เพลงรักครั้งแรก

เพลงรักครั้งแรก

ได้แรงบันดาลใจมากจากเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับผู้เขียน 80% 

ผู้เขียนเล่าเรื่องผ่านมุมมองของตัวเองเท่านั้น จึงขอหลีกเลี่ยงบุคคลที่สาม ถ้าจะกล่าวถึงจะกล่าวถึงในมุมที่ผู้เขียนรับรู้มาเท่านั้น และพยายามพาดพิงให้น้อยที่สุด เพื่อไม่เป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลและชื่อเป็นชื่อสมมติ

เรื่องราวนี้ ผู้แต่งขออุทิศให้กับคนรักเก่าของผู้เขียนที่เสียชีวิตไปแล้ว 

ฉะนั้นผู้เขียนจะขอกล่าวถึงแต่เรื่องราวดีๆ  ไม่ขอเอ่ยถึงเรื่องราวที่ทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ล่วงลับไปแล้วและบุคคลที่สาม

“ เธอจะอยู่กับฉันตลอดไป ไม่ว่าอีกนานแสนนาน นานเท่าไหร่ ไม่ลืมเลือน 
ความทรงจำจะย้ำและช่วยเตือน เราต่างผูกพันด้วยรัก . . . ตลอดไป
ไกลห่างคนละฟ้า แต่ด้วยรักและศรัทธา จะเชื่อมใจถึงกัน แทนสัญญาด้วยหัวใจ 
ไม่มีใครแทนเธอ…”
 ทันทีที่ได้ยินเพลงนี้ หญิงสาวตกอยู่ในภวังค์ นึกถึงคนที่มอบเพลงนี้ให้กับเธอ เธอและเขาเป็นรักแรกของกันและกัน 
 

------------- 18 ปีที่แล้ว ------------

29 พฤศจิกายน  พ.ศ. 2544

ณ ตู้โทรศัพท์ของโรงเรียนแห่งหนึ่ง มีเด็กสาว 2 คน อยู่ในตู้โทรศัพท์  ปาร์ เด็กสาวใส่เหล็กดัดฟันกำลังยืนจับมือขอกำลังใจจากจิ๊กในการกดโทรศัพท์ไปบ้านรุ่นพี่ที่แอบชอบ แต่จริงๆในใจของปาร์เองไม่ได้อยากจะคุยหรอกกะจะแค่ได้ยินเสียงในโทรศัพท์แล้วก็วาง 

  “ ตรู๊ดดดดดด  ตรู๊ดดดดดดดด . . . . . ฮัลโหล”  เสียงปลายสายเป็นผู้หญิงมีอายุ 
ถึงในใจตอนนั้นอยากจะวาง แต่ด้วยความเคยชินปากดันไวกว่าสมอง 

“ขอสายตี้ ค่ะ”   ตอนนี้หัวใจแทบทะลุออกมา
“ ตี้ โทรศัพท์ “ ได้ยินมาจากปลายสาย 

ตี้     : ฮัลโหล
ปาร์ :  ฮัลโหล จำเสียงเราได้ไหม
ตี้  : เรารู้จักไหมอะ 
ปาร์ : รู้จักสิ เคยเต้นปอมปอมด้วยกันตอนประถม ตอนต่อตัว ตี้เป็นคนทำเราตกลงมา 
ตี้ : ปาร์หรอ 
ปาร์ : อื้อ นึกว่าจะจำเราไม่ได้ซะแล้ว
ตี้ : ได้สิ เรารู้จักกันมาตั้งแต่ประถม แต่เราไม่ได้ทำเธอตกนะ คนที่เป็นฐานมันเล่นกันเราเลยคุมไม่อยู่ แต่นานแล้วเนอะที่เราไม่ได้คุยกันเลย ตั้งแต่จบประถม จริงๆเราก็อยากคุยกับเธอนะ แต่เรากลัวเธอโกรธเราเพราะเรื่องนี้นี่แหละ วันนั้นเราตกใจมากเลยตอนเธอตกลงมา ยิ่งตอนครูพาเธอไปโรงพยาบาลอะ พวกเด็กผู้ชายที่เป็นฐานตกใจมากเลย แล้วมาเห็นอีกที เธอใส่เฝือกมาโรงเรียน เราไม่รู้จะทำยังไงเลย เราเลยไม่กล้าคุยกับเธอตั้งแต่ตอนนั้น
ปาร์ : ช่างมันเหอะ อุบัติเหตุ 
ตี้ : วันนี้ดีใจนะที่ได้คุยกัน
 
