ประเทศไทย ณ ตอนนี้ ปี 2020 ยังน่าอยู่ อยู่ไหม??

หดหู่มากครับกับเหตุการณ์เมื่อคืนก่อน ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินหาแทบจะไม่เจอ คุณภาพชีวิตโดยรวมย่ำแย่ คุณภาพอากาศก็ต่ำตม 

ผมเลยเริ่มจุดประกายว่า จากเดิมที่ผมไม่เคยใส่ใจที่จะพัฒนาสกิลการใช้ภาษาอังกฤษเลย ผมเลยเริ่มกลับมาตระหนัก แลเห็นความสำคัญของมันแล้วล่ะ ว่าเสียดายเวลาที่ผ่านมาควรจะพัฒนาสกิลภาษาอังกฤษให้เก่งคล่องขึ้นกว่านี้  จะได้พาตัวเองพัฒนา มีความสุข กล้าออกสู่โลกกว้าง น่าอยู่กว่าที่เคยเป็น ดีกว่ามานั่งรอพึ่งพาประเทศที่ผมถือสัญชาติอยู่ ณ ตอนนี้ 

จะเท้าความให้ฟังว่า สมัยอากงของผม บ้านอยู่ซัวเถา หนีพิษเศรษฐกิจและการเมืองจีนสมัย 80-90 ปีก่อน อพยพมาลงใต้ เอเชียอาคเนย์ เพื่อควานหาชีวิตที่ดีกว่า ตอนนั้นมีตัวเลือก 2 ทางคือ จาการ์ต้า กับบางกอก อากงผมเห็นว่าทางด้านขวาของกราบเรือมีฝูงปลาชุกชุมกว่า เลยโหวตให้เรือแล่นสำเภามาจอดที่บางกอกครับ ชีวิตต้องปรับตัว ปรับเปลี่ยนถิ่นที่อยู่ใหม่

อากงเคยเล่าว่า สมัยนั้นคนจีนต้องแอบสอนภาษาจีนให้คนรุ่นลูกรุ่นหลานในบ้าน ไม่งั้นรัฐบาลไทยจะจับดำเนินคดี  

ตอนนี้คงถึงรุ่นผมแล้วล่ะ ที่จะตัดสินใจวางแผนแนวทางดำรงชีวิต step by step ต่อไปยังไง หรือจะล่องลอยไปวันๆ สบายๆไม่ขยัน ไม่วางแผนการอะไรใดๆ เหมือนแต่เดิมก่อนหน้านี้ คิดเล่นๆไปว่า ถ้าผมมีลูก จะส่งเสริมให้ลูกเรียนอังกฤษ เรียนเก่งๆ สอบชิงทุนไปเรียนเมืองนอก ทำงานที่นั่นไปเลย

ขอเหตุผลดีๆ ที่เมืองไทยยังน่าอยู่ พอที่น่าลงทุนที่จะกักพิงอิงอาศัยต่อรุ่นสู่รุ่นหน่อยครับ

อ้อ ลืมๆ 
  "  ผนงรจตหกม  "  
" We will Pass Away Together "
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 8
ลูกชายเรากำลังเรียน ป.เอกที่ญป. เขาบอกว่าญป.น่าเที่ยว แต่ไม่น่าอยู่  คุณไปอยู่ประเทศอื่นนานๆ จะเข้าใจความรู้สึกนี้มากขึ้น
หลายอย่างเขาดีกว่าไทย.  แต่แค่ปัญหาพิบัติภัยต่างๆ ทั้งไต้ฝุ่น แผ่นดินไหว (รายวัน) ยังคิดเลยว่า ถ้าเกิดเหตุการณ์รุนแรง เช่นสึนามิ
ก็จะลำบากมาก.  เพราะเราไปก็เป็นพลเมืองชั้นสอง. เขาต้องดูแลประชาชนเขาก่อน  มีอะไร คุณอาจต้องรอแอร์เอเชียไปรับกลับก็ได้

