
หนังเกาหลีเข้าฉายติดๆ กันหลายเรื่องเหลือเกินช่วงหลังๆ มา เรื่องที่เจ๋งๆ ก็มีนะครับ อย่างล่าสุดก็ #Parasite ที่ไปไกลได้ถึง #OSCAR เลยทีเดียว ผมได้มีโอกาสไปตามเก็บหนังเกาหลีสองเรื่องที่เข้าล่าสุด พูดถึงเรื่องนี้ก่อนละกัน สำหรับความฮาถือว่าหนังทำได้ดีเลยล่ะ แต่หนังใส่ประเด็นมาเยอะพอสมควรจนลืมประเด็นที่หนังควรจะขยี้ไปเลย

หนังเล่าถึง เมื่อ คังแทซู หนุ่มพนักงานประจำในสำนักงานกฏหมายที่ได้รับมอบหมายให้ชุบชีวิตกิจการสวนสัตว์ที่กำลังถังแตกขึ้นมาโดยมีเส้นตายแค่สามเดือน แต่อุปสรรคสำคัญคือสวนสัตว์ที่ว่ากลับไม่มีสัตว์เหลืออยู่เลย เขากับทีมพนักงานจึงคิดแผนสุดพิสดารขึ้นมาโดยให้ทุกคนใส่ชุดปลอมตัวเป็นสัตว์ ฟังดูไม่น่าได้ผล แต่กลายเป็นว่าแผนนี้ของแทซูทำให้สวนสัตว์ของเขาดังสนั่นโซเชียล

ในพาร์ทแรกของหนัง หนังโฟกัสที่ตัวของ คังแทซู เพื่อบอกที่มาที่ไปของการได้รับหน้าที่ ผอ สวนสัตว์เพื่อกอบกู้กิจการที่ใกล้เจ๊งเต็มที ช่วงแรกหนังจับประเด็นความเหลื่อมล้ำทางสังคมชนชั้นพนักงานกับชนชั้นผู้บริหารมาเล่น เหมือนอยากให้คนดูยึดประเด็นนี้เอาไว้เป็นประเด็นหลักของหนัง ก่อนที่จะเข้าพาร์ทที่สองที่เป็นเหมือนประเด็นชูโรงของเรื่อง คือในเรื่องของสวนสัตว์ที่พนักงานทุกคนต้องเฟคเพื่อที่จะกอบกู้ให้กิจการกลับมา ในพาร์ที่สองถือว่าเป็นไฮไลท์ของหนังเลย เพราะหนังทำได้สนุก, ตลก และน่าติดตามมากๆ แต่หนังก็ยังแฝงประเด็นอะไรหลายๆ อย่างเอาไว้ในพาร์ทนี้ เช่นการจับเอาเรื่องราวของความสัมพันธ์ของตัวละครแต่ละตัวละคร เรื่องภารกิจการกอบกู้สวนสัตว์ เรื่องความรักของคู่หนุ่มสาวทั้งรุ่นเล็กและรุ่นใหญ่ และอีกหลายๆ ประเด็น ซึ่งถ้าดูรวมๆ เราจะโฟกัสที่พาร์ทของการปลอมตัวเป็นสัตว์มากที่สุด

พอมันมีประเด็นต่างๆ เข้ามาเป็นองค์ประกอบมากมาย ทีนี้พอหนังมันเลยจุดที่เป็นไฮไลท์ไปแล้ว หนังจะมาตามเก็บประเด็นต่างๆ ที่ปูไว้ ก็เลยกลายเป็นว่า ประเด็นเหล่านั้นมันถูกสรุปด้วยความหลวมในแทบจะทุกประเด็น เรื่องของสังคมทุนนิยม ก็สรุปจบแบบง่ายดาย ทั้งที่น่าจะเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดของหนัง เรื่องของความเหลื่อมล้ำในตำแหน่งหน้าที่การงาน ก็จบแบบบางเบา เรื่องของความรักโรแมนติคนี่ยิ่งหายไปจากหนังเลย ทั้งที่หนังวางประเด็นเหล่านี้เอาไว้แล้ว แต่อย่างว่าคือมันถูกวางไว้เยอะเกินไป ทำให้ประเด็นต่างๆ ไม่ถูกสรุปได้อย่างลงตัว