วันนั้นเหมือนปาร์จะลืมไปว่ามีจิ๊กอยู่ในตู้โทรศัพท์ด้วย และออกไปตอนไหนก็ไม่รู้ ทั้งคู่คุยกันอยู่นานสองนาน และแน่นอนว่ามีความรู้สึกแปลกๆบางอย่างเกิดขึ้นด้วยในใจของทั้งคู่

ทั้งคู่รู้จักกันมาตั้งแต่ชั้นประถม แต่ตอนนั้นไม่มีความรู้สึกแบบนี้เกิดขึ้น มีเพียงความรู้สึกแบบเพื่อน รุ่นพี่รุ่นน้องมอบให้กัน และความรู้สึกที่มีนั้นเปลี่ยนไปเพราะอะไร เมื่อไหร่ ไม่มีใครรู้ว่าเกิดขึ้นมาได้อย่างไร แต่ตอนนี้ทั้งสองคนรู้แล้วเพียงว่า อีกฝ่ายมีผลกับหัวใจตัวเอง

เช้าวันถัดมา หน้าเสาธงของโรงเรียนมีบางอย่างแปลกไป มีนักเรียนหญิงชั้นมัธยม 2/ 3 และ นักเรียนชายชั้นมัธยม 3 / 3 ชะเง้อหากันอยู่ในแถว ทั้งๆที่ห่างกันหลายแถว ในที่สุดทั้งสองก็หากันจนเจอ ตี้ขอเปลี่ยนที่กับเพื่อนเพื่อให้ตัวเองยืนในจุดที่สามารถเห็นปาร์ได้ ปาร์จำเวลานี้ได้ดี  เพราะนี่เป็นครั้งแรกของการเจอหน้ากัน หลังจากที่รู้ว่าต่างฝ่ายต่างมีความรู้สึกดีๆ ให้แก่กัน

 12 ธันวาคม 2544 
ปาร์กลับมาจากโรงเรียนพร้อมกับตี้ด้วยรถจักรยานยนต์คันละคัน วันนี้ที่บ้านของปาร์เงียบมาก ปาร์รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ  
บ้านของปาร์เป็นบ้าน 4 ชั้น ชั้นล่างสุดเปิดเป็นร้านขายของใช้ในบ้าน ของแต่งบ้าน ซึ่งปกติจะเปิดทุกวันแต่วันนี้ร้านก็ไม่เปิด มีเพียงแม่บ้านถูบ้านอยู่ในครัว
“พี่นา ที่บ้านไปไหนกันหมดอะ”
“อยู่ที่ศาลาแป๊ะกง”
“ไปกันทั้งหมดเลยหรอ อากงก็ไปหรอพี่”
“ใช่ ไปกันหมดเลย เดี๋ยวพี่ก็จะไปเหมือนกัน”
ปาร์ไม่ถามอะไรพี่นาต่อ แต่ก็พอจะนึกออกว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนหน้านี้ อาม่าของปาร์ไม่สบาย เข้าๆออกๆโรงพยาบาลอยู่เสมอ และก่อนหน้าที่แกจะเสีย แกเข้าโรงพยาบาลไป10 วันเห็นจะได้  รู้ตัวอีกที น้ำตาค่อยๆไหลออกมา ไม่รู้จะทำอะไร ตอนนี้ป๊ากับม้าก็ไม่อยู่ ปาร์ต้องอยู่รอน้องชายคนที่2 กลับมาจากโรงเรียนเพราะเรียนคนละที่กัน ส่วนน้องสาวทั้ง2คน อยู่กับป๊าม้าแล้ว ส่วนพี่นาออกจากบ้านไปแล้ว  เดินไปที่ที่จัดงานศพ ใช้เวลาเดินจากบ้านปาร์ไปแค่ 2 นาทีก็ถึง
ตอนนี้ทำได้แค่ตั้งสติ แต่งตัวรอน้องชายกลับจากโรงเรียน จากนั้นไม่นานน้องชายก็ถึงบ้านและขึ้นไปแต่งตัวเตรียมตัวไปงานศพของอาม่า ระหว่างที่รออยู่นั้น ปาร์คิดถึงอาม่าขึ้นมา
อาม่าเป็นผู้หญิงชาวจีนที่ย้ายมาอยู่ในประเทศไทย รูปร่างท้วมนิดหน่อย ใจดี ทำอาหารอร่อย เป็นที่รักของลูกๆหลานๆ เสื้อผ้าที่ปาร์ และน้องๆใส่ตอนเด็กๆนั้น ส่วนใหญ่อาม่าเป็นคนตัดให้ ไม้กวาดของที่บ้านไม่เคยซื้อเลย เพราะเวลาอาม่าไปตรวจสวนยางกับอากง อาม่ามักจะเก็บดอกหญ้ามาทำไม้กวาดเองเสมอ ซึ่งทนกว่าแบบที่ซื้อเอามากๆ และยังมีเต้าเจี้ยว ที่อาม่าหมักไว้หลังบ้าน ก็ยังอยู่อีกตั้งหลายโหล
ปาร์เดินไปหยุดที่เก้าอี้ที่อาม่าทำขึ้นมาเอง เป็นเก้าอี้สำหรับเป็นไกด์ดัดลวดเพื่อใช้รองจอกรับน้ำยาง กิจกรรมตรงเก้าอี้ตัวนี้เป็นที่ที่ปาร์กับอาม่าทำด้วยกันเสมอ  ปาร์ร้องไห้หนักมาก เพราะคิดถึงอาม่าจับใจ

กริ๊งงงงงง กริ๊งงงงงงงงงง 
โทรศัพท์ที่บ้านของปาร์ดังขึ้น ปาร์พรางปาดน้ำตาพร้อมสูดหายใจลึกๆ เพื่อให้เสียงฟังดูปกติที่สุด 
“ฮัลโหล”
“ขอสายปาร์ครับ”
“พูดอยู่ค่ะ”
“ นี่ตี้ทำไมเสียงสั่นอะ เป็นอะไรป่าว ตะกี้เห็นบ้านปาร์ปิดหมด ตี้คิดว่าคงไม่มีใครก็เลยลองโทรมาดู”
“อาม่าเสียแล้วอะ”
“แล้วให้ไปรับไหม เดี๋ยวพาไปส่งที่งาน ไหวป่าว”
“เนี่ย รออ้วนอยู่ คงใกล้จะเสร็จแล้ว”
“เดี๋ยวถ้าตี้ทำการบ้านเสร็จแล้ว จะออกไปหานะ”
“ได้ แต่คงคุยด้วยได้ไม่นานนะ”
“ไม่เป็นไร แค่อยากเห็นว่าโอเคก็พอแล้ว”

ช่วงที่จัดงานศพของอาม่านั้นใช้เวลา 7 วัน ตี้มาหาทุกวันแวะมาดูว่าปาร์โอเครึป่าว ถึงจะใช้เวลาในการเจอกันไม่นาน แต่ตี้ก็รู้สึกว่า ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย อย่างน้อยก็อาจจะช่วยให้จิตใจกลับมาแข็งแรงเร็วขึ้น 

 
  19 ธันวาคม 2544

วันเกิดตี้ แต่ด้วยความที่เพิ่งจะคบหากัน ปาร์ไม่รู้จะซื้ออะไรให้เลยเอาแหวนเงินเป็นรูปใบมะกอกของตัวเองที่ใส่ติดตัวไว้ตั้งแต่ประถม 6 ให้ตี้ไปแทนใจ บอกให้ตี้ใส่มันไว้ ตี้ชอบมันมาก แต่ด้วยความที่มันเล็กจนตี้ใส่มันไม่ได้ จะเอาไปใส่นิ้วก้อยก็หลวมไป ตี้จึงนำแหวนไปใส่ไว้กับสร้อยคอ 

ตี้ : มันจะได้อยู่ใกล้ๆหัวใจ

ตี้เป็นคนแบบนี้ บางครั้งก็ชอบเล่นมุกเสี่ยวๆ บางครั้งก็ขี้อ้อนเหมือนเด็ก อบอุ่น อ่อนโยนแต่ก็พร้อมที่จะปกป้องคนที่ตัวเองรักเสมอ

29 ธันวาคม 2544 

  วันเสาร์ วันนี้เป็นการไปดูหนังด้วยกันครั้งแรกของทั้งคู่ ทั้งคู่อยู่อำเภอที่ยังไม่ค่อยมีความเจริญเท่าไหร่นัก ยังไม่มีห้างสรรพสินค้า เวลาดูหนังต้องนั่งรถตู้เข้าเมือง ทั้งสองคนนัดเจอกันที่คิวรถตู้ 
เมื่อถึงห้างที่ทั้งคู่มาดูหนังกัน รถตู้ค่อยๆจอดให้ทั้งคู่ลง 
เนื่องจากวันนี้เป็นวันหยุด ทำให้คนค่อนข้างเยอะ ทำให้ตี้กลัวว่าที่จะเต็มเลยจูงมือปาร์รีบเดินไปขึ้นลิฟต์แล้วกดที่ชั้น 5 

ตี้     : The Lord of the ring 2 ที่ครับ 
พนักงาน :แถวไหนดีคะ 
ตี้             : แถวไหนดี
ปาร์     : ริมๆ ก็ได้นะ ไม่ชอบนั่งตรงกลาง
ตี้        : งั้นแถวB นะ ไม่ใกล้เกิน 
แล้วก็หันไปบอกกับพนักงานว่า “ แถว B 1กับ 2 ครับ”
 
หลังจากที่รับตั๋วหนังมาแล้วทั้งคู่ก็ไปหาอะไรรองท้องก่อนที่จะถึงเวลาเข้าโรงภาพยนตร์ นั่นเป็นเวลาที่ทั้งสองคนอยู่ใกล้กันขนาดนี้เป็นครั้งแรก แต่ด้วยความสนุกของหนังทำให้ปาร์ลืมความตื่นเต้นลงไปได้เยอะเลย และวันนั้นก็เป็นวันที่ดีอีกวันนึงที่เกิดขึ้นในชีวิตของปาร์เช่นกัน 

31 ธันวาคม 2544
วันสิ้นปี ปาร์และครอบครัวเดินทางไปเยี่ยมคุณตา คุณยายที่ต่างอำเภอ ส่วนตี้อยู่ที่บ้านสังสรรค์กับครอบครัว 
 
1 มกราคม 2545
24.00 น. 
ในขณะที่ทุกคนสนุกกับการสังสรรค์ ปาร์ก็หาจังหวะปลีกตัวออกมาโทรหาตี้ โดยใช้โทรศัพท์ของบ้านคุณยาย
“ตรู๊ดดดดด . .  .ด ว่าไง” เสียงกล่าวทักทายจากปลายสาย
“รู้ได้ไงอะว่าจะโทรมา”
“รู้ดิ เลยมานั่งรอเนี่ย”
“อื้อ แฮปปี้นิวเยียร์นะ มีความสุขมากๆนะ”
“เหมือนกันนะ ไม่รู้จะอวยพรอะไรเหมือนกัน แต่รักเหมือนเดิมนะ”
“เลี่ยนจัง”
“รู้แหละว่าชอบ”
“อื้อ คุยได้ไม่นานนะ ต้องไปแล้วป๊าเรียก”
“ฝันดีนะ”
“ฝันดีค่ะ”
ปีใหม่ปีแรกของการคบกันจบลง ถึงไม่ได้เคาท์ดาวน์ด้วยกัน แต่สำหรับเด็กสมัยนั้นก็พอแล้ว แค่นี้ก็มีคสามสุขมากๆแล้วจริงๆ

วันหนึ่ง ณ ห้องสมุดประชาชน ปาร์ไปค้นหาหนังสือเพื่อทำรายงาน ตี้สัญญาว่าจะไปช่วย ขณะที่ปาร์กำลังเขียนรายงานจนใกล้เสร็จ 
    ตี้ : เราคบกันมา 2 เดือนแล้วนะ
ปาร์ : ใช่ๆ แปบเดียวเองเนอะ
ตี้ : แม่อยากเจออะ แม่เห็นคุยโทรศัพท์ทุกวันเลย 
ปาร์ : บ้า เดี๋ยวแม่ตี้ว่าป่าว
ตี้ : แม่เราใจดี ใจดีมากๆ ไปนะ นะ นะ !!! 
ปาร์ตอบตกลง เสร็จลูกอ้อนของตี้อีกแล้ว 

ปาร์ซ้อนท้ายตี้ไปด้วยความลังเล เพราะนี่เป็นครั้งแรกของการไปเจอแม่ของแฟนตัวเอง ความรู้สึกดีใจ และ ความกลัว ตีกันไปหมด ดีใจที่ตี้รู้สึกอยากให้แม่ของตี้รู้จัก กลัวแม่ตี้ไม่ชอบ  ปะปนกันไป 

ตี้ : แม่  !! 
ตี้ตะโกนหาแม่ลั่นบ้าน 
มีผู้หญิงคนหนึ่งวัยยี่สิบกลางๆเดินออกมา แน่นอนพี่สาวของตี้เอง ชื่อพี่หยก
แม่ตี้ : อะไร๊ ! เรียกซะดัง  
พี่หยก : แม่ ตี้พาแฟนมา
ตี้ : นี่ไง อยากเจอไม่ใช่หรอ แฟนตี้
ปาร์ : สวัสดีค่ะ 
แม่ตี้ : นั่งๆสิกำลังทำกับข้าวพอดี กินด้วยกัน 
ปาร์ : ค. ค่ะ 
หลังจากที่ได้พบกันครั้งแรก แม่ของตี้ก็ดูโอเคกับปาร์รวมทั้งพี่สาวของตี้ด้วย หลังจากนั้นปาร์ก็ได้รู้จักพี่ชายของตี้อีกคน ครอบครัวของตี้นั้นใจดี และ อบอุ่นมากๆ

ความรู้สึกดีๆทุกอย่างค่อยๆเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไปและเป็นแบบนั้นเรื่อยมา ทุกครั้งที่เรียนห้องข้างๆกัน ต่างฝ่ายมักจะเดินผ่านห้องเรียนของกันและกัน บางครั้งที่ปาร์
 หรือตี้ นั่งริมประตูหลังห้องเรียนก็มักจะมีการจิ้มเอวแกล้งกัน เอาขนมห่อเล็กๆให้กัน บางทีก็เขียนจุดนัดหมายใส่กระดาษเพื่อเจอกันหลังเลิกเรียน  

สมัยนั้นเริ่มมีเด็กพารถจักรยานยนต์ไปโรงเรียนแล้ว ปาร์และตี้เองก็เป็นหนึ่งในนั้น บางวันที่ปาร์ไม่พารถจักรยนต์ไปโรงเรียน ก็จะโทรไปหาตี้ ก่อนออกจากบ้านว่ากำลังจะเดินออกไปแล้วนะ แน่นอนว่าที่บ้านของปาร์หวงมาก จะให้ตี้มารับที่บ้านนั้นไม่ได้ ต้องเดินออกไปอีกหน่อย ทุกอย่างดำเนินไปเรื่อยๆตามวิถีของสมัยนั้น เจอกันที่โรงเรียน ห้องสมุด ศาลานั่งเล่น สวนหย่อมโรงเรียน เทอมไหนมีคาบว่างตรงกัน จะดีใจมากเพราะเราสามารถนั่งเล่นด้วยกันได้นานขึ้น 
 
ปาร์เป็นเด็กผู้หญิงที่ชอบอ่านการ์ตูนมาก แต่ไม่ใช่การ์ตูนตาหวาน ถ้าให้ยกตัวอย่างก็คงจะเป็น สแลมดังค์ โคนัน  GTO BOY ฮิบิโน่ ฮาเลลูย่า ชาแมนคิง วันพีชอะไรทำนองนี้ 
ตี้เป็นเด็กผู้ชายขี้อ้อน เอาใจเก่ง รักแม่มาก และอบอุ่นเป็นที่สุด  ทุกครั้งที่ปาร์เอาตัวเองหายไปกับหนังสือการ์ตูน ตี้มักจะอ้อนเสมอ มักชอบเอามือมาลูบหัวเสมอ พร้อมกับพูดว่า “ ตี้อยู่ตรงนี้นะ ลืมหรอ” น่ารักชะมัด
    
        มีบ้างบางครั้งที่ครอบครัวของปาร์ไปเจอครอบครัวของตี้ตามร้านอาหารเพราะทั้งคู่อยู่ในอำเภอเดียวกัน ตี้มักจะชอบไปกับพี่สาว และพี่เขย  เวลาที่ทั้งสองไปเจอกันที่ร้านอาหาร ปาร์ได้แต่ยิ้มให้กับทุกคนที่โต๊ะของตี้ แน่นอนว่าตี้และพี่สาว พี่เขยตี้เข้าใจ เพราะบ้านเราหวงมาก 
หรือบางครั้งที่มีงานแต่งงานของคนรู้จักหรือคนในอำเภอ แน่นอนว่าทั้งสองคนนี้มักเจอกันเสมอ แต่คุยกันต่อหน้าผู้ใหญ่ไม่ได้ มักจะแอบปลีกวิเวกไปด้านนอกสักพักเพื่อคุยกัน แล้วต้องรีบกลับเข้ามาเพราะเดี๋ยวจะมีผู้ใหญ่ท่านอื่นเห็น
  
ทุกคืน หลังทุกคนที่บ้านเข้านอนแล้ว ปาร์มักจะต้องแอบลงไปหยิบโทรศัพท์ไร้สายของที่บ้านโทรไปหาตี้เสมอ แน่นอนว่า ตี้ไม่สามารถโทรมาที่บ้านของปาร์ได้ เพราะคนที่บ้านจะตื่น และมีการแอบฟังจากโทรศัพท์อีกเครื่องและเมื่อคุยกันเสร็จก็ต้องย่องเบารีบเอาโทรศัพท์ไปวางไว้ที่เดิม ปาร์และตี้มักจะคุยกันแบบนี้ทุกคืน ทุกคืน  ทุกอย่างดำเนินไปแบบนี้ทุกวันๆ 

- - -- มีต่อ - - -
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่