นอกจากนี้  คุณต้องมีความสามารถมากๆ จึงจะอยู่อย่างสะดวกสบาย มีการงานที่มั่นคงทำได้. ไม่หมูนะครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
ผมหากินและมีรายได้จากประเทศไทย
ดังนั้นผมจะทำตัวเองให้ดี และหวังให้ไทยก้าวหน้าครับ
ความคิดเห็นที่ 43
เมืองไทยการบังคับใช้กฎหมายไม่เท่ากัน นี่คือจุดเริ่มต้นของความเน่าทุกอย่าง
ความคิดเห็นที่ 5
เชื่อผมเถอะ เท่าที่เคยเรียนอยู่ต่างประเทศ เคยเที่ยวมาพอสมควรแทบจะทุกมุมโลก ไม่มีที่ไหนสบายและสุขใจเท่าเมืองไทยหรอกครับ  คิดแบบนี้แสดงว่ายังไม่เคยเจอความรู้สึกของการเป็น “พลเมืองชั้นสอง” ของประเทศอื่นแน่เลย  อีกอย่าง ลองไปป่วยอยู่ต่างประเทศแล้วจะรู้สึกรักเมืองไทยขึ้นมาทันที
ความคิดเห็นที่ 27
คุณพื้นเพก็ไม่ได้ต่างจากผมขนาดนั้น

รุ่นอากงอาม่าผมก็มาจากจีนเกือบหมด หนีมาไทย มีเสี้ยวเล็กๆเป็นไทยและมาเลย์

ผมได้ใช้ชีวิตอยู่ในฝรั่งเศสและทุกวันนี้ทำงานอยู่จีนเมืองเซี่ยงไฮ้ (หนีไวรัสกลับมาชั่วคราว)

คุยกันเรื่องประเทศไทย ผมพูดเสมอว่าผมไม่ขอพูดว่าผมภูมิใจที่เป็นคนไทย... เพราะผมไม่เข้าใจการภูมิใจกับสิ่งที่ได้มาพร้อมการเกิด

...แต่ผมพร้อมพูดอย่างเต็มปากว่าผมภูมิใจ ที่จะพูดว่าผมโชคดีที่สุดที่ได้เกิดและเป็นพลเมืองในแผ่นดินนี้

ครอบครัวฝั่งพ่อผมครึ่งจีน ไม่ได้ร่ำรวยนัก ปู่เป็นครึ่งไทยมาเลย์ เป็นมุสลิม (ข้อดีแรก ในแผ่นดินนี้พ่อผมเกิดมาดันไม่ต้องเป็นมุสลิม แค่ลูกสาวคนโตซึ่งแต่งงานไปเป็นพลเมืองเยอรมันเป็นคนเดียว 555) อยู่กรุงเทพ เป็นทหารรับใช้ชาติรบในสงครามเกาหลี อาม่าเป็นจีนบรรพบุรุษมาไทยเมื่อไหร่ไม่รู้เกิดที่ยะลา

ฝั่งแม่ร่ำรวยกว่า อากงอาม่ามาจากจีนตัวเปล่าๆ เริ่มจากรับจ้างทั่วไป ค้าขายเล็กน้อยๆจนได้ร้านโชว์ห่วยเล็กๆ จนเริ่มค้าผ้า ทำโรงงาน ทำเต้นรถ แต่แม่ผมเป็นลูกสาวคนสุดท้องในครอบครัวจีนจ๋าๆเลยแทบไม่ได้อะไรจากครอบครัว

สุดท้ายพ่อแม่แต่งงานแยกมาเป็นครอบครัวเล็กๆกันเอง อาศัยตึกแถวหลังนึงของฝั่งพ่อที่ไม่ได้ใช้เพราะอยู่ในชุมชนที่ไม่ดีนัก สกปรก ยาเสพติดชุกชุม พ่อแม่ท่านทำงานเก็บเงินจนสามารถย้ายไปอยู่ที่ใหม่ของตัวเองได้ในชุมชนที่ดีกว่า

