เมื่อฉันต้องทนกับคนที่ไม่ได้รัก อยากจะหนีออกมาให้ไกลแต่ทำไม่ได้ทรมาน

      เราจะเริ่มเล่าตั้งแต่ต้น

     เราคุยกับผู้ชายคนหนึ่ง (ขอแทนว่าเหียก) เหียกเรียนอยูา จ.อยุธยา ส่วนเราอยู่ นน เราคุยอยู่สักพัก2-3 อาทิตย์ก็นัดเจอกัน คุยได้เดือนกว่าๆ เราก็ไปเที่ยวกับเหียกแล้วก็มีเรื่องอย่างว่า
 
     ถัดจากวันนั้นเหียกหายไป บล็อคทุกช่องทางการติดต่อเบอร์โทรไม่ติด เราเสียใจมากคือร้องไห้เลยกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไป

    ไม่นานเราเริ่มสงสัยก็ลองค้นชื่อตามเฟสบุ๊ค ปรากฏว่าเราเจออีกแอคเค้าท์หนึ่ง เราก็เขาไปดู ตกใจอีกรอบเพราะ อีเหียกขึ้นสถานะมีแฟนแล้วกับผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งตอนแรกๆ ที่คุยกันเราไม่รู้ว่าเขามีแฟนอยู่แล้วเหียกสร้างเฟสบุ๊คไว้ 2 เฟส คือเฟสที่ขึ้นสถานะกับแฟนเขาเรามารู้หลัง

   สาระพัดคำด่าตัวเองทั้งโง่ ใจง่าย ตอนนั้นคือเราเศร้ามาก 

   ไม่นานอีเหียกติดต่อกลับมาบอกว่าขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจที่จะโกหกตอนนี้เลิกกับแฟนแล้ว   หลังจากนั้นอีกเหียกก็คอยโทรหา โทรถามสาระพัดที่จะหยอด จนเราใจอ่อน เขาก็ขอเราเป็นแฟน

    พาเราไปบ้านเขาไปเจอพ่อแม่เขา ทุกครั้งเราจะทะเลาะกันบ่อยมากเรื่องของเก่าของแฟนเก่า ไม่ใช่ของคนที่พึ่งเลิกไปนะคะเป็นของคนก่อนหน้านั้นอีก จะนับ 2 3 4 เลยก็ว่าได้ ทะเลาะกันบ่อยมากเพราะเรายังเจอเราเพ้อรำพันอยู่ตลอดว่าคนนั้นดี คนนี้ดี

   คบกันได้เกือบปีเราท้อง เหียกยังเรียนไม่จบแต่แก่กว่าเรา 2 ปี เราเรียนจบ ทำงานแล้ว ตอนนั้นเรามืดแปดด้านเลย เพราะเราอยู่ตัวคนเดียว คนเดียวจริงๆ เช่าคอนโดอยู่ บอกพ่อกับแม่แรกๆ พ่อกับแม่ไม่คุยด้วยเลย เรารู้สึกผิดหวังในตัวเอง พอเหียกพาไปบอกแม่เขา แม่เขาก็บอกตอนทำรู้กันอยู่ 2 คน เขาไม่รับรู้ด้วย อีกอย่างเหียกก็ยังเรียนไม่จบ คือช่วงนั้นเราร้องไห้ทุกวัน เลิกงานกลับมาห้องร้องไห้ไม่ต่ำกว่าช.ม. หมอประเมินว่าเป็นโรคซึมเศร้า ยังดีที่พี่ที่ทำงานทุกคนรักและเอ็นดูเรา ให้ความช่วยเหลือเราเสมอ ในขณะที่เหียกมีแค่คำพูดดีๆ ให้ 
   เหียกคอยปลอบใจเราทุกวัน แต่เราขอให้เหียกมาหาเรา ก็จะมีข้ออ้างสารพัดทั้งๆ ที่บางทีไม่มีเรียนติดกัน 3 วันเลยก็มี บอกแต่ถ้าเราคิดถึงก็นั่งรถไปหามันสิ !
   เราท้อง ทำงาน ทำงานเสริม เพราะเราต้องหาหมอ 2 ต่อทั้งหมอสูติ และ จิตเวช ค่าใช้จ่ายทุกอย่างเราออกเองทั้งหมด 

