มีสติ (ความรู้) ก่อนปลูกบ้าน โดยเจ้าของบ้านผู้เคยปวดหัว...





          ขอเกริ่นก่อนนะคะ ข้อความหลังจากนี้จะเป็นข้อความจากทางสามีของเราเป็นผู้เล่าให้ฟัง เนื่องจากสามีเป็นผู้จดบันทึก ที่นำมาแชร์ให้ฟังในวันนี้ก็เพื่อบอกเล่าประสบการณ์การปลูกสร้างบ้าน จากผู้ไม่มีประสบการณ์ตั้งแต่เริ่มต้นจนจบว่าเหนื่อย ปวดหัวมากขนาดไหน จะต้องทำยังไงถึงจะไม่เจอปัญหาเหล่านี้ หรือเจอก็น้อยที่สุดเท่าที่จะเจอได้ ปัจจุบันบ้านเติมฝันหลังนี้ได้ประมาณ 95% แล้ว เหลือตกแต่งเพิ่มเติมอีกนิดหน่อย

          ขอรับรองว่าถ้าอ่านตั้งแต่ต้นจนจบ ท่านจะได้รับความรู้เพิ่มขึ้นมากแน่นอน เราไม่ได้บอกว่าสิ่งที่เราคิดที่เราทำถูกต้อง สามารถแนะนำได้ หากมีความสงสัยสามารถสอบถามได้ เพราะควบคุมเอง ดูแลเองตั้งแต่ต้นจนจบ แม้จะไม่ค่อยมีเวลาอยู่กับบ้านเท่าไหร่นัก  เนื่องจากติดทำงานเหมือนกัน แต่ก็หาเวลาเพื่อเข้ามาดูหน้างานอย่างสม่ำเสมอในตอนเช้าและตอนเย็น ซึ่งก็ไม่เป็นผลดีอีกเท่าไหร่ จริงๆ ควรมีเวลาอยู่ด้วยตลอด เราจะขอแบ่งเป็น EP. เพื่อให้ง่ายต่อการศึกษาข้อมูล ข้อไหนไม่สนใจก็สามารถข้ามได้เลย ไปเริ่มกันเลยดีกว่า ......

EP-1 : ช่วงความคิดและความฝัน
          “ความคิด” ที่อยากจะมีบ้านซักหลังอยู่ในหัวผมตั้งแต่จับความคิดตัวเองได้ อาจจะเรียกว่า “ความฝัน” ก่อน เพราะด้วยศักยภาพมันคงยากและคงต้องใช้เวลาพอสมควร 
          ย้อนกลับไปราว 6 ปีก่อน ผมกับแฟนได้คุยจริงจังเกี่ยวกับ “บ้าน” โดยเราวางแผนจะซื้อที่ดินเปล่าซักแปลง 1-2 งาน แล้วค่อยปลูกบ้านเมื่อเราพร้อม กำหนดสเปคคร่าว ๆ (ติดนิสัยนักจัดซื้อ) 
         1)      ตกลงกันว่าอยากได้ที่ดินในพื้นที่บ้านเกิดของภรรยา
         2)      เป็นไปได้อยากได้ที่ถมแล้ว
         3)      เงียบ มีความเป็นส่วนตัว
         4)      เข้าถึงระบบสาธารณูปโภคได้ไม่ยาก
         5)      ราคาไม่แพง (สำคัญมาก 555+) 
          ช่วงแรกๆ ในการสำรวจหาที่ดิน เราก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรมากมาย ดูไปเรื่อยๆ ทั้งใน Internet และขับรถเข้าไปดูที่ดินที่เขาติดป้ายประกาศขาย ด้วยความที่ตั้งสเปคไว้เยอะทำให้เรายังไม่เจอที่ดินตามที่ต้องการแบบ 100% แต่ก็มีโน๊ตไว้บ้าง

          เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว วันที่ 1 สิงหาคมปี 61 เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ผมได้บรรจุเข้ารับราชการ...
          หลังจากทำงานได้เดือนกว่าๆ ผมได้เจอกับเจ้าหน้าที่ธนาคาร ซึ่งเขาเข้ามาประชาสัมพันธ์สินเชื่อสำหรับข้าราชการที่สำนักงาน ผมมีโอกาสได้นั่งคุยกับเจ้าหน้าที่อยู่นานพอสมควร เพราะสนใจสินเชื่อเพราะอยากจะเอาไปซื้อที่ดิน แต่เมื่อได้คุยกับเจ้าหน้าที่ท่านนั้นทำให้ผมต้องล้มเลิกความคิดที่จะซื้อที่ดินเปล่า โดยสนใจสินเชื่อแบบซื้อที่ดินพร้อมปลูกบ้าน (อยากกู้แบบครั้งเดียวจบ) ผมคุยกับภรรยาถึงแผนการใหม่ และให้เขาลองหาข้อมูลมาช่วยกันคิดก่อนตัดสินใจ 
          เราได้ข้อสรุปว่าจะขอสินเชื่อแบบซื้อที่ดินพร้อมปลูกบ้านไปเลย ตั้งงบประมาณไว้ไม่เกิน 1.5 ล้าน ขั้นตอนที่เราต้องทำหลังจากนี้ คือ หาที่ดินเปล่า 1 แปลง และแบบบ้านที่เราชอบ

ที่ดิน : เขารอเราอยู่ (โชคชะตาหรือพรหมลิขิต)

          คราวนี้เราเริ่มค้นหาที่ดินแบบจริง ๆ จัง ๆ แล้ว ไปดูที่เดิมซ้ำอีกรอบและไปดูที่ใหม่ ๆ และเช็คราคา เพื่อรวบรวมเป็นข้อมูลใช้ในการตัดสินใจ สิ่งที่เราได้
          1)  ที่ดินที่เราชอบและถูกใจกันมาก เป็นที่ถมแล้วพร้อมปลูกบ้าน มีรั้วรอบขอบชิด ลักษณะเป็นหมู่บ้านเล็กประมาณ 4-5 หลัง ด้านหลังกับด้านข้างเป็นทุ่งนา วิวสวย ทำเลตั้งอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนประถม (เอกชน) ปัญหาเดียวที่กั้นเราไว้คือ “ราคา” ขนาดพื้นที่ 100 ตารางวา ขายที่ 500,000 บาท เราถอยแทบไม่ทัน
          2)  ที่ดินอีกแปลงที่น่าสนใจ ขนาดพื้นที่ 200 ตารางวา ราคาขายไม่แพง 350,000 บาท ติดปัญหาเรื่องทำเลที่ตั้งอยู่ค่อนข้างลึกจากถนนใหญ่ประมาณ 3 กิโลเมตร ครอบครัวไม่สนับสนุนเพราะเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย (ทางเข้า-ออกเสียงสว่างค่อนข้างน้อย)
          3)  สรุปเราเลือกที่ดินที่อยู่โครงการจัดสรรที่ดิน (แบ่งแปลงขาย) ทำเลติดถนน 4 เลน อยู่ห่างจากโรงเรียนประจำอำเภอประมาณ 700-800 เมตร ถัดไปเป็นสำนักงานเทศบาลและชุมชนตลาด อันที่จริงผมเคยเข้ามาดูโครงการนี้แล้ว ตอนเปิดโครงการราคาเริ่มต้น 3,000 บาท/ตารางวา ที่ไม่ตัดสินใจเลือกตอนแรกเพราะข้อ 3 คิดว่าอยู่เป็นหมู่บ้าน (15 หลัง+) น่าจะวุ่นวาย ผ่านไป 6 ปี ราคาขยับไป 2 เท่าแล้วเพราะคนซื้อไว้เกร็งกำไรกันหมดแล้ว ราคาที่โทรไปสอบถามตามป้ายที่ประกาศขาย คือ 650,000 บาท/100 ตารางวา แต่จะด้วยโชคชะตาหรือพรหมลิขิตก็ไม่ทราบ มี 1 แปลงสุดท้าย ที่ยังติดมือเจ้าของโครงการมานานมากแล้ว
                 - ขนาดพื้นที่ 100 ตารางวา 
                 - ราคา 4,000 บาท/ตาราวา (สด 3,800 บาท/ตาราวา)
                 - ที่ดินถมเรียบร้อยแล้วพร้อมปลูกบ้าน (แต่ต้นกระถินและวัชพืชเพียบเลย) 
                 - มีรั้วปูน 3 ด้าน ยกเว้นด้านหน้า 