ท่านพยายามส่งผมเข้าเรียนเอกชนอย่างยากลำบาก พอพ่อผมตกงาน ผมก็ต้องไปอยู่โรงเรียนรัฐแทน หลังจากนั้นผมก็ตั้งใจเรียน ตั้งแต่มัธยมปลายเป็นต้นมาผมสอบรับทุนการศึกษาต่างๆตลอดจนไปถึงจุดที่ไปต่างประเทศโดยไม่มีข้อผูกพัน พ่อแม่ผมไม่ต้องเสียเงินใดๆเป็นค่าเล่าเรียนหรือเรียนพิเศษใดๆ ได้มีโอกาสรับราชการเป็นช่วงเวลาหนึ่งก็ภาคภูมิใจกับช่วงเวลานั้นแม้จะตัดสินใจไม่ไปต่อ ได้ไปฝรั่งเศสเรียนและทำงานก็ด้วยทุนไม่ผูกพันธ์รวมถึงไปที่อื่นๆหลายที่ในยุโรป จนวันนี้ผมมาทำปริญญาเอกในมหาลัยชั้นนำในด้านของผมที่เซี่ยงไฮ้ก็เป็นแบบที่มีรายได้มากไม่มีข้อผูกพันใดๆเหมือนคนทำงานดีๆทั่วไปช่วยที่บ้านได้

------------------------------------------------------------------------------------

สำหรับผมไทยดียังไง?
ย่อๆ
อาหาร, วัฒนธรรม, ความเปิดกว้าง
และโดยพื้นฐานเศรษฐกิจประเทศเท่าๆกันนับว่าไทย ค่าครองชีพถูก สวัสดิการค่อนข้างดี ปลอดภัย เสรีพอตัว คมนาคมไม่เลวร้าย

------------------------------------------------------------------------------------
ยาวๆ

อาหารไทย 555 ราคาถูก มีหลากหลายทั้งสไตล์และวัตถุดิบ และค่อนข้างมีอุดมสมบูรณ์ตลอดปี

ค่าครองชีพ
- อาหารแม้ราคาจะขึ้นมาบ้างในช่วงที่ผ่านมาแต่ผมทำอาหารเองเป็นปกติ ค่าใช้จ่ายก็ไม่ได้สูงอะไร การกินอาหารข้างทางต่อให้ราคาขึ้นก็ยังถูกและมีหลากหลาย รายได้ไทยอาจไม่สูง แต่นับกับประเทศที่รายได้ใกล้เคียงกัน ค่าใช้จ่ายไทยก็ถูกกว่าพอตัว และต่อให้เทียบตัวเลขตามที่หลายสถิติที่หน่วยงานฝรั่งวัดออกมา อ่านวิธีการวัดค่าแจกแจงแปปเดียวเทียบกับที่ผมเคยใช้ชีวิตในยุโรปมาก่อนก็เห็นว่าเลขเหล่านั้นไม่ได้สะท้อนค่าใช้จ่ายเอเชียและโลกตะวันตกในมาตรฐานเดียวกัน
- ค่าที่พัก ไทยเป็นที่ๆค่าที่พักถูกมากมาเสมอเป็นที่พูดถึงในระดับโลก แต่ก็เป็นดาบสองคมที่เป็นผลมาจากผังเมืองที่มีปัญหาซึ่งแย่ในด้านนึงแต่ก็ดีอีกด้านหนึ่ง ในช่วงปีที่ผ่านๆมามีปัญหาบ้างจากราคาที่สูงขึ้นด้วยการเก็งกำไรโดยต่างชาติ และคอนโดที่ผุดขึ้นมารวมจนราคาเฉลี่ยดูสูงขึ้น แต่ตัวเลือกถูกๆก็ยังมีมากมาย

สุขภาพ
การป่วยเป็นเรื่องที่ยากจะควบคุมได้ต่อให้เป็นคนที่ระวังที่สุด ไทยเป็นที่ยอมรับว่าเป็นหนึ่งในประเทศอันดับต้นๆเรื่องการแพทย์ทั้งจากมุมที่วัดโดยหน่วยงานนานาชาติที่มุ่งเรื่องการเข้าถึงง่ายและราคา หรือโดยฝั่งอเมริกันที่มักวัดเรื่องคุณภาพการรักษา และต่อให้ไม่ใช้ของรัฐ โดยปกติประเทศที่การแพทย์รัฐดีเอกชนจะแพง แต่ไทยก็ยังราคาถูกมากด้วยบริการที่ดีเยี่ยม ในพื้นที่ห่างไกลไม่มีประเทศใดทำได้สมบูรณ์เรายังพัฒนาได้อีก

วัฒนธรรมประเพณี
มีไม่กี่ประเทศในโลกที่มีวัฒนธรรมที่จับต้องได้และเป็นเอกลักษณ์ ตัวอย่างเด่นๆเช่นญี่ปุ่นที่สามารถบอกได้ทันทีว่าออกแบบหน้าตาหรือลายเส้นแบบนี้คือญี่ปุ่น หรือจีน หรือรูปแบบรวมๆของอาหรับ ในขณะที่ประเทศส่วนใหญ่ต้องใช้อาหารเด่นหรือสถานที่สำคัญ ไทยมีความอุดมสมบูรณ์มากด้านนี้ รวมถึงภูมิปัญญาท้องถิ่นต่างๆ ถ้าหากได้นำมาใช้อย่างเต็มที่เหมือนที่หลายประเทศที่มีด้านนี้น้อยกว่าทำเราคงไปได้อีกมาก

เสรีภาพ
เรารู้กันดีว่าเราเองมีข้อจำกัดหลายอย่างเรื่องนี้ ด้วยกฏหมายบางข้อ หรือรัฐบาล อย่างไรก็ดี ก็ต้องไม่ลืมว่าเมื่อเทียบรัฐบาลเผด็จการเรากับเผด็จการอื่นๆเราก็ยังเสรีมากในทางปฏิบัติ การมองว่าเราดีได้อีกมากไม่ได้แปลว่าเราแย่
ผมอยู่จีนก็เพื่อพัฒนาตัวเองเท่านั้นแต่ก็กลัวมากที่ความนิยมจีนในไทยมีมากขึ้น กลัวมากว่าการกำจัดเสรีภาพแบบจีนวันนึงจะมาตั้งมั่นแข็งแกร่งในไทย

ความหลากหลายเปิดกว้าง
- ผมไม่ค่อยชอบพูดเรื่องนี้เท่าไหร่แต่ถ้าพูดจริงๆก็ต้องยอมรับว่าด้านนี้ในทางปฏิบัติเราเป็นสังคมที่เปิดกว้างมากทั้งเชื้อชาติศาสนาและเพศ ตัวอย่างง่ายที่สุดคือการที่ประเทศเราให้คนมุสลิมพื้นเพทางสายเลือดก็มาจากทางเปอร์เซียได้ขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งที่ทรงพลังเกือบที่สุดคือ ผบทบ จนถึงขนาดยึดอำนาจจากผู้นำประเทศ(ซึ่งก็เป็นเชื้อสายจีน)จากการเลือกตั้งที่เป็นที่นิยมที่สุดในประเทศได้ ความเห็นการเมืองคือเรื่องนึง แต่สังคมที่เป็นศาสนานึง 90% ไม่มีที่ไหนในโลกที่ปล่อยขนาดนี้โดยไม่มีแรงต้านอย่างรุนแรงเรื่องเชื้อชาติศาสนา
- คุณมีพูดถึงเรื่องภาษา ซึ่งสำหรับผมแล้ว บันทึกของข้าหลวงฝรั่งเศสคนหนึ่งซึ่งทำงานในราชสำนักไทยได้ประเมินจำนวนคนในเมืองหลวงสมัยก่อนไว้ ผมจำเลขไม่ได้ แต่โดยประมาณคือสยาม 1/3 จีน 1/3 ที่เหลือคืออื่นๆ ลองนึกดูว่าถ้าทุกกลุ่มพูดภาษาตัวเองได้อย่างอิสระ โดยเฉพาะกับเมืองในอดีตที่ทุกคนไม่ได้ต้องติดต่อกันนอกกลุ่มมากขนาดนี้ จีนก็คงพูดจีนกันหมดและต้องการทำงานกับคนพูดจีนเหมือนกัน แบบนี้มันแฟร์มั้ยกับที่คนท้องถิ่นที่เกิดขึ้นมาแล้วต้องพูดภาษาต่างชาติ(จีน)ถึงจะสามารถทำงานกับคน1/3ของเมืองหลวงได้ ท้ายที่สุดจึงต้องมีการบังคับใช้เพื่อผลักดันในคนเป็นหนึ่งเดียว ความหลากหลายไม่ใช่แค่การจับคนหลายๆสีมาอยู่ด้วยกัน แต่คือคนต้องสามารถสื่อสารและยอมรับกันได้ด้วย ดังนั้นการบังคับให้มีภาษาเดียวสำหรับให้สื่อสารกันคือพื้นฐานที่ผมมองว่าสมเหตุสมผลที่จะพยายามบังคับใช้
- เรื่องเพศก็ยิ่งชัดเจน ไทยเราเป็นที่ๆมีสัดส่วนเจ้าของธุรกิจหญิงหรือผู้บริหารหญิงสูงที่สุดโดยไม่มีกฏหมายหรือกระแสสังคมใดๆมาบังคับ ไม่ได้เพอเฟค แต่โลกนี้ก็ไม่ได้มีอะไรเพอเฟคอยู่แล้ว หรือเพศอื่นๆ แม้ในทางกฏหมายเราไม่ได้รับ แต่ไทยเรามีโพลมานานแล้วก็ชี้ว่าคนส่วนใหญ่เห็นด้วย แค่ไม่ได้มองเป็นเรื่องหลักและมักโดนประเด็นอื่นบังไป คนกลุ่มนี้ก็ใช้ชีวิตทำงานปกติได้อย่างเปิดเผยโดยความสามารถของตัวเอง ไม่ใช่หากินกับเพศตัวเองหรือโดยกฏหมายหรือสังคมบังคับเหมือนที่นิยมกันในยุโรปอเมริกาหลังๆ
- ประเทศอื่นๆมากมายมาเลย์อินโดมีแขกฆ่าจีน หรือยุโรปอเมริกาก็มีกฏหมายมากมายมาห้ามอิงจากเหตุการณ์ใหญ่ในอดีต ไทยเราไม่มีเหตุการณ์เหล่านั้นในตัวเองโดยมีฐานจากการวางตัวของกษัตริย์ในอดีตที่ชี้นำสังคมให้เป็นเช่นปัจจุบันจนเป็นวัฒนธรรมการเปิดกว้างของคนไทย (การพูดเล็กๆน้อยๆเป็นเรื่องธรรมดาอย่าเอาไปรวมกับการเหยียดแรงๆอื่นๆ)

ความปลอดภัย
- ไทยเราสถิติอาชญากรรมนับว่าแย่กว่าเพื่อนบ้านก็จริง อย่างไรก็ดี ก็ต้องนับว่าภูมิภาคนี้เมื่อเทียบกับที่อื่นๆโดยคิดพื้นฐานเศรษฐกิจแล้วเป็นภูมิภาคที่ปลอดภัย คงเทียบไม่ได้กับประเทศรวยๆหรือเพื่อนบ้าน แต่ผมยืนยันว่าเราไม่ได้แย่เลย
- แม้แต่ไปนับอัตราการกระทำผิดซ้ำซึ่งเราบ่นกันมากว่าคนร้ายเข้าคุกแล้วออกมาทำอีก ไทยเราเองอัตราภายใน3ปีก็อยู่ที่30ปลาย% ซึ่งไม่ต่างกับประเทศพัฒนาแล้วที่คนมองว่ามีระบบฟื้นฟูคนในคุกดีนักหนา ยอมรับว่าทางคุณธรรมดูดีจริงแต่ยังไม่มีผลลัพท์ที่จับต้องได้
- ที่สำคัญถ้าคุณไปอยู่ยุโรป อาชญากรรมน้อยกว่าก็จริง แต่ก็แค่2-5เท่า และการจี้ปล้นไม่น้อยก็มุ่งมาที่คนเอเชียหน้าจีนด้วยอย่างน้อยก็ฝรั่งเศสด้วยความที่คนจีนชอบส่งลูกไปเรียนและให้เงินไปมากๆจนกลายเป็นเป้าของอาชญากร คนเอเชียอื่นๆก็โดนไปด้วย
- อาชญากรโหดๆมีทุกที่ครับ ไม่ใช่เรื่องพิเศษอะไร ยิ่งเคสล่าสุดก็เฉพาะมากไม่ได้เป็นสิ่งที่จะเกิดกันบ่อยๆ
- เราอาจคำว่ายิงกราดแบบที่เราได้ยินจากอเมริกา คนมักนำมาโชว์คู่กับสถิติการตายจากอาวุธปืนของที่นั่นแต่ก็ต้องย้ำว่าสถิตินั้นเกินครึ่งคือฆ่าตัวตายและที่เหลือส่วนใหญ่ก็เกี่ยวกับแก๊งค์ยิงกันเอง คนธรรมดายิงกันไม่ได้เยอะเลยแค่ถูกรายงานทุกครั้งในประเทศขนาดสามร้อยล้านเท่านั้น นับฆาตกรรมจริงๆก็คือประมาณไทย คือสูงกว่ายุโรป แต่ก็ต่ำกว่าเฉลี่ยโลกมาก อย่ากลัวเกินเหตุ
- แม้แต่เรื่องทางการเมือง ไทยเรามีเหตุการณ์นองเลือดน่าสลดบ้างก็จริงแต่จำนวนก็ยังเล็กกว่าหลายๆเหตุการณ์ที่เคยเกิดที่อื่นๆเป็นไหนๆเมื่อวัดตัวเลขกัน ไทยเราไม่ใช่ที่ๆเถื่อนเลยสำหรับผม

คมนาคมและโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ
จริงว่าไทยเรามีปัญหามากด้านนี้ หลักๆด้วยผังเมืองที่มั่วและภาพใหญ่เอื้อรถยนต์ การลงทุนมุ่งไปที่รถไฟฟ้าซึ่งแพงและได้แต่ค่อยๆทำในเมืองหลวงแทนที่จะทำรถเมล์ให้ดีขึ้นและบริการทุกเมืองทั่วประเทศซึ่งถูกกว่าและทำได้เร็วและไปเพิ่มรถไฟระหว่างเมืองให้ครอบคลุมและแน่นอนขึ้นแทนโครงการไฮเทคที่บริการไม่กี่พื้นที่ อย่างไรก็ดี การเปรียบเทียบต่างๆก็เป็นการเทียบกับประเทศพัฒนาแล้ว(หรือจีนซึ่งผมยอมรับจริงๆ) แต่กับที่อื่นๆไทยก็ยังนับว่ามีตัวเลือกพอสมควร ถนนเชื่อมพื้นที่ต่างๆสู่บริการของรัฐมีครอบคลุมประกอบกับค่าที่พักถูกที่ลดความจำเป็นในการเดินทางลงได้บ้าง
- ผมทำด้านโครงสร้างพื้นฐานอยู่อดีตก็อยู่ต่างจังหวัดลงพื้นที่ห่างไกลประจำ มองเห็นหลายอย่างที่สามารถพัฒนาได้ แต่ก็เข้าใจข้อจำกัดและความเป็นจริงทั้งของที่ๆเจริญแล้วที่คนมักมองและที่อื่นๆที่คนไม่ได้หันไปดู ก็มองว่าเราไม่ได้แย่ขนาดที่คิดๆกัน เราแค่เสียโอกาสจากการชะงักไป ถ้าเราลุกขึ้นมาใหม่ได้เราพร้อมพัฒนาได้อีกมาก

สภาพแวดล้อม
- ภัยพิบัติต่างๆไทยเราไม่ต้องพบเจอมากนักเหมือนหลายๆที่
- อุณหภูมิร้อนสุดหนาวสุดไม่ต่างมาก ปรับตัวง่ายกว่าหลายที่ๆเจอตั้งแต่ติดลบยัน40องศาแบบหลายๆที่
- แหล่งท่องเที่ยวยอดเยี่ยมทั้งทางประวัติศาสตร์วัฒนธรรมกลางเหนือใต้อีสาน(และใต้สุดถ้าวันนึงสงบได้) ความบันเทิง ภูเขา ทะเล น้ำตก ป่าไม้

อื่นๆ
ผมอยู่จีนในช่วงสองปีที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่าคนเขาขยันมาก วันหยุดน้อยชั่วโมงงานเยอะ หลายครั้งหยุดแล้วมีชดเชยวันทำงานเสาร์อาทิตย์ด้วย ปีนี้วันหยุดหลักเดียวที่เขามีก็เจอวิกฤติเสียอีก การที่เศรษฐกิจเขาโตไม่ใช่เรื่องแปลก

ไทยเราสบายและบันเทิงกว่ามาก คิดง่ายๆครับ กิจกรรมหรือพิธีกรรมมหาวิทยาลัยไทยเราจริงจังขนาดไหน ที่อื่นไม่มีแบบนี้ เทศกาลทางวัฒนธรรมไทยเราก็มีมากมาย จัดกันจริงจัง อเมริกา Thank Giving เขาเป็นงานสำคัญที่สุดงานนึงของประเทศยังอาจจะไม่จริงจังเท่าเทศกาลย่อยของเรา นอกจากนี้อัตราการเติบโตประเทศไทยเราก็เป็นศูนย์

ชิวแบบนี้ การเติบโตประชากรแบบนี้ รัฐบาลแบบนี้ เศรษฐกิจไม่ติดลบ ก็ทำให้มีความหวังแล้วว่าถ้ารัฐเข้าที่เข้าทางเราดีได้อีกมากมาย เหมือนที่ไทยเราก้าวกระโดดมากในช่วงก่อนวิกฤติการเมือง นอกจากนี้ถ้าเราเองขยันให้เท่ากับคนบางประเทศที่ขยันมากเป็นปกติก็มีโอกาสสูงมากแล้วที่เราจะได้ก้าวขึ้นมาอยู่ในจุดที่สบายมากๆส่วนตัวในแผ่นดินนี้ (แน่นอนว่ารัฐช่วยได้อีกมากในหลายๆเรื่อง หลายอย่างเสียโอกาสจริงๆ)

จบ
น่าจะขาดอีกหลายอย่างที่ผมไม่ได้เขียนหรือเขียนข้ามๆไม่ได้อธิบาย ไม่ได้ต้องการจูงใจ แต่เคยคุยกับหลายคนเรื่องนี้และโดยส่วนใหญ่ก็จะเริ่มแบบนี้คือมองไทยเป็นลบ เมื่อผมลองพากันไล่ทีละข้อก็เห็นตรงกันว่าที่นี่เป็นที่ๆดีมาก เลยลองนึกแล้วเขียนๆลงมาดูเพื่อแชร์มุมมองส่วนตัวครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่