[SR] รีวิวเมาส์ HyperX Pulsefire Surge และแผ่นรอง Fury Ultra คู่เกมมิ่งเกียร์ RGB

ช่วงนี้ก็ใกล้ถึงเทศกาลวาเลนไทน์กันแล้ว ใครมีแผนจะซื้อของขวัญให้กับคนรักที่เป็นสายเกมเมอร์อยู่ คงน่าจะกำลังเล็งอุปกรณ์พวกเกมมิ่งเกียร์กันอยู่บ้างแน่ ๆ รอบนี้ทาง HyperX ก็มีผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่เอาใจคอเกมที่ชอบสีสันสวยงามออกมาถึง 2 รุ่นที่สามารถใช้งานร่วมกันได้ หนึ่งก็คือเมาส์เกมมิ่ง HyperX Pulsefire Surge และก็แผ่นรองเมาส์ HyperX Fury Ultra ซึ่งทั้งสองมาพร้อมกับไฟ RGB ที่สามารถปรับแต่งได้ รวมถึงยังอัดแน่นด้วยคุณสมบัติที่ช่วยสนับสนุนการเล่นเกมอีกต่างหาก เรามาดูกันทีละชิ้นเลยครับ


เมาส์ HyperX Pulsefire Surge

กล่องของ HyperX Pulsefire Surge จะใช้เป็นพื้นสีขาวแดง โดยมีรูปตัวเมาส์เด่นอยู่ที่ด้านหน้ากล่องเลย ส่วนด้านบนก็จะมีโลโก้ระบุว่าตัวผลิตภัณฑ์รองรับการควบคุมด้วยโปรแกรม Ngenuity และมีไฟ RGB มาให้ด้วย

ส่วนด้านข้างกล่องก็จะมีคุณสมบัติคร่าว ๆ มาให้ครับ ที่น่าสนใจก็ได้แก่
-          เซ็นเซอร์จับการเคลื่อนไหว ใช้เป็น Pixart 3389
-          ค่า DPI สูงสุดอยู่ที่ 16,000 DPI
-          สวิตช์ Omron รองรับการคลิกได้กว่า 50 ล้านครั้ง
-          มีปุ่มทั้งหมด 6 ปุ่ม รองรับการปรับแต่งได้เต็มที่
-          น้ำหนักเมาส์เพียง 100 กรัม
ส่วนการใช้งาน ก็ใช้กับคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในปัจจุบันได้สบาย เชื่อมต่อผ่านทาง USB สามารถทำงานได้โดยไม่จำเป็นต้องติดตั้งโปรแกรมเสริม แต่ถ้าอยากใช้งานให้เต็มประสิทธิภาพ ก็ให้โหลดโปรแกรม Ngenuity จากทาง HyperX ด้วยจะดีกว่าครับ (ติดตั้งผ่านทาง Windows Store ของ Windows 10 ได้เลย)

ภายในกล่องก็จะมีตัวเมาส์ที่มีสาย USB แบบถักความยาว 1.8 เมตรติดมาด้วย ไม่สามารถถอดออกได้ นอกจากนั้นก็จะมีคู่มือการใช้งานเบื้องต้นมาให้อีกนิดหน่อย

จุดเด่นในด้านดีไซน์ของ HyperX Pulsefire Surge ก็คือการออกแบบเส้นไฟ RGB ที่ครอบคลุมทั้งตัวเมาส์แบบ 360 องศาเลย ไม่ได้แบ่งเป็นโซน ๆ เหมือนในรุ่นอื่น ซึ่งผู้ใช้สามารถตั้งค่าได้ว่าจะให้เป็นไฟวิ่ง ไฟกระพริบ หรือไฟสีใดสีหนึ่งค้างไว้ตลอดเวลาก็ได้เช่นกัน

รูปทรงของ HyperX Pulsefire Surge จะรองรับการจับเมาส์แบบคลุมทั้งฝ่ามือได้ดี ด้วยรูปทรงที่ค่อนข้างยาว และมีความนูนขึ้นมาตรงส่วนหลัง พื้นผิวก็เป็นพลาสติกที่ได้รับการเคลือบผิวมาได้ดี จับแล้วไม่ลื่นมือจนเกินไป ซึ่งในแง่ของการออกแบบนี้ ทาง HyperX ก็ร่วมมือกับเหล่าเกมเมอร์ สตรีมเมอร์ชื่อดังระดับโลกด้วย เพื่อให้ได้เมาส์ที่ถูกใจคอเกมที่สุด