ถือว่าเป็นที่น่าเสียดายพอสมควร เพราะช่วงกลางของหนังทำได้ค่อนข้างดี ดูสนุกน่าติดตาม แต่พอติดตามแล้วเหมือนหนังพยายามจบให้ได้ทุกประเด็นแต่จบแบบไม่มีน้ำหนักอะไรมารองรับความน่าจะเป็นเท่าไหร่ มันเลยเหมือนกับหนังยังขาดอะไรไปพอสมควร แทนที่จะต่อยอดความสนุกในพาร์ทที่ทำดีแล้วให้สุด แต่กลับไปไม่สุดสักทาง
ฝากเพจหนังเล็กๆ ด้วยนะครับ >>>
https://www.facebook.com/DooNangGunMai/
[CR] [#Review] Secret Zoo เฟค Zoo สู้โว้ย - หนังตลกเสียดสีระบบทุนนิยม แต่ประเด็นต่างๆ ยังผสมกันไม่กลมกล่อมเท่าไหร่
หนังเกาหลีเข้าฉายติดๆ กันหลายเรื่องเหลือเกินช่วงหลังๆ มา เรื่องที่เจ๋งๆ ก็มีนะครับ อย่างล่าสุดก็ #Parasite ที่ไปไกลได้ถึง #OSCAR เลยทีเดียว ผมได้มีโอกาสไปตามเก็บหนังเกาหลีสองเรื่องที่เข้าล่าสุด พูดถึงเรื่องนี้ก่อนละกัน สำหรับความฮาถือว่าหนังทำได้ดีเลยล่ะ แต่หนังใส่ประเด็นมาเยอะพอสมควรจนลืมประเด็นที่หนังควรจะขยี้ไปเลย
หนังเล่าถึง เมื่อ คังแทซู หนุ่มพนักงานประจำในสำนักงานกฏหมายที่ได้รับมอบหมายให้ชุบชีวิตกิจการสวนสัตว์ที่กำลังถังแตกขึ้นมาโดยมีเส้นตายแค่สามเดือน แต่อุปสรรคสำคัญคือสวนสัตว์ที่ว่ากลับไม่มีสัตว์เหลืออยู่เลย เขากับทีมพนักงานจึงคิดแผนสุดพิสดารขึ้นมาโดยให้ทุกคนใส่ชุดปลอมตัวเป็นสัตว์ ฟังดูไม่น่าได้ผล แต่กลายเป็นว่าแผนนี้ของแทซูทำให้สวนสัตว์ของเขาดังสนั่นโซเชียล
ในพาร์ทแรกของหนัง หนังโฟกัสที่ตัวของ คังแทซู เพื่อบอกที่มาที่ไปของการได้รับหน้าที่ ผอ สวนสัตว์เพื่อกอบกู้กิจการที่ใกล้เจ๊งเต็มที ช่วงแรกหนังจับประเด็นความเหลื่อมล้ำทางสังคมชนชั้นพนักงานกับชนชั้นผู้บริหารมาเล่น เหมือนอยากให้คนดูยึดประเด็นนี้เอาไว้เป็นประเด็นหลักของหนัง ก่อนที่จะเข้าพาร์ทที่สองที่เป็นเหมือนประเด็นชูโรงของเรื่อง คือในเรื่องของสวนสัตว์ที่พนักงานทุกคนต้องเฟคเพื่อที่จะกอบกู้ให้กิจการกลับมา ในพาร์ที่สองถือว่าเป็นไฮไลท์ของหนังเลย เพราะหนังทำได้สนุก, ตลก และน่าติดตามมากๆ แต่หนังก็ยังแฝงประเด็นอะไรหลายๆ อย่างเอาไว้ในพาร์ทนี้ เช่นการจับเอาเรื่องราวของความสัมพันธ์ของตัวละครแต่ละตัวละคร เรื่องภารกิจการกอบกู้สวนสัตว์ เรื่องความรักของคู่หนุ่มสาวทั้งรุ่นเล็กและรุ่นใหญ่ และอีกหลายๆ ประเด็น ซึ่งถ้าดูรวมๆ เราจะโฟกัสที่พาร์ทของการปลอมตัวเป็นสัตว์มากที่สุด
พอมันมีประเด็นต่างๆ เข้ามาเป็นองค์ประกอบมากมาย ทีนี้พอหนังมันเลยจุดที่เป็นไฮไลท์ไปแล้ว หนังจะมาตามเก็บประเด็นต่างๆ ที่ปูไว้ ก็เลยกลายเป็นว่า ประเด็นเหล่านั้นมันถูกสรุปด้วยความหลวมในแทบจะทุกประเด็น เรื่องของสังคมทุนนิยม ก็สรุปจบแบบง่ายดาย ทั้งที่น่าจะเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดของหนัง เรื่องของความเหลื่อมล้ำในตำแหน่งหน้าที่การงาน ก็จบแบบบางเบา เรื่องของความรักโรแมนติคนี่ยิ่งหายไปจากหนังเลย ทั้งที่หนังวางประเด็นเหล่านี้เอาไว้แล้ว แต่อย่างว่าคือมันถูกวางไว้เยอะเกินไป ทำให้ประเด็นต่างๆ ไม่ถูกสรุปได้อย่างลงตัว
ถือว่าเป็นที่น่าเสียดายพอสมควร เพราะช่วงกลางของหนังทำได้ค่อนข้างดี ดูสนุกน่าติดตาม แต่พอติดตามแล้วเหมือนหนังพยายามจบให้ได้ทุกประเด็นแต่จบแบบไม่มีน้ำหนักอะไรมารองรับความน่าจะเป็นเท่าไหร่ มันเลยเหมือนกับหนังยังขาดอะไรไปพอสมควร แทนที่จะต่อยอดความสนุกในพาร์ทที่ทำดีแล้วให้สุด แต่กลับไปไม่สุดสักทาง
ฝากเพจหนังเล็กๆ ด้วยนะครับ >>> https://www.facebook.com/DooNangGunMai/
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้