-ที่ดินที่เราตกลงเลือกซื้อ-

แบบบ้าน : รักพี่...เสียดายน้อง
          โจทย์ของเราคือ อยากได้บ้านสไตล์โมเดิร์น แบบชั้นครึ่ง มีระเบียงให้สามารถนั่งดูวิวได้ ส่วนใหญ่เราหาไอเดียใน Internet เรื่องแบบบ้านจริง ๆ ผมมีแบบหรือสไตล์ในฝันอยู่แล้ว แต่ต้องจูนความชอบกับภรรยาด้วย เพราะผมต้องการแบบบ้านที่ถูกใจเราทั้งสองคน สรุปผู้เข้ารอบสุดท้ายมี 2 แบบ 
          1)  แบบบ้านแรก : บ้านชั้นครึ่ง ขนาดพื้นที่ 93 ตารางเมตร งบไม่เกินล้าน (เขาเคลมในเว็บ) ประกอบด้วย 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ 1 ห้องรับแขก และ 1 ห้องครัว 


       
          1) แบบที่ 2 : บ้านชั้นครึ่ง ขนาดพื้นที่ 148 ตาราเมตร งบก่อสร้าง 1.43 ล้าน (เขาเคลมในเว็บ) ประกอบด้วย 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 1 ห้องรับแขก และ 1 ห้องครัว


          ทั้ง 2 แบบ ตอบโจทย์ที่เราตั้งไว้ แต่มีความต่างกันที่พื้นที่ใช้สอยและงบก่อสร้าง เราจึงใช้เวลาเลือกนานพอสมควร ก่อนสรุปให้แบบที่ 2 ชนะใจเราไปครอง ด้วย 2 เหตุผลหลัก ๆ คือ รูปทรงและรายละเอียดทางสถาปัตยกรรมและพื้นที่ใช้สอยที่มากกว่า ยอมเจ็บแต่จบไปดีกว่า
          หลังจากตัดสินใจเลือกแบบได้แล้วก็ติดต่อเพจเจ้าของแบบ เพื่อขอซื้อแบบสำเร็จ ชื่อแบบ Thai Modern (แถมหนังสือเกี่ยวกับการปลูกบ้านมา 1 เล่ม) สิ่งที่ได้
         - แบบแปลนบ้าน Hard copy และ Soft copy 
         - รายการประมาณราคาและวัสดุก่อสร้าง หรือ BOQ (Bill of Quantity) เป็นรายการประมาณการทั้งวัสดุและค่าแรงในการก่อสร้าง (ประมาณการราคากลาง ณ ตอนนั้น 1.62 ล้าน **ราคาไม่คงที่**) 
          จากประมาณการราคาก่อสร้าง 1.62 ล้าน ทำเอาเราปวดหัวกันเลยทีเดียว เนื่องจากเมื่อบวกกับค่าที่ดิน (4 แสน) แล้วจะพุ่งไป 2 ล้าน+ แต่เราต้องกัดฟันดำเนินการต่อไปในขั้นตอนของการหาผู้รับเหมาก่อสร้าง เพื่อที่เราจะได้เห็นตัวเลขที่แท้จริง....

          ผมอยากบอกทุกคนว่า “แบบบ้านและ BOQ” สำคัญมาก ๆ และเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการก่อสร้างบ้าน ผมจะอธิบายรายละเอียดใน EP-2 : ค้นหาผู้รับเหมาใครว่าง่าย?
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่