  จุดพีคหนึ่งที่เราจำฝังใจมาก คือหมอนัดให้ตรวจเลือดของพ่อเด็กนัดจนเลยมา 3 อาทิตย์ กว่าจะขอให้มาได้ พอมาถึงโรงพยาบาลบ่นรอนาน บ่นหิว บ่นช้า คือเราต้องมาตรวจตลอดข้าวไม่ได้กินต้องรอตรวจเลือด นั่งอยู่แบบนี้ไม่ต่ำกว่า 2 ช.ม. เราไม่เคยบ่นสักครั้ง ให้มันมาตรวจเลือดมันบ่นๆๆๆๆ พอตรวจเสร็จ นั่งแท็กซี่กลับบอกเหนื่อยจะรีบกลับไปนอน
  
   จุดที่ทำให้เราเข้มแข็งเลยคือพี่ที่ทำงานให้กำลังใจเรา ให้เราสู้กับทุกอย่างจนเราตั้งใจแล้วว่าจะเลี้ยงลูกเองจะตั้งใจทำงานเก็บเงินเพิ่มทั้งงานหลักงานรอง

   เราเช่าคอนโดอยู่ มีแค่มอเตอร์ไซค์ 1 คัน ขับไปหาหมอแบบนี้ 

  จนท้องเข้า 6 เดือน เหียกก็ไม่เคยมาอีกเลยมีแค่โทรคุยกันแม้กระทั้งเรารถล้ม เหียกก็ไม่เคยมา เราจำได้ว่าเราเคยขอเงินเหียกแค่ 500 บาท เพราะเราไม่เหลือเงินที่จะกินในเดือนนั้นแล้ว 

  เราไม่เคยเอาความทุกข์ยากลำบากหรือเรื่องร้อนใจไปฝากพ่อกับแม่เรานะคะเผื่อใครอ่านมาถึงตรงนี้ เพราะท่านก็ทำงานหาเช้ากินค่ำ ซึ่งบางเดือนเราก็ต้องหาเงินให้ท่านใช้ด้วยซ้ำเพราะงั้นเราจึงอดทนมาก

  พอเราเข้าเดือนที่ 7 แม่ของเหียกติดต่อมาว่าเราเป็นยังไงบ้าง เริ่มมาหา มาดูแล มาดูที่อยู่ของเรา มาเห็นว่าเราเป็นอยู่อย่างไง เขาสงสารเราก็ให้เงินไว้ให้เราไปหาหมอ 
   มีครั้งหนึ่งแม่เหียกนัดเจอเราที่ โรงพยาบาล แม่เหียกตกใจมากที่เราขับมอเตอร์ไซค์มา
   แม่เหียกถามเราว่าจะไปคลอดลูกที่นั่นไหม เขาจะช่วยดูแลทุกอย่าง 
  
   ตอนนั้นเรายังกังวล กลัว เพราะเราตัดสินใจจะอยู่กับลูกแค่ 2 คนในที่ของเรา

  แล้วก็มาถึงวันที่เราคลอด เราจำได้ว่าประมาณตี 2 ปวดฉี่ ขี้เกียจลุกไป ไม่นานน้ำเดินเต็มที่นอน เราก็ตกใจมาก รีบลุกขึ้นมาเปลี่ยนเสื้อผ้า หิ้วเป้ที่ใส่ของเตรียมคลอดไว้ เดินลงมารอรถแท็กซี่ รอ 5 นาทีผ่านไปไม่มีวี่แวว จะเดินไปขอคงามช่วยเหลือจากรปภ. ให้ตามรถก็น่าจะนาน น้ำคล่ำยังไหลไม่หยุด แทบจะตลอดทางที่เราเดินเลย เราตัดสินใจขับมอไซค์ไปโรงพยาบาล ประมาณ 15 นาทีถึง   ไม่มีหมอที่ห้องฉุกเฉิน เราก็เดินไปที่ห้องบริการ 

"เขาก็ถามว่ามาทำอะไรคะ"
"เราตอบ มาคลอดค่ะ"
"เขาถามใครมาคลอดคะ"
"เราก็ตอบ หนูเองค่ะ น้ำเดินแล้ว"

เสร็จแล้วก็มีพยาบาลเอาเอกสารมาให้เซ็นต์พานอนบนรถเข็นไปห้องเตรียมคลอด พยาบาลบอกเราว่ามีญาติมาไหมเราตอบว่าไม่มีค่ะ พยาบาลบอกกับเราว่าไม่มีไม่ได้นะคะต้องมีญาติมาเซ็นต์เอกสาร เราไม่อยากรพกวนพ่อกับแม่เลย เลยให้เบอร์แม่ไป  ประมาณ ช.ม. แม่โทรมาระหว่างที่เรารอคลอดว่าแม่กำลังจะมาแล้ว ช.ม.ที่รอคลอดความเจ็บปวดทรมาณแบบที่ไม่เคยเจอมาก่อนทรมานจนน้ำตาไหล เข้ากูเกิ้ลหาวิธีบรรเทาความปวดระหว่างรอคลอด จะกี่วิธีก็ไม่ได้ผลยังคงทรมาน และความปวดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆทุก ช.ม. จน 7 โมงเช้าหมอพาเข้าห้องคลอด เบ่งเป็น ช.ม. กว่าจะคลอดออกมาได้ ทรมานไม่รู้ลืมพอเจอหน้าลูกก็หายเจ็บทุกอย่างอยากรู้แค่ลูกของฉันครบ 32 และแข็งแรงไหม

   ระหว่างที่รอในห้องคลอดแม่ก็โพสต์เฟสบุ๊คว่าลูกสาวคลอดแล้ว พี่สาวของแม่เหียกเห็นโพสต์ก็รีบโทรหาแม่เหียก แม่เหียกอยู่จ. นครสวรรค์ แต่ พี่สาวแม่เหียกอยู่ ปทุม แม่และพี่สาวของแม่เหียกรีบนั่งรถตู้มาเพื่อที่จะมาเยี่ยมเรา

  เราที่ย้ายมาอยู่ห้องรวมก็มีพยาบาลเข็นลูกมาส่งสอนให้นม ไม่นานแม่เหียกกับพี่สาวแม่เหียกรวมทั้งพ่อและแม่ของเราก็มารวมตัวกัน แม่เหียกทำเรื่องย้ายเราไปนอนห้องพิเศษ มาอยู่มานอนเฝ้าเราตลอดเวลาที่อยู่โรงพยาบาล เขาก็ถามว่าเราจะไปอยู่ที่นู้นไหม ลองคิดดีๆ เราเลยตัดสินใจย้ายไปอยู่ที่นั่น

  เลี้ยงลูกจน 2 เดือน เหียกพึ่งมาดูลูก อ่อลืมเล่าไป เหียกติดเกมมากกกกกก มันมาเล่นเกม แล้วก็กลับไปเรียน ไม่เคยช่วยเลี้ยงลูก จนครบ 3 เดือนเราต้องกลับไปทำงานต่อ

 ทุกวันเราจะปั้มนมแช่ไว้พอถึงวันหยุดเราจะเอาสต๊อคนมใส่กล่องโฟมนั่งรถไฟไปนครสวรรค์เพื่อที่ลูกเราจะได้กินนมแม่นานๆ แม้จะมีวันหยุดแค่วันเดียวเราก็ไป

  จนเราลาออกจากงานมาเลี้ยงลูก ตนลูกได้ 7 เดือน เหียกก็ไปๆ มาๆ เจอหน้าก็มาขอมีอะไรด้วย แต่เราปฏิเสธ เพราะเหนื่อยมากอีกอย่างเราเกลียดไปแล้วด้วย แทบจะไม่ได้นอนเลย อีกคนตื่นมามีข้าวกิน มีคนซักผ้าให้ สายๆ เล่นเกมยังเช้า ลูกไม่เคยมาจับ 

  จนเหียกเรียนจบกลับมาอยู่บ้าน วนอยู่แบบนี้ จะมาขอมีอะไรด้วยอย่างเดียว เราพยายามเลี่ยงด้วยการมานอนในคอกกับลูก
  จนลูกได้ขวบ คืนนั้นเหียกพยายามจะเข้ามาปล้ำเราลูกก็นอนข้างเรา เราก็ด่า ลูกก็ร้อง มันก็บอกอยู่กันแบบนี้ไม่ได้นะ ไม่มีอะไรกันมาจะ 2 ปีแล้ว เรานึกถึงตอนที่เราโดนทิ้งไว้คนเดียว คือเราเกลียดมากเลยเราพยายามอธิบายว่าเราเป็นแค่ พ่อ กับ แม่ของลูกเถอะ เพราะเราไม่ไหวแล้ว คืนนั้นฝนตกป่อยๆ มันเปิดไฟ ไล่เรากับลูกออกจากบ้านมันบอกให้เก็บของออกไปเลย

   คือเรามาอยู่บ้านเขาแม่กับพ่อของเหียกเปิดร้านน้ำให้เราขายขอไปเลี้ยงลูกไป โดยที่เขาให้เราเฝ้าร้านขายของชำไปด้วย

   คืนนั้นเราก็เก็บของอุ้มลูกออกจากบ้าน จะเดินไปหยิบกุญแจรถ มันก็ไม่ได้ ให้เราเดินไป เดินไปสักพักเราโทรลาแม่ แม่เหียกบอกให้เรากลับมา

  เรากลับมาอยู่เรื่องก็ยังวนลูบอยู่แบบนี้ เราอยากออกไปจากที่นี่มาก ติดตรงที่เราไม่มีบ้านให่กลับ ไม่มีคนช่วยพ่อแม่เราก็ช่วยไม่ได้ ต้องมาทนฟังมันทวงบุญคุณมาแลกกับการนอนกับมันตลอด 

  เราเครียดมากมานั่งคิดว่าทำไมชีวิตเราต้องมาเจออะไรแบบนี้ทำไมเราถึงแก้ไขปัญหาไม่ได้ ได้แต่ขอโทษลูก

  เหียกมาคุยด้วยนางบอกสงสารลูกไม่ ไม่กลัวลูกจะไม่มีพ่อหรอ เราเลยบอกไปว่า ถ้าลูกรู้ว่าพ่อมันเป็นแบบนี้ลูกมันน่าจะเสียใจมากกว่านะ เหียกมีผู้หญิงคุยด้วยตลอดค่ะ มีไปเที่ยวด้วยไปหาด้วยซึ่งเราปล่อยไปนานแล้วไม่ตามไม่อะไรคือหมดแล้วทุกๆ อย่าง

  บอกจะดูลูก นั่งเล่นเกมปล่อยลูกขี้จนแห้งคาตรูดรอเรากลับมาล้าง คือรอทุกอย่างให้เรากลับมาทำ

  แม่เหียกบอกให้มาช่วยดูลูกมันบอกเหนื่อยจะนอนพักหน่อยไม่ได้นอนเลย เล่นเกมทั้งคืน เคยถามว่าจะช่วยค่าเลี้ยงลูกไหม มันบอกเอาไปเดือนละ 500 พอ ลูกยังเล็กไม่ได้ใช้อะไรเยอะหรอก คือแพมเพิสกล่องหนึ่งก็พันกว่าบาทแล้วอ่ะ เราจะได้เงินมาคือ แมาของเหียกไปขอมาให้แล้วเอามาแบ่งให้เรา แม่เหียกรักเรากับลูกเรามากช่วยเหลือดูแลทุกอย่าง ต่างกันกับลูกของเขา 

  ล่าสุดเหียกส่งขอความมาถามว่าสรุปยังไง จะอยู่แบบนี้ใช่ไหมมันอยู่ไม่ได้นะ จะให้เอาไหม เราเลยถามว่า ต้องการแค่ "เอา ใช่ไหม" มันบอกใช่ เราเลยตอบไปว่าถ้าไม่ต้องสนความรู้สึกงั้นเชิญตามสบาย
  

  เราไม่มีที่ให้ไป ไม่มีทางเลือก ลำพังขายของได้วันละ 100 กว่าบาทไม่พอที่จะพาตัวเองไปไหนได้เลย เราทุกข์ทรมานมากทุกครั้งที่เหียกเข้ามาใกล้ ครั้งนี้เราไม่มีทางเลือกเพื่อความสบายของลูกเราจะอดทนให้มากที่สุด จนกว่าเวรกรรมมันจะสิ้นสุดจากกันสักที ให้ลูกมีที่นอน ให้ลูกได้อิ่ม ให้ลูกได้สบาย ไม่ต้องมาเหนื่อยเหมือนแม่


แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่