ปุ่มในการควบคุมจะมีด้วยกันสองโซน โซนแรกคือบริเวณด้านบนสุด ก็จะมีคลิกซ้าย คลิกขวา คลิกกลางที่วงล้อ แล้วก็ปุ่มเสริมที่ถูกกำหนดมาจากโรงงานให้ใช้สำหรับเปลี่ยนค่า DPI แบบ on the fly ซึ่งเมื่อกดเปลี่ยน ก็จะมีการแจ้งระดับ DPI ที่ใช้ผ่านทางการกระพริบไฟ RGB ที่ผู้ใช้สามารถตั้งค่าได้จากในโปรแกรม Ngenuity
อีกโซนก็จะอยู่ที่บริเวณฝั่งซ้าย ตัวปุ่มได้รับการวางเรียบไปกับตัวเมาส์ ทำให้ไม่ต้องขยับนิ้วหัวแม่มือมากเวลากด ซึ่งผู้ใช้ก็สามารถตั้งค่าหน้าที่การทำงานได้ตามต้องการเช่นเดียวกัน

ด้านล่างจะมี feet ขนาดใหญ่แค่ 2 ชิ้นเท่านั้น

ความรู้สึกในการใช้งาน HyperX Pulsefire Surge จากที่รีวิวนั้น โดยรวมคือให้สัมผัสที่ดีครับ ขนาด ความสูง ผิวสัมผัส ถือว่าทำออกมาได้ดีตามมาตรฐานเมาส์เกมมิ่ง น้ำหนักเบา เนื่องจากไม่จำเป็นต้องมีแบตเตอรี่แบบเมาส์ไร้สาย ความเร็ว อัตราการตอบสนองก็ไม่มีปัญหา ส่วนเรื่องไฟ RGB อันนี้ก็แล้วแต่ความชอบส่วนบุคคล ถ้าใครชอบก็สามารถเข้าไปปรับแต่งได้สบาย หรือถ้าใครไม่ชอบก็สามารถปิดไฟได้เช่นกัน

ด้านของโปรแกรมที่ใช้ในการควบคุม ปรับแต่งฟังก์ชันต่าง ๆ ก็คือ HyperX Ngenuity ที่สามารถเข้าไปดูข้อมูลได้จากหน้าเว็บไซต์ของ HyperX เอง ส่วนในการดาวน์โหลด ถ้าใช้งานบน Windows 10 ระบบก็จะส่งกลับมาที่ Windows Store ให้เองครับ ก็คลิกติดตั้งกันไปได้เลย

ตัวโปรแกรมจะตรวจจับอุปกรณ์ HyperX ให้โดยอัตโนมัติ สำหรับตัวของ HyperX Pulsefire Surge ก็จะมีเมนูให้ปรับหลัก ๆ ด้วยกัน 3 หน้า โดยหน้าแรกคือ Lights ที่ใช้ปรับรูปแบบแสงไฟ RGB ซึ่งสามารถปรับทั้งรูปแบบเอฟเฟ็คท์ เช่น ให้เป็นไฟวน หรือจะให้เป็นแบบไฟนิ่ง ๆ เป็นไฟที่กระพริบแบบจังหวะการหายใจก็ได้เช่นกัน สามารถปรับโทนสีที่จะใช้ ปรับระดับความสว่าง หรือจะปรับความเร็วในการกระพริบก็ได้ด้วย

หน้าต่อมาก็คือ Buttons ที่ให้ผู้ใช้สามารถปรับหน้าที่ของแต่ละปุ่มได้อิสระ จะตั้งเป็นตัวสั่งใช้มาโคร ใช้แทนปุ่มคีย์บอร์ด หรือจะปิดการทำงานไปเลยก็ได้ และหลังจากตั้งค่าเรียบร้อยแล้ว รูปแบบการตั้งค่าก็จะถูกบันทึกไว้ในหน่วยความจำของ HyperX Pulsefire Surge ทำให้สามารถนำไปใช้งานในเครื่องอื่น ๆ ได้อย่างสะดวก

หน้าที่ 3 คือ Sensor ที่หลัก ๆ คือจะใช้ปรับชุดค่า DPI ครับ สามารถตั้งค่าให้กับแต่ละระดับ พร้อมตั้งสีตัวแทนที่จะกระพริบขึ้นมาตอนเปลี่ยนมาใช้ DPI ค่าที่กำหนดไว้ ซึ่ง DPI ที่ใช้งานได้ก็จะเริ่มตั้งแต่ 200 ไปจนสูงสุดที่ 16000
ส่วนตรงเมนูย่อย 3 ข้อด้านบนที่สามารถปรับได้จากในทุกหน้าก็คือค่าความสว่างไฟ ค่า polling rate ในการรับส่งข้อมูล และก็ preset ที่สามารถ import/export ได้

ซึ่งผู้ใช้สามารถเก็บการตั้งค่าต่าง ๆ เป็น preset ได้ นำไปใช้กับเครื่องอื่นได้ รวมถึงตั้งให้ระบบทำการซิงค์ไปยังอุปกรณ์ HyperX อื่น ๆ ที่รองรับได้ด้วย

