็อาจจะสามารถวางศิลาฤกษ์ได้ปลายปีนี้เลย
- แต่ก็แอบห่วงเรื่องการส่งมอบพื้นที่บางช่วง เพราะการสร้างรถไฟเรื่องพื้นที่เป็นสิ่งสำคัญ จะสร้างแบบฟันหลอไม่ได้ ต้องสร้างทีเดียวทั้งเส้นให้ต่อเนื่อง
- การส่งมอบพื้นที่ ช่วงสถานีพญาไท-ดอนเมือง ระยะทาง 22 ก.ม. ถือเป็นช่วงที่ยากที่สุด เพราะต้องรื้อย้ายท่อน้ำมัน ท่อไซฟอนน้ำขนาดใหญ่ เสาตอม่อโฮปเวลล์ มีโค้งหักศอกช่วงพญาไท-สามเสน ต้องใช้พื้นที่เพิ่ม แต่ไม่อยากเวนคืนมากกว่าที่รัฐกำหนดใน พ.ร.ฎ.เวนคืน เพราะถ้ามีการเปลี่ยนแปลงจะต้องทำรายงานสิ่งแวดล้อมใหม่ จึงต้องใช้ศักยภาพความเก่งของพันธมิตรและที่ปรึกษามาช่วยอย่างเต็มกำลัง
- ไม่ห่วงเรื่องการประมูลโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา เพราะโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน และโครงการเมืองการบินภาคตะวันออก ผู้โดยสารจะเป็นกลุ่มเดียวกัน ดังนั้น สองโครงการนี้ต่างต้องพึ่งพาอาศัยกัน น่าจะคุยกันได้
-------------------------
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ทำความรู้จัก ธิติฏฐ์ นันทพัฒน์สิริ ผู้บริหารไฮสปีด 3 สนามบิน
https://www.youtube.com/watch?v=2BoDXqMqD5U
23 หน่วยงานลุยรื้อย้ายสาธารณูปโภค เคลียร์พื้นที่ไฮสปีด3สนามบิน
https://www.youtube.com/watch?v=PWmGb_nWu8w
เปิดตัว 'ธิติฏฐ์ นันทพัฒน์สิริ' ซีพีส่งคุมไฮสปีดเทรน
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/865471
ธิติฏฐ์ นันทพัฒน์สิริ MD รถไฟความเร็วสูงสายประวัติศาสตร์
https://www.prachachat.net/property/news-421016
ไฮสปีดเชื่อมสนามบินคืบ ซีพีเร่งแผนก่อสร้างและพัฒนา
จากคำบอกเล่าของคุณธิติฏฐ์ นันทพัฒน์สิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทรถไฟความเร็วสูงฯ ทำให้ทราบว่า หลังจากการส่งมอบแบบก่อสร้างก่อนกำหนดหนึ่งสัปดาห์ ไปเมื่อ 17 ม.ค. ที่ผ่านมา ตอนนี้โครงการมีความคืบหน้าไปมากในหลาย ๆ ส่วน
สำหรับงานหลัก ๆ มี 4 เรื่อง คือ ก่อสร้าง วางระบบราง วางระบบอาณัติสัญญาณ และพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ หรือ TOD (Transit Oriented Development)
พันธมิตรของบริษัทรถไฟความเร็วสูงฯ มีความเชี่ยวชาญแตกต่างกันในแต่ละด้าน ก็จะนำความเป็นมืออาชีพมาช่วยกันในงานส่วนต่าง ๆ เช่น
- งานก่อสร้าง วางราง โดยอิตาเลียนไทย และ CRCC
- งานด้าน operate โดย FS นอกจากนั้นยังมีงานด้านการจัดการและเทรนนิ่งบุคลากรที่มีประสบการณ์ด้านรถไฟความเร็วสูงที่จะ transfer มา
- ส่วนเรื่องขบวนรถ ยังไม่ได้เลือกว่าจะใช้ของประเทศใด
- ส่วนนี้การรถไฟฯ พร้อมส่งมอบทันที หากเอกชนจ่ายค่าใช้สิทธิเดินรถ บริหารแอร์พอร์ตลิงก์ จำนวน 10,671 ล้านบาท ภายใน 2 ปีนับจากลงนาม
- กำลังทำแผนงานโครงการจะเสร็จภายใน 2-3 เดือน
- บริษัทฯ มองว่าต้องพัฒนาหลายจุด เช่น ซื้อขบวนรถเพิ่ม ปรับปรุงระบบรางและระบบอาณัติสัญญาณ เพื่อให้สามารถรองรับระบบรถไฟความเร็วสูง (เชื่อมสนามบินและเชื่อมกับสายอีสานในอนาคตด้วย)
- กำลังประเมินการใช้งบลงทุน เช่น สำหรับโครงสร้างบุคลากร ที่จะรับโอนจากแอร์พอร์ตลิงก์เดิม 500 คน และรับเพิ่มบางส่วน
- บริษัทที่ปรึกษา และ FS (Ferrovie dello Stato Italiane) พันธมิตรจากอิตาลี จะมาช่วยด้านการดำเนินงาน (operation)
- ฟื้นฟูระบบเช็คอินที่ทางแอร์พอร์ตลิงก์ยกเลิกไป เพื่อให้ผู้ใช้บริการที่จะเดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินอู่ตะเภาได้รับความสะดวกยิ่งขึ้น รวมถึงผู้โดยสารที่มาจากต่างประเทศ จะได้สามารถเช็กอินกระเป๋าที่มักกะสันได้เลย
- ปรับปรุงทางเข้า-ออกสถานี
- งานก่อสร้าง ใช้พันธมิตรจากบริษัทอิตาเลียนไทย และ CRCC เข้ามาดำเนินการ
- การทำรถไฟความเร็วสูง ต้องใช้การพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์เข้ามาช่วยทำให้โครงการยืนหยัดอยู่ได้และมีกำไร ก็ต้องดูตัวอย่างจากต่างประเทศที่ทำสำเร็จ เช่น สายโตเกียว-โอซากา และ ปารีส-ลียอง ซึ่งทำให้เกิดการพัฒนาชุมชนและเศรษฐกิจใหม่ ตามเส้นทางที่รถไฟผ่าน ของไทยก็ต้องทำให้เมืองขยายจากกรุงเทพฯ ไปฉะเชิงเทรา ชลบุรี พัทยา ศรีราชา และระยอง
- ถ้าโครงการแล้วเสร็จจะสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ยิ่งถ้าเชื่อมกับรถไฟความเร็วสูงสายอีสาน ก็จะเชื่อมไปถึง สปป.ลาว, จีน จนถึงยุโรปได้เลย
- จะให้เกิดประโยชน์ต้องพัฒนา TOD ทุกสถานี
- เริ่มจากมักกะสันบนพื้นที่ 140 ไร่ ทีมที่ปรึกษาได้สำรวจพื้นที่แล้ว พร้อมวางแผนการพัฒนาในรูปแบบที่เป็นประโยชน์สูงสุดทั้งสังคมและโครงการ โดยความเป็นอยู่เดิมจะไม่ถูกเปลี่ยน มีบริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ที่เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์ ช่วยออกแบบและพัฒนา คอนเซ็ปต์และรูปแบบการลงทุนยังไม่เสร็จ
- สถานีศรีราชา 25 ไร่ ยังไม่ได้สำรวจ
- แอบหวังว่าหากการส่งมอบพื้นที่ทำได้เร็ว ก็อาจจะสามารถวางศิลาฤกษ์ได้ปลายปีนี้เลย
- แต่ก็แอบห่วงเรื่องการส่งมอบพื้นที่บางช่วง เพราะการสร้างรถไฟเรื่องพื้นที่เป็นสิ่งสำคัญ จะสร้างแบบฟันหลอไม่ได้ ต้องสร้างทีเดียวทั้งเส้นให้ต่อเนื่อง
- การส่งมอบพื้นที่ ช่วงสถานีพญาไท-ดอนเมือง ระยะทาง 22 ก.ม. ถือเป็นช่วงที่ยากที่สุด เพราะต้องรื้อย้ายท่อน้ำมัน ท่อไซฟอนน้ำขนาดใหญ่ เสาตอม่อโฮปเวลล์ มีโค้งหักศอกช่วงพญาไท-สามเสน ต้องใช้พื้นที่เพิ่ม แต่ไม่อยากเวนคืนมากกว่าที่รัฐกำหนดใน พ.ร.ฎ.เวนคืน เพราะถ้ามีการเปลี่ยนแปลงจะต้องทำรายงานสิ่งแวดล้อมใหม่ จึงต้องใช้ศักยภาพความเก่งของพันธมิตรและที่ปรึกษามาช่วยอย่างเต็มกำลัง
- ไม่ห่วงเรื่องการประมูลโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา เพราะโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน และโครงการเมืองการบินภาคตะวันออก ผู้โดยสารจะเป็นกลุ่มเดียวกัน ดังนั้น สองโครงการนี้ต่างต้องพึ่งพาอาศัยกัน น่าจะคุยกันได้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้