แผ่นรองเมาส์ HyperX Fury Ultra

นับเป็นแผ่นรองเมาส์ที่มาพร้อมไฟ RGB รุ่นแรกของทาง HyperX เลยทีเดียวครับ สำหรับจุดเด่นในด้านไฟ RGB ก็คล้ายกับในเมาส์ข้างต้นเลย คือเป็นแบบ Dynamic 360 องศารอบตัว สามารถปรับแต่งรูปแบบการแสดงผลผ่านทางโปรแกรม Ngenuity ได้ด้วย

อุปกรณ์ที่ให้มาในกล่องก็จะมีแผ่นรองเมาส์ HyperX Fury Ultra ที่มีสาย USB แบบถักความยาว 1.8 เมตรติดมาให้ (ไม่สามารถถอดสายได้) แล้วก็คู่มือการใช้งานเบื้องต้น

ขนาดของ HyperX Fury Ultra ก็จะอยู่ที่ 35.9 x 29.9 เซนติเมตร เทียบกับฝ่ามือแล้วก็ตามภาพด้านบนครับ รองรับการกวาดเมาส์ระหว่างเล่นเกมได้สบาย ส่วนผิวสัมผัสด้านบนจะเป็นพลาสติกด้าน พ่นสีแบบเม็ดทราย ซึ่งใช้การทำผิวแบบ micro texture ช่วยให้การเคลื่อนไหวเมาส์เป็นไปได้อย่างไหลลื่นแต่ยังคงความแม่นยำไว้ได้ดี แถมยังทำความสะอาดได้ง่ายอีกด้วย

ส่วนด้านล่างจะเป็นพื้นยางกันลื่นครับ โดยออกแบบให้เป็นจุดวงกลมกระจายไปทั่วทั้งผืน เพื่อช่วยให้สามารถยึดเกาะกับโต๊ะ หรือพื้นผิวที่ใช้งานได้ดีกว่าการใช้ยางแผ่นเรียบทั้งผืน

ความหนาก็ประมาณ 5 มิลลิเมตร ไม่หนา ไม่บางเกินไป ส่วนน้ำหนักก็ประมาณ 580 กรัมครับ


เมื่อเสียบสาย USB เรียบร้อย ก็จะมีไฟปรากฏขึ้นมาทั้งที่ตัวกล่องแผงวงจรตามภาพด้านบน และก็ที่ขอบของ HyperX Fury Ultra ซึ่งก็แน่นอนว่าสามารถปรับรูปแบบของไฟได้ตามต้องการ จะซิงค์กันระหว่างอุปกรณ์ HyperX หรือจะปิดไปเลยก็ได้ ผ่านทางโปรแกรม Ngenuity

พอจับทั้ง HyperX Pulsefire Surge และ HyperX Fury Ultra มาใช้งานร่วมกัน ต้องบอกเลยว่าเข้ากันดี เหมาะกับการซื้อเป็นคู่เพื่อเป็นของขวัญในช่วงวาเลนไทน์นี้มากเลย

ส่วนเมนูการตั้งค่าในโปรแกรม NGenuity เมื่อใช้งานร่วมกับแผ่นรองเมาส์ HyperX Fury Ultra ก็จะมีเฉพาะส่วนของการตั้งค่าไฟ RGB ซึ่งสามารถปรับสีสัน ปรับเอฟเฟ็คท์ ปรับความสว่าง ปรับความเร็วในการกระพริบได้เหมือนกับตัวเมาส์เลย

สำหรับทั้ง HyperX Pulsefire Surge และ HyperX Fury Ultra ต่างก็ล้วนเป็นเกมมิ่งเกียร์ที่เหมาะกับการใช้งานในปัจจุบันเป็นอย่างดีครับ ด้วยทั้งคุณสมบัติในด้านเทคนิค สเปคที่ค่อนข้างลงตัว ไม่ว่าจะใช้ทำงานหรือใช้เล่นเกมก็ตาม รวมถึงยังมาพร้อมความสวยงามจากไฟ RGB แบบ Dynamic 360 องศา ซึ่งสามารถปรับแต่งทั้งรูแบบไฟ และการทำงานของผลิตภัณฑ์ผ่านทางซอฟต์แวร์เดียวอย่าง Ngenuity ได้อย่างง่ายดาย
โดยตอนนี้สามารถหาซื้อผลิตภัณฑ์ทั้งสองได้แล้วตามร้านตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ HyperX ครับ
-          HyperX Pulsefire Surge ราคา 1,790 บาท
-          HyperX Fury Ultra จะเริ่มวางจำหน่ายช่วงกลางเดือนมีนาคม
ชื่อสินค้า:   HyperX Pulsefire Surge และ Fury Ultra
คะแนน:     

SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - ได้รับสินค้ามาใช้รีวิวฟรี โดยต้องคืนสินค้าให้เจ้าของสินค